Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เมืองมายา มนตราอลเวง บทที่ 6 ในโลกสีเทาของฮิลดราเลีย ติดต่อทีมงาน

บทที่ 6
ในโลกสีเทาของฮิลดราเลีย

ถึงรู้จักกันเพียงไม่นานแต่สการ์เล็ตก็พอจะรู้ว่าคาอิลมีความสุขสนุกสนานนักกับการได้กลั่นแกล้งปั่นหัวนาง ทว่าราวสิบกว่าวันมานี้รู้สึกว่าเขาเงียบลงจนน่าแปลกใจ เพราะแม้ยังมีรอยยิ้มยียวนและคำพูดกวนประสาทไม่ห่างหาย หากก็ไม่บ่อยได้ทุกครั้งที่มีโอกาสเหมือนเช่นเคย ราวกับเขามีเรื่องให้ขบคิดจนไม่มีเวลามาหาเรื่องหยอกเย้าผู้ใด ซึ่งจะว่าไปก็ดีแล้ว เพราะตอนนี้นางก็กำลังปวดหัวกับราชกิจที่ควรเป็นขององค์รัชทายาทและปัญหาการหายตัวไปของผู้ดูแลพี่ชาย

ทั้งที่นางผู้นั้นไม่น่าจะมีที่ไหนให้กลับไปได้อีก...

“ไปไหนของเจ้ากันนะ ฮิลดราเลีย...”

เจ้าหญิงตรัสพึมพำเสียงแผ่ว หากพ่อมดผู้มีประสาทสัมผัสการรับเสียงราวกับสัตว์ป่ายังอุตส่าห์ได้ยิน เขาเงยหน้าขึ้นจากหนังสือสารานุกรมว่าด้วยการกำเนิดสัตว์ลึกลับแห่งน่านทะเลมรกตแล้วเอ่ยถาม

“หญิงผู้นั้นคงไม่ใช่แค่สาวใช้ธรรมดา ท่านจึงได้เป็นห่วงเป็นใยนัก”

“นางเป็นคนในความดูแลของพี่ข้าโดยตรง ถ้าเขามีสติดีขึ้นมาแล้วข้าก็ไม่รู้จะบอกเขาว่าอย่างไร” สการ์เล็ตวางปากกาขนนกและปิดเอกสารซึ่งทำเสร็จพอดี จึงถือโอกาสนี้ในการพักมือไปด้วย

“ฮิลดราเลียเป็นคนที่น่าสงสารมากนะ นางถูกพ่อแม่แท้ ๆ ขายไปเป็นทาสในคฤหาสน์ของคหบดีคนหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงที่ไม่ดีนักในเรื่องเกี่ยวกับเด็กสาว โชคดีที่ท่านพี่ไปพบเข้าพอดีจึงขอซื้อต่อนางมา”

รัชทายาทหญิงแห่งเรสทอเรียลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปยังริมหน้าต่างก่อนจะผลักบานกระจกให้เปิดกว้าง สายลมอ่อนที่เจือไปด้วยกลิ่นแห่งมวลไม้จึงพัดเข้ามาจนเส้นเกศาสีน้ำตาลทองปลิวไหว นางมองออกไปภายนอกซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอาณาจักรอันเป็นที่รักได้ไกลสุดสายตา

“พี่ข้าตั้งใจจะออกกฎหมายยกเลิกทาสและห้ามซื้อขายมนุษย์แต่ยังติดที่ผู้มีอิทธิพลหลายฝ่ายซึ่งจะเสียผลประโยชน์หากกฎหมายนั้นบัญญัติขึ้นมา การออกกฎหมายใดกฎหมายหนึ่งนั้นจำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากหลายฝ่าย ท่านพี่จึงเฝ้ารอเวลาที่จะได้ขึ้นครองราชย์เพื่อที่จะได้ใช้อำนาจนั้นต่อรองกลาย ๆ ให้ผู้ที่หมายใช้ประโยชน์จากเขายอมให้เขาใช้ประโยชน์บ้าง” สการ์เล็ตก้มลงมองมืออันแสนบอบบางของตัวเองและออกแรงกำขอบหน้าต่างแน่นอย่างไม่รู้ตัว

“การถูกตีค่าเป็นเพียงแค่สิ่งของที่ซื้อขายได้หาใช่มนุษย์นั้นเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวด การถูกพ่อแม่แท้ ๆ ที่ให้กำเนิดมานำไปขายยิ่งน่าขมขื่นยิ่งกว่า ตอนนี้ข้าเองก็พอเข้าใจถึงความรู้สึกของฮิลดราเลียขึ้นมาบ้างแล้ว...แต่อย่างเจ้าคงไม่เข้าใจสินะ”

