 |
บทที่ ๑๘
เสียงจอแจในห้องแคนทีนในช่วงเวลาอาหารกลางวัน โต๊ะที่นั่งก็เต็มเกือบจะทุกตัว เพราะเวลานี้ พนักงานส่วนใหญ่ของไทยทัศน์ เช่นพนักงานเสิร์ฟ หรือพนักงานทำครัว มารวมกันไว้เกือบทั้งหมด พวกพนักงานผลัดเช้าและผลัดบ่ายที่มารับประทานอาหาร มักจะได้พบกันตอนนี้เอง
สิตากับรักษภูมิ ในชุดกุ๊กเต็มยศ เดินมองหา หนูนา เปียโน พายุ ที่มาฝึกงานในตอนเช้าอยู่แล้ว ทั้งหมดนัดกันมารับประทานอาหารกลางวันพร้อมกันนั่นเอง เมื่อได้ที่นั่งจนครบ ดีใจ ที่เพิ่งจะเสร็จจากการฝึกงานที่ห้องบุชเช่อร์ก็เดินเข้ามาสมทบพร้อมถาดขนมจีนซาวน้ำ ก่อนที่จะโดนแซวจากหนูนาว่า
เราว่า ฝนจะต้องตกหน้าร้อนแหงมๆเลยนะเนี่ย ที่พี่ดีใจ หมู่นี้ขยันมาฝึกงานจนผิดหูผิดตาเนี่ย
แหม คนเรามันก็ต้องมีการพัฒนากันบ้างสิ จริงไหม สิตา ดีใจ หันไปยักคิ้วให้สิตาที่กำลังก้มหน้าสูดเส้นขนมจีนด้วยความเอร็ดอร่อยอย่างรู้กัน
วันนี้ ใครได้ฝึกงานตอนเย็น นี่โชคดีหรือโชคร้ายกันแน่วะ? พายุ เปิดประเด็นใหม่ขึ้น
ยังไง? พี่พายุ ที่เห็นนั่งกันอยู่หมดเนี่ย ก็โดนกันหมดเลยนะหนูว่า หนูนารวนกลับ พร้อมกับเอื้อมไปจิ้มลูกชิ้นปลากรายมาจากจานของเปียโน
เย้ย! แป่ว! จริงด้วยดิ เออ ลืมไป โดนกันหมดเลยนี่หว่า พายุ ทวนคำอย่างนึกขึ้นได้เช่นกัน
มัวแต่โยนกัน โยนกันมาอยู่ได้ ตกลงมันเรื่องอะไรกันเนี่ย มีงานอะไรกันเหรอ? สิตา ขัดขึ้นด้วยความสงสัยสุดๆ
ก็คืนนี้ เค้าปิดห้องโถงเลี้ยงต้อนรับ เปิดตัว ผู้จัดการโรงแรมในเครือฯ ที่มาจากฮ่องกงไง ที่เขามาประชุมที่เมืองไทย เห็นว่าชอบอาหารไทยมากถึงขั้นสั่งปิดครัวไทยเลยนะ เปียโน อธิบายความให้สิตาหายสงสัย
พี่สิตากับพี่รัก ลงชื่อ ฝึกงานกับเชฟไว้ ไม่ใช่เหรอ หนูเห็นในตารางอ่ะ ส่วนพี่ดีใจกับพายุ ก็ต้องมาช่วยครัวหวาน ส่วนพี่หนูนา กับเปียโนก็ต้องออกไปแคะขนมครกเลี้ยงแขกด้วย สรุปโดนกันหมดเลยนี่
เปียโนเสริมต่อไปอีก จนสิตา ที่เพิ่งนึกขึ้นมาได้จึงอุทานเบาๆว่า
จริงด้วยสินะ ลืมไปเลย
ก่อนที่เสียงโทรศัพท์มือถือจะดังแทรกการสนทนาของทั้งกลุ่ม สิตากดรับเมื่อเห็นว่าปลายสายคือ ณัฐ หัวหน้าวงแบมบูบีทของหล่อนนั่นเอง
ดีค่ะ พี่ณัฐ เป็นไงบ้างคะพี่ มีอะไรให้น้องรับใช้เหรอคะ ถึงได้โทรมาหาแต่วันเนี่ย สิตาพูดแซวทั้งที่ยังกินผลไม้อยู่เต็มปาก เพราะหล่อนรู้ดีว่าคนเล่นดนตรีกลางคืนมักจะตื่นกันหลังบ่ายไปแล้ว
คืนนี้ มีงานเว้ย! งานใหญ่ด้วย นี่เอ็งอยู่ที่ ไทยทัศน์รึเปล่าวะตอนนี้ เมื่อปลายสายตอบรับ ณัฐจึงรีบเข้าประเด็นก่อนอย่างที่อีกฝ่ายยังไม่ทันตั้งตัว
คืองี้ว่ะ... เจ๊ดาวน่ะ ลูกแกดันป่วย ต้องเข้าผ่าตัดเย็นนี้ แกเพิ่งโทรมาขอแคนเซิลงานคืนนี้เมื่อกี๊เองว่ะ พี่ก็หาใครมาแทนไม่ทันซะแล้ว นอกจากนึกถึงเอ็งน่ะ สิตา เพราะตอนแรก ลูกค้าเค้าอยากได้เอ็งมากกว่าเจ๊ดาวอีก แต่เห็นว่าเรียนอยู่เลยไม่อยากไปกวนไง แต่ตอนนี้มันคงต้องช่วยกันแล้วว่ะ พอจะช่วยกันได้ไหม สิตา ณัฐทิ้งท้ายไว้ให้คิดก่อนจะวางสายไป
เจ๊ดาว หรือ แองเจลิน่า ลิ้ม นักร้องสาวไทยเชื้อสายจีน ซึ่งในอดีตโด่งดังจนได้รับฉายาว่าซุปเปอร์สตาร์สาวเสียงทอง ระยะหลังวงการเพลงไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งเธอก็ได้แต่งงานมีครอบครัว ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตสมรส จึงกลับมารับงานตามคำเรียกร้องของแฟนเพลง เพื่อเลี้ยงดูลูกสาววัยรุ่นเพียงคนเดียวที่มีอยู่
ขณะที่สิตาคิดว่าจะเข้าไปขออนุญาตภัทรว่าอย่างไรดี เพราะหล่อนไม่แน่ใจว่าการที่เป็นนักเรียนของไทยทัศน์แล้วจะทำให้สามารถเข้ามาร้องเพลงที่งานได้อย่างเหมาะสมหรือไม่ ถ้าเป็นงานที่จัดที่อื่นก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าอยู่ภายใต้การดูแลของภัทรแล้ว ยิ่งทำให้หล่อนไม่แน่ใจเท่าใดนัก เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง
สิตา เหรอ นี่พี่ดาวนะจ๊ะ พี่ณัฐ โทรบอกเรารึยัง เรื่องงานคืนนี้น่ะ พี่มีความจำเป็นจริงๆ ลูกสาวพี่ต้องเข้าผ่าตัดไส้ติ่งเย็นนี้ พี่เป็นกังวลมากๆเลย อยากอยู่เป็นกำลังใจให้แกจนแกฟื้น เพราะยังไงไปร้องเพลงก็ไม่มีกะจิตกะใจร้องหรอก พี่ณัฐเขาก็ลำบากใจ แต่พี่ดาวอยากให้หนูช่วยพี่สักครั้งจะได้ไหม ไม่งั้น พี่เสียทั้งขึ้นทั้งล่องแน่ หนูจ๋า อดีตซุปเปอร์สตาร์สาว อ้อนวอนด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด เกินกว่าจะปฏิเสธออกไปได้
ในวงการนี้จะมีสักกี่คนที่ไว้ใจและให้ความช่วยเหลือกันได้ ภาพภายนอกอาจจะดูสวยหรู แต่ภายในก็คือคนที่มีอาชีพร้องเพลงเท่านั้น ยิ่งคิดหล่อนก็ยิ่งเห็นใจ ยังไงน้ำใจก็ต้องมาก่อน ที่สำคัญหล่อนเองก็สนิทสนมคุ้นเคยกับพี่ดาวมานานพอสมควร นักร้องสาวคอยสอน คอยแนะ เมื่อครั้งที่หล่อนเข้ามาร้องเพลงใหม่หลายสิ่งหลายอย่าง ไม่เคยหักหน้า หรือขโมยซีน หล่อนเวลาที่ต้องร้องเพลงร่วมกัน อย่างที่หล่อนเคยโดนนักร้องที่มีชื่อเสียงคนอื่นทำกับหล่อนมาเลย
ไม่ต้องห่วงค่ะ พี่ดาวดูแลน้องไปเถอะนะคะ เดี๋ยวสิตาจัดการทางนี้กับพี่ณัฐเองค่ะ สิตาตัดสินใจรับปาก แม้จะไม่แน่ใจว่าจะทำยังไงต่อไป แต่อย่างน้อยเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ดีขึ้นของอีกฝ่าย ก็ทำให้หล่อนคิดว่าตัดสินใจไม่ผิด
พัชริดา ผู้จัดการหลักสูตรของไทยทัศน์ นั่งรอภัทร ที่กำลังอ่านรายงานในแฟ้ม ด้วยท่าทางเคร่งเครียด เมื่ออ่านเอกสารเหล่านั้นจบ หญิงสาวก็อธิบายรายละเอียดเสริมไปด้วยทันที
เชฟแดเนี่ยล รายงานไปถึงบอร์ดของโรงแรม ว่าการที่เราอนุญาตให้นักเรียนฝึกงาน โดยที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อนนี่ถือว่าผิด ยิ่งเมื่อคืนก่อนที่ทางครัวฝรั่งมาใช้ห้องโถงของเราเพื่อจัดงานเลี้ยง แล้วปรากฏว่าทางครัวแจ้งว่าของที่สั่งให้เตรียมไว้ทำไม่ทันจำนวนที่สั่ง สาเหตุมาจากการที่พนักงานเว้นงานไว้ให้นักเรียนที่ลงชื่อว่าจะมาทำ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มา ทำให้การทำงานไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้ ส่งผลให้งานเลี้ยงในความรับผิดชอบของแก เสียหาย วันนี้ทางสำนักงานใหญ่จึงต้องขอเชิญให้ดิฉันและเชฟภัทร ไปรายงานในที่ประชุมบอร์ด เพื่อชี้แจงอย่างละเอียดอีกครั้งน่ะค่ะ
ภัทร พยักหน้าแทนคำตอบ แม้ว่าการมาขอใช้สถานที่ของไทยทัศน์ จะไม่เกี่ยวข้องต่อหน้าที่รับผิดชอบของตน แต่ในครัวที่ได้รับใบสั่งมาเพื่อเตรียมของก็ยังอยู่ในความรับผิดชอบของตนอยู่ดี
ซึ่งเรื่องนี้หากสอบสวนกันไปตามขั้นตอนแล้ว เชื่อว่าคงหาข้อผิดพลาดได้ไม่ยาก เนื่องจากชายหนุ่มได้วางระบบงานไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว แต่ที่ทำให้ความหนักใจกลับยังคงอยู่นั่นก็คือ
เรื่องของการอนุญาต ให้นักเรียนเข้ามาฝึกงานในส่วนต่างๆในครัว ในตอนแรกที่หลายเสียงในที่ประชุมออกเสียงคัดค้าน ด้วยหลายเหตุผล แต่สุดท้ายชายหนุ่ม ก็ยืนกราน ขอใช้หน้าที่ของตนค้ำประกัน ว่าจะดูแลควบคุมไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นได้ เพราะใจอยากให้นักเรียนได้สัมผัสประสบการณ์จริงจากการลงมือปฏิบัติมากกว่าจะไปเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ แล้วก็จดบันทึก เพียงเท่านั้นเอง
แต่จะด้วยสาเหตุอะไรก็ตามแต่ มีนักเรียนหลายคนที่ไม่ยอมมาฝึกงานตามที่ได้นัดหมายกันไว้ เพราะเรื่องนี้เป็นไปตามความสมัครใจ ไม่สามารถไปบังคับจิตใจกันได้ ซึ่งในที่สุดก็ได้ส่งผลมาถึงเขาดังในรายงานของวันนี้ที่เขาได้อ่านไปแล้วนั่นเอง
วันนี้การเรียนทำของว่างซึ่งจะเป็นรายการอาหารชุดสุดท้าย ได้ถูกเลื่อนขึ้นมาเรียนในช่วงเวลาสามคาบแรก ก่อนที่เขาจะออกไปประชุม ชายหนุ่มมอบหมายให้สุรักษ์ เลขาคู่ใจ ไปจัดการแทนตนเองทั้งหมด ก่อนที่จะใช้เวลาสำรวจเอกสาร และเตรียมข้อมูลเพื่อไปชี้แจงในที่ประชุมอย่างเคร่งเครียดภายในห้องทำงานเพียงลำพัง
เสียงเคาะประตูกระจกเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มต้องเงยหน้าจากกองเอกสารตรงหน้าอย่างรำคาญใจ เมื่อเห็นว่าเป็นสิตา ชายหนุ่มจึงพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้เข้ามา เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อภัทรเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้ายังไม่เอ่ยปากถึงธุระของตน เขาจึงเงยหน้ากองเอกสารตรงหน้าอีกครั้งพร้อมขมวดคิ้วเป็นเชิงสงสัย ก่อนที่หญิงสาวจะรวบรวมความกล้าเอ่ยปากออกมาว่า
เชฟคะ...เอ่อ...คือ...วันนี้ ฉันอยากจะขอลาฝึกงานกับเชฟที่ได้ลงชื่อไว้ ตอนค่ำนี้ค่ะ พอดี มีธุระด่วนเข้ามา จำเป็นต้องทำจริงๆน่ะค่ะ หญิงสาวรู้สึกกดดันอยู่นาน กว่าที่จะเรียบเรียงคำพูดตามที่ตั้งใจออกไปได้
ธุระด่วน? ธุระอะไรครับ? ภัทร เน้นเสียง และเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์ในเรื่องที่ได้ยินนัก
คือ ดิฉัน ต้องขึ้นไปร้องเพลงที่งานเลี้ยงต้องรับ เย็นนี้ ที่นี่ แทนพี่สาว ที่ติดธุระด่วนค่ะ... สิตา ค่อยๆพูดให้ชัดเจนที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่ภัทรจะเอ่ยขัดมาด้วยเสียงเรียบๆ แต่แฝงไว้ด้วยความเคร่งเครียดว่า
การที่คุณเข้ามาเป็นนักเรียนของหลักสูตรนี้ นั่นแปลว่าคุณต้องพร้อมที่จะสละเวลาส่วนตัว ให้กับการเรียนที่นี่...
ภัทร หยุดพูดพลางจ้องตาสิตาเขม็งอย่างไม่พอใจในเหตุผลที่หญิงสาวมีให้ ก่อนที่จะพูดต่อไปอีกว่า
ที่นี่มีกฎว่า ห้ามพนักงาน ที่ไม่มีส่วนในงานที่เกี่ยวข้องกับงานเลี้ยงที่ห้องโถง เข้าไปวุ่นวายโดยเด็ดขาด ตอนนี้ คุณอยู่ในชุดนักเรียนของไทยทัศน์ ก็เหมือนกับว่าคุณเป็นพนักงานคนหนึ่งของที่นี่เช่นกัน ดังนั้นผมไม่อนุญาต!
แต่...แต่ ดิฉันมีความจำเป็นจริงๆนะคะเชฟ สิตา พยายามธิบายอย่างละล่ำละลักให้ภัทรเข้าใจด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนมากที่สุดที่หล่อนสามารถจะทำได้ในเวลานี้
ความจำเป็นของคุณสิตา คงจะไม่ตรงกับความจำเป็นของผม เพราะความจำเป็นของผมก็คือต้องรักษากฏที่ตัวเองตั้งขึ้นมา กฎก็คือกฏ! ถ้าหมดธุระแล้ว ขอเชิญไปเตรียมตัวเรียนเถอะครับ ผมขอตัวทำงานเป็นส่วนตัวสักหน่อยครับ
ภัทร พูดตัดรอนอย่างปิดช่องทาง เขาไม่อยากให้หล่อนเป็นคนที่ไม่รับผิดชอบในหน้าที่ แม้ว่าการที่จะต้องเดินตามเขาในฐานะผู้ช่วยมันไม่ได้สวยหรู อย่างการที่ได้ขึ้นไปแต่งตัวสวยงาม ร้องเพลงอยู่บนเวที อย่างที่หล่อนคงอยากที่จะใช้โอกาสในคืนนี้ ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าหล่อนเป็นคนที่โดดเด่นเหมือนที่เคย
แต่มันก็เป็นสิ่งที่จะทำให้คนเป็นเชฟ พัฒนาศักยภาพ เมื่อได้เห็นว่าหน้าที่ของเชฟที่ดี ยามต้องรับมือกับลูกค้าต้องทำเช่นไร
สิตา ยืนนิ่งเงียบอยู่อึดใจ ก่อนที่จะรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ใด ที่จะอ้อนวอนชายหนุ่มตรงหน้าอีกต่อไป เพราะขณะนี้ เขาก้มหน้าก้มตาสนใจแต่เพียงเอกสารในแฟ้มตรงหน้า ทำราวกับว่าหล่อนเป็นอากาศธาตุที่ไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนั้น
หญิงสาวจึงค่อยๆหันหลังเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ แต่ก็ยังไม่วายโดนเหน็บจากเสียงห้าวๆของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลัง โดยที่เขาเองก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มเอกสารนั้นด้วยซ้ำไปว่า
ถ้าคุณยังรักที่จะร้องเพลงเฉิดฉายบนเวที ก็ไม่น่าจะมาเป็นเชฟ โดยที่ปราศจากความพร้อมแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะคุณ ผลกระทบมันมีมากกว่าที่คุณคิดหลายเท่านะ!
