เฮ้ย! เปิดได้ไงเนี่ย หรือว่าแมนนี่ไม่ได้ออกไปหางาน
เพียงขวัญรีบเปิดประตูเข้าไปและเมื่อเห็นภายในห้องแล้วเธอก็เข่าอ่อน ภายในมีแต่ว่างเปล่า โทรทัศน์ เครื่องเสียง หายหมดเกลี้ยง!!!
เพียงขวัญทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ใจมันวูบๆ ไหวๆ เหมือนจะเป็นลม สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หันไปมองตรงโซฟา เหลือแค่หมอนที่วางอยู่บนนั้น กระเป๋าและสัมภาระของแมนนี่ที่เคยวางอยู่บนพื้นหายไป แถมเจ้าตัวก็ไม่อยู่ในห้อง หายไปอย่างไร้ร่องรอยทั้งคนและของ ไม่ต้องเรียกซีเอสไอมาชันสูตร ก็น่าจะเดาได้ว่าคนที่หายไปนั่นแหละเอาของในห้องไปด้วย
เพียงขวัญกัดริมฝีปากแน่น ของก็เสียดาย แต่เจ็บที่ใจมากกว่า นี่เธอโดนกะเทยหลอกเข้าเต็มๆ เลยหรือ เสียแรงที่อุตส่าห์ไว้ใจ เสียแรงที่ให้อยู่ด้วย เสียแรงที่เคยนับถือนึกว่าเป็นคนดี ที่แท้ก็เป็นขโมย เสียแรง...
กลับมาแล้วเหรอขม?
เพียงขวัญชะงักเมื่อได้ยินเสียง หูฝาดแน่ๆ เสียงแมนนี่นี่นา หันไปมองตามเสียงก็เห็นร่างบางสูงโปร่งเดินตรงมาหา เธอกะพริบตาปริบๆ สองสามที ขยี้ตาซ้ำอีกที
นอกจากหูฝาดแล้ว ตายังฝาดด้วยแฮะ
เป็นอะไรขม ไม่สบายเหรอ เสียงถามอย่างเอื้ออาทรพร้อมมืออุ่นๆ แตะที่แขน
สติสตังทั้งหลายที่หายไปเมื่อครู่กลับเข้าร่างเพียงขวัญทันที ตาไม่ได้ลายหูไม่ได้ฝาด แมนนี่ยังอยู่ในห้อง!
เอ่อ เปล่าๆ เพียงขวัญรีบลุกขึ้นมายืนยิ้มแหยๆ ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถึงแมนนี่จะยังอยู่ในห้อง แต่ของที่หายไปก็ใช่ว่าจะทำเฉยได้ เจ้าของห้องหันมองไปรอบๆ ตัว แกล้งทำหน้าแปลกใจกลบเกลื่อนอาการตกใจของตัวเอง
เอ๊ะ ทำไมห้องมันโล่งๆ ล่ะ
อ๋อ ฉันเห็นฝุ่นมันเกาะเยอะก็เลยยกออกจะได้เช็ดสะดวก ทำๆ แล้วมันเพลินก็เลยถูทั้งห้องไปเลย แมนนี่เดินไปที่โต๊ะกินข้าวแล้วเปิดผ้าปูโต๊ะที่คลุมไว้ออก ข้าวของทุกอย่างกองอยู่ตรงนั้นหมด ทั้งโทรทัศน์ เครื่องเสียง กระเป๋ากับข้าวของของเธอก็วางอยู่บนเก้าอี้
เพียงขวัญถึงกับอึ้งที่แมนนี่สามารถยกโทรทัศน์ขนาดจอ 21 นิ้วคนเดียวได้ สุดยอด
เอาไว้ฉันทำเองก็ได้ เธอไม่ต้องทำหรอก เพียงขวัญชักจะรู้สึกละอายใจขึ้นมาซะแล้ว ที่ดันหลงไปใส่ความเพื่อนสาว ทั้งๆ ที่เจ้าตัวอุตส่าห์ลงทุนทำความสะอาดห้องที่ซกมกสุดๆ ของเธอแท้ๆ
ไม่เป็นไร ฉันทำได้ ฉันว่างไม่มีอะไรทำ เออ...ขม แมนนี่ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบอะไรบางอย่างคืนให้ เมื่อเช้าขมลืมกุญแจไว้แน่ะ
เพียงขวัญยื่นมือไปรับกุญแจห้องกลับมา แล้วก็นึกอายอีกละรอก เพราะตัวเองช่างเฟอะฟะ ขี้ลืม วันทั้งวันยังไม่รู้ตัวเลยว่ากุญแจห้องไม่ได้อยู่กับตัวเอง
