บทที่ 1
“นายเป็นผู้ชายหากินซินะ” ผมดันเขาออกห่าง เขามองผมด้วยสายตาว่างเปล่า อะไรอีกล่ะผมคิดอย่างสับสน "ผมดูเหมือนหรือครับ" "คุณชวนคนไม่จักไปนอนด้วย คงมีแต่คนมีอาชีพเท่านั้นที่ทำได้ แล้วก็ขอบอกว่า ผมไม่นอนกับผู้ชาย" ผมยิ้มเครียด เบื่อโลกจะแย่นี่ยังเจอเรื่องน่าหนักใจเข้าไปอีกอะไรกันนักหนาวะชีวิต "ผมไม่..." เขาหยุดคำพูดที่ต้องการพูดในปาก แล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มเนือย "จริงซินะ มีแต่คนแบบนั้นเท่านั้นซินะที่ทำได้"
"ไปหาเอาข้างหน้าเถอะคุณ นี่ผิดคนแล้ว" ผมยิ้มให้เขาอีกครั้งในแบบที่เรียกว่าเต็มกลืนแล้ว “โอเคนะ ฟังเข้าใจนะ ลาก่อน ลาเด็ดขาด” ผมยกมือบาย แล้วหันหลังเดินออกจากฟลอร์ "เฮ้ ไม่คิดหรือว่าตอนนี้ชีวิตคุณมันน่าเบื่อจนอยากตาย ไม่เติมสีสันขึ้นมาหน่อยล่ะ" เขาวิ่งมาดึงมาผมพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร “สีสันแบบคุณไม่เอาด้วยหรอกนะ มันน่า......” ผมตั้งใจจะพูดว่าขยะแขยงออกไปอย่างไม่อ้อมค้อมทว่าเสียงและคำพูดกลับขาดหายไปด้วยว่าริมฝีปากนิ่มนวลของเขารุกเข้าประกบกับผมโดยผมไม่ทันตั้งตัว ผมตาเหลือก กลั้นใจ รีบผลักเขาออกแต่เขาจับมือผมไขว้ไปด้านหลัง ยิ่งเขาจูบหนักยิ่งเอาลิ้นเข้ามาในปากผมดูดดื่มความไม่ประสาของผมยิ่งทำให้ผมเวียนหัวหน้ามืดซวนเซ ตกลงนี่ผมเมาหรือแพ้จูบนายคนนี้กันแน่ “ไปกันเถอะ” เขาว่าพร้อมดึงมือผมให้ตามเขาไป ผมก้าวตามเขาอย่างว่าง่าย ไม่ซิอย่างมึนงงน่าจะถูกกว่า
ผมพยายามบอกหนุ่มหน้าสวยว่ารถผมจอดที่ออฟฟิศผมต้องไปเอาที่นั่น เขายักไหล่พร้อมบอกว่าไม่เป็นไร เขามีรถ ผมเลิกคิ้ว...ขายตัวนี่รายได้งามขนาดนี้เลยหรือ เขาลากผมไปที่รถของเขา มันจอดอยู่ที่ลานจอดรถของอีกตึกที่นั่นมีรถจอดเพียงคันเดียว ผมแทบหายเมาเป็นปลิดทิ้ง ไม่เป็นอย่างนั้นอย่างไร ก็ตรงหน้าผมมันเป็นรถสปอร์ตตระกูลหรูแบบที่พวกเศรษฐีใช้กัน “อ้อ นี่ยืมป๋ามาขับน่ะ” เหมือนเขาจะมองออกว่าผมกำลังตกตะลึง เลยช่วยไขปริศนาข้อข้องใจให้ เขากดรีโมทแล้วเปิดประตูรถให้ผมดันผมขึ้นไปนั่งก่อนจะโน้มตัวลงมาคาดเข็มขัดให้ ร่างกายขาวสะอาดของเขาอยู่ห่างจากผมไม่กี่นิ้ว กลิ่นน้ำหอมของเขาจรุงอยู่ปลายจมูก ผมไล่สายตาตั้งแต่เส้นผมละเอียดสีอ่อนโรยตัวลงมาปิดด้านข้างของใบหน้า ทำให้มองเห็นโครงด้านข้างของใบหน้าเบาบางหลังม่านผม สันจมูกโด่งของเขา และมาหยุดที่ริมฝีปากสีเรื่อตามธรรมชาติที่หุบสนิท ไม่อยากเชื่อว่านาที่ก่อนยังร้อนรักกระเส่าหาปลายลิ้นกับผมอยู่เลย
“มือผมสั่นทำอะไรไม่ถูกเลย” จู่หนุ่มหน้าหวานก็พูดขึ้นมา ผมกระพริบตา “แค่คิดว่านี่เป็นคุณผมก็ใจเต้นพออยู่แล้ว นี่คุณกำลังมองผมอยู่”เขาหันมาสบตากับผม “ทำไมพูดจาแปลกๆ เราเคยพบกันหรือเปล่า” ผมชักสงสัย “เปล่าซักหน่อย ไม่เคยหรอก ผมใช้ชีวิตกลางคืน ขายตัวไปวันๆ เราจะเคยพบกันอย่างไร สังคมของเราไม่มีวันบรรจบจนได้พบกันหรอก” เขาหันมา ใบหน้าของเราเกือบจะชน “ไม่ไหวแล้วล่ะ ผมไม่ไปไหนแล้ว” เขาพูดพร้อมโอบรอบคอของผมแล้ว จูบใบหน้าและใบหูของผม ผมจะขยับหนีการโลมเล้าจากเขาได้อย่างไรในเมื่อติดเข็มขัดนิรภัย
มือข้างใดของเขาผมไม่ทราบได้ เลื่อนลงกอบกำบีบคลึงหน่วยก้านกลางตัวของผม ผมเงยหน้าหายใจเอาไอไวน์พ่นใส่อากาศที่น่าอึดอัด ฤทธิ์ไวน์ที่พล่านตามเส้นเลือดที่ทอดอยู่ทั่วร่างกายทำให้ผมร้อนทั้งตัว ร้อนฉ่าจนจะลุกเป็นไฟ ทำไมเนื้อหนังที่เบียดบดกับผมตอนนี้ไม่เป็นเพศตรงข้าม เราจะได้ฉลองปีใหม่ด้วยกันให้สะเทือนถึงบันไดฉิมพลี แต่ถึงตอนนี้ข้อเรียกร้องนั่นคงต้องทำเป็นลืมเสียแล้ว ร่างกายของผมกำลังร้อนรนและเริ่มที่จะคลั่ง
