Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
-FATE- ตอนที่ 4 ติดต่อทีมงาน

บทนำ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11595705/W11595705.html

ตอนที่ 1
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11609225/W11609225.html

ตอนที่ 2
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11630694/W11630694.html

ตอนที่ 3
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11677768/W11677768.html

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนที่ 4



สามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังยืนมองแหวนเพชรในร้านเครื่องประดับอย่างสนอกสนใจ ฝ่ายหญิงเลือกหยิบแหวนวงหนึ่งขึ้นมาลองสวม ก่อนจะหันไปถามความเห็นจากสามี ฝ่ายชายยิ้มรับพร้อมกล่าวชมภรรยา  เมื่อตัดสินใจได้แล้วผู้เป็นสามีจึงเดินแยกออกไปชำระเงิน ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย แล้วทั้งคู่ก็เดินออกจากร้านเครื่องประดับพลางหัวเราะคิกคักให้กันอย่างมีความสุข


“ฉันชอบแหวนที่คุณซื้อให้จริงๆ เลยค่ะ ขอบคุณนะคะ”


“ผมชอบรอยยิ้มของคุณมากกว่า”


“แหมเรื่องปากหวานเนี่ยเอาไว้ก่อนเถอะค่ะ ไปเลือกซื้อของเล่นให้ลูกของเรากันก่อนเถอะ” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่หญิงสาวก็อดกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่


ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจกับท่าทางเขินอายของคนข้างตัว โดยเฉพาะแก้มแดงระเรื่อบนใบหน้างามนั่น ทั้งสองเดินเคียงคู่กันไปตามถนน จุดหมายปลายทางก็คือร้านขายของเล่นซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ตั้งใจจะซื้อของเล่นสักชิ้นเพื่อเป็นของขวัญให้กับลูกน้อยสุดที่รุก จากนั้นถึงค่อยเดินกลับไปที่รถ


“ขโมย! จับมันไว้ที!” เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นข้างหน้า พร้อมกับมีใครคนหนึ่งวิ่งมาชนชายหนุ่มเข้าพอดี ก่อนร่างปริศนานั้นจะวิ่งจากไป แต่เพราะชนไม่แรงก็เลยไม่รู้สึกเจ็บอะไรมาก พอหันขวับไปมองข้างหลัง ร่างนั้นก็วิ่งหนีหายเข้าไปในซอยอย่างรวดเร็ว เขาไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายเพราะเห็นแค่แวบเดียวเท่านั้น ถ้าดูจากรูปร่างและความสูงแล้วก็น่าจะเป็นเด็กอายุสิบกว่าขวบเท่านั้นเอง


“คุณเป็นอะไรมั้ยคะ” เสียงถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเรียกให้เขาต้องละสายตาจากซอยที่เด็กคนเมื่อกี้วิ่งเข้าไป


“ผมไม่เป็นอะไรหรอก แล้วคุณล่ะ”


“ฉันก็ไม่เป็นอะไรค่ะ โล่งอกไปที เคยได้ยินข่าวพวกหัวโมยถือมีดวิ่งไล่แทงคน เมื่อกี้ฉันเลยกลัวว่าคุณจะโดนมันเล่นงานเข้า แต่แย่จริงๆ เลยนะคะ พวกหัวขโมย ไม่รู้จิตใจทำด้วยอะไรถึงทำให้คนอื่นเดือดร้อนแบบนี้” พูดจบก็หันไปมองเจ้าของร้านอาหารด้วยความเห็นใจ พอเห็นว่าขโมยหลุดรอดไปได้ เจ้าของร้านจึงต้องเดินกลับเข้าไปในร้านอย่างหงุดหงิด ชายหนุ่มเองก็มองร่างท้วมหายเข้าไปในร้านด้วยความรู้สึกแบบเดียวกัน


“นั่นน่ะสิ”



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เสียงหายใจหอบดังมาจากโรงเก็บของของบ้านร้างหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในสุดของซอย ตัวบ้านเป็นไม้ผุๆ ทั้งหลัง ส่วนบริเวณโดยรอบก็มีแต่หญ้ารกๆ จนกลายเป็นป่าขนาดย่อม ไม่มีอาคารหรือบ้านอยู่เลย ทำให้เหมาะสำหรับเป็นที่ซ่อนตัวได้อย่างดี


ร่างหนึ่งกำลังหลบซ่อนตัวอยู่หลังกองเศษไม้แถวๆ ประตูหลัง สายตามองเขม็งตรงไปยังทางเข้าด้าน


หน้า บรรยากาศเงียบสนิทไร้เสียงจากการเคลื่อนไหวใดๆ มีเพียงเสียงหายใจหอบเบาๆ เท่านั้น เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครตามมา เขาก็ค่อยๆ นั่งลงอย่างเหนื่อยอ่อน แต่สบายใจได้ไม่นาน เขาก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงเห่า


