Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปรักอังกอร์ ๗ : ปริศนาลานเงิน ติดต่อทีมงาน

ทักทายกันก่อนค่ะ

บทที่ผ่านมาอาจทำให้คนอ่านสับสนอ่านยากกันนิดหนึ่ง แต่คนเขียนก็ไม่รู้จะแก้ไขให้มันอ่านง่ายไปกว่าที่เป็นอยู่ได้อย่างไรเหมือนกัน (คอตอนนี้เวลาน้อย เลยขอตะลุยเขียนไปก่อนนะคะ เดี๋ยวเขียนจบ ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับไปแก้ไขเท่าที่จะทำได้อีกที) สารภาพว่าอาจจะเจอบทที่อ่านแล้วเข้าใจยากอีกหลายบทเลยค่ะ แต่เหมือนเดิมค่ะ อ่านไม่เข้าใจ อ่านแล้วไม่เนียน บอกกันได้เลย  รวมถึงคำผิดและภาษาด้วยนะคะ จัดเต็มได้เหมือนเดิมค่ะ ยินดีอย่างยิ่งที่จะเอาไปปรับแก้ ส่วนบทนี้ อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าจะทยอยปิดปมปัญหา กับตอบคำถามของคนอ่านที่เคยถามเอาไว้ อย่างตอนนี้จะตอบคำถามพี่ไก่ที่เคยถามเอาไว้ในบทแรกๆว่า

"ลึกลับค่ะลึกลับ สงสัยนิดนึงว่าตอนที่อะไรไม่รู้พุ่งใส่เอกบุษยา แล้วเอกบุษยาสลบไป ทำไมตอนฟื้นขึ้นมาไม่มีอาการอะไรเลยล่ะคะ ฟื้นแล้วลุกขึ้นได้เฉยเลย หรือว่าสิ่งที่พุ่งเข้าหานั่นทำให้เอกบุษยากลายเป็นคนอื่นไปแล้ว แล้วคนที่ฟื้นขึ้นมาก็เลยไม่รู้สึกผิดปกติอะไรเลย หมายถึงไม่แม้แต่มึนงงอะไรแบบนั้นน่ะค่ะ"

คำตอบคือสิ่งที่พุ่งชนเอกบุษยาไม่ใช่คน แต่เป็นวิญญาณร้ายของเสือสมิงที่ติดตามไป ตรงนี้จะย้อนไปย้อนมานิดนึง ถ้าอ่านแบบลงในเวปทีละตอนอาจจะงงหน่อย คาดว่าถ้าเป็นเล่มจะอ่านง่ายกว่านี้แยะเลย เอกบุษยาจึงยังเป็นคนเดิมค่ะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนที่เอกบุษยาทำไมไม่เป็นอะไร,สิ่งที่เสือสมิงเดาจะถูกต้องหรือเปล่า อันนี้มีเฉลยให้ในบทต่อๆไปค่ะ


.................



๗ : ปริศนาลานเงิน




มีดสั้นด้ามทองสลักเสลาเป็นลายศิลปกำพุชโบราณ อายุนับพันปีที่วางอยู่ภายในกล่องไม้สักเนื้อดี ที่หม่อมเจ้าหญิงเพราพิลาสได้รับมาพร้อมกับรูปสลักของพระแม่เมืองยังคงเป็นปริศนาที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้ว่า เหตุใดจึงมาอยู่ในกล่องเหล็กสีดำที่บรรจุแผ่นเงินจารึกของพระแม่เมืองแสนอัปสรได้ และทำไมจึงมีพระประสงค์ที่จะทำเช่นนั้น?ในเวลานั้นคำถามหลายหลากประดังเข้ามาในหัวไม่รู้จบสิ้นจนกระทั่งวันที่วิญญาณสมิงร้ายปรากฏกายขึ้น ปริศนาคำถามที่ค้างคาใจมานานจึงถูกไขออกในที่สุด ท่านหญิงยังจำคำบอกเล่าในลานเงินและภาพเหตุการณ์ที่ย้อนกลับไปในอดีตกาลได้ติดตามาจนวันนี้ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานด้วยซ้ำไป


“ไม่ว่ากาลเพลาจักผันผ่านไปเพียงใด หาได้เปลี่ยนแปลงหทัยรักที่มีให้นางแพศยานั่นเลยแม้แต่น้อย ทรงรู้ฤาไม่ว่าได้ทำร้ายจิตใจหม่อมฉันมากเพียงใดเจ้าพี่มหิยเตศวร ไม่ว่าข้าจักกลับตัวเพียรทำดีสักเท่าใด ก็หาเคยมีจิตปฏิพัทธ์ให้ไม่ แล้วข้าจักทำไปเพื่อผู้ใด แลในเมื่อหมดแล้วซึ่งความสุขทางใจ ก็อย่าหมายจักมีผู้ใดได้สุขสมเฉกเช่นกัน นางแพศยาเอกมินตรา ข้ามิมีวันรามือจากเจ้าตราบจนวันตาย”