สิตา หันไปมองเจ้าของคำพูดเชือดเฉือนจิตใจนั้นอย่างช้าๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองเพิ่งได้ยินไปเมื่อสักครู่ แต่ชายหนุ่มตรงหน้ากลับก้มหน้าก้มตาดูเอกสารไปอย่างเฉยเมย ไม่ได้เอะใจว่าคำพูดพล่อยๆของตน ได้ทำร้ายจิตใจของหล่อนมากมายแค่ไหน
เมื่อเห็นดังนั้น หญิงสาวจึงเดินเชิดหน้าไปอย่างคนที่พยายามจะควบคุมร่างกายไว้ให้อยู่ ทั้งๆที่ใจจริงแล้วหล่อนอยากจะทรุดตัวลงไปนั่งพักที่พื้นอย่างเสียใจจนหมดแรง หล่อนค่อยๆปิดประตูอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะรีบเดินจ้ำไปจากห้องนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่หล่อนจะทำได้
คนใจร้าย! ทำไมพูดจาไม่คิดว่าคนที่ได้ยินจะเสียใจมากแค่ไหนกัน? ชั้นไปขออนุญาตนายในฐานะของคนที่ชั้นให้เกียรติที่สุด แต่นายกลับมองว่าชั้นเป็นคนที่อยากจะฉกฉวยโอกาสนี้ทำให้ตัวเองโดดเด่นหรอกหรือ? ทำไมไม่คิดถึงใจกันบ้าง ไม่แม้แต่จะถามว่าชั้นมีความจำเป็นยังไง? เพราะอะไร?...
หลายคำถามที่เกิดขึ้นภายในหัวสมองของหล่อนมากมายเสียจน อยู่ดีๆหล่อนก็รู้สึกว่าภายในใจที่มันอัดแน่นไปด้วยความตกใจ ความเสียใจ หรืออะไรก็ตามจากข้อความที่ได้ยินมา ส่งผ่านความรู้สึกมาถึงขอบตาที่บัดนี้ร้อนผ่าว น้ำตาแห่งความน้อยใจ ค่อยๆรื้นขึ้นมา จนในที่สุดมันก็ไหลพร่างพรูลงมาเป็นสาย จนหล่อนต้องปาดมันทิ้งไปพร้อมกับกับเสียงสะอื้นในลำคอ อย่างที่หล่อนเองก็ไม่อาจควบคุมมันได้เลย!
การเรียนการสอนของว่างสามรายการอันได้แก่ ปอเปี๊ยะทอด ถุงทอง และกุ้งห่มผ้า เป็นไปอย่างเรียบร้อยดี แต่ทุกคนในห้องก็รับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่า น่าจะมีเรื่องราวซีเรียสกับภัทร เพราะชายหนุ่มไม่พูดจาเล่นหัวอย่างที่เคยเป็น นอกจากสาธิตไปอย่างเงียบๆเท่านั้นเอง
เมื่อถึงเวลาของการปฏิบัติ สิตาที่ยังคงเสียใจไม่หายกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ หญิงสาวจึงมือสั่น ทำให้การห่อปอเปี๊ยะที่เคยเป็นของง่ายสำหรับหล่อนนั้น เป็นไปด้วยความยากลำบาก จนทำเสียไปเป็นนับสิบชิ้น จนรักษภูมิ ที่สังเกตอยู่นาน เอ่ยปากถามขึ้นอย่างตกใจในท่าทีที่เห็นว่า
เป็นอะไรไป สิตา ห่อแตกแล้วแตกอีก เนี่ย ห่อแตก มาเป็นสิบๆอันแล้วนะ มือไม้ทำไมมันสั่นมาอย่างนี้ สงสัยไปแอบกินกาแฟมาละสิเนี่ย กินไปกี่แก้วละ ใจสั่นใช่มะ... มา.... มานี่เราทำให้เอง ชายหนุ่มแย่งงานในมือของสิตามาทำ ก่อนที่จะถามต่อไปอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่า
แล้ว ไปบอกเชฟแล้วเป็นไงบ้าง ใจดีอย่างเชฟ คงจะอนุญาตแน่เลยใช่มะ เดี๋ยวบ่ายสี่ เค้าก็จะบล็อคกิ้งเวทีกัน แล้วก็รันทรู ต่อเลยนี่นา
รักษภูมิ พูดพลางสาละวนห่อปอเปี๊ยะในมือไปด้วย โดยไม่ทันเห็นว่า สิตา ที่ตอนนี้ ตาเริ่มแดงขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อได้ยินที่รักษภูมิเล่าให้ฟังอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ หญิงสาวจึงรีบขอตัวออกมาสงบสติอารมณ์ข้างนอก ก่อนที่หล่อนอาจจะปล่อยโฮเสียงดัง ออกมาอาจจะทำให้รักษภูมิ รวมถึงคนอื่นๆในห้องตกใจเอาได้
เดี๋ยว สิตา ออกไปหาอะไรกินแก้ใจสั่นก่อนแล้วกันนะ ฝากแดงทำแทนด้วยนะ แป๊บเดียวเท่านั้นเอง จากนั้นสิตาก็รีบวิ่งออกมาจากห้องคุ้กกิ้งอย่างเร็วที่สุดเท่าที่หล่อนจะทำได้ในขณะนั้น
น้ำลำไย ในแก้วใสที่ถูกเติมใส่ ครั้งแล้วครั้งเล่า กับข้าวเหนียวหน้าต่างๆที่เหลือจากบุฟเฟ่ต์ในตอนกลางวันอีกหลายกระทง ค่อยทำให้สิตา สงบสติอารมณ์และดึงตัวเองมาจากความเศร้าที่ไร้สาเหตุแบบนี้ลงมาได้บ้าง หญิงสาวนั่งหมุนแก้วไปมาอย่างเหม่อลอย จนได้ยินเสียงหนีบแปร๋นอย่างคุ้นหูพร้อมกับมีมือคนมาสะกิดที่บ่าเบาๆอย่างล้อเล่น
ใจลอยไปถึงไหนกันเนี่ย แม่นักร้องเสียงใสของคุณ! เสียงของคุณรพี นั่นเอง ก่อนที่สิตาก็หันไปสวัสดี คุณรพีก็เดินบิด พาเอาก้นขนาดใหญ่ภายในกางเกงผ้าสีทองเข้าชุดทับสูทตัวนอก ข้างในสวมทับด้วยเสื้อเชิร์ตสีขาวงาช้าง ติดระบายลูกไม้ ตั้งแต่ปกไล่ลงมาสองข้างแนวกระดุม ที่คอมีหูกระต่ายสีทองอันจิ๋วปักเพชร แว่นตากรอบทองฝังเพชรเข้าชุดกับต่างหูเพชรเม็ดเล็กเช่นกัน
เห็นคุณณัฐ บอกว่า หนูสิตา จะขึ้นเวทีแทนคุณดาวเหรอ ดีจริง สำหรับคุณใครขึ้นก็เหมือนกัน แต่ใจจริงนะ คุณอยากฟังหนูสิตาร้องเพลงมากว่านะ แบบว่า ชอบน่ะ ฮิฮิ คุณรพี พูดพลางวาดไม้วาดมือไป โดยไม่ทันสังเกตสิตา ที่ทำหน้าแห้งๆไป ก่อนที่จะสาธยายต่อไปอีกว่า แล้วชุดเชิ้ด อะไรต่อมิอะไร เตรียมไว้แล้วเหรอ ขาดเหลืออะไร พอซ้อมเสร็จก็มาบอกคุณนะ เดี๋ยวคุณจะส่งไปที่ห้องแต่งตัว วันนี้ไม่ต้องเรียนนะ อนุญาตให้ขาดหนึ่งวัน เพราะคุณเองก็ไม่สอน ให้สรวงสุดา เขาคุมชั้นเรียนแทนไปน่ะ งานนี้คุณต้องไปคนควบคุมหมดเลยรู้มะ แต่ไม่มีอะไรมากแล้ว ฝีมือคุณซะอย่างสบายใจได้เล้ยยยย!