“แกนี่เอง” เสียงพึมพำเบาๆ พลางคลี่ถุงยับยู่ยี่ในมือออก เพราะสนใจแต่จะวิ่งหนีเลยทำให้เขากำถุงซะแน่นจนยับไปหมด ดูเหมือนเจ้าหมาจะได้กลิ่นอาหารเลยเห่าเรียกพอเป็นพิธี หลังจากนั้นก็มานั่งอยู่ข้างๆ พร้อมกับแกว่งหางไปมาน่าเอ็นดู


เมื่อแกะถุงออกแล้วเขาก็หยิบเอาลูกชิ้นในถุงโยนให้ ‘เพื่อน’ ข้างๆ เด็กหนุ่มนั่งมองมันแทะลูกชิ้นจนหมดพลางลูบขนสีขาวอย่างเบามือก่อนจะลุกขึ้นยืน เห็นมันเงยหน้ามองตามเหมือนจะขอลูกชิ้นอีก เขาจ้องมันกลับ ไม่นานมันก็ไม่สนใจเขาอีก คงจะรู้ว่าไม่มีลูกชิ้นเหลืออยู่แล้ว


ปีนี้ซันอายุสิบสามขวบ เขาอาศัยอยู่ที่บ้างร้างนี่มาเกือบจะสองปีแล้ว เด็กหนุ่มต้องย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ เพราะถูกไล่บ้าง ถูกจับได้ว่าขโมยของบ้าง แต่ก็หนีรอดออกมาได้ ส่วนเจ้าหมาตัวนี้นั้นคอยตามเขามาเกือบปีแล้ว ไม่รู้ว่ามันคิดอะไรถึงได้มาตามเด็กเร่ร่อนไม่มีปัญญาจะให้อาหารอย่างเขา


“...แปลกดีนะ แกนี่”


“เจอแล้ว!” เสียงตะโกนจากด้านนอกทำให้ซันหันขวับไปมองด้วยความตื่นตระหนก เห็นชายสองคนกำลังวิ่งมาทางบ้านร้าง และชุดที่สองคนนั้นกำลังใส่อยู่...


ตำรวจ!


เด็กหนุ่มรีบเก็บของใส่ถุงผ้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็มีแค่เสื้อขาดๆ สองตัว ผ้าห่มหนึ่งผืนและมีดเล่มหนึ่ง หลังจากนั้นก็วิ่งตรงไปยังประตูด้านหลัง เจ้าหมาวิ่งตามเขามาด้วยราวกับรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ซันค่อยๆ ย่องออกไปซ่อนตัวตรงดงหญ้ารกๆ สูงเกือบมิดหัว คอยแอบดูตำรวจสองนายเดินเข้าไปในบ้านร้าง พอเห็นทั้งสองคนหายเข้าไปในบ้านแล้วเขาก็ค่อยๆ ขยับตัวออกมาจากที่ซ่อน แต่อยู่ๆ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น ตำรวจหนึ่งในสองคนเดินออกมาเจอเขาเข้าพอดี


“เฮ้ย มันอยู่นี่!”


ซันรีบวิ่งหนีอย่างเร็ว แต่เสียงเห่าเรียกของเจ้าหมาก็เรียกให้เขาต้องหันไปมอง มันกำลังเห่าเรียกเขาจากในพงหญ้า ซันตีความเอาเองว่ามันคงอยากให้เขาตามมันเข้าไป ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงตัดสินใจวิ่งตามเจ้าหมาเข้าไปในดงหญ้าที่เหมือนป่าย่อมๆ นั่น หันกลับไปมองเป็นครั้งคราว เขาเห็นว่าตัวเองกำลังวิ่งห่างจากตำรวจทั้งสองออกมาเรื่อยๆ ดูเหมือนตำรวจพวกนั้นคงจะไม่กล้าวิ่งตามเขาเข้ามาในนี้ ยิ่งวิ่งเข้ามาลึก ต้นหญ้าก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นทาง ซันหันกลับไปมองข้างหน้าเหมือนเดิม เจ้าหมาเปลี่ยนมาเดินอยู่ข้างๆ เขาแล้วเรียบร้อย เขาลูบหัวมันเบาๆ พลางมองไปรอบๆ มองไปทางไหนก็เจอแต่ต้นหญ้าบังทางจนมิด เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ จะดีกว่านี้ถ้าเขาไม่รู้สึกหิวจนจะเป็นลม เขาไม่ได้กินอะไรมาเกือบสองวันแถมยังต้องมาวิ่งออกแรงติดๆ กันอีก