สุรเสียงปวดร้าวของเจ้านางแสนอัปสรตรัสพลางร่ำไห้ปริ่มว่าจะขาดใจ สะท้อนสะท้านหัวอกหม่อมเจ้าหญิงเพราพิลาสจนแทบทนฟังต่อไปไม่ไหว ก่อนจะเห็นคนร่ำไห้หันหน้ามามองถ้อยอักขระในแผ่นเงินที่จารระบายความคับแค้นสาแก่ใจของตนเองเอาไว้ ว่าเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังของความพินาศทั้งหมด จงใจใช้มนตร์ดำทำให้มินทราลัยต้องคำสาปจนไม่สามารถสร้างให้แล้วเสร็จได้ ทั้งยังปลดปล่อยดวงวิญญาณของใครบางคนที่ถูกสะกดเอาไว้ในกำไลนาคราชให้เป็นอิสระ ไม่ให้ได้กลับมาพบเจอกับคนรักได้อีกทุกภพทุกชาติไป ก่อนบรรจุลานเงินและมีดสั้นประจำองค์ลงในกล่องไม้สักทองซ้อนทับลงในหีบเหล็กกล้าอีกชั้นหนึ่ง พลางร่ายคาถากำกับเอาไว้ แล้วนำไปฝังไว้ใต้ฐานรากซากองค์ปรางค์ปราของมินทราลัย ขณะที่ทรงมีบัญชาให้นำกำไลทองนาคราชสองวงไปฝังในที่ห่างไกลแสนไกล หมายมิให้หทัยทั้งสองดวงได้พานพบอีกเลย


ภาพเหตุการณ์ในอดีตเหล่านั้นแม้จะสั่นคลอนความรู้สึกนึกคิดของเจ้าหญิงเขมรเป็นอย่างมาก แต่เมื่อคิดทบทวนแล้ว ใจก็เอนเอียงมาเข้าข้างเจ้านางแสนอัปสรในที่สุด แม้รู้ดีว่าความรักนั้นไม่มีใครสามารถบังคับได้ก็ตาม แต่ในเมื่อปักใจรักใครแล้วก็ยากที่จะถอนคืนเช่นกัน จึงเข้าใจและเห็นใจในความรักภักดีที่ยิ่งใหญ่ของพระมเหสีเป็นอย่างดี เช่นเดียวกับความรู้สึกของตนเองที่มีต่อเจ้าชายเตศวรในเวลานี้ จึงยอมไม่ได้ที่จะถูกผู้หญิงคนไหนแย่งชิงไป และจะทำทุกวิถีทางเพื่อครอบครองหัวใจของชายที่รักเอาไว้ให้ได้ดุจเดียวกับที่พระแม่เมืองทำ จึงเต็มใจที่ให้ความร่วมมือทุกสิ่งอย่าง


โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังตกเป็นหมากตัวสำคัญของใครบางคน ที่จงใจปิดบังความจริงสร้างภาพมายาลวงให้เข้าใจผิดคิดไปเองว่าเป็นจริงตามนั้น จนคนมีใจฝักใฝ่ศรัทธาให้เป็นทุนเดิมยอมทำสิ่งเลวร้ายลงไปด้วยความเต็มใจ ไม่เฉลียวใจเลยสักนิดว่าจะกลายเป็นวิบากกรรมย้อนกลับมาหาตนเองในที่สุด ท่านหญิงเพรายกมือขึ้นพนม ปากท่องคาถามนตร์ดำเพื่อเรียกวิญญาณร้ายของสมิงเฒ่า ชั่วอึดใจ ควันธูปสีขาวที่ลอยคลุ้งอยู่ตรงหน้าจึงลอยวนมารวมตัวกลายเป็นร่างทะมึน


“ท่านอยู่ที่ไหน จงออกมาหาเราเดี๋ยวนี้”

“ข้าอยู่นี่แล้ว มีการอันใดฤาจึงได้เรียกข้ามา”

“หายไปอยู่ที่ไหนมา งานที่ให้ไปทำได้เรื่องหรือยัง”

“หากหมายถึงการติดตามนังเอกมินตรา เพลานี้มันกำลังใช้จริตมายาลวงล่อมหิยเตศวรอยู่”

“หมายความว่าอย่างไร ทรงพบมันแล้วหรือ?”