แล้ววันนี้ก็ไม่ได้ไปสมัครงานเลยสิ เพียงขวัญพูดอย่างรู้สึกผิด ขณะเดินเอากระเป๋าวางบนโต๊ะหน้าโซฟา
ไปแล้ว รีบไปรีบกลับมาเปิดห้องให้ขม ฉันกลัวขมเข้าห้องไม่ได้
เพียงขวัญหันไปมองแมนนี่ที่ตอนนี้สาละวนกับการย้ายข้าวของกลับไปที่เดิม คำตอบของแมนนี่แสดงถึงความมีน้ำใจและนึกถึงคนอื่นอยู่เสมอ เหมือนอย่างเมื่อก่อนไม่มีผิด แม้จิตใจจะเป็นผู้หญิงไปแล้วแต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนเนื้อแท้นิสัยเดิมของตัวเองเลยสักนิดเดียว สงบเงียบ เรียบร้อย มีน้ำใจอย่างไรก็อย่างนั้น
เพียงขวัญมองกุญแจห้องในมือพร้อมตั้งคำถามในใจ ถ้าเป็นคนอื่นเธออาจจะไม่ได้กุญแจห้องคืนอย่างนี้ก็ได้
ขอบใจมากนะ เธอเอ่ยบอกอีกฝ่ายด้วยใจจริง ก่อนจะลงมือช่วยเพื่อนสาวทำความสะอาดบ้าง
แล้วเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ห้องทั้งห้องก็กลับสู่ความเงียบสงบ สิ่งของต่างๆ ก็ถูกย้ายกลับไปวางที่เดิมอย่างเรียบร้อย ห้องสะอาดเอี่ยมอ่องจนรู้สึกเหมือนกับเป็นห้องใหม่
หลังจากนั้นเพียงขวัญกับแมนนี่ก็แยกไปนั่งกันคนละมุมเช่นเคย เพียงขวัญนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะกินข้าว ส่วนแมนนี่ก็อยู่ที่โซฟาเตรียมเอกสารไปสมัครงานเช่นเดิม ทั้งคู่แลกเบอร์โทรศัพท์กัน ต่อไปนี้จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องเข้าออกห้องอีก
แมนนี่หยิบนามบัตรมากมายขึ้นมาดู นั่นเป็นนามบัตรของพวกรุ่นพี่ที่เจอในงานเลี้ยงรุ่น บางคนเป็นใหญ่เป็นโตมีกิจการของตัวเอง เหตุผลที่เธอไปงานเลี้ยงรุ่นก็เพื่อจะได้ทำความรู้จักคนเยอะๆ และอาจจะนำพาให้เธอได้งานง่ายขึ้น
เพียงขวัญชักรู้สึกเห็นใจแมนนี่ขึ้นมาไม่น้อย ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีบริษัทไหนเรียกเจ้าตัวเข้าทำงานเลย เธอคิดว่าพอเข้าใจบริษัทเหล่านั้นอยู่เหมือนกัน ชายจริงหญิงแท้ก็คงต้องถูกเลือกก่อน แค่เรียนเก่งบุคลิกดีอาจไม่พอ เพราะการเข้าสังคมก็ยังเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าแมนนี่ยังแต่งตัวเป็นชายอาจจะไม่ยากอย่างนี้ก็ได้ และก็คงไม่ต้องตกอับถึงขนาดไม่มีเงินจ่ายค่าห้อง
คิดๆ แล้วก็สงสัยขึ้นมาอีก ถ้าต้องลำบากขนาดนี้ทำไมไม่กลับไปอยู่ที่บ้าน เธอจำได้ว่าบ้านของแมนนี่อยู่ในกรุงเทพ สมัยเรียนเธอยังเคยเห็นแมนนี่ลงรถเดินเข้าบ้านด้วย บ้านอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเลย ถ้าตัวเธอตกอยู่ในภาวะลำบาก เธอจะต้องกลับบ้านแน่ๆ
เธอออกมาอยู่คนเดียวอย่างนี้นานหรือยัง?
คำถามแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำให้แมนนี่นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะแหงนหน้านึก
ก็ตั้งแต่เรียนปีสี่โน่นแหละ พ่อฉันไม่ค่อยชอบอย่างที่ฉันเป็นสักเท่าไหร่ ฉันพยายามจะเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว แต่ก็ไม่ได้จริงๆ พ่อรับไม่ได้ ฉันก็อยู่ไม่ได้ เลยออกมาอยู่ข้างนอกดีกว่า ดีที่ได้แม่ช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย ไม่งั้นคงอยู่คนเดียวไม่ได้แน่ๆ
แมนนี่มองเพียงขวัญที่นั่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วก็ยิ้ม ก่อนจะเล่าต่อ
แต่พอเรียนจบหางานได้ก็ไม่ต้องให้แม่ช่วยแล้วล่ะ ตอนนี้ถึงจะลำบากไปหน่อย แต่ฉันก็จะไม่กลับไปขอให้พ่อแม่ช่วย ฉันเลือกทางของฉันเอง ฉันก็จะเดินตามทางของฉันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่ไหวนั่นแหละ ถึงจะกลับไป
คำตอบของแมนนี่ทำให้เพียงขวัญหมดคำถาม เพราะคำพูดของเจ้าตัวตอบทุกสิ่งที่เธอเคยสงสัยจนหมดแล้ว ที่ไม่แสดงความเป็นหญิงออกมาตั้งแต่แรก ที่จู่ๆ ก็โผล่มาในชุดราตรีสั้นสีหวานตอนงานเลี้ยงรุ่น และที่ไม่กลับไปบ้าน มันมีเหตุผลมาจากอะไร วันนี้เธอถึงบางอ้อแล้ว
ตอนนี้เธอรู้สึกทึ่งเพื่อนสาวมากกว่าแต่ก่อนอีกหลายเท่า และเธอเองก็อยากจะเป็นแรงกายแรงใจช่วยเหลือเพื่อนสาวบ้าง
เอายังงี้ไหม เดี๋ยวฉันจะลองโทรไปถามญาติดูให้อีกทาง เผื่อว่าที่บริษัทของเขาจะพอมีตำแหน่งว่างบ้าง
เพียงขวัญเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่า เธอมีลูกพี่ลูกน้องชื่อ ชินดนัย เปิดบริษัทเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ ทั้งซ่อม ขาย และบริการอื่นๆ อีกมากมายอยู่นี่นา
จริงเหรอขม แมนนี่ร้องถามอย่างดีใจ
เพียงขวัญพยักหน้าเป็นการยืนยัน ก่อนจะขอตัวไปโทรศัพท์หาพี่ชายสักหน่อย พอคนทางปลายสายรับโทรศัพท์ เธอก็ทักทายไต่ถามสารทุกข์สุขดิบพี่ชายพอเป็นพิธี ก่อนจะโยงเข้าสู่ประเด็นสำคัญ โชคดีที่ตอนนี้เขาต้องการพนักงานโอเปอร์เรเตอร์อย่างด่วนจี๋ เธอเลยเสนอชื่อของแมนนี่ไป ตอนแรกปลายสายก็ดูจะกระตือรือร้นดี แต่พอรู้ว่าเป็นเพศที่สามปุ๊ป ญาติผู้พี่ก็บอกปัดทันที
เพียงขวัญจึงหยิบยกชื่อศรีภรรยาของเจ้าตัวมากล่าวอ้าง ทั้งต่อรอง ทั้งบังคับ ผลสุดท้าย...ชินดนัยเลยต้องยอมแพ้เธออย่างราบคาบ
หญิงสาววางหูจากพี่ชายด้วยอาการลิงโลด ก่อนจะร้องบอกเพื่อนสาวอย่างตื่นเต้นว่า
แมนนี่ ได้งานแล้วนะ พี่ชินเขากำลังต้องการพนักงานด่วน เธอลองไปสมัครดูตามนี้นะ เพียงขวัญจดรายละเอียดและที่อยู่บริษัทของชินดนัยส่งให้กับแมนนี่
อีกฝ่ายรับมาด้วยความยินดีอย่างที่สุด
ขอบคุณนะขม กระเทยสาวกล่าวกับเพื่อนหญิงด้วยความตื้นตันใจ
เพียงขวัญคิดว่าตัวเองไม่ได้ช่วยเหลืออะไรมากมายจนต้องได้รับคำขอบคุณนี้ เธอคิดแค่ว่าชายจริงหญิงแท้ ทอม ตุ๊ด กะเทย เกย์ หรือเพศอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ ต่างก็ต้องการคำว่า โอกาส ทั้งนั้น
และเธอก็แค่หาโอกาสมาให้แมนนี่เท่านั้นเอง...