Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หัวใจก้นครัว ๑๗-๑๘-๑๙ (แก้ไขใหม่) ติดต่อทีมงาน

บทที่  ๑๗

          ในที่สุดช่วงเวลาของการสอบวิชา Food Safety ก็มาถึงจนได้
ทั้งที่ก่อนหน้านี้สิตา ยังต้องใช้เวลาในการปรับความเข้าใจ ในการท่องหนังสืออยู่พอสมควร หล่อนแยกไม่ออกว่าระหว่าง ซัลโมเนล่า(Salmonella/ชื่อของเชื้อโรคชนิดหนึ่ง) กับ ซาลาแมนเดอร์ส(Salamanders/ชื่อของเตาปิ้งชนิดหนึ่ง) ต่างกันอย่างไร ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันคนละเรื่องกันเลย ไหนจะ เรื่องของการปนเปื้อน และอีกมากมายหลายเรื่อง ที่หญิงสาวต้องรีบบรรจุข้อมูลใส่สมองอันแสนจะสับสน แต่ก็นับว่าเป็นโชคดีที่ เพื่อนๆในห้องต่างช่วยกันแนะนำแนวข้อสอบ จนเข้าใจแจ่มแจ้งมากขึ้น

        เมื่อการสอบเริ่มขึ้น สิตาเลือกทำข้อสอบภาษาอังกฤษ ที่อ่านแล้วเข้าใจง่ายกว่าแบบแปลเป็นภาษาไทย แล้วก็ระบายลมหายใจอย่างโล่งอก เมื่อพบว่าเนื้อหาส่วนใหญ่ไม่ได้ยากอย่างที่หล่อนกังวล มาตั้งแต่แรก เพราะส่วนใหญ่เน้นความเข้าใจและวิธีปฏิบัติทั่วไป ไม่ได้ก้ำกึ่งหรือใกล้เคียงกันจนเกินไปแบบข้อสอบในมหาวิทยาลัยที่หล่อนเคยเรียนมา

        มาธิตา มาให้กำลังใจลูกศิษย์ด้วยตัวเอง แม้ว่าวันนี้เวลาในวิชาของหล่อนจะถูกงดไปเพื่อใช้จัดสอบ แต่หล่อนก็อยากมาให้กำลังใจแก่เด็กๆ พร้อมกับมารับรายงานที่ให้ไว้เป็นการบ้าน กลับไปตรวจ รวมถึงมามอบหมายงานใหม่ให้เพื่อให้เกิดการเรียนอย่างต่อเนื่อง ตามประสาครูใหม่ไฟแรง

       วันนี้ นางแบบสาวปรากฏกายด้วยชุดแส็คลูกไม้สีแดงเข้มเลือดหมูรับกันกับรูปงดงามสมส่วน ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนสลวยถูกรวบแล้วถักเป็นเปียใหญ่ทิ้งชายมาไว้ที่ข้างลำคอระหง หล่อนเลือกใช้เครื่องประดับเป็นสร้อยคอและต่างหูมุก ที่เหมาะเจาะและเรียบง่าย แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเก๋และหรูหราอยู่ในตัว

        เข้าสู่การสอบได้สักพัก ภัทร ก็เดินเข้ามาดูความเรียบร้อย ในชุดเชฟเต็มยศ จนเห็นว่าทุกคนในห้องต่างขะมักเขม้นกับการสอบ ก่อนจะเดินออกไปคุยกับมาธิตาที่นอกห้องเช่นกัน

        สิตา มองภาพที่ภัทรคุยกับมาธิตาอย่างเป็นกันเองอยู่ที่นอกห้องเรียนแล้ว รู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ หล่อนไม่เข้าใจว่าทำไม ภัทรจึงเป็นคนที่ชอบเอาใจคน ด้วยการพูดคุยอย่างเป็นกันเองเช่นนี้เสมอๆ  

       ที่สำคัญคุณมาร์ต้าเอง ก็มีครอบครัวแล้ว แต่กลับมาพูดเล่นพูดหัวกับผู้ชายอื่นอย่างหน้าตาเฉยได้อย่างไร หญิงสาวนึกพาลไปเสียทุกอย่างที่เห็นรอบตัวไปเสียหมด

      จนรักษภูมิ ที่สังเกตเห็นว่าสิตา นั่งเหม่อมองการสนทนาของบุคคลทั้งสองนอกห้องเรียนนานเกินไปแล้ว เขาจึงกระแอมในคอเบาๆ ให้หญิงสาวรู้สึกตัว แต่ก็หาได้เกิดผลใดๆไม่ ชายหนุ่มจึงใช้ปลายเท้าเตะไปที่ขาเก้าอี้เบาๆ ให้รู้สึกตัวอีกครั้ง

       เมื่อได้สติ สิตาก็หันมาเบ้หน้าใส่ รักษภูมิอย่างหงุดหงิด ก่อนที่อีกฝ่ายจะส่งสัญญาณว่าให้หล่อนทำข้อสอบต่อไป อย่างไม่เข้าว่าสิตาเป็นอะไรกันแน่

      “Hello!...my students!” เสียงทักทายแบบแหลมสูงของคุณรพี ซึ่งวันนี้มาในชุดผ้าไหมสีม่วงคราม ดูมีสีสันสดใส

       เมื่อเธอเดินมาเปิดประตู พร้อมกับโบกมืออวบอูมสีชมพู จนคล้ายอุ้งเท้าแมวให้นักเรียนทั้งห้องที่กำลังขะมักขะเม้นในการสอบอยู่ อย่างร่าเริง ก่อนที่จะเดินบิดสะโพกกลมๆ แบบน่ารัก มาเดินดูให้ทั่วๆห้อง แล้วบอกต่อไปว่า