สองมือของผมปัดป่ายรีบดึงเข็มขัดนิรภัยออกเองก่อนดึงตัวก้าวออกจากรถพร้อมเขา ผลักเขาไปชิดกำแพง “ต้องการแบบนี้ใช่ไหม” ผมถามด้วยเสียงต่ำ ขณะกดไหล่ของเขาติดกำแพง แล้วกดปากกับซอกคอของเขา ส่วนเขาก็ตอบสนองด้วยความร้อนรน ผมแนบร่างกายกับเขา ขณะที่เขาดันเข่าขึ้นเบียดกับซอกหว่างขาของผม “ผมต้องการคุณแทบจะตายอยู่แล้ว” เขาพูดแทบไม่เป็นคำ เมื่อผมสอดมือเข้าไปในกางเกงยีนส์ราคาแพงของเขา “ชอบแบบนี้ซินะ ก็ได้ฉันซื้อบริการนาย” ผมกระซิบพร่าข้างใบหน้าของเขา ขณะที่มือก็ปฏิการกับหน่วยเนื้อที่ซ่อนตัวในอันเดอร์แวร์ มันกำลังเบ่งบานรับสัมผัสร้อนแรงของผม ขณะที่เจ้าตัวกำลังตัวงอลงเรื่อย “อ๊าๆๆ แรงอีก” เขาเคยคางกับบ่าผมเพื่อทรงลำตัวที่กำลังอ่อนแรง “ได้ซิ” ผมเร่งจังหวะของมือ เขาอ้าขาข้างหนึ่งรัดกับลำตัวผมไว้ ริมฝีปากแดงเรื่อเผยอหอบ เสียงร้องราวเหนื่อยจัด ครู่เดียวอุ้งมือผมก็เต็มไปด้วยน้ำลื่นอุ่น
ผมดึงมือกลับออกมา ส่วนเขาทรุดลงไปกองกับพื้น ผมมองน้ำสีขาวในมือด้วยอาการคล้ายคนถูกจับห้อยหัว แต่ก่อนที่ผมทันได้ตั้งตัวกับสิ่งใดต่อไป ที่เข็มขัดและกางเกงผมก็ถูกปลดและรูปซิปลง ไม่ทันที่ผมจะห้ามปราม หมอนั่นก็ประคองกล้ามเนื้อที่กำลังเกร็งตัวของผมเข้าปาก ความอุ่นชื้นภายในนั้นทำให้รู้สึกซอกลึกลับอิสตรี ผมเผลอโยกตัวใส่เขา ได้ยินเขาครางฮึมฮัมในลำคอประดึ่งพอใจ ผมถามตัวเองภายในขณะเงยหน้าโงนเงนเคลิบเคลิ้ม นี่ผมทำอะไรอยู่ เรื่องแบบนี้ กับผู้ชาย มันเป็นไปแล้ว ผมจะหยุดหรือดำเนินต่อไป ไม่รู้ซิ ความคิดของผมชะงักเมื่อ ได้รับจูบจากเขาผมลืมตา พบว่าเขากำลังดึงมือผมกลับไปที่รถ ที่เบาะด้านข้างคนขับที่ผมนั่งเมื่อเขาหย่อนตัวลงนั่งแล้วถอดกางเกงออกเผยให้เห็นท่อนล่างเปลือยเปล่าของเขา ผิวสวยมาก ขาวกระจ่างตา ผู้ชายกลางคืนคงมีวิธีดีๆรักษาผิวพรรณซินะ เขาเอนตัวไปด้านหลังพร้อมแยกเข่ายกขาตั้งเข่าขึ้นบนเบาะดึงมือผมที่เต็มไปด้วยน้ำสีน้ำนมไปแตะพื้นที่แคบกลางหว่างขาของเขา ผมลองดันเข้าไป หมอนั่นถึงกับร้องคราง ข้างในอุ่นและกล้ามเนื้อตึงกำลังบีบรัดนิ้วผมราวกับผนังมดลูกผู้หญิง ผมสอดนิ้วตามเข้าไปอีก
“อ๊าๆๆ ในมือคุณจะทำให้มันลื่นได้” เขากลืนน้ำลายขณะพูดกับผม ผมจะสอดเข้าอีกแต่มันไม่เข้าผิวเนื้อตึงราวกับจะปฏิเสธ “เข้ามาซิครับผมไม่ต้องการนิ้วของคุณแล้ว” เขาร่ำร้องน่าสงสาร ผมก็รอเหมือนกันด้วยรู้สึกว่าตรงกลางต้นขาผมมันปวดตึงและผงาดรอเต็มที่แล้ว ผมคุกเข่ากับขอบประตูล่างแล้วพามันบุกเข้าไปในพื้นที่เล็กที่รอคอยอย่างกระหาย “เจ็บ!!!” คนยั่วยวนเชิญชวนร้องเสียงหลงแค่ผมเข้าไปได้นิดเดียว
“ขอโทษนะไม่ไหวแล้วล่ะนายเริ่มเองนี่นา” ผมไม่สนเสียงร้องโหยหวนของผมพยายามดันแทรกเข้าไป แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปได้ ผมรวบรวมกำลังแล้วกระแทกเข้าไปสุดแรง “โอ้ยยย พระเจ้า เจ็บที่สุดเลย” หมอนั่นกรีดร้องออกมา และผมก็เข้าไปได้แล้ว เราหยุดค้างกันครู่หนึ่ง ผมจับสะโพกของเขาแล้วขยับมันตามใจผม “ฮ้าๆๆเหมือนถูกจับเสียบไม้เลย เจ็บ” ช่วงขาของหมอนั่นหุบไม่ลง แรงส่งและรับที่หนักแน่นทำให้รถสั่นไหวไปด้วย ผมขยับเข่าขึ้นไปบนเบาะเพื่อแนบร่างกับเขา หลังของเขาพาดระหว่างเกียร์กับเบาะคนขับ