“ใช่ ทรงพบมันแล้ว”

“ที่ไหน? อย่างไร”

“ที่ปรางค์องค์ประธานวิมายปุระเวศม์ แลมันมีนามใหม่ว่าเอกบุษยา”

“กรี๊ดดด...ไม่มีวันนังเอกบุษยาแก แกคิดจะแย่งเจ้าพี่เตศวรไปอย่างนั้นหรือ แล้วทำไมวันนั้นถึงไม่กำจัดมันเสียให้สิ้นซาก”


เสียงกรีดร้องของเจ้าหญิงเพราพิลาสลั่นห้องลับ สะท้อนก้องกลับไปกลับมาราวกับเสียงปีศาจหวีดร้องก้องนรก ร่างระหงผุดยืนเต้นเร่า สองเท้าระรัวกระทืบพื้นจนฝุ่นผงคลุ้งกระจาย ในทันที ที่วิญาณของสมิงร้ายร่ายภาพการพบกันอีกครั้งของเอกบุษยาและหม่อมเจ้าเตศวรที่ผ่านมา แววตาคมขำงามบาดใจชายของหม่อมเจ้าหญิงเพราพิลาส กลายกลับเป็นกร้าวกระด้างวาวโรจน์เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ความอาฆาตมาดร้ายก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วประดุจไฟลามทุ่ง ขณะที่ใครบางคนไม่มีโอกาสรู้ตัวเลยว่ากำลังตกอยู่อันตราย


“โปรดอภัยที่ทำงานพลาด ข้าเองก็หาเข้าใจไม่ว่าทำไมมันจึงรอดชีวิตมาได้ ทั้งที่ถูกพุ่งเข้าใส่ขนาดนั้น ฤาว่า…”

“ไม่ต้องมาแก้ตัว แค่ผู้หญิงตัวคนเดียวยังไม่มีปัญญาจัดการ ยังมีหน้ามาให้เห็นอีกหรือ ไป...ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้”


เงาร่างทะมึนของสมิงร้ายก้มหน้านิ่งยอมรับในความผิดพลาดของตนเอง แม้จะคลางแคลงใจว่าเหตุใดคนที่ตนลอบเข้าไปจัดการถึงแคล้วคลาดปลอดภัย ไม่ได้รับอันตรายใดๆเลยแม้แต่นิดเดียวก็ตาม ทั้งที่ความจริงควรจะตายหรือไม่ก็บาดเจ็บสาหัสไปแล้ว แต่นี่เพียงแค่หมดสติไปเพราะความตกใจเท่านั้นเอง ร่างใหญ่ขมวดคิ้วมุ่นนั่งหน้าเครียดขณะนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแค็มป์ขุดค้นที่ผ่านมา ว่าทันทีที่ตนพุ่งเข้าใส่เอกบุษยา จู่ๆร่างนั้นก็หายวับไป เหมือนที่เคยเกิดมาแล้วเมื่อครั้งหนึ่งในอดีต ครั้งที่สรีนางนั้นยังอยู่ในคราบของนางพราหมณี ภาพเหตุการณ์ครานั้นหวนเข้ามาในห้วงสำนึกของสมิงร้ายในทันที ทำให้นึกถึงขึ้นมาได้ว่าการที่บุษบามินตราในชาตินี้แคล้วคลาดปลอดภัยนั้น มีเพียงเหตุเดียวที่เป็นไปได้ คือต้องมีของดีของขลังประจำตัวนั่นเอง แต่จะใช่หรือไม่ก็ยังไม่อาจแน่ใจได้


แต่ก็เพียงพอที่จะให้ความกระจ่างในเรื่องบางเรื่องได้เช่นกัน ว่าทำไมตลอดเวลาที่เฝ้าติดตามเอกบุษยา แม้จะสบโอกาสให้เข้าทำร้ายได้ แต่ก็ไม่เคยสัมฤทธิ์ผลเลยสักครั้งเดียว สร้างความสับสนมึนงงให้สมิงร้ายอยู่มากทีเดียว มาตอนนี้จึงได้เข้าใจ แต่ถึงแม้ว่าจะยังไม่มั่นใจเสียทีเดียว แต่ก็พอที่มีเค้าความจริงให้ตระหนักถึงอยู่บ้าง วิญญาณร้ายจึงได้แต่เก็บเอาความสงสัยเอาไว้เพื่อรอพิสูจน์ต่อไป ซึ่งก็คงอีกไม่นาน หน้าเครียดเริ่มผ่อนคลายลง ทว่าแววตาแดงโรจน์กลับวาบขึ้นอย่างน่ากลัว แสยะยิ้มออกมาคล้ายพอใจในบางสิ่ง ก่อนจะหายวับไป ปล่อยให้คนเดือดดาลใจด้วยถูกไฟริษยาโหมไหม้ได้ระบายออกมาตามลำพัง