       “พอดี วันนี้ คุณ พาเพื่อนชาวต่างชาติ มารับประทานอาหารกลางวันที่นี่ ได้ยินว่ามีสอบกันเลยแวะมาดู ขอให้โชคดีทุกคนนะจ๊ะ เด็กๆ” เมื่อพูดจบ คุณรพีก็โบกมือให้อย่างอารมณ์ดีอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินออกไปสมทบกับ มาธิตาและภัทร ที่คุยกันอยู่ด้านหน้าห้องอยู่แล้วนั่นเอง

       สิตาหันมารวบรวมสมาธิให้อยู่กับการทำข้อสอบ ซึ่งมีความสำคัญต่ออนาคตของหล่อน มากกว่าการที่จะมาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง จนเวลาผ่านไปชั่วโมงครึ่ง การสอบก็เสร็จสิ้นลง

      ในห้องแคนทีน เปียโน ถือถาด ของว่างและแก้วโกโก้เย็น มาวางข้างๆพายุ ที่ตอนนี้ทุกคนในกลุ่มกำลังกินของว่างอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ ก่อนจะบอก รักษภูมิ มาอย่างนึกขึ้นได้ว่า

      “พี่รัก เปียโน ไปสืบหา บ้านที่เขาทำปลาหวาน เนื้อเค็ม หมูเค็มฝอย ส่งมาให้ไทยทัศน์ ที่พี่อยากจะไปขอฝึกงานได้แล้วนะ นี่ไง ที่อยู่ เพิ่งด๋ายม่า เอ๊ย! เพิ่งได้มา โสดๆ รอนๆ เลย”

    รักษภูมิ ขำในความอ่อนแอทางภาษาไทยของ เปียโน รวมถึงถึงทุกคนในกลุ่มด้วย เขายื่นมือไปรับกระดาษโน้ตสีขาว ที่จดรายละเอียดของที่อยู่ รวมถึงแผนที่บ้านหลังนั้นมา ก่อนจะเอ่ยขอบใจ และตั้งใจว่าพรุ่งนี้ก่อนมาเรียนที่ไทยทัศน์ เขากับสิตาจะลองไปตามหาบ้านหลังนี้ ให้เจอให้ได้

      รถเบ๊นซ์สปอร์ตสีเข้ม ขับไปตามบ้านแต่หลังอย่างช้าๆ ในตรอกแห่งหนึ่งของถนนบางลำพู สิตา ทำหน้าที่ ดูบ้านเลขที่ว่าใช่ตามที่ได้รับมาจากเปียโนหรือไม่ จนผ่านไปเกือบสุดตรอกแล้ว ก็ยังไม่พบ หากขับพ้นจากบ้านหลังสวยของสิตาที่เจ้าตัวมักจะมาแอบดูเสมอๆนั้น ก็จะทะลุออกถนนใหญ่อีกด้าน สิตาจึงพูดออกมาว่า

      “สงสัยไม่เจอแน่เลย แดง นี่ขับวนมาหลายรอบแล้วนะเนี่ย โชคดีที่ได้ดูบ้านหลังสีเขียวที่ชอบหรอกนะ ไม่งั้นหงุดหงิดแน่เลย เสียเวลาเปล่าน่า ไปกันเหอะ”

      “ลองวนอีกรอบดีไหม เรายังพอมีเวลานี่นา อย่าบอกนะว่าสิตาหิวแล้ว เพิ่งกินขนมมาหยกๆ อย่าบ่นมากเลยน่า ไม่ได้เป็นคนขับซะหน่อย” รักษภูมิ ขัดขึ้นอย่างรู้ทัน ก่อนจะวนไปกลับรถผ่านบ้านสีเขียวอ่อนหลังนั้นอีกครั้ง แล้วจึงนึกขึ้นได้ว่า

     “เออ นี่สิตา แล้วบ้านหลังสีเขียว เนี่ย ใช่เลขที่เดียวกันรึเปล่า สิตาดูดีรึยัง?”

        หญิงสาวที่นั่งข้างๆประจำตำแหน่งคนดูบ้าน หันมาแสยะยิ้มให้อย่างจนมุม รักษภูมิจึงได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาเพียงเท่านั้นเอง

        เมื่อรักษภูมิ ขับรถไปเทียบหน้าประตูบ้านที่ต่อเป็นแถวด้วยด้วยไม้สีน้ำตาลแดง แต่ก็มีช่องว่างห่างพอให้มองลอดเข้าไปในบ้านได้ สิตา ชะโงกไปดูบ้านเลขที่ที่ติดไว้ที่ประตูเล็กสีเดียวกันอย่างหงุดหงิดใจ ก่อนที่หล่อนเตรียมตัวจะระเบิดคำบ่นชุดใหญ่ออกมา หากว่าบ้านหลังสุดท้ายนี้ ไม่ใช่ โทษฐานที่แดงกล้ามาออกคำสั่งกับหล่อน

“๒๘๕...ทับ ๖ เออ...เออ ใช่จริงๆด้วย แดง” สิตา อุทานอย่างตื่นเต้น เมื่อแน่ใจว่าที่หมายตรงหน้า ก็คือบ้านที่หล่อนชอบมาผ่านเพื่อแวะดูเล่นๆ กลับกลายมาเป็นแหล่งผลิตของอร่อยๆส่งให้ไทยทัศน์นั่นเอง

              ทั้งคู่ตัดสินใจจอดรถแล้วลงไปกดกริ่งที่หน้าประตูบ้าน เพื่อจะขอพบเจ้าของบ้าน เมื่อกดกริ่งที่ยื่นออกมาจากกล่องสี่เหลี่ยมใหญ่คล้ายกับตู้รับจดหมายขนาดย่อม ก็มีเสียงดังมาจากกล่องนั้นว่า

        “มาหาใครจ๊ะ?”