ผมจึงจับเขาพลิกกลับหลังโดยไม่ให้ยุทธศาสตร์ของเราหลุดจากกัน หุบผาสวาสของเขาแคบและฟิตคับมากผมสนุกกับมันเป็นพิเศษ มันเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับผม ยิ่งโถมใส่ผมยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆและไม่รู้สิ้นสุด ที่แคบในรถสองที่นั่งทำให้เซ็กส์เป็นไปอย่างทุลักทุเลแต่ก็ทำให้เราสองตื่นเต้นจนเหงื่อโทรม ยิ่งหมอนั่นร้องกรีดเท่าไหร่ผมก็ยิ่งมีอารมณ์มากเท่านั้น ร่างกายที่สะเทือนจากการกระทบจากผม แนวกระดูกสันหลังที่ตรงสวยงามยิ่งทำให้ผมร้อนแรง เราเปลี่ยนมาเป็นท่านั่งด้วยความลำบากแข้งขาเรายาวพอกันทำให้ติดขัดไปหมด เราหัวเราะแล้วก็ทำกันต่อ “ผมชอบคุณ สิ่งนี้ผมให้คุณนะ” เขาก้มกระซิบกระซาบที่ข้างหูขณะกระทั้นแทกตัวใส่ผม ผมไม่เข้าใจหรอก แต่ไม่คิดถาม คนขายบริการมีวิธีทำให้เซ็กส์มีรสชาติเสมอ เขาทำให้ผมหายเบื่อและผมก็จะจ่ายให้งามๆแล้วแยกย้าย อย่าได้เจอกันอีก เซ็กส์แบบนี้สนุกเพราะไม่เคยแต่ผมคิดว่าคงไม่อีกแล้ว ผมรู้สึกอุ่นที่หน้าขาก้มลงดูก็พบว่ารอยต่อความสัมพันของเรากำลังมีเลือดไหลริน มันไม่ใช่ของผมแน่นอน ผมเงยหน้ามองคนที่อยู่บนตัวผม “เฮ้ นายเลือดออก” แตะบนหน้าขาผมแล้วชูให้เขาดู เขายิ้มแล้วอ้าปากอมนิ้วของผมกลืนเลือดตัวเองลงลำคอ
“ผมให้คุณไงเพราะผมชอบคุณมาก” เขาบอกก่อนจะซบหน้ากับไหล่ผม ผมกอดเขาแล้วเร่งจังหวะตัวเองร่วมกับเขา “สุดยอดไปเลย ดีจังที่ผมยอมเจ็บขนาดนี้” เขากอดศีรษะผมแนบแน่นจูบเส้นผมของผมอย่างหนักหน่วง ส่วนผมเริ่มรู้สึกถึงร่างกายที่ใกล้จะเกร็งขึ้นเรื่อย นี่ผมทำอะไรลงไป ทำกับใคร ที่นี่ที่ไหน เวลานี้สิ้นปีแล้วหรือ ผมลอยคว้างกลางความคิดตัวเองขณะถึงจุดสุดยอด ร้อน ร้อน ร้อนเหลือเกิน ผิวของผมหนืดเหนียวด้วยเม็ดน้ำที่แผ่กระจายทั่วรูขุมขน ไม่เป็นไรแค่เร่งแอร์เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้น ผมยื่นมือออกไปควานหารีโมทที่ผมมักวางไว้ใกล้ตัวบนที่นอน จนบางครั้งนอนทับจนตัวเองสะดุ้งเพราะเจ็บก็มี มือที่ยื่นออกไปควานหาสิ่งที่ต้องของผมไม่พบรีโมทที่คุ้นมือ แต่กลับเป็นบางสิ่งที่นุ่มนวลหากแต่ชื่นชุ่มด้วยหยาดน้ำ ผมลืมตาขึ้นในความมืดที่ไม่ทึบดำ แสงเรื่อเรืองจากภายนอกอาจเป็นจันทรา อาจเป็นไฟนอกระเบียง ทำให้ห้องสลัวมัวมองเห็นเค้ารางบางสิ่งได้แม้ไม่ถนัดตา
มือของผมอันที่จริงนั้นไม่ได้กำลังทำอย่างอื่นนอกจากลูบไล้เรือนร่างผอมบางขาวเนียนจะแทบจะเรืองแสงได้ในความมืดสลัวนั้น ผมกระพริบตามองเพดานที่ห้อยระย้าด้วยพวงไฟคริสตัล ในความมืดเหลี่ยมคูของมันทอประกายวิบวับราวเพชรบนหัวแหวนที่สวมอยู่ที่นิ้วหญิงสาว ผมตอบรับจูบจากริมฝีปากเย็นชืดแต่มีลิ้นตะกุมตะกามที่ร้อนรุม รัดวงแขนกอดก้อนน้ำหนักเบาหวิวที่ทาบทับอยู่ตัวแล้วพลิกกลับขึ้นมาอยู่ข้างบน ผมมองผิวพรรณขาวกระจ่างในความมืดแล้วต้องซบใบหน้าลงกับซอกคอที่กรุ่นหอมด้วยกลิ่นหอมจากโคโลจญ์ราคาแพง
นี่ผมหลงคิดเอาเองว่าเรื่องราวและสัมผัสแปลกประหลาดนั้นจะหายไปเมื่อผมลืมตาตื่นในห้องนอนมืดๆ ในอพาตเม้นต์กระทัดรัดเท่าแมวดิ้นตายของผม ทุกสิ่งที่ผมพบเห็นทุกอย่างที่ผมร่วมทำกับใครสักคนที่ไม่เคยรู้จัก มันก็แค่ความฝันยามที่ผมเหงาเหลือเกินด้วยเหตุแห่งวันรื่นเริงส่งท้ายปีเก่า ฤทธิ์ความเมาทำให้ทั้งกายและสติของผมเบาลอยจนไม่รู้ว่าไหนเรื่องจริงไหนแค่ฝันไป “เราอยู่ที่ไหน” ผมถามด้วยเสียงแหบพร่า ขณะตัวเองก็เริ่มให้ระบบในสมองลำดับเหตุการณ์ก่อนหลัง แต่ระบบนั้นกลับล้มเหลวในที่สุด ผมมองขวดไวน์กับแก้วเปล่าสองใบที่ล้มระเนระนาดข้างเตียงแล้วต้องส่ายหน้า การดื่มเพิ่มไม่น่าจะเป็นเรื่องดีแต่ผมคงทำมันลงไปแล้ว ตอนนี้ในสมองของผมถึงมีแต่ฟองอากาศผุดลอยคว้างเคว้งอยู่เต็มแทนที่จะเป็นสติสัมปัญชัญญะ