ในขณะที่หม่อมเจ้าหญิงเพราพิลาสส่งวิญญาณร้ายคอยติดตามเอกบุษยาและใครอีกหลายคน ปราชญาที่กำลังค้นคว้าบันทึกของท่านปู่เทียดของตนเองอยู่ก็คืบหน้าไปมาก แม้ว่าจะเป็นเอกสารที่ไม่สามารถนำมาใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้ ด้วยไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่ก็ตาม แต่ก็สามารถใช้เป็นไกด์ไลน์ในการสืบค้นถึงเรื่องราวในบางส่วนของสังคมประเพณีรวมถึงความเชื่อต่างๆได้ ชายหนุ่มนั่งนิ่งเพ่งมองตัวอักษรตรงหน้าเนิ่นนาน นานจนเจ้าตัวไม่รู้เลยว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นถือเป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่ง จนเมื่อจิตนิ่งจนถึงระดับหนึ่งสมาธิจึงบังเกิดตามมา และแล้วสิ่งที่ยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ก็ปรากฏขึ้นตามมา กลายเป็นภาพในมโนจิตพาเขาย้อนเวลากลับไปในอดีตกาลอีกครั้ง


เมื่อปราชญาลืมตาขึ้นก็พบว่าเบื้องหน้าเป็นมหานครใหญ่ ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่แห่แหนเข้ามาอย่างคับคั่งราวกับมางานพิธีสำคัญ  แต่ว่าจะเป็นงานใดนั้นเขาไม่รู้  จนกระทั่งได้ยินเสียงแตรสังข์และเครื่องเคาะดังกังวานขึ้นจึงได้หันไปตามเสียง เห็นเป็นขบวนเสด็จของผู้ครองแคว้นต่างๆทยอยเดินตามกันมาไม่ขาดสาย รวมทั้งตัวเขาเองที่เป็นหนึ่งในขบวนเหล่านั้นด้วย ชายหนุ่มจำได้ติดตาถึงความอลังการของขบวนของแขกเมืองและขบวนต้อนรับของเจ้าบ้าน ที่ภายหลังจึงรู้ว่าเป็นเมืองศรีศนะจปุระนครา และสาเหตุการมาของเขาและแขกเมืองทั้งหลายนั้นคือ มาร่วมงานปลงพระศพของกมรเตงศรีศนะจปุระนั่นเอง


งานพระศพของพระผู้ครองศรีศนะจปุระนคราถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ บรรดาแขกเมืองเชื้อพระองค์จากบรรดาแคว้นน้อยใหญ่ พร้อมขบวนผู้ติดตามต่างทยอยเข้าไปภายในองค์ปรางค์ปราเพื่อเคารพพระศพ ทำให้ภายในแน่นขนัด แสดงให้เห็นถึงบารมีและความยิ่งใหญ่ของผู้เป็นเจ้าของงานได้เป็นอย่างดี กลางเทวาลัยศักดิ์สิทธิอันเป็นที่สถิตพระโกศของพระเจ้าศรีสุริยเทพล้อมด้วยดอกไม้นาๆพันธุ์ ที่ถูกประดิษฐ์จัดวางเอาไว้อย่างวิจิตรบรรจงราวกับนิรมิตขึ้นมา ทั้งซ่อนชู้ราตรีคัดเค้าดง แลสรัลทมส่งกลิ่นหอมฉุนรุนแรงตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ เพื่อช่วยกลบกลิ่นไม่พึงประสงค์ เป็นภูมิปัญญาอันชาญฉลาดของคนโบราณที่ตกทอดสืบต่อกันมานาน น่าภูมิใจไม่น้อยเลย