เจ้าหญิงองค์โตแห่งเรสทอเรียตวัดสายตาหันกลับไปจ้องพ่อมด แต่แสงสะท้อนจากกระจกบนกรอบแว่นทำให้ไม่อาจเห็นแววตาของเขาได้ ความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้องทรงงานอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่สการ์เล็ตจะกลับไปนั่งที่โต๊ะของตนตามเดิม นางก้มหน้าลงมองมือซึ่งยกขึ้นมาประสานกันเหนือสมุดทรงงาน

“หากพี่ข้าไม่อาจกลับมาเป็นดังเดิม ภาระของเขาข้าตั้งใจจะรับเอาไว้และทำให้สำเร็จลุล่วง ชีวิตข้าไม่ได้มีไว้เพื่อตัวเองทั้งหมด ดังนั้นข้าจึงอยากให้เจ้าไตร่ตรองคิดดูใหม่ ช่วยรับสิ่งอื่นใดไปแทนตัวข้าไม่ได้หรือ”

“ข้าไม่เคยต้องการสิ่งใดนอกเหนือจากสิ่งที่ได้เอ่ยปากไปแล้ว”

คำตอบของคาอิลทำให้สการ์เล็ตกำมือแน่นจนข้อขึ้นขาว หากประโยคต่อมากลับทำให้นางเงยหน้ามองพ่อมดด้วยดวงตาเป็นประกาย

“เรื่องเจ้าชายอัลเบิร์กท่านไม่ต้องกังวลไปหรอก แค่หาคนดูแลและคุ้มกันให้ดี อีกไม่นานเขาจะกลับมาเป็นปรกติเอง”

“แปลว่าเจ้าช่วยเขาได้อย่างนั้นหรือ” สการ์เล็ตถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงความตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิดจนคาอิลกระตุกยิ้ม

“เรื่องนั้นก็แล้วแต่ว่าท่านจะคิดไตร่ตรองรับคำร้องขอของข้าหรือเปล่า”

สการ์เล็ตเกือบจะเอ่ยปากออกไปว่าได้ แต่ขืนรับคำสุ่มสี่สุ่มห้าไปคงไม่ดีแน่ ๆ

“เจ้าทำให้ได้เสียก่อนสิ”

เจ้าหญิงจ้องใบหน้ายิ้มยวนยั่วของอีกฝ่ายเขม็งอย่างไม่ไว้ใจ จึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าใบหน้าคมขาวบัดนี้ดูซูบเซียวและมีขอบตาที่ดำคล้ำ

”กลางค่ำกลางคืนไม่ได้นอนหรืออย่างไร เจ้าน่ะ”

“กลางค่ำกลางคืนบางครั้ง...มันก็มีอะไรน่าสนุกให้ทำมากกว่าการนอนนี่ครับ”

สายตาและน้ำเสียงยั่วเย้าของชายหนุ่มทำให้ดวงพักตร์งดงามของเจ้าหญิงขึ้นสีเรื่อ ทว่านางก็ยังทำเป็นดุกลับไปด้วยสีหน้าจริงจัง

“เจ้าจะทำอะไรก็เรื่องของเจ้า แต่อย่ามาทำรุ่มร่ามกับคนของข้านักก็แล้วกัน”

“หึงหรือครับ”

สการ์เล็ตกระตุกมุมปาก รู้สึกถึงอะไรบางอย่างในเส้นประสาทที่ขาดดังผึง นางเงยหน้ามองพ่อมดแว่นด้วยสายตาเหยียดก่อนกล่าวเน้นเสียงเน้นคำ

“หึงเจ้าน่ะเหรอ ไม่มีทาง! ”

คาอิลหัวเราะร่วนในลำคอพลางมองสตรีสูงศักดิ์ก้มหน้าก้มตาทำงานด้วยดวงพักตร์ที่แดงก่ำกว่าเดิมซึ่งไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรืออายกันแน่

เมื่อถึงเวลาค่ำของทุกวัน หากไม่มีกิจธุระอันใดสำคัญสการ์เล็ตเป็นต้องไปคอยดูแลรัชทายาทอัลเบิร์กเสมอ นางไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหรือเพราะฮิลดราเลียซึ่งเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลเจ้าชายอย่างสนิทสนมที่สุดหายตัวไปหรือไรกันแน่ เขาจึงได้มีท่าทางเซื่องซึมขึ้นมา ยังดีที่พี่ของนางดูจะถูกใจในตัวคาอิลเป็นอันมาก จึงร่าเริงได้บ้างเวลาที่เจ้าพ่อมดแว่นมาเล่นด้วย