        สิตา มองหน้ารักษภูมิ อย่างงงๆ หญิงสาวมองไปรอบๆก็ไม่พบใคร และไม่รู้จะตอบกลับเสียงนั้นไปได้อย่างไร จึงได้แต่มองหน้ากันไปมา จนมีเสียงดังมาจากกล่องนั้นดังสำทับมาอีกครั้งหนึ่งว่า

        “ใครสักคนใดคนหนึ่ง ช่วยยืนมองมาที่กระจกสีดำตรงหน้า ทีได้ไหม?” สิตา ตัดสินใจมอง จ้องเข้าไปในแผ่นกระจกสีดำเข้ม ที่แปะอยู่ด้านหน้านี้เอง

        “อ้อ! หนูสิตา เองเหรอ มีธุระอะไรจ๊ะ บอกผ่านกระจกมาได้เลย คนข้างในได้ยินจ้า”

       “คือ หนูมาขอพบเจ้าของบ้านนี้ นะค่ะ จะมาขอเรียนทำพวกเนื้อฝอย ปลาฝอย ไม่ทราบว่าที่นี่เปิดสอนไหมคะ?”

      ทั้งๆที่ยังคง จับต้นชนปลายไม่ถูก ว่าอีกฝ่ายที่ไม่ปรากฏตัวนั้น รู้จักหล่อนได้อย่างไร แต่หญิงสาวก็รีบบอกจุดประสงค์ที่ตั้งใจมาที่นี่ให้เร็วที่สุด
เสียงปลดล็อคประตูอัตโนมัติ ดังกริ๊ก พร้อมกับมีเสียงผ่านกล่องสีดำนั้นดังมาอีกว่า

      “เข้ามาข้างในก่อน เปิดประตูได้เลย เดินตรงเข้ามาที่หน้าประตูบ้านเลยนะหนู”

       สิตา ตัดสินใจเปิดประตูก้าวเข้าไปในบ้านก่อน โดยมีรักษภูมิเดินตามมาอย่างช้าๆ เขาเตรียมกดโทรศัพท์มือถือไปหาดีใจ เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน จะได้ให้ดีใจแจ้งตำรวจมาช่วยได้ทัน ต่างจากสิตา ที่เดินอาดๆ เข้าไปในบ้านอย่างมีความสุข เพราะหล่อนอยากเห็นภายในบ้านหลังนี้อย่างเต็มตา หลังจากที่มีโอกาสแค่ได้ชะเง้อมองความงามมาจากภายนอกเท่านั้นเอง

       ภาพที่เห็นจากการเดินเข้าประตูบ้านไป คือ บ้านตึกแบบฝรั่ง อาคารทรงสูงขนาดสองชั้น ทาสีเขียวอ่อน ด้านหน้ามีมุขยื่นออกมาโดยใช้บริเวณเฉลียงด้านบนเป็นหลังคา และด้านล่างยังเล่นระดับเป็นช่องโค้งสำหรับให้รถเข้าไปจอดแบบบ้านฝรั่งได้อีกด้วย

       แม้ว่าตัวตึกสูงใหญ่หลังนี้ดูเหมือนทึบแต่ภายในน่าจะโปร่งสบาย เพราะมีหน้าต่างบานเกล็ดไม้สีเข้มยาวจรดพื้นหลายบาน เปิดกว้างรับลม ถึงประตูบานใหญ่ปิดไว้ทั้งสองชั้น แต่เหนือหน้าต่างและประตูก็เป็นช่องลมที่ปิดด้วยไม้ฉลุลายละเอียดยิบ ช่วยให้ระบบหมุนเวียนอากาศในบ้านเย็นสบายโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศแบบบ้านสมัยใหม่ สนามหญ้าทางฝั่งซ้ายและขวามือถูกตัดเรียบเกรียน จากประตูบ้านขนาดใหญ่ มีถนนลาดยาวเป็นวงล้อมรอบสนาม สามารถขับรถวนมาจนมาบรรจบกับประตูหน้าตึกได้โดยไม่ต้องมีการกลับรถ และวิ่งเข้าไปจอดเทียบที่หน้าบันไดบ้านได้เลย

         กำแพงต้นข่อยสูงท่วมหัวล้อมรอบอาณาเขตภายในบ้านอย่างเป็นสัดส่วน ด้านซ้ายสุดของสนามหญ้าติดริมถนน มีศาลาไม้ตั้งอยู่ มีซุ้มไม้เลื้อยออกดอกหลากสี ส่งกลิ่นหอม และให้ความร่มเย็น ต้นไม้ใหญ่หลายต้นยังคงสภาพดี แสดงว่าได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากเจ้าของ

        รอบโคนต้นไม้ปลูกไม้พุ่มเช่น มะลิ ล้อมรอบจนหนา ดอกสีขาวออกดอกมามากมายแข่งกับใบสีเขียวที่ถูกตัดแต่งอย่างดี แลดูเป็นระเบียบ บนต้นไม้ใหญ่ตามกิ่งรอบๆก็แขวนประดับด้วยกล้วยไม้หลากสี หลากสายพันธุ์ ยังคงออกดอกเป็นช่อสวย ถึงแม้ว่าจะเป็นหน้าร้อนก็ตาม

         สิตาเดินทอดน่องไปตามทางที่ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตสีเข้มตัดกับสีเขียวของสนาม ตรงสนามหญ้ารูปวงรีใจกลางนั้น มีอ่างน้ำพุสีขาวที่ตอนนี้ปิดอยู่ แต่ก็ยังคงมีน้ำเต็มเปี่ยมอยู่ ล้อมรอบยังมีกระถางบัวแบบกระเบื้องเคลือบ จัดวางเล่นระดับสูงต่ำอย่างเหมาะเจาะ นกหลายตัวบินมากินน้ำ บ้างก็เกาะอยู่ที่ขอบน้ำพุซุกไซ้ขนของมันอย่างไม่สนใจใคร น่าเอ็นดูยิ่งนัก หล่อนฟังเสียงนกที่ร้องทักอย่างเพลิดเพลิน กระรอกวิ่งไล่กันบนกิ่งไม้ใหญ่ ก่อนที่จะหยุดดูหล่อน เพื่อต้อนรับอาคันตุกะผู้มาเยือน ก่อนจะหันไปวิ่งไล่กันเองตามเดิมจนลับสายตาไป