พระแท่นใหญ่ที่วางพระโกศทำจากไม้สักทองเนื้อดีสลักเสลาเป็นลายบุบผวิกัติดอกไม้ประดิษฐ์งามแปลกตา จนชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าเป็นศิลปะในช่วงสมัยใด อาจจะเป็นศิลปเฉพาะเมืองก็เป็นได้ เพราะแต่ละเมืองต่างมีขนบอารยธรรมที่แตกต่างกันไป ปราชญาไล่สายตาลงมาด้านข้าง เห็นถาดทองขนาดเขื่องหลายถาดวางเรียงรายลดหลั่นกันลงมา แต่ละถาดบรรจุเครื่องทองอัญมณีมีค่า รวมถึงผ้าทอยกดอกสอดดิ้นเงินทองเหมือนกับที่เขาเคยขุดเจอมาแล้วไม่มีผิด นอกจากนั้นยังมีพระแสงดาบด้ามทองสลักเป็นลายตรีจักร ที่น่าจะเป็นตราประจำราชวงศ์ งดงามวิจิตรอย่างที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เคียงข้างด้วยพานพุ่มสักการะและพวงมาลัยดอกไม้หลายสีหลากชนิด ของบรรดาแขกเมือง ที่นำมาทูลถวายตามราชประเพณี วางซ้อนทับกันกองใหญ่ส่งกลิ่นหอมชื่นใจ


ขณะที่ไล่สายตามาจนถึงกลางเทวาลัย จึงเห็นผู้หญิงสองคนอายุต่างกัน ทว่าแต่งกายด้วยเครื่องทองงดงามไม่ต่างกัน แสดงว่าน่าจะมีฐานันดรใกล้เคียงกัน นั่งเคียงคู่กันอยู่บนพระแท่นใหญ่กลางพิธี ที่ปกติแล้วควรเป็นของพระอัครมเหสีเท่านั้น แต่การที่สตรีอ่อนกว่ากล้ามานั่งเทียมเท่าแบบนี้ คงต้องมีอำนาจบารมีไม่น้อยเลย ปราชญาไม่ได้ติดใจผู้หญิงทั้งสองคนมากนัก แม้ว่าหนึ่งในนั้นจะงดงามบาดจิตปานนางอัปสราในพิมานสรวงก็ตาม แต่กลับมาสะดุดตาสะดุดใจผู้หญิงอีกคนที่นั่งหน้าเศร้าถัดออกมาทางซ้ายแทน


”เจ้านางคนนั้นทำไมถึงได้เหมือน...คุณบุษมากขนาดนั้น ไม่ใช่สิ นั่นมันเอกบุษยาต่างหาก”


ชายหนุ่มตะโกนก้องในใจ เมื่อดวงหน้างามหมดจดนั้นหันตรงมา ทันทีที่เห็นถนัดชัดสองตา ก็แทบจะถลาเข้าไปหาถามในทันที แต่ไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจนึก ด้วยสภาพตัวเองในตอนนั้นเป็นแค่เพียงผู้มาร่วมในพิธีเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นเขาก็เป็นแขกเมืองนะสิ ใช่สิ...เขาเป็นแขกเมือง ที่มาจาก....จู่ๆคำถามที่นึกไม่ถึงก็ผุดขึ้นในสมองของชายหนุ่ม ทำให้สับสนมึนไปหมด ก่อนคำตอบจะแวบเข้ามาดื้อๆ “วิมายะปุระเวศม์” อีกครั้งที่มโนจิตของเขาบอกอย่างนั้น มันเป็นไปได้อย่างไร นี่เขากำลังย้อนเวลามาอยู่ในเหตุการณ์เมื่อพันปีก่อนจริงๆอย่างนั้นหรือ? แล้วทำไมเขาถึงไม่รู้จัก หรือเคยเห็นใครมาก่อนเลย นอกจากผู้หญิงที่หน้าเหมือนเอกบุษยา แล้วเธอล่ะ?รู้จักเขาหรือเปล่า...


ปราชญานั่งจ้องสตรีที่นั่งอยู่ตรงหน้านิ่งนาน ใจฟุ้งซ่านสับสนไปหมด คิดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึกแย่มากแค่ไหน ที่ไม่สามารถอธิบาย หรือเข้าใจที่มาที่ไปอะไรต่ออะไรที่เกิดขึ้นได้เลย และถ้าเขามาจากวิมายะปุระเวศม์จริง แล้วเขาเป็นใครกันแน่ และทำไมต้องมา?เพื่ออะไร? คำถามมากมายผุดขึ้นเต็มสมองจนแทบไม่เหลือที่ว่างให้คิดอะไรได้อีกเลย แต่ไม่ทันที่จะได้หาคำตอบ เสียงพราหมณ์และพระภิกษุสงฆ์ที่เริ่มทำพิธีทางศาสนาพลันดังขึ้น ปราชญจึงยกมือขึ้นพนม กวาดตามองหาสิ่งของหรืออะไรก็ได้ ที่คิดว่าเคยผ่านตาหรือรู้จักมาก่อน แต่ก็ไม่เห็นมี





มีต่อค่ะ

แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 55 08:12:54

จากคุณ : Setakan
เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 10:31:19




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com