คุณรพี พูดพลางหัวเราะอย่างมีจริตตามที่เคยเป็น พอรู้สึกตัวว่าสิตาไม่ได้อือออไปด้วยตามที่เคยเป็น จึงได้สังเกตแล้วอุทานมาด้วยจริตว่า
ต๊าย ตาย ไหง หน้าตาซีด แห้งแหงแก๋ เป็นปลาใบไม้บางบ่อตากแดดไปได้ละแม่คู๊น...
สิตา ตัดสินใจเล่าถึงเหตการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างภัทรกับตนเอง ให้คุณรพีฟังอย่างหมดเปลือก หล่อนรู้สึกโล่งใจที่ได้ระบายเรื่องนี้ให้ใครสักคนได้รับฟังบ้าง ก่อนที่คุณรพีจะสรุปอย่างว่าง่ายตามประสาตน ที่สามารถจัดการทุกเรื่องในโลกได้ง่ายดาย ตามใจปรารถนาว่า
ไม่ต้องห่วง หนูสิตาทำดีที่สุดแล้ว มีอะไรเกิดขึ้น คุณรับรองเอง ไม่ต้องกังวลไปนะหนู คุณภัทรก็หงุดหงิดแล้วก็มาพาลที่เด็กไปได้ ช่างเถอะนะ ทำให้ดีก็แล้วกัน ทำให้เต็มที่ อย่าให้เสียหน้าคุณก็แล้วกันนะ คุณรพี ตัดสินใจเล่าเรื่องปัญหาที่ภัทร ประสบอยู่ให้สิตาฟังโดยละเอียดเช่นกัน
เมื่อฟังเสร็จ สิตาก็พอจะเข้าใจในเหตุผลของภัทรขึ้นมาบ้าง แต่ด้วยความน้อยใจที่ยังมีหลงเหลืออยู่บ้าง จึงทำให้หล่อนจะยังไม่ให้อภัยภัทรได้ในวันนี้แน่นอน หล่อนจึงได้แต่ขออนุญาตคุณรพีที่นั่งรับประทานของว่างอยู่เช่นกัน
งั้นเดี๋ยว สิตา ขอไปบอกรักก่อนว่า จะไปซ้อมบนเวทีแล้วนะคะ สิตา ขอบพระคุณ คุณรพีมากนะคะ ที่เข้ามาช่วยเหลือสิตา อ้อ! ลืมบอกไป วันนี้ คุณรพี แต่งตัวได้งามมากเลยนะคะ ไม่รู้ว่าสิตา จะแต่งตัวขึ้นเวทีแล้วงามเหมือนคุณรพีบ้างไหมคะเนี่ย
สิตา เย้าออกไปด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้น ก่อนจะยกมือไหว้เพื่อลาไปที่ห้องคุ้กกิ้ง
ในขณะที่คุณรพี หัวเราะกิ๊กอย่างถูกใจในคำชมของสิตา ชายร่างอ้วนนั่งเตะขาไปมาในเก้าอี้ตัวเล็กอย่างชอบใจ ราวกับไม่กลัววาเก้าอี้นั้นจะพังลงด้วยน้ำหนักของตน ก่อนจะโบกมือให้สิตา พร้อมกับยิ้มกว้างอย่างให้กำลังใจก่อนที่หญิงสาวจะลับสายตาไป
การประชุมกับบอร์ดผู้บริหารเป็นไปอย่างเรียบร้อย ภัทร ได้ชี้แจงให้ทุกคนในที่ประชุมยอมรับว่ารายงานของเชฟแดเนี่ยลที่แจ้งมานั้นเป็นความเข้าใจผิด ด้วยเอกสารใบสั่งงาน และพยานที่เกี่ยวข้อง ทำให้เขาสืบพบได้มาว่า เป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดของทางฝ่ายครัวฝรั่ง ทำให้เชฟแดเนี่ยลไม่พอใจถึงขั้นเดินออกไปจากห้องประชุม ทั้งๆที่การประชุมยังไม่เสร็จสิ้น แต่เขาต้องก็ต้องคอยตอบคำถามและข้อข้องใจอีกหลายประการ กว่าจะเสร็จก็เล่นเอาเหนื่อยไปเลยทีเดียว เมื่อรถตู้ของไทยทัศน์ที่ขับมาส่งเขา ก็เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว ทันทีที่กลับไปเปลี่ยนชุดเชฟเรียบร้อย ภัทรเดินตรงไปดูนักเรียนที่ห้องเรียน ก็เห็นว่าทุกคนกำลังตั้งใจทำแบบทดสอบที่คุณรพีเตรียมมาให้อย่างขะมักเขม้น จะขาดก็เพียงแต่สิตาและรักษภูมิเท่านั้น
เมื่อจิตใจเริ่มปลอดโปร่ง ทำให้อดคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายไม่ได้เช่นกัน แต่ด้วยงานเลี้ยงใหญ่ที่รอให้เขาตัดสินใจสั่งการอีกหลายเรื่อง ชายหนุ่มจึงรีบสลัดความคิดนั้นออกไปแล้วมุ่งหน้าไปที่ครัวเพื่อทำงานที่รอให้สะสางอย่างรีบเร่งอีกครั้ง