ซันไม่รู้ว่าตัวเองเดินวนอยู่ในนี้มานานเท่าไหร่แล้ว จะกลับไปทางเดิมก็ไม่ได้เพราะเขาเดินวนไปวนมาจนมั่วไปหมด ส่วนเจ้าหมาก็เดินตามเขาต้อยๆ ไม่ได้ช่วยหาทางออกเลย แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นใกล้ๆ เด็กหนุ่มรีบเดินไปทางเสียงที่ได้ยิน  ไม่นานเขาก็หลุดพ้นจากพงหญ้าออกมาได้ในที่สุด ภาพตรงหน้าคือเสาขนาดใหญ่ต้นหนึ่งของสะพาน ซันรู้ทันทีว่าเขากำลังยืนอยู่ใต้สะพานที่ไหนสักแห่ง ดงหญ้าเมื่อครู่คงเชื่อมต่อจากบ้านร้างมาจนถึงที่นี่


ยืนมองไปรอบๆ ได้สักพัก เด็กหนุ่มก็ต้องตกใจเมื่อเห็นมอเตอร์ไซค์สี่คันจอดเรียงกันอยู่ เขาไม่ได้อยากเจอผู้คนในเวลานี้ พอหันไปอีกด้านก็เห็นเด็กวัยรุ่นสี่คนเหมือนพวกกลุ่มนักเลงกำลังยืนมองเขา ทั้งสี่คนอายุมากกว่าเขาอย่างน้อยๆ ก็สักสามสี่ปีได้ สามในสี่กำลังสูบบุหรี่ ส่วนอีกหนึ่งกำลังมองสำรวจเขาอย่างสนใจ ซันตั้งท่าจะวิ่งหนี แต่อยู่ๆ คนที่ดูเหมือนหัวหน้าก็เดินเข้ามาประชิดตัว


“เด็กจรจัดล่ะสิ กระเป๋าเป้เก่าๆ เสื้อผ้าขาดๆ แต่ที่น่าสนใจก็คือหมานั่น ไม่รู้มาก่อนว่าพวกจรจัดเค้าชอบเลี้ยงหมามากกว่าตัวเอง” พูดจบก็หันไปขอบุหรี่จากเพื่อนอีกคนหนึ่งมาอัดเข้าปอด ซันค่อยๆ ก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ เตรียมพร้อมวิ่งหนีได้ทุกเมื่อ


“ฉันชื่อโจ ฉันกำลังสงสัยว่าทำไมเด็กลูกครึ่งอย่างนายถึงกลายมาเป็นพวกจรจัดได้ แต่จะว่าไป...” โจเว้นช่วงแล้วมองสำรวจซันอย่างตั้งใจ “...เหมือนฝรั่งไปเลยมากกว่าแฮะ หรือนายจะเป็นเด็กฝรั่งหลงทาง แบบนี้ก็ไม่เข้าใจที่ฉันพูดน่ะสิ”


“สปีคอิงลิชเลยสิโจ” หนึ่งในสามคนด้านหลังโจตะโกนบอกแต่เขาไม่สนใจ


“นายเข้าใจที่ฉันพูดมั้ย” โจเอ่ยถาม ทีแรกซันตั้งใจจะวิ่งหนี แต่พอคิดว่าต้องกลับเข้าไปในพงหญ้านั่นอีกครั้ง เขาก็เปลี่ยนใจ เด็กหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ เป็นการตอบรับอีกฝ่าย โจยิ้มน้อยๆ เมื่อได้คำตอบที่น่าพอใจ


“เยี่ยม งั้นสรุปนายเป็นฝรั่งหลงทางรึเปล่าล่ะ”


ซันไม่รู้จะตอบคำถามนี้ยังไง ใช่ เขากำลังหลงทาง และอยากได้ความช่วยเหลือ แต่เขาไม่ควรบอกอะไรกับคนแปลกหน้าไม่ใช่หรือ และอีกอย่าง เขาก็ไม่ใช่ฝรั่งเสียด้วย


โจอัดบุหรี่เข้าปอดอีก เห็นอีกฝ่ายปิดปากเงียบไม่พูดอะไรก็ยิ่งชักจะไม่แน่ใจเข้าไปใหญ่ว่าฟังรู้เรื่องแน่หรือเปล่า แล้วยังท่าทางเหมือนอยากจะวิ่งหนีตลอดเวลานั่นอีก


บางทีเขาอาจจะกำลังคุยกับคนบ้าที่หลุดออกมาจากโรงพยาบาลบ้าก็เป็นได้


“นายชื่ออะไรล่ะ” โจตัดสินใจถามคำถามง่ายสุดออกไป คนถูกถามออกอาการลังเลเล็กน้อยก่อนจะพึมพำตอบเสียงเบา


“...ซัน”


“งั้นก็ไม่ใช่ฝรั่งสิ”