“ห้องของผม บนเตียงของผม” เสียงแผ่วจางนั้นเจือด้วยกลิ่นไวน์ในอากาศที่วนเวียนใกล้ๆผม ผมพ่นหัวเราะเซ็งออกมา ให้ตายเถอะนี่เราสองคนยังพัวพันไม่เลิกหรือนี่ ผมเลื่อนมือลงลูบไล้ผิวพรรณที่เย็นชืดไร้อาภรณ์ของนิ่มเนื้อที่ผมทาบทับอยู่ พอคิดจะขยับก็พบกว่าผมยังยัดเยียดตัวเองอันแข็งกระด้างอยู่ในตัวของเขา “จู่ๆคุณก็หลับตา แล้วนิ่งไปตั้งนาน ผมคิดว่าคุณตายไปแล้วซะ แต่ไอ้นั่นของคุณยังสู้ไม่ถอย เลยแน่ใจว่าคุณยังมีชีวิตอยู่และกำลังเล่นเกมให้เซ็กส์ของเรามีรสชาดขึ้น คุณนี่มันสุดยอดจริงๆฮะ” ก้อนเนื้อสวยงามนั้นขยับแข้งขายกขึ้นกระหวัดไขว้ที่เอวของผม
มวลสารเปลือยเปล่าตรงหน้าผมยวบจมลงที่นอนนุ่ม ผิวสวยๆวาววับด้วยเหงื่อราวกับมันเป็นประกายด้วยตัวเองเมื่อมีเซ็กส์ ผมยันตัวกดแนบสะโพกเนื้อนิ่มด้านล่าง ข้างในก้อนมวลสารอช่างอบอุ่นจนร้อนรุ่ม จะสาระตะอย่างไร จะเรียกอย่างไร ก็คงไม่สามารถหลีกหนีความเป็นจริงไปได้ เขาเป็นผู้ชายและผมก็มีตัณหาราคะเต็มพิกัดกับเขา ผมโหยหิว และกำลังตะกามกับเซ็กส์ที่ตัวเองไม่เข้าใจ และต้องการมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันไม่สามารถจบลงแค่ครั้งเดียวที่จอดรถ ผมไล่ตามเขา ไม่ซิ... ผมปล่อยกายให้เขาลากขึ้นเตียงอย่างว่าง่าย หลังดื่มไวน์ที่นี่เพิ่มอีกขวดโลกของผมก็บิดเบี้ยวไม่เป็นรูปทรง ความเหงา ความเศร้า ความสุข ความสนุกสนาน ทุกอารมณ์ผสมปนเปดั่งสีน้ำที่ซึมเข้าหากันจนเละเทะ ภาพในมโนที่มีต่อสีสันเทศกาลจึงเลือนเบลอจนสติหลุดหายในสูญญกาศ ร่างกายเป็นอิสระที่จะตอบรับกับทุกสิ่งเร้าด้วยความสนุก บ้าบิ่น ด้วยว่าสตินั้นได้ตกขอบโลกไปแล้ว ก่อนหน้าไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะพบนายคนนี้ผมยังเอาแต่คิดและคิดเรื่องความตายอยากตายไปเสียโลกนี้ ตายไปจากอดีต ตายไปจากอนาคต ตายไปจากทุกคนที่รายล้อมผม ชีวิตคืออะไร แค่หายใจเพื่อให้รอดชีวิตไปวันๆใช่ไหม? ไม่กี่ชั่วโมงถัดมาเมื่อร่างกายได้รับความสุนทรีย์จากอีกร่างกาย ความตายก็กลายเป็นภาพอันซีดจางไม่ชัดเจนสำหรับผมไปชั่วขณะ ผมปล่อยตัวไปกับจังหวะรักอันเนิบนาบเรื่อยรินดั่งสายน้ำ สะโพกของผมโยกคลอนด้วยความเร็วที่ต่ำบางเบา สายน้ำนั้นก็ไหลซอกซอนแทรกบุกเบิกถ้ำแคบชวนอึดอัดของอีกร่างจนเต็มล้น ผู้ชายคนนี้ ไม่สิ...โสเภณีซินะครางอย่างพอใจด้วยน้ำเสียงที่หวิวสั่น
“คุณทำได้อย่างไรฮะ ผมชอบเหลือเกิน ผมจะละลายอยู่แล้ว” เขาเพ้อหรือละเมอผมไม่สนใจฟัง ผมกำลังลอยล่องอยู่ในความคิดของตัวเองอันเกิดจากอารมณ์บรรเจิดจากการลองพลังเบียดเสียดของกล้ามเนื้อแตกต่างกันทั้งขนาดและสถานะ ความฝืดเคือง แรงเสียดทานของเนื้อหนังคงทำให้ นายโสเภณีบิดกายเร่าๆราวกับเจ็บปวดหากแต่เบื้องหลังคิ้วย่นยับคือความรัญจวนแห่งเพศรส “จำได้ว่านายเลือดออก” ผมพูดกับเขาอย่างอ่อนโยน ผมกำลังรู้สึกดี การรุกร้ำภายในของเขาดำเนินแบบเน้นหนักหากแต่ไม่รุนแรง ทุกอย่างคืบเคลื่อนช้าเชื่องจนกว่าเราจะไปถึงสันเขาที่สวนอีเดนด้วยกัน
“ไม่เป็นหรอกครับ ตอนนี้หากต้องเสียเลือดจนตายผมก็ปล่อยคุณไปไม่ได้ ผม ผม คุณไม่รู้หรอกว่ามันเป็นพรมลิขิตที่เราได้มาอยู่ด้วยกันแบบนี้” เขาเลื่อนมือไปกดก้นกอยผมให้ด้านหน้าของผมแนบแน่นกับเขาราวกับจะฝังความแกร่งกล้าของผมไว้กับช่องลึกลับของเขาไว้ชั่วนิรันดร์ “ยิ่งได้สัมผัสคุณผมยิ่ง...” เขากลืนน้ำลายด้วยเพราะครางไปพูดไปจนหอบเหนื่อย “ยิ่งไม่สามารถหยุดความต้องการคุณได้” เขารัดเรียวขากับเอวผมแน่นมากขึ้นจนผมอดคิดแบบเสียวสยองไม่ได้ว่าเขาอาจจะกำลังจะสูบชีวิตผมด้วยช่องตัณหาร้อนเร่าของเขา