        หญิงสาวไม่ทันสังเกตว่าเดินมาไกลสักแค่ไหนแล้ว แต่หล่อนก็มาหยุดที่ขั้นบันไดกว้างที่ยกระดับสูง ใต้ซุ้มโค้งประดับลายปูนปั้น เพื่อใช้เดินขึ้นไปยังตัวบ้าน มีขอบจับเป็นปูนปั้นประดับด้วยกระเบื้องขุ่นหลากสีสัน

        ยังไม่ทันที่จะได้ถอดรองเท้า ประตูไม้สักทองสลักลวดลายโบราณสีเข้มก็ถูกเปิดออก โดยผู้ที่เปิดออกมาต้อนรับหล่อนและรักษภูมินั้น ทั้งให้ทั้งคู่ต้องอ้าปากค้างอย่างอย่างตกตะลึงในความประหลาดใจ แล้วอุทานออกมาพร้อมกันว่า

        “ป้าทับทิม!”

        หญิงชรา ร่างผอมสูง ในเสื้อลูกไม้คอป้านสีเนื้ออ่อนเข้าชุดกับผ้าซิ่นสีแดงชมพู่มะเหมี่ยว ยิ้มน้อยๆต้อนรับทั้งคู่อย่างใจดี ก่อนจะบอกอย่างเร่งรีบว่า

        “อย่าเพิ่งถอดรองเท้าขึ้นบ้านเลยจ้ะ หนูรักกับหนูสิตา เดินอ้อมด้านข้างไปคุยกันที่ครัวนอกกันดีกว่า พอดี ป้าต้องคุมเด็กทำของว่างไปส่งงานเลี้ยงตอนเย็นนี้ ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ เดี๋ยวเดินตามเด็กไปนะ”

        เด็กรับใช้เดินออกมาพาทั้งคู่ไปยังครัวนอก ที่นางทับทิมบอกไว้ สิตาและรักษภูมิ มองตากันอย่างประหลาดใจว่า ป้าทับทิม ที่ขายของว่างที่ทั้งสองคนเป็นลูกค้าประจำ คือเจ้าของบ้านหลังสวยหลังนี้ ที่ทั้งคู่มักจะมาด้อมๆมองๆอยู่เป็นประจำนั่นเอง

       กลิ่นหอมของปั้นขลิบสดในลังถึงขนาดใหญ่ ที่ตั้งเรียงรายถึงสามเตา ส่งกลิ่นหอมลอยเตะจมูกสิตามาตั้งแต่ก้าวเข้ามายังบริเวณครัวนอกที่นางทับทิมชวนให้มานั่งคุยกัน

        ครัวนอก จะเป็นส่วนที่ต่อเติมยื่นออกมาจากด้านหลังของครัวในบ้าน โรงไม้สี่เสาสูงโปร่งทาสีขาวสะอาดตา มุงหลังคาด้วยกระเบื้องใสสลับกันเป็นช่วงเพื่อให้มีแสงสว่าง โดยไม่ต้องใช้เปิดไฟ แม้จะอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ที่ปกคลุมอีกทีก็ตาม ไม้ระแนงสีขาวตีขัดกันเป็นฝากั้นแบบโปร่งที่ช่วยให้ลมระบายเข้ามาได้จากทุกทิศทางของบ้าน นอกจากให้ความเย็นสบายแล้วยังช่วยในเรื่องของระบบการถ่ายเทอากาศอีกด้วย

         อุปกรณ์และเครื่องใช้ในครัว ถูกแขวน และจัดเก็บอย่างมีระเบียบและเป็นหมวดหมู่ แม้ว่าจะมีมากมาย แต่กลับง่ายและสะดวกต่อการนำไปใช้อย่างดี สิตานึกชื่นชมในความมีระบบระเบียบของทับทิม จนหล่อนอยากจะขอถ่ายรูปไว้ไปเป็นตัวอย่างไปปรับใช้กับครัวที่บ้านเสียด้วยซ้ำ

        รักษภูมิและสิตา นั่งคอยทับทิมที่ง่วนอยู่กับการสั่งงานอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งคู่นั่งอยู่ที่โต๊ะเก้าอี้อัลลอยด์สีขาว ฉลุลายสวยงาม บนโต๊ะมีจานปั้นขลิบนึ่งและช่อม่วงพร้อมผักแนมจานใหญ่ น้ำมะตูมอยู่ในเหยือกแก้วใสใบใหญ่ ส่งกลิ่นหอมและมีรสชาติหวานอ่อนๆจนรู้สึกชื่นใจเมื่อดื่มเข้าไปแล้ว  ทำให้ทั้งคู่รู้สึกไม่เบื่อหน่ายที่ต้องนั่งรอ แถมยังเพลินไปกับการสั่งงานอย่างมีระบบของทับทิม ราวกับได้มาเรียนพิเศษเพิ่มเติม

        “เอาละ เรียบร้อยแล้ว โทษทีนะจ๊ะ ที่ปล่อยให้รอนาน จะรับของว่าเพิ่มเติมอีกไหมล่ะ?” นางทับทิมเอ่ยขึ้นเมื่อมานั่งคุยกับทั้งสองคน หลังจากเสร็จธุระเรียบร้อยแล้ว

        ทั้งสองคนส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะเอ่ยเข้าเรื่องในธุระที่ตนตั้งใจมากันให้ทับทิม ซึ่งนั่งฟังอย่างเอาใจใส่ โดยละเอียด เมื่อฟังความจนจบแล้วหญิงชราก็เอ่ยสรุปขึ้นมาว่า