หลังจากซ้อมกับนักดนตรีบนเวทีเสร็จ สิตาก็เข้าไปแต่งหน้าทำผมและแต่งตัวที่ห้องแต่งตัว โดยมีรักษภูมิและคุณรพี ตามไปควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด โชคดีที่ ทุกอย่างที่เตรียมไว้ให้แองเจลิน่า ลิ้ม สามารถนำมาปรับดัดแปลงเข้ากับหล่อนได้ไม่ยาก เริ่มจาก รายการเพลงที่ต้องร้อง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเพลงสากล อันได้แก่เพลงจีน และเพลงสากลทั้งช้าและเร็ว จะมีเพลงไทยแบบช้าผสมเข้ามาบ้างเล็กน้อย ตามความเหมาะสม ซึ่งเพลงเหล่านั้น หล่อนเองก็ร้องได้และร้องประจำอยู่แล้วจึงไม่น่าหนักใจแต่อย่างไร
แต่ชุดราตรีที่ต้องใส่ขึ้นเวทีนี่สิ ด้วยความที่ แองเจลิน่า เป็นนักร้องที่มีรูปร่างสมส่วนแต่ก็ไม่สูงเท่ากัน และยังท้วมไปกว่าสิตาอยู่มาก อีกทั้งยังอายุมากพอที่จะแต่งตัวได้วาบหวิวได้อย่างไม่น่าเกลียด จึงทำให้หล่อนค่อนข้างหนักใจกับชุดที่โชว์ส่วนเว้าและโค้งมากพอสมควร ที่หล่อนจำเป็นจะต้องสวมใส่มันแทน
แต่เมื่อได้แรงยุจาก รักษภูมิ คุณรพี ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม รวมถึงอีกหลายคนที่ต่างชมเป็นเสียงเดียวกันว่า หล่อนสวมใส่ชุดเหล่านั้นได้สวยน่าดูกว่าเจ้าของสัดส่วนในตอนแรก แม้ว่าจะต้องเก็บต้องแก้ให้เข้ากับรูปร่างที่โปร่งบางของสิตาแล้วก็ตาม ทำให้งานในคืนนี้ดูจะไม่น่ามีอะไรให้กังวลอีกต่อไปเลย
ห้องโถงใหญ่ของไทยทัศน์ ซึ่งแต่เดิมก็คือท้องพระโรงของวังสิราวรกาญจน์ ซึ่งได้ถูกทุบและดัดแปลงตกแต่งเพิ่มเติมไปอีกจนสามารถจะจุคนได้เกือบพันคน พรมสีแดงเลือดนกที่ถูกปูจนเต็มทุกตารางของห้อง รับกับแสงสะท้อนของโคมแก้วระย้าขนาดใหญ่หลายชั้นห้อยอยู่ตรงกลางห้องพร้อมกับโคมแก้วแบบ ลูกขนาดย่อม ที่รับกันเป็นจุด ตามแนวของห้อง เพื่อให้แสงสว่างได้ทั่วถึง บนเพดาน เป็นภาพวาดลวดลายไทยประยุกต์จากศิลปินที่มีชื่อของไทย ดูงดงามละลานตา
แผนกจัดเลี้ยง จัดตั้งโต๊ะตามคำสั่งของคุณรพี ที่ลงมือวาดแผนผังให้เพื่อความเหมาะสม พร้อมกันนี้ยังได้จัดประชุมพนักงานด้วยตนเอง เพื่อให้รองรับแขกกิตติมศักดิ์มากมายในคืนนี้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องดอกไม้สด ถูกควบคุมการจัดโดยคุณบุปผาชาติ ที่มากำกับดูแลตั้งแต่ช่วงเช้าเช่นกัน เวทีขนาดใหญ่ หันหน้าออกไปทางผนังกระจกใส มองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาไหลพาดผ่าน ด้านนอก เป็นโอเพ่น บาร์ มีลำโพงส่งเสียงจากข้างใน สำหรับคนที่อยากจะนั่งดื่มเครื่องดื่มพร้อมกับชมทิวทัศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยาในยามค่ำคืนไปด้วย
งานเลี้ยงเริ่มต้นเมื่อเวลาหกโมงกว่าๆ แสงทองสุดท้ายของพระอาทิตย์ส่งแสงเข้ามากระทบกับบรรยากาศภายในห้องโถง ดูงดงามจับตายิ่งนัก เจ้าหน้าที่แผนกไฟหรี่ไฟเบา พร้อมกับเพลงบรรเลงที่เปิดคลอ เพื่อให้แขกดื่มด่ำไปกับภาพพระอาทิตย์ที่ค่อยๆถูกแม่น้ำเจ้าพระยากลืนหายไปอย่างช้าๆ ก่อนที่จะหันมาสนใจกับพิธีการต้อนรับที่จะเกิดขึ้นเมื่อท้องฟ้าภายนอกเปลี่ยนเป็นสีเข้ม
งานเลี้ยงต้อนรับ มิสเตอร์เฮนรี่ ชายวัยห้าสิบปลายๆ ผู้ดูแลโรงแรมในเครือ ที่ไทยทัศน์ เป็นบริษัทลูกเช่นกัน ในภูมิภาคเอเชียที่มีโรงแรมในเครือฯ ไปตั้งอยู่ ล้วนแล้วแต่ต้องผ่านการตรวจสอบจากชายผู้นี้ทั้งสิ้น
ซึ่งในครั้งนี้ มิสเตอร์เฮนรี่ ได้นำผู้บริหารโรงแรมในเครือฯ จากสำนักงานใหญ่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงจากหลายประเทศในยุโรป มาประชุมที่เมืองไทย ซึ่งเขาเองชอบเป็นการส่วนตัว และแน่นอนทุกครั้งที่มาเยือนต้องไม่พลาดที่จะมารับประทานอาหารที่ไทยทัศน์เหมือนเช่นเคย