“เข้าใจพูดเอาใจลูกค้า พูดให้ลูกค้ายิ่งมีอารมณ์อยู่ล่ะซิ” ผมก้มลงจูบซอกคอของเขา เขาหัวเราะพร้อมห่อไหล่ กายสัมพันของเราแทบไม่มีที่สำหรับอากาศ ร่างกายของเขาแอ่นรับการทาบทับเมื่อผมลองเร่งเร้าขยับ ความใคร่ของผมเพิ่มระดับขึ้นจนเพลิดเพลินหากแต่อีกด้านของความรู้สึกกลับเบาโหวงและมืดดำ มันแผ่ขยายราวหยดหมึกบนผืนผ้า สีดำที่กำลังขยายวงนั้นอาจเป็นบางสิ่งที่ผมสังหรณ์แต่ยังไม่สามารถบอกสิ่งใดกับตัวเองด้วยร่างกายและเซ็กส์ของผมและเขากำลังรีบเร่งไปสู่จุดสุดยอด “ผมขออยู่ข้างบนนะครับ” นายโสเภณีกระซิบแล้วขยับขึ้นนั่งคร่อมความแข็งอันอัดอั้นของผม เขาโยกย้ายแรงและหนักหน่วงราวร่างกายนี้ไม่ใช่ของเขา ทำอย่างไรก็ไม่มีทางเจ็บปวด ไม่ครรณาต่อบาดแผลที่เกิดก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ ผมถอนใจยิ้มให้เขาอย่างเต็มใจเป็นครั้งแรก ดวงตาของผมเหลือบเห็นนาฬิกาบนผนังบอกเวลา 00.01 "สวัสดีปีใหม่นะ" ผมบอกกับเขา เขาหลับตายิ้มแล้วตอบกลับคำเดียวกับผม ริมฝีปากอิ่มสีเรื่อชมพูแตะกับริมฝีปากของผมและขยับจูบ ผมเลี่ยงหลบแต่เขาก็ไม่ปล่อยง่าย จับใบหน้าผมไปจูบอีก กลิ่นไวน์ในลมหายใจ รสไวน์ที่อยู่ปลายลิ้น ไม่มีอะไรมากกว่าฤทธิ์ไวน์หลอนพรุ่งนี้ผมจะตื่นมาปวดหัวจนดิ้นพล่านบนเตียงตัวเอง ในห้องตัวเอง ที่อพาตเม้นต์ตัวเอง ใช่เลยแบบนั้นล่ะ ผมหลับตาและทิ้งทุกสิ่งบอกราตรีสวัสดิ์กับตัวเองและจุดสุดยอดในเฮือกสุดท้ายของการถั่งโถมของผม
นั่นไง....อย่างที่คิด ผมปวดหัวจนอยากจะทุบทิ้งเหมือนทุบกระปุกออมสินกระเบื้อง เอาให้แตกกระจาย ให้ต่อกลับเหมือนเดิมอีกไม่ได้ อาการแย่ๆนี้จะได้ไม่มีอีกตลอดไป แต่จะเอาสมองใส่กับอะไรดีล่ะหากกระโหลกละเอียดไปหมดแล้ว ช่ายเลยจะสมองไปใส่อะไรจะได้ทบทวนว่าอะไรตรงหน้านี่มันคือ......อะไร? ผมลุกพรวด ถอยกรูด ทันทีสายตาปรับตาชัดเจน นี่ไม่ใช่ห้องของผม ไม่เตียงของผม เนื้อตัวนี้ล่ะของผมหรือเปล่า?ทำไมไม่มีเสื้อผ้า? "เฮ้ย!!!!ๆๆๆๆๆ" ผมร้องเสียงหลง โดดลงจากเตียง มองรอบตัว เสื้อผ้าชุดเมื่อคืนของผม ใช่ๆชุดนั้นเลยทั้งเสื้อเชิ้ท กางเกงทำงาน และ และ และ....กางเกงในตัวโปรด ไม่จริง ไม่จริง ฝันซ้อนฝัน เมาซ้อนเมา แบบนี้ผิดทั้งหมด ผมส่ายหน้าขณะวิ่งไปคว้ากองเสื้อผ้า
"โอ๊ย ปวดหัว ปวดหูด้วย" เสียงด้านหลังทำให้ผมหันขวับตามทันทีที่ได้ยิน ร่างกายขาวสะอาดใต้ผ้าห่ม ท่อนบนเท่าที่เห็นเปลือย แผ่นอกผอมแห้งไปหน่อย ไล่มองขึ้นบน ผมเผ้ายุ้งเหยิง รุ่มร่ามอยู่ตามร่องนิ้วที่กำลังขยี้รุนแรง ผมกลืนน้ำลาย "อ่ะ ตื่นแล้วเหรอ ตื่นเอิกเกริกจัง เสียงดังไปหน่อยนะ ผมเพลียอยากต่ออีกหน่อย" เสียงแหบพร่าหลุดจากริมฝีปากที่ผม...ค่อยๆจะจำได้ว่า แนบแน่นด้วยเมื่อคืน ผมจับหัวตัวเองแล้วถอยไปยืนชิดกำแพง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งหมดแรง
"คุณจูบเก่งจัง แถมไม่ยอมปล่อยให้ผมนอนเลยเมื่อคืน สนุกมากเลยนะ" เจ้าบ้าบนเตียงลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าผมส่งยิ้มละไมมาอีก ผมไม่อยากสบตาด้วยเลยแต่ใบหน้าและร่างกายของเขาก็ช่างสวยสอดประสานกับแดดอ่อนยามเช้าราวภาพถ่ายที่ผ่านการใช้เทคนิคมาแล้วจนสวยงาม ผมไม่สามารถถอนสายตาจากเรือนกายขาวไร้ตำหนินวลกระจ่างและท่าทางยวนเย้านั้นได้ เป็นภาพที่ชวนมองอย่างประหลาด แต่นี่มันเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉินอยู่นะ ผมบอกตัวเอง นี่ถ้าเป็นเช้าสดใสกับหญิงสาวสักคน ผมคงไม่รั้งรอที่จะวิ่งไปหา แล้วขอต่อรอบเช้ากับหล่อนแน่นอน