       “ป้าอนุญาตให้มาฝึกทำปลาฝอยกัน เพราะพวกเธอก็เป็นนักเรียนของไทยทัศน์ ซึ่งก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกัน แต่ป้าตั้งใจให้สิทธิ์นี้ เฉพาะหนูทั้งสองเท่านั้นนะ เพราะว่าหลานชายของป้า เธอจะค่อนข้างรักความเป็นส่วนตัว เขาจะไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายภายในบ้าน ป้าจะเป็นคนรับรองพวกหนูกับเขาเอง แต่มีข้อแม้ว่า ถ้าจะมาฝึกทำก็ต้องปฏิบัติตัวให้เหมือนกับคนอื่น จะได้เป็นเสียทุกขั้นตอน ไอ้ที่จะมาดูแล้วจดตามน่ะ ไปหาดูที่ไหนก็ได้ ตกลงไหม?” ทับทิมถามย้ำให้ทั้งคู่ตอบอย่างแน่ใจอีกที

         เมื่อการพูดคุยตกลงกันได้เรียบร้อย ทับทิมจึงได้บอกให้รักษภูมิและสิตา มาใหม่ในวันพรุ่งนี้ตอนแปดโมงเช้า เพื่อฝึกทำปลาฝอย เนื้อฝอย ตามที่ต้องการ หลังจากนั้นทั้งคู่ได้นั่งคุยเล่นกับทับทิมอยู่พักหนึ่งจนห็นว่าใกล้เวลาเข้าเรียนที่ไทยทัศน์ จึงเอ่ยลา

        สิตา วิ่งกระหืดกระหอบพร้อมสัมภาระส่วนตัว มาที่รถกระบะสี่ประตูด้านหลังบรรจุกระบะพลาสติกที่ภายในมีเนื้อส้มโอแกะจัดเป็นแพ็คเรียงจนเต็ม และมะละกอปอกเปลือกเกลาเป็นรูปใบไม้แพ็คเรียบร้อยไว้อีกหลายกระบะเช่นกัน

        “โห... ทำไมไม่ยอมปลุกกันเลยนะเนี่ย จะทันไหมละเนี่ย?” สิตาเริ่มเปิดฉากโวยวายขึ้นก่อนตามประสา

        “นี่คุณผู้หญิง อย่ามาเหวี่ยงใส่กันนะ นอนอืดตื่นสายขนาดนี้ยังจะมาโวยอีก เธอน่ะ ใครไปปลุกได้ที่ไหน เวลาหงุดหงิดขึ้นมาร้ายหยอกซะเมื่อไหร่กันละ” รักษภูมิ เอ่ยขัดเรียบๆแต่แฝงไปด้วยความเข้มแข็งในน้ำเสียง
เมื่อสิตาเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะทำหงุดหงิดใส่ เพื่อกลมเกลื่อนความผิดโทษฐานที่ตนเองตื่นสาย จึงเก็บปากเก็บคำ ทำให้รักษภูมิ ต้องเป็นฝ่ายพูดเอาใจ ตามที่เคยเป็นว่า

       “มันก็ยังทันหรอกน่า เพิ่งเจ็ดโมงเอง เอาของไปส่งร้านแล้ว ก็ต้องเลยไปบ้านป้าทับทิมเลย คงจะกลับมาเปลี่ยนรถที่บ้านใหม่ไม่ทันแล้ว เอาของมาหมดแล้วไม่ใช่เหรอ?”  สิตา พยักหน้าเป็นเชิงรับ

        เมื่อส่งผลไม้ที่ตึกแถวหรือหน้าร้านของนางสีดา ที่มีลูกค้าประจำมารอรับอยู่แล้วเสร็จเรียบร้อย ทั้งคู่จึงพากันไปบ้านทับทิม ซึ่งก็ทันเวลานัดหมายพอดี สิตาและรักษภูมิ สวมเสื้อยืดมาแล้ว เผื่อต้องทำงานที่อาจจะเปรอะเปื้อนได้ ส่วนเสื้อนักเรียนของไทยทัศน์ ทั้งคู่แขวนไว้ในรถ เพื่อเปลี่ยนตอนเสร็จงานแล้ว

       พี่ต้น สาวร่างใหญ่ หรือแม่ครัวคู่ใจของนางทับทิม ที่คุ้นเคยกับทั้งสองไม่แพ้กัน เดินออกมารับอย่างเป็นกันเอง หญิงสาวร้องเอ่ยทักเมื่อเห็นรักษภูมิเดินถือตะกร้าผลไม้มาฝากให้ด้วย

       “อุ๊ย! น้องรัก ไม่ต้องหอบหิ้วเอาอะไรมาฝากกันหรอกค่า มาทีไรก็เอาของมาฝากทุกที เกรงใจจัง”

       ในหลายโอกาส หรือ ตามเทศกาลต่างๆ รักษภูมิและสิตา ก็มักจะนำของมาฝากทับทิมหรือต้นอยู่เสมอๆ ด้วยความจริงใจที่ถูกคอกัน มากกว่าจะทำตัวเป็นลูกค้าทั่วไป ทำให้ต่างฝ่ายต่างคุ้นเคยกันอยู่พอควร แต่รักษภูมิก็ยังออกตัวว่า

     “ไม่ต้องเกรงใจกันหรอกครับพี่ต้น พอดีเอาของไปส่งลูกค้า คุณแม่รู้ว่าจะมาหาป้าทับทิม ท่านก็เลยฝากมาให้ มีทั้งที่แกะแล้ว และก็ยังไม่ได้ทำ เผื่อจะเอาไปทำอย่างอื่น ยังไงเราสองคนก็ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ พี่ต้น”

        เมื่อชายหนุ่มหน้าตาดีตรงหน้าเอ่ยออกมาด้วยความใส่ใจ ความคุ้นเคยที่มีมาก่อนแล้วนั้น ก็กลับทำให้หล่อนอดที่จะเพิ่มเติมความเอ็นดูพวกมากมากขึ้นด้วยไม่ได้ จน ต้นบอกมาว่า

     “ถ้าพร้อมจะลุยแล้ว ก็เข้าไปแต่งตัวให้เรียบร้อย ป้าทับทิมรออยู่ที่ครัวนอกแล้วละค่ะ”

        ความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญที่ทับทิมให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ นอกเหนือจากรสชาติความอร่อย สิตา อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัว มีผ้ากันเปื้อนผูกอยู่ ผมยาวถูกรวบเก็บในหมวกตาข่ายก่อนสวมทับด้วยหมวดแก๊บอีกชั้นหนึ่ง ใบหน้าเหลือแต่ดวงตา เพราะส่วนล่างตั้งแต่จมูกลงไปถูกคาดปิดด้วยผ้าปิดปากผืนใหญ่ หญิงสาวแยกกับรักษภูมิ เพื่อทำหน้าที่กันคนละมุมของครัว

         เนื้อสัตว์แต่ละชนิดถูกแยกออกจากกันโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว เนื้อหมู หรือปลา อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือก็มีการทำสัญลักษณ์ไม่ให้ปะปนกัน เนื่องจากต้องทำจำนวนมากเพื่อส่งในหลายๆที่ ทับทิมจึงวางระบบในการทำงานค่อนข้างเข้มงวด สิตาที่ถูกจับไปช่วยในส่วนของมุมที่ทำปลาฝอย เมื่อไปถึงก็พบว่า ปลาส่วนหนึ่งได้ต้มในน้ำปรุงรสเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ตอนเช้า และถูกนำมาผึ่งพัดลมขนาดใหญ่ไว้ให้เย็น เพื่อรอการแกะและทุบให้เป็นฝอยละเอียด ก่อนจะนำไปคั่วให้กรอบและคลุกกับน้ำปรุงรสให้เหนียวแห้งเป็นขั้นตอนสุดท้าย

       ต้น อธิบายให้ฟังว่าทำไมจึงต้องแบ่งเป็นงวด ในการผลิต ไม่ทำไปเลยทีเดียว เนื่องจากลูกค้าและที่มารับไม่พร้อมกัน และนางทับทิมจะไม่ทำทีละจำนวนมาก เพื่อให้รสชาติอร่อยคงที่นั่นเอง และในตอนสายของวันนี้ จะต้องทำให้แล้วเสร็จก่อนหนึ่งชุดเพื่อนำส่งไปที่ไทยทัศน์ ส่วนรายอื่นก็จะทยอยมารับตามเวลานัดไปจนเย็น

        สิตาเพลิดเพลินในการทำงานไปจนเกือบสิบโมง หล่อนนึกขึ้นมาได้ว่าอยากจะเข้าห้องน้ำ เมื่อเหลียวมองไปรอบโรงครัว ก็เห็นทุกคนที่แต่งกายเหมือนกันหมด จนจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร จนมองไปที่อีกด้านหนึ่งจึงพบว่าว่าต้นกำลังสอนแดง ทำเนื้อเค็มฝอยอยู่นั่นเอง

        “พี่ต้นคะ ห้องน้ำไปทางไหนคะ?”  สิตา ถามอย่างเกรงใจ เมื่อเห็นว่าต้นกำลังขะมักขเม้นกับการคั่วเนื้อฝอยอยู่นั่นเอง

      เมื่อทราบที่ตั้งจากต้นแล้ว หญิงสาวก็รีบไปทำธุระของตนให้เสร็จทันที ขณะที่เดินออกมาจากห้องน้ำที่ต้องเดินเข้าไปในครัวภายในบ้าน ที่ตกแต่งแบบครัวฝรั่งสวยทันสมัยด้วยอุปกรณ์ครบครัน สิตาแอบถือโอกาสเดินดูครัวที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม อย่างชื่นชมในรสนิยม ของทับทิมในการตกแต่งบ้าน

       เมื่อหญิงสาวเดินเข้าไปลึกจนเห็นว่ามีประตูมุ้งลวดในกรอบไม้แบบเลื่อนปิดเปิดได้ เสียงช้อนกระทบชามกระเบื้องเนื้อบาง ดังกรุ๋งกริ๋งอย่างเรียบร้อย กลิ่นหอมของข้าวต้มเครื่องลอยมาเตะจมูกหญิงสาวที่มัวแต่เพลินกับการทำงานจนลืมว่าเลยเวลาอาหารเช้าไปพอสมควรแล้ว

       ‘โอย...ชักจะหิวแล้วละซีเรา ทำยังไงดี จะออกไปหาของกินข้างนอกก็เกรงใจ ไม่น่าเดินเข้ามาจนได้กลิ่นเลยนะเรา’ หญิงสาวนึกตำหนิตัวเองในใจ

       เสียงท้องร้องจากความหิวทำให้สมองสั่งงานเชื่องช้ากว่าที่ควรจะเป็น จนหล่อนได้ยินเสียงห้าวที่ฟังแล้วคุ้นหู ดังลอยออกมาจากด้านในของประตูมุ้งลวด จากที่เงียบมานานพอสมควร เมื่อชายหนุ่มนึกขึ้นมาได้ เมื่อเขานำรถมาจอดหลังกลับมาจากการไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะตามปกติ

        “ป้าทับทิมครับ ตอนที่ผมเข้ามาเห็นมีรถกระบะสี่ประตูจอดอยู่ เขามารับของแต่เช้าเลยเหรอครับ”

         ภัทรเอ่ยถามทับทิม ที่ตอนนี้วางมือจากงานในครัวชั่วคราวเพื่อมาดูแลการรับประทานอาหารเช้าให้กับหลานชายเพียงคนเดียว ตามหน้าที่ปกติของนางที่เคยเป็น

          “พอดีมีคนมาขอฝึกทำปลาฝอยน่ะคุณภัทร เห็นว่าเป็น...” นางทับทิม พูดยังไม่ทันจบก็มีเสียงโทรศัพท์บ้านดังมาขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน
นางจึงหยุดการอธิบายไว้เพียงแค่นั้นก่อน แล้วลุกไปรับโทรศัพท์เพราะรู้ดีว่าภัทรไม่ชอบให้มีเสียงใดๆมาทำลายความสงบเมื่อชายหนุ่มใช้เวลาอยู่บ้านนั่นเอง

         ขณะนั้น สิตา ที่ถือวิสาสะเข้าไปแนบหูฟัง คนทั้งคู่สนทนากันอยู่ อย่างไม่ตั้งใจที่ประตูมุ้งลวดนั้น เมื่อเห็นเงาเคลื่อนไหวของทับทิมที่เดินไปรับโทรศัพท์ ด้วยความตกใจ หล่อนจึงจะถอยออกมา แล้วเลี่ยงกลับไปทำงานตามเดิม แต่ด้วยความรีบร้อนทำให้หล่อนเผลอไปเตะถังขยะที่มุมประตูเข้า จนเกิดเสียงดัง

               โชคดีที่ไม่มีใครได้ยินนะเนี่ย รอดตัวไปแล้วเรา!