เมื่องานเลี้ยงเริ่มขึ้น วงดนตรีของณัฐ เริ่มต้นบรรเลงเพื่อเรียกให้ทุกคนเข้ามานั่งประจำที่ ก่อนเริ่มเสิร์ฟอาหาร ในแบบของกาล่า ดินเน่อร์ เมื่อทุกคนได้มานั่งประจำที่แล้ว พิธีกร ก็กล่าวเปิดงาน พร้อมกับฉายวิดีทัศน์เกี่ยวกับผลงานของมิสเตอร์เฮนรี่ จนเมื่อมิสเตอร์เฮนรี่ออกมาแนะนำตัวกับแขกผู้มีเกียรติแล้ว เซอร์ไพร์สก็เริ่มต้นขึ้น ขบวนแห่มังกร ขบวนใหญ่เดินเข้ามาในงานอย่างสมเกียรติ ตรงกลางขบวนมีที่นั่งที่มีคานสำหรับหามคล้ายกับเสลี่ยงของทางภาคเหนือ แต่ตกตกลวดลายด้วยมังกรจนงดงาม โดยมีคนหามเข้ามาช้าๆ บนนั้น มีสิตา ในมาดของนางพญาหงส์ นั่งพับเพียบเท้าแขนมาอย่างมั่นใจ เมื่อคานหามถูกวางลง เสียงเพลง เถียน มี่มี่ ก็ดังขึ้นไว้ตามคิวที่ได้นัดหมายไว้
สิตา ในชุดกี่เพ้าสีแดงเพลิง รัดรูปทำให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่งดงามสมส่วนอย่างชัดเจน หงส์ตัวเล็กที่ปักด้วยดิ้นสีทองจนดูเป็นลายละเอียด จับแสงไฟงามตาแบบเย้ายวนยิ่งนัก ชายกระโปรงที่แต่เดิมถูกผ่ามาสูงพอควร กลับยิ่งถูกดึงรั้งให้สูงขึ้นเพราะความสูงของหล่อนที่มีมากกว่า แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดแต่อย่างใด กลับยิ่งเผยให้เห็นเรียวขายาวนวลเนียนละเอียดน่ามองยิ่งนัก
หญิงสาวเดินไปตามทางที่ไฟฟอลโลว์ส่องรับอย่างสง่างาม ด้วยมาดมั่น ตามจังหวะดนตรีโดยไม่รีบร้อน ก่อนจะขึ้นไปยืนร้องเพลงบนเวที ทันที่เนื้อร้องขึ้นมาอย่างพอดี ภาพและเนื้อเพลงถูกถ่ายทอดออกไปยังจอขนาดใหญ่ทั้งสองข้างของเวที คล้ายคาราโอเกะ เพื่อให้ทุกคนสามารถร้องตามไปด้วย
เมื่อกล้องโคลสเข้าไปใกล้ภาพใบหน้าของสิตา ทุกคนที่ได้ยินเสียงหวานใสจากหล่อน ก็ยิ่งเพิ่มความตกตะลึงในรูปลักษณ์ที่งดงามของหล่อนยิ่งนัก เริ่มจากผมยาวสวยถูกรวบตึงแล้วปาดเรียบเก็บไว้เป็นมวยด้านหลังพร้อมกับปิ่นปักรูปหงส์ที่เข้ากัน เผยให้ใบหน้ารูปไข่ หน้าผากกลมมน ดวงตาสองชั้นที่หนาลึก บัดนี้ถูกพรางด้วยอายไลเนอร์จนเฉี่ยวไฉไลราวกับสาวชาวจีนเมืองเซี่ยงไฮ้ยุคใหม่ก็มิปาน จมูกเล็กแหลมรับกับริมฝีปากบางแต่อวบอิ่ม ที่ทาทับด้วยสีแดงเพลิงด้านเฉดเดียวกับสีชุดนั่นเอง คอยาวระหงลาดลงมารับกับไหล่ที่ตั้งตรงราวกับไม้แขวนเสื้อ ทำให้ภัทรที่กำลังคุยกับผู้บริหารคนอื่นๆ ถึงกับหยุดดูภาพในจออย่างตกตะลึงในความงามที่แปลกตานี้ไปอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะตัดใจหันมาคุยธุระต่อไปได้
เพลงจีนถูกเล่นอีกสามเพลง การพูดคุยกับแขก มีทั้งในส่วนที่เป็นภาษาจีน ภาษาอังกฤษ และภาษาไทยสลับกันไป ก่อนที่จะเข้าพิธีการอีกครั้ง สิตา ที่รีบปลีกตัวออกไปเปลี่ยนเครื่องแต่ง เพื่อกลับมาโชว์ในช่วงเพลงเต้นรำอีกในช่วงหน้า แต่หล่อนต้องถูกรั้งไว้บนเวที นอกเหนือไปจากสคริปต์ที่มี เพราะมิสเตอร์เฮนรี่ มีของจะตอบแทนในความประทับใจที่มีต่อการแสดงของหล่อนนั่นเอง
เมื่อ มิสเตอร์เฮนรี่ ขึ้นมาบนเวที เขาแกะเข็มกลัดหยกที่ล้อมรอบด้วยเพชรพลอยหลากสีของประจำตัว ที่กลัดอยู่ที่หน้าอกเสื้อสูท แล้วนำมากลัดที่หน้าอกของชุดกี่เพ้าสีแดงนั้น เมื่อกลัดเสร็จ เขาก็ดึงมืออีกข้างของสิตาที่ไม่ได้ถือไมค์ไว้มาจุมพิตอย่างแผ่วเบา และพูดผ่านไมโครโฟนเพื่อให้คนทั้งห้องโถงได้ยินชัดกันทั่วว่า
Thank you for singing the lovely songs, you are the most beautiful Thai girl that I have ever seen!