"ห๊า~~~ ไม่ได้นอน หมายความว่าไง?" ผมร้องเสียงหลง พยายามกดความทรงจำให้จมหายไปชั่วนิรันดร์ก่อนที่มันจะก่อตัวจนชัดเจนทุกลายระเอียด "เฮ้อ นั่นสินะ ไวน์สองขวด คออ่อนจัง ทั้งเมามากมาย ทั้งเหนื่อยมากมาย" เขาถอนใจไหล่ตกแต่รอยยิ้มสวยไม่ยอมจางหาย อย่ายิ้มยั่วยวนกวนประสาทแบบนั้นซิ ผมตะโกนในใจ "พอเลยไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ผมกลับดีกว่า กลับไปนอนให้เต็มอิ่ม แล้วลืมๆมันซะ" ผมรวบกองเสื้อผ้าบนพื้น รีบล้วงหยิบดูกระเป๋าเงินเปิดดู เงินยังครบ นับว่าเป็นคุณตัวที่มีคุณธรรม ไม่ลอกคราบผมตอนหลับ ว่าแต่....ผมมองรอบตัวอีกครั้ง หรูระยับขนาดนี้โรงแรมระดับห้าดาวหรือเปล่า แล้วตกลงใครต้องจ่ายล่ะนี่ รสนิยมดีซะด้วย เป็นพวกคุณตัวมีระดับล่ะซิ แล้วมาหาแขกกระจอกแบบผมทำไมเนี่ย บัตรเคดิตยังไม่ได้จ่ายของเดือนที่แล้วเลย ซวยจริงๆดันมาเจอคุณตัวหาแขกในวันปีใหม่ไม่ได้ เวรอะไรแบบนี้ ผมหยิบเสื้อผ้ามาสวมอย่างเศร้าๆ
"ค่าห้องยังไม่ได้จ่ายล่ะสิ ทำไมจะหิ้วแขกเข้ามาน่ะไม่ถามกำลังจ่ายกันก่อน" ผมถอนใจ จริงๆน้า ถ้าเป็นผู้หญิงจะถอนทุนแพงนี่คืนให้หนำใจเลย โรงแรมให้เชคเอาท์เที่ยง ใช่ไหมล่ะ นัวเนียกันให้สุดๆเลย "คุณพูดเรื่องอะไร" เจ้าหนุ่มร่างบางชันเข่าใต้ผ้าห่มขึ้นรองคางเรียว "ก็จะพาแขกเข้าโรงแรมน่ะ ทำไมไม่ถามกำลังทรัพย์กันก่อน หรูหราแบบนี้คืนละหลายพันแหงม ไม่มีปัญญาจ่ายหรอก จ่ายเองไหมอ่ะ " ผมรูปซิปกางเกง "นี่บ้านผมนะ" เขาถอนใจวาดมือผายออก ผมร้องภาษาอะไรสักอย่างออกมาก่อนจะมองห้องกว้างอย่างตั้งใจ "ขายตัวเงินดีขนาดนี้เลยหรือ?" "สนมะ? จะพาไปฝากป๋า" เขายักคิ้วอมยิ้ม ทำไมหน้าสวยกว่าผู้หญิงบางคนอีกวะ ผมนึกขุ่นเคืองที่ตัวเองพาลจะเคลิ้มอยู่เรื่อย "เอาเถอะ ไปที่ชอบที่ชอบกันทั้งหมดนั่นแหละ สำหรับนายเองก็เหมือนกัน..." ผมสูดหายใจลึก ไม่ว่าเมื่อคืนจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าผมจะเร่าร้อน จะลึกล้ำกับเซ็กส์ที่เกิดขึ้นผิดรูปแบบขนาดไหน ผมจะให้มันผ่านไป ให้อยู่แค่ในความเลือนเบลอที่ผมจะคิดจะทบทวนใดๆแม้สักครั้ง
"ฉันหวังว่าชาตินี้จะไม่ได้พบเจอกันอีก อะไรที่เราทำลงไปแล้ว ก็คือผ่านไปกับคืนปีเก่าเน่าๆปีนั้น" ผมแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว "เกลียดผมหรือ มันก็แค่บทรักอีกบทที่คุณไม่เคยสัมผัส ผมเป็นใครสักคนที่พาคุณมาสัมผัส นอกจากไม่ขอบคุณแล้วคุณยังพูดเย็นชาแบบนั้นอีก ไม่มากไปหน่อยหรือ" เขาแนบใบหน้ากับเข่า รอยยิ้มสวยงามยังคงไม่จืดจาง "ไม่อัดให้ก็บุญแค่ไหนแล้ว" ผมปรี่เข้าไปจับไหล่ของเขาเขย่าแรง ร่างกายของเขาไหวตามแรง ดวงตาของเขามองผมด้วยแววขบขัน
"หน้าด้านที่สุด" ผมยิ้มเยาะ "อืม"เขาทำปากยื่น "ก็เป็นโสเภณีนี่นา หน้าไม่ทน ก็ทำไม่ได้หรอกอาชีพนี้น่ะ" เขาลอยหน้าลอยตายิ้มยั่วยวน "ถึงอย่างไรผมก็บริการคุณถึงใจเมื่อคืน อย่ามาแถด่าไปเรื่อย จ่ายมาซะดีๆ" ยื่นมือออกมาแทบจะกระแทกหน้าผม ผมหยิบกระเป๋าเงินแล้วหยิบเงินเกือบทั้งหมด ยัดใส่มือเขา "อาจไม่เท่าค่าตัวคุณ แต่ผมมีแค่นี้"ผมพยักหน้ากัดฟันกรอด นึกสาปแช่งให้เจ้านี้เป็นโรคร้ายสักวัน โรคร้าย โรคร้าย ผมตัวชาวาบ เหลียวมองรอบเตียง หัวใจเต้นโครมแทบจะหลุดกระเด็น