      หญิงสาวนึกในใจ เมื่อหล่อนไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวใดๆ ดังมาจากห้องรับประทานอาหารหลังประตูมุ้งลวด หลังจากแอบอยู่เงียบๆที่มุมห้องอยู่พักหนึ่งแล้ว จนแน่ใจ สิตาจึงระบายลมหายใจเบาๆอย่างโล่งออกก่อนจะก้มตัวแล้วค่อยๆย่องออกไปที่หน้าประตูครัวตามเดิม จนเมื่อเดินเข้ามาใกล้จนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูได้แล้ว หล่อนก็ต้องชะงักด้วยเสียงห้าวร้องทักออกมาอย่างแข็งๆว่า

       “นั่นใคร? เข้ามาทำอะไรในนี้?”

        สิตาหันไปมองตามเจ้าของเสียงห้าวที่เอ่ยถามนั้น ก่อนจะสะดุ้งไปอย่างตกใจสุดตัวกับภาพที่เห็น นั่นก็คือ ภัทร ในเสื้อยืดสีเข้ม ที่เลื่อนหน้าต่างของห้องรับประทานอาหารด้านบนที่ยกระดับสูงกว่าห้องครัว ชายหนุ่มตรงหน้าทำหน้าเคร่งขรึม คิ้วขมวดอย่างไม่พอใจกับการปรากฏตัวของผู้บุกรุก

            “ถามว่า...นั่นใครกัน? เปิดผ้าปิดปากมาให้ดูหน้าชัดๆทีซิ?”

          ตายละ! นี่มันบ้านของอีตาเชฟภัทรหรอกเหรอเนี่ย! … สิตาเอ๋ย...อยากจะเอามะเหงกเขกกระโหลกตัวเองให้แตกตายไปซะเดี๋ยวนี้เลย ไหงโลกมันถึงได้กลมอย่างงี้นะเนี่ย?

        หญิงสาวนึกตำหนิตัวเองในใจ ก่อนจะตัดสินใจหันไปช้าๆ แล้วค่อยๆเปิดผ้าปิดปากช้าพร้อมกับยิ้มแหยๆอย่างผู้ปราชัย แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรออกมาก็มีเสียงดังขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อนว่า

         “อ้าว! สิตา มาทำไรตรงนี้ ป้าทับทิม ให้เรามาตามไปกินข้าวต้ม เดินหาตั้งนานก็ไม่เจอ ที่แท้มาอยู่นี่นี่เอง”ดีใจเอ่ยทักขึ้นอย่างงงๆที่พบว่าสิตากำลังยืนยิ้มแหยๆอย่างตัวแข็งทื่อ ให้กับภัทรที่ทำหน้าตกใจไม่แพ้กันที่หน้าต่างบนบ้านนั่นเอง

         “หวัดดีฮะพี่ภัทร พอดีเมื่อวานได้ยินมาว่ารักกับสิตา เขาจะมาขอฝึกงานกับป้าทับทิม เลยกะจะมาแจมด้วยซะหน่อย แต่ก็มาสายซะอีก ฮะๆฮ่า”
ดีใจ เอ่ยทักทายแล้วยกมือไหว้ภัทรตามปกติก่อน ร้องบอกสิตาที่ยังคงยืนงงอยู่ไม่หายว่า

          “นายรัก เขารอกินข้าวต้มอยู่ที่ครัวนานแล้วนะ ไปเหอะ เราก็หิวแล้วเหมือนกัน รู้ป่ะ ข้าวต้มฝีมือป้าทับทิมนี่สุดยอดเลยนะ รีบไปสิ” ดีใจ เอามือรุนหลังสิตาให้ออกเดินไปสมทบกับรักษภูมิที่ครัวนอก ก่อนที่ภัทรจะพูดขัดขึ้นมาก่อนว่า

          “ดีใจ พาเพื่อนๆ มารับประทานข้าวต้มกันข้างบนห้องรับประทานอาหารนี่ดีกว่านะ ในครัวกำลังวุ่นวาย ไปบอกคุณรักษภูมิ ให้ขึ้นมาบนนี้ดีกว่า เดี๋ยวพี่จะบอกให้คนเขาจัดที่ไว้ให้”

         ดีใจ รีบเดินออกไปตามรักษภูมิ ตามที่ภัทรบอกอย่างอย่างคุ้นเคยทาง เมื่อเหลือเพียงลำพัง ภัทรก็เชิญสิตาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้นกว่าตอนแรกที่ได้พบกันว่า

         “เชิญคุณสิตา ขึ้นมาพักบนห้องรับประทานอาหาร ดีกว่าครับ เดี๋ยวจะหาว่าเจ้าบ้านเขาไม่เชิญ”

        ทั้งๆที่ตนเองก็ดีใจที่ได้เห็นสิตา ปรากฏกายในบ้านนี้ ยิ่งหล่อนทำท่าทางประหลาดให้เขาขำในตอนแรก จนดีใจเข้ามาพบ จนภัทรอยากจะประชดหญิงสาวเล่นดูบ้างเหมือนกัน