สิ้นคำชมนั้น คนทั้งห้องโถงต่างก็พากันปรบมือให้ มิสเตอร์เฮนรี่ อย่างชอบใจในความกล้าบ้าบิ่นของเขา สิตา จึงทำได้แต่เพียงก้มหัวรับ พร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ ก่อนที่หล่อนจะได้ระบายลมหายใจครั้งใหญ่ เมื่อลงมาจากเวทีได้สำเร็จ
ขณะที่สิตากำลังวุ่นวายกับการเปลี่ยนชุดอยู่นั้น คุณรพี ก็เดินบิดสะโพกเข้ามาหาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะกรี๊ดกร๊าดปรบมือให้สิตา อย่างถูกอก ถูกใจ พร้อมกับเอ่ยปากแซว เมื่อเห็นเข็มกลัดหยกนั้นวางอยู่บนโต๊ะนั่นเองว่า
จุ๊ จุ๊ จุ๊ แหม...สวยจริงๆเลยนะเนี่ย เข็มกลัดหยกเนี่ย รู้ไหมนี่มันของเก่าแก่เลยรู้ไหม ท่าทางอาเจ็กเฮนรี่ คงจะต้องตาต้องใจสาวไทยเข้าให้แล้วละซีเนี่ย
แหม คุณรพี ก็ว่าเกินไปนะคะ เขาคงไม่รู้จะให้อะไรมากกว่ามังคะ นี่สิตาก็กะว่าเอาไปคืนอยู่ทีเดียว เอาไว้งานเลิกก่อนน่ะค่ะ สิตา ตอบขณะที่กำลังให้ช่างทำผมเปลี่ยนทรงผมอยู่
คุณรพี เอาอุ้งมือขาวหนาอมชมพูที่ใส่แหวนเพชรจนเต็มทุกนิ้วนั้น ขึ้นทาบอก พร้อมกับทำหน้าตาตกใจสุดขีด ราวกับว่าสิตา เพิ่งเล่าเรื่องผีที่แสนจะสุดสยองให้เธอฟังไปหยกๆ ก่อนที่จะพูดแย้งเสียงดังว่า
ตาย ต๊าย ตาย อย่าได้ริทำเช่นนั้นเชียวนะหนู มันเป็นการเสียมารยาทสุดๆเลยทีเดียว ผู้ใหญ่ให้อะไรก็รับไว้เถอะจ้ะ อยู่เฉยๆไว้เดี๋ยวดีเอง เชื่อคุณเถอะ
สิตา ไม่ทันตอบว่าอะไร เพราะขณะนั้นช่างแต่งหน้ากำลังเติมเครื่องสำอางอยู่ กว่าจะเสร็จพอที่จะคุยต่อได้ ชายร่างอ้วนในชุดสีทองก็อันตรธานไปจากที่ตรงนั้นเสียแล้ว
ภัทร ทำหน้าหงุดหงิด พร้อมกับส่ายหัวอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นสิตา ปรากฏกายอีกครั้งในชุดราตรี พร้อมกับบ่นเสียงดัง จนรักษภูมิ ที่เดินตามคอยฝึกงานเป็นผู้ช่วยนั้น ที่ได้ยินเรื่องที่สิตาเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์เมื่อตอนบ่าย ผสมกับท่าทีของภัทรที่แสดงออกตรงหน้านี้อีก ก็เริ่มไม่ชอบใจเขาเช่นกัน
ทำไม คุณสิตา เธอถึงได้แต่งตัวโป๊ วาบหวิวอย่างนั้นด้วยละครับ รักษภูมิ คุณปล่อยให้น้องสาวคุณแต่งไปได้ยังไง ไม่น่าดูเลยสักนิด
ผู้ชายอะไรปากอย่างกับกรรไกร! รักษภูมิคิดในใจ ก่อนที่จะอธิบายเสียงเรียบๆ ซึ่งเขาหวังว่าคงจะทำให้เชฟหนุ่มหยุดพึมพัมวิพากษ์วิจารณ์สิตามากไปกว่านี้เช่นกัน
ไม่เห็นจะโป๊ตรงไหนเลยนี่ครับเชฟ พอดีเจ้าของชุดเดิม เค้าตัวเล็กและเจ้าเนื้อกว่าสิตา น่ะครับ เลยไม่ค่อยพอดีไปสักหน่อย แต่แก้ไขแล้วก็ดูดีทีเดียวเลยครับ รักษภูมิ พูดจบพลางยักไหล่ขึ้นอย่างที่ไม่เห็นว่าเ รื่องนี้ควรจะเป็นประเด็นให้ภัทรควรพูดถึงตรงไหนเลยแม้แต่น้อย
ภัทร หันมามองรักษภูมิด้วยคิ้วขมวดอย่างไม่เข้าใจ เป็นเชิงถามว่า นี่ยังไม่โป๊อีกเหรอ? ก่อนจะเดินไปดูการเสิร์ฟจานของหวานตามโต๊ะต่างๆไปด้วย โดยมีรักษภูมิ เดินตามอยู่ใกล้ๆ ก่อนที่สิตา ที่ร้องเพลงเต้นรำอยู่บนเวทีจะโบกมือให้ เมื่อเห็นว่าเขายกนิ้วโป้งให้ตนอย่างชมเชย
เพราะสิตา ออกมาร้องเพลงในช่วงนี้ ด้วยชุดราตรียาวคอวีลึกสีน้ำเงินเข้ม เดินด้ายด้วยดิ้นเงินจนระยิบระยับไปทั้งชุด ที่เอวคาดด้วยเพชรที่ปักเรียงกันเป็นเข็มขัด ตรงกลางเป็นมุกล้อมรอบเพชรเม็ดใหญ่สะท้อนแสงไฟวูบวาบตามจังหวะเพลงที่เคลื่อนไหวไปอย่างงดงาม ผมมวยถูกคลายปล่อยลงมาแล้วม้วนปลายอย่างสวยงาม ใบหน้าถูกแต่งเติมเพิ่มสีสันให้เข้มฉูดฉาดมากขึ้นกว่าเมื่อตอนหัวค่ำ ทำให้สาวชาวจีนยุคใหม่กลายเป็นแหม่มสาวสุดเก๋ไก๋ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
จากคุณ |
:
Awork
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ก.พ. 55 02:50:25
|
|
|
|
 |