"เดี๋ยว!! นายมีใบรับรองแพทย์ตรวจเลือดหรือเปล่า ปกติคนทำอาชีพแบบนี้ที่มีจรรยาบรรณเขาต้องตรวจ นี่!เอาออกมาดู" ผมจับแขนเขากระชาก ผมเบ่งตากว้างใช่ล่ะ....หมึกดำที่ขยายกลางอกที่ผมสังหรณ์ เราสองคนไม่ได้ป้องกัน และเขาก็เลือดออก สติกลับมาได้ก็กระทุ้งสมองผมจนแทบจะทะลุ เชื้อโรค หมอนี่เป็นอะไรอยู่ก่อนหรือเปล่า คิดได้แค่นี้มือเท้าผมก็เย็นวาบ "อะไรนะ?" เขาพูดกลั้วหัวเราะ "เมื่อคืน เราไม่ได้ป้องกันใช่ไหม" ผมพูดเร็วแทบจะไม่ได้ศัพย์ แม้จะลางเลือน แม้จะไม่อยากทบทวน ไม่อยากอะไรทั้งนั้นกระนั้นผมก็ต้องยอมรับในนาทีนี้ว่ายังคงรู้สึกถึงความกระชับหนักแน่นเร่าร้อนที่ส่งผ่านมาที่ร่างกายของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อคืน
"อืม" เขาล่อนหน้ามาชิดกับใบหน้าของผม ทำเหมือนจะจรดปากสีชมพูธรรมชาติ กับผม แต่ก็ผละออก "ไอ้ของที่คุณว่าน่ะ ไม่มีหรอก ถ้าอยากรู้สงสัยต้องไปตรวจเองซิ" คราวนี้เขาผลักผมแล้วเดินตัวเปล่าเปลือยไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมก่อนจะเดินไปที่ตู้เย็น เปิดหยิบน้ำขวดออกมาจ่อปากดื่ม ผมหายใจไม่ทั่วอกตอนนี้ มือเท้าเย็นเฉียบ "สักวันคนเราต้องตายกลัวอะไร ตายเร็วหรือช้า" เขาพูดขณะพิงหลังกับตู้เย็น รอยยิ้มหายไปกลายเป็นใบหน้าที่เหม่อลอยไร้ความหมาย ผมเซซวนพยุงตัวแทบไม่ไหว ในหัวเหมือนถูกใครดึงสมองออกมาเหวี่ยงไปรอบๆ ผมตาลาย เวียนหัวจนแทบจะอาเจียน ภาพเดียวที่ผมเห็นในวินาทีฉุกเฉินถัดมาคือคลีนิคนิรนาม
“สำหรับคุณผมไม่รู้ด้วยหรอกชะตากรรมของใครก็ของใคร แต่ผมน่ะกำลังจะตาย เพราะแบบนั้นถึงอยากทำกับตัวเอง กับร่างกายนี้ให้ถึงที่สุด ผ่านผมอุตส่าห์ถนอมมันเหลือเกินแต่มันกลับสนองคุณแบบนี้ ทุเรศสิ้นดีชีวิต” ชายหนุ่มยังคงทิ้งสายตาเหม่อมองออกไปจนจินตนาการของผมตามไม่ถึง แต่ส่ายหน้าทิ้งตัวนั่งกับพื้น ข้างในว่างเปล่าจนคิดว่าเหลือแต่หนังหุ้มอากาศไว้ ผมกัดปากเงยหน้าเสยผมแล้วกำผมในมือไว้อย่างนั้น ความเย็นเยียบแล่นแผ่ไปตามสันหลัง ความโกรธพุ่งกระแทกสมองผมจนแทบกระอักออกทางปาก แม้อยากสำรอกคำพูดกระนั้นกลับไร้เสียง
“ผมอายุเท่านี้ ยังสามารถทำอะไรได้ตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ? ทำไมล่ะ? ผมเพิ่งได้รู้จักความรู้สึกสดใหม่ราวใบไม้อ่อน เพิ่งได้พบคุณ และเพิ่งกอดและรับอ้อมกอดจากคุณ” คู่นอนของผมยังทิ้งสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ที่ขอบตามีแสงวิบแวม ผมกัดปากแน่น สมองที่เคยว่างเปล่าค่อยๆกลายเป็นอลม่านราวเกิดจลาจล ความคิดมากมายพร่างพรูวิ่งกระจัดจายแบบไร้ระเบียบก่อนหลัง "แล้วฉันไปเกี่ยวกับสิ่งที่นายเป็น ทำไมต้องเป็นฉัน ที่ต้องมอดไหม้ไปกับนาย" ผมพยายามเปล่งวาจารอดไรฟันออกจนได้ในที่สุด ผมถลันไปจับไหล่ของเขาแล้วเขย่า ใบหน้าสดสวยภายใต้แสงแดดอ่อน ดวงตาดำมีแววประกายเบนจากวิวนอกหน้าต่างมาที่ผมครู่หนึ่งแล้วรอยยิ้มราวกลีบดอกไม้คลี่บานรับยามเช้าค่อยๆผุดบนแก้มนวล
“นายเป็นอะไร นายเป็นโรคอะไร!!!!” ผมตะโกนใส่ ความงดงามนั้น ผมไม่มีกะใจกับอะไรทั้งนั้นแล้ว “ใช่ฉันก็เหมือนกันอายุเท่านี้เอง มีอะไรต้องทำอีกตั้งเยอะบางทีอาจมากมายกว่านายด้วยซ้ำ ดังนั้น ดังนั้น บอกมาเดี๋ย...” ผมพูดไม่ทันเขาก็ชะโงกหน้ามาปิดปากผมด้วยจุมพิต