“ไม่ใช่”


โจเงียบไปนานเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขาทิ้งบุหรี่ในมือลงพื้น ใช้เท้าขยี้สองสามทีก่อนจะเดินกลับไปคุยอะไรบางอย่างกับเพื่อนอีกสามคน ซันไม่รู้จะวิ่งหนีไปเลยดีมั้ย แต่เขากลับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างบอกให้เขาอยู่ต่อ อาจจะเป็นเพราะ ถึงเขาจะวิ่งหนีไปแต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนล่ะมั้ง


ผ่านไปพักใหญ่ๆ โจก็เดินกลับมาซึ่งมีอีกสามคนเดินตามมาด้วย ซันมองด้วยสายตาไม่ไว้ใจ อยู่ๆ ก็เดินมาหาเขากันทั้งสี่คน อาจจะมีอะไรแอบแฝงอยู่ก็ได้


“ถึงหน้าตานายมันจะเด่นเกินไปก็จริง แต่ฉันคิดว่าน่าจะลองเสี่ยงดู” เกิดความสงสัยขึ้นในหัวทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นของโจ แล้วยังรอยยิ้มแปลกๆ บนใบหน้าเจ้าเล่ห์นั่นอีก


“ยังไงพวกนั้นต้องคิดว่าเราจะแอบๆ ซ่อนๆ เพราะฉะนั้นคงไม่คิดว่าเราจะใช้พวกที่เป็นเป้าสายตาแน่ๆ” คนซ้ายสุดพูดขึ้นโดยมีเพื่อนอีกสองคนพยักหน้ารับว่าเห็นด้วย หลังจากนั้นก็หันไปพูดกระซิบอะไรกันอีกซึ่งซันไม่ได้ยิน เพราะความหวาดระแวงเขาเลยคิดว่าสี่คนนั้นอาจจะคุยกันเรื่องจับเขาส่งให้ตำรวจก็ได้


“ว่าไง ตกลงมั้ยซัน” คำถามชัดเจน มีให้เลือกแค่สองคำตอบเท่านั้น คือตกลงกับไม่ตกลง แต่ซันก็ได้แต่มองคนถามกลับไปโดยไม่พูดอะไร เขาไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจสักนิดว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ดูเหมือนโจจะเข้าใจเขาขึ้นบ้างแล้วถึงได้เริ่มต้นอธิบาย


“เรากำลังชวนนายเข้ากลุ่มอยู่ กลุ่มเล็กๆ ไม่มีอะไรมาก สนใจมั้ยล่ะ”


“แน่นอนว่ามีที่พัก แถมเงินเดือนให้ด้วย” อีกคนเสริม ซันเริ่มรู้สึกสนใจคำว่าที่พักและเงินเดือน คงจะดีไม่น้อยถ้าเขาอยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง ไม่ต้องคอยหนีพวกตำรวจไปเรื่อยๆ แบบนี้


“แต่มีข้อแม้นิดหน่อยก็คือต้องช่วยเราทำงาน”


“...งานอะไร” หลังจากถามคำถามไป ซันเห็นรอยยิ้มแฝงนัยบางอย่างปรากฏชัดขึ้นบนใบหน้าของโจ


“งานเล็กๆ น้อยๆ น่ะ คล้ายๆ บุรุษไปรษณีย์” ซันจินตนาการถึงภาพตัวเองเป็นบุรุษไปรษณีย์ เขาคิดว่ามันก็ไม่ได้แย่อะไร หากไม่ติดเสียว่าเขาไม่ชอบพูดคุยหรือเจอหน้าผู้คนสักเท่าไหร่


“...แล้วเมื่อไหร่...”


“ตอนนี้เลยก็ยังได้” โจตอบทันควันแม้ว่าจะยังไม่ทันฟังคำถามของซันให้จบเลยก็ตาม เสียงร้องงี้ดๆ จากเจ้าหมาบวกกับอาการเวียนหัวของซันทำให้เขาไม่อยากคิดอะไรอีก เขาพยายามไล่ความหิวและอาการมึนหัวให้ออกไป แต่มันกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น แล้วคำว่าที่พักและเงินเดือนก็กลับมาล่องลอยอยู่ในหัวอีกครั้ง


“...ตกลง” โจยิ้มรับคำตอบของเขา แม้จะแค่แวบเดียวแต่ซันก็รู้สึกได้ว่ารอยยิ้มบางๆ นั่นมีบางอย่างไม่น่าไว้ใจ อาจจะเกี่ยวข้องกับงานที่พูดถึง แต่ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ตาม เขาจะทำทุกอย่าง ขอแค่มีเงินเท่านั้นก็พอ


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

จากคุณ : สาวสายสี่
เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 55 17:56:55




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com