         ห้องรับประทานอาหาร ที่ภายในมีโต๊ะไม้กลมที่เจาะตรงกลางเป็นกระจก เพื่อใช้หมุนได้รอบ มีเก้าอี้เข้าชุดล้อมรอบอยู่ ตรงกลางห้องมีโคมระย้าแก้วขนาดกลางส่องแสงสีเหลืองนวลสบายตา เมื่อกระทบกับวอลล์เปเปอร์สีขาวลายดอกไม้ละเอียดที่ติดรอบห้อง ทำให้ห้องดูสวยงามราวกับฉากในภาพยนตร์ต่างประเทศที่เคยผ่านตา รอบๆมีรูปภาพของภัทรในการที่ต่างประเทศ ติดประดับไว้อย่างสวยงาม

         สิตาเดินชมรอบห้องอย่างเพลิดเพลิน บรรยากาศโดยรวมในห้องนี้สวยงามจับตา ถูกใจหล่อนเสียจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี แต่ในความรู้สึกลึกๆหล่อนกลับรู้สึกได้ถึงความแห้งแล้ง ขาดชีวิตชีวา ที่หล่อนเองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน

         ภัทร นั่งยิ้มมองสิตาที่เดินไปรอบห้องอย่างเอ็นดู เขารีบเปลี่ยนสีหน้าทันทีเมื่อเห็นทับทิม เดินนำเด็กรับใช้ ตามมาด้วยดีใจ และรักษภูมิ

        “ป้ามัวแต่ยุ่งอยู่เลยไม่ได้จัดอาหารเช้าให้พวกหนูรับประทาน ทั้งที่เตรียมไว้ให้แล้วแท้ๆ จนพ่อดีใจ เขาโทรศัพท์มาถามถึงได้นึกออก คงจะหิวจนท้องกิ่วแล้วละซี รีบกินกันเถอะจ้ะ” นางทับทิม ตักข้าวต้มเครื่องใส่ชามกระเบื้อง จนครบทุกคนรวมถึงตัวนางเอง แล้วทั้งหมดจึงเริ่มลงมือรับประทานอาหารเช้ากัน

        เมื่อทุกคนอิ่มเรียบร้อยแล้ว ภัทรที่ขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัวที่ห้อง ขณะที่ทุกคนรับประทานอาหารกัน เสร็จแล้ว เขาก็ลงมาสมทบ พร้อมกับดื่มเครื่องดื่มที่ทับทิมเตรียมไว้ให้พร้อมกัน ผลไม้ที่รักษภูมิและสิตาเตรียมมาให้ ถูกจัดขึ้นโต๊ะ จนทับทิมเอ่ยปากชมในรสชาติว่า

        “ผลไม้จากสวนของหนูรักกับหนูสิตา นี่รสชาติดีจริงๆนะ คุณภัทร เธอชอบรับประทานเสียจริง ถามป้าเสมอๆว่าเอามาจากที่ไหน ป้าก็ไม่รู้จะตอบยังไง ได้แต่ตอบเลี่ยงๆไป ว่ามีคนเอามาฝาก ทีนี้รู้จักกันแล้ว จะพูดถึงได้เต็มปากเสียที”

        สิตา มองหน้าภัทร ที่ทำหน้าเก้อเขินอย่างมีฟอร์ม ก่อนจะบอกกับทับทิมอย่างเอาใจว่า

        “ถ้าชอบ คราวหน้าที่มาเป็นลูกศิษย์ป้าทับทิมอีก สิตาจะเอามาฝากอีกนะคะ”

       “ถ้ามาคราวหน้าก็ไม่ต้องไปแอบตามมุมแล้วนะคุณ เดินเข้าออกได้ตามสบายเลย ผมไม่ว่าอะไรหรอก”          

       ภัทร ชิงพูดแซวขึ้นมาเสียก่อน หลังจากนั้นทั้งห้องก็ได้รู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วก็พากันหัวเราะในพฤติกรรมของสิตากันใหญ่

        บรรยากาศครึกครื้นเข้ามาเยือนภายในบ้านอีกครั้ง หลังจากที่สองคนป้าหลานที่ต่างคนต่างยุ่งกับงานในชีวิตประจำวัน จนแทบจะไม่มีเวลาให้กันและกัน อย่างที่ควรจะเป็น  

       นางทับทิม นั่งอมยิ้มฟังดีใจ ซึ่งมักจะแวะมาคุยเล่นอยู่เป็นประจำ พร้อมของฝากตามที่ได้ไปเที่ยวมาจากที่ต่างๆเสมอ อีกทั้งยังมี รักษภูมิและสิตา คอยขัด คอยแซว ในเรื่องที่ดีใจเล่ามา แต่ที่นางประหลาดใจเพราะภัทร พูดคุยหัวเราะกับทุกคนอย่างร่าเริง สมวัยที่ควรจะเป็น อายุเพียงสามสิบกว่าๆเท่านั้น แต่ภัทร กลับดูเคร่งขรึมเกินกว่าวัยที่แท้จริงของตนเอง ทำให้นางทับทิมยังเป็นกังวล เพราะความสุขคือสิ่งเดียว ที่นางปรารถนาจะมอบให้กับหลานชายเพียงคนเดียว เพื่อชดเชยความทุกข์กับเรื่องราวในอดีตที่เขาต้องประสบมานั่นเอง

หมายเหตุ
Salamanders คือ เตาปิ้งขนาดเล็ก ใช้สำหรับอบหน้าของอาหารให้เหลืองหรือเคลือบหน้าให้เยิ้ม
Salmonella คือ ชื่อของเชื้อแบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษได้ แหล่งที่พบ สัตว์ปีก ไข่ เนื้อดิบ น้ำนมสัตว์ต่างๆรวมถึงสัตว์เลี้ยง แมลงและสิ่งปฏิกูล เมื่อติดเชื้อจะมีอาการ ปวดท้อง ท้องร่วงอย่างรุนแรง อาเจียน เป็นไข้

จากคุณ : Awork
เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 02:39:06




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com