“สุขสันต์ปีใหม่ครับ” เขามองผมด้วยตาใสสะอาด และรื้นด้วยน้ำตา “นายมันบ้าสินะ” ผมยกมือเช็ดปากแรง ก่อนจะลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า ผมมันซวยๆๆๆๆ ที่เปิดปีศักราชใหม่ด้วยเรื่องมหาวิปโยคอย่างนี้ ลองนอนกับผู้ชายครั้งแรก ทั้งสนุกและกระเส่าซ่าน รสชาดไม่คุ้นแต่ก็กินได้เยอะ ครั้นแล้วเมื่อแสงแรกของปีใหม่สาดส่องชีวิตอื่นๆ ที่ชีวิตของผมกลับถูกเซ็กส์เจือเชื้อโรคที่มากับเรือนร่างนี้บดบังจนมืดดำราวเปลวไฟบนเทียนที่ถูกดับแค่ปลายนิ้ว เนื้อหนังแนบกายที่กินไว้มากมายจนนี้กำลังจะทำให้อาเจียน
อาเจียน อาเจียน ผมหันไปตามเสียงที่ดังแผ่วมาจากห้องน้ำด้านหลังตัวเองขณะกำลังรูดซิปกางเกง ผมสอดแขนใส่เสื้อเชิ้ทที่ยับย่นมีกลิ่นไวน์ผสมกลิ่นโคโลจญ์อ่อน ก้มลงหยิบเนคไท แล้วเดินไปที่ประตูห้องน้ำ คิดว่าจะแนบใบหน้ากับบานประตู มันเปิดออกมาเสียก่อนพร้อมใบหน้าอันซีดเซียวของหมอนั่น ดอกไม้สวยเมื่อครู่ตอนนี้แม้จะยังสวยแต่มันก็คล้ายจะบอบช้ำไปบ้าง
“ยังเมาค้างอยู่เลย คุณเป็นไงบ้าง” เขายิ้มเนือย ผมถอยห่างออกมา เขาก้าวออกมาประชิดแล้วดึงผมเข้าไปกอด “ต่อไปจากนี้ไม่รู้ว่าเราจะพบกันอีกหรือไม่ แต่ผมอยากบอกว่าผมดีใจที่สุดที่เรามีคืนที่ผ่านมาด้วยกัน” เขาโอบคอผมด้วยลำแขนผอมบาง ผมผงะผลักรีบแกะออก “ส่วนฉันขอให้เราอย่าได้เจอกันอีกเป็นอันขาด แล้วหากนายมันเชื้อโรคน่ารังเกียจ ก่อนตายฉันจะฆ่านายก่อน” ผมผลักเขาออกห่างสุดแรง เขาเซนั่งบนเตียง
“ทำลงคอหรือ ทั้งที่ผมชอบคุณมากขนาดนี้ ผมไม่คิดเงินคุณก็ได้นะ” เขากำเงินยื่นกลับมาให้ผม ผมปัดมือเขาแรง “ถ้าฉันไม่จ่ายเงิน มันก็หมายถึงเรามีความหมายต่อกันน่ะซิ นายมันไม่คู่ควรหรอก มีค่าตัวเล็กๆน้อยๆไปน่ะดีแล้ว เพราะฉันไม่มีวันที่จะเจอนายอีก สาบานเลย คนที่ทำชีวิตฉันวิกฤต ฉันจะเกลียดมันชั่วชีวิต” ผมยื่นมือไปลูบใบหน้าเขาอย่างแผ่วเบาก่อนจะดึงมือกลับมาเช็ดกับกางเกงอย่างรังเกียจ นายโสเภณีมองผมอย่างอาวรณ์
“ผมก็แค่ชอบคุณ แค่ดีใจที่ได้ใกล้คุณ” “อ้อ ตกลงนี่นอกจากขายตัวสกปรกๆนี่แล้ว ยังเป็นพวกสโตรกเกอร์” ผมพ่นหายใจออกมาพร้อมหัวเราะเยาะ “ผมไม่เคยตามคุณ แต่มักเห็นคุณเสมอในที่ของผม” “ฉันไม่เคยเดินถนนโลกีย์แบบนั้นนายจะเห็นฉันได้อย่างไร” ผมตวาด “ถนนโลกีย์หรือ ฮ่ะๆๆ” นายหน้าหวานกลับหัวเราะจนล้มลงไปกลิ้งบนที่นอน เรียวขาเปลือยเปล่ายกขึ้นตั้งที่นอน ผมรีบหันหน้าหนี เมื่อชายเสื้อคลุมของผมเปิดเผยส่วนที่ผมทุ่มน้ำหนักร่างกายลงตักตวงไม่รู้จักจบสิ้น ผมทำตัวเองจริงๆ
“ฉันขอสาปแช่งนายกับสิ่งที่นายทำกับฉัน” ผมกัดฟันพูดด้วยเสียงอันดัง ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตู กระชากเปิดแล้วเดินออกมา ผมรีบเดินแต่ดูเหมือนเท้าที่ก้าวจะไม่ทันใจ ผมจึงออกวิ่งๆๆและวิ่ง เปิดประตูทางหนีไฟ แล้วโจนตัวเข้าทุบกำแพง รู้สึกถึงเสียงที่เปล่งมาอย่างไรความหมาย “:-)เอ๊ย” ผมทุบกำแพงจนเจ็บมือจึงหันหลังพิงกำแพง มองเพดานด้วยความพร่าเลือน น้ำใสเกาะจนไม่สามารถมองสิ่งใดชัดเจน “แม่ฮะ ช่วยผมด้วย” ผมได้ยินว่าตัวเองพูดเช่นไร ผมคิดว่าหูฝาด แต่มันก็เป็นเสียงของผมจริง ผมรู้สึกเจ็บร้าวในอก รู้สึกถึงแท่งตะกั่วก้อนหนักที่ถ่วงจนหนักอึ้ง จนไม่สามารถเปล่งวาจาใดๆได้อีก ด้วยรู้สึกอับอาย...ผมกลัวสุดขีดกับอะไรอยู่ ในเมื่อผมพร้อมที่จะตายเสมอมาไม่ใช่หรือ ผมกอดตัวเองแน่น สัญชาติของคนนี่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
จากคุณ |
:
vannessia
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ก.พ. 55 13:56:50
|
|
|
|