นัยน์เนตรสีทับทิมมองสองหนุ่มซึ่งกำลังเล่นซนเหมือนเด็กอย่างเอ็นดูแล้วก็ให้นึกขึ้นมา นางไม่เคยรู้เลยว่าเวลาส่วนตัวของคาอิลกินอยู่อย่างไรและทำอะไรบ้าง จึงได้ปล่อยปละละเลยจนมีสุขภาพร่างกายที่ทรุดโทรมอย่างนั้น อันที่จริงแล้วนางก็ไม่ได้อยากจะใส่ใจนักหรอกว่าพ่อมดคนนี้จะเป็นอย่างไร เพียงแค่อยากหาข้ออ้างในการทำบางอย่างให้กับตนเองมากกว่า

คิดได้ดังนั้นเจ้าหญิงจึงกระแอมไอขึ้นก่อนที่เจ้าพ่อมดแว่นจะลากลับ

“มะรืนนี้เป็นวันพักผ่อนของข้า ไม่ต้องทำงานอย่างนี้แล้วมีเวลาว่าง ข้าว่าจะไปเยี่ยมบ้านของเจ้าสักหน่อย” นางเว้นระยะคำพูดครู่หนึ่งเพื่อคิดหาคำที่ฟังขึ้นอีกนิด “...ก็แค่ไปดูความเป็นอยู่ของลูกจ้างบ้างเท่านั้นล่ะ”

คาอิลเลิกคิ้วและทำหน้าเหมือนกำลังไตร่ตรองว่าควรตอบรับหรือปฏิเสธจะดีกว่ากัน ซึ่งผิดกับทุกครั้งที่มักจะตอบสวนทันทีเสมอ นางจึงรีบชิงโอกาสนี้รีบพูดเสียก่อน

“คงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”

“อ้อ! เชิญเลยครับ ข้าไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว” เขาตอบพร้อมกับขยับยิ้มมุมปาก “นอกเสียจากเจ้าหญิงจะมีปัญหาอะไรกับข้า...หรือเปล่าล่ะครับ”

การเย้าแหย่ให้ดวงพักตร์ของเจ้าหญิงคนงามขึ้นสีเข้มด้วยแรงอารมณ์และมองดูคิ้วเรียวสวยขมวดเป็นปมนั้น นับเป็นความสำราญอย่างหนึ่งที่คาอิลใช้สร้างความกระปรี้กระเปร่าให้กับตัวเองซึ่งแทบไม่ได้นอนหลับพักผ่อนเลยในสิบกว่าวันมานี้ ทุกครั้งที่กลับถึงบ้านพักเขายังคงนั่งเปิดตำราไปเรื่อย ๆ จากหนังสือจำนวนมากที่เลือกมาวางกองบนโต๊ะในห้องส่วนตัวของตนเอง

ยาพิษที่แอบเหลือเก็บเอาไว้เพียงจำนวนน้อย ถูกแยกสารประกอบจนจำแนกได้ว่าทำมาจากอะไรบ้าง จะมีก็แต่อาคมกำกับตัวยาซึ่งยังไม่อาจรู้ว่าเป็นมนตร์ประเภทใด

ทว่าจากการวิเคราะห์โดยใช้เพียงส่วนประกอบซึ่งเป็นสมุนไพรประเภทหลอนและกล่อมประสาททั้งหมดกับผลที่เกิดจากการใช้ยานั้นก็พอจะทำให้คาอิลจำกัดได้แล้วว่ามันคืออะไร ซึ่งหากเป็นยาตัวเดียวกับที่เขาคิดเอาไว้ ถึงไม่ต้องรักษาแต่งดเสพมันไปสักระยะหนึ่ง ไม่นานก็คงจะหายเอง นอกเสียจากว่าผู้ที่ได้รับพิษกำกับมนตราต้องสาปชนิดนี้จะมีปมใดอยู่ในใจที่ยังคงกระตุ้นให้อาคมทำงาน

อย่างเจ้าชายรัชทายาทนั้นอาจไม่มีปัญหาใด ปล่อยเอาไว้ก็คงหายเอง แต่แม่สาวที่เอาแต่ซุกขดตัวอยู่ในมุมห้องของเขานี่สิ...

คาอิลมองจานอาหารซึ่งวางเอาไว้ใกล้ ๆ ฮิลดราเลียก่อนที่จะออกจากบ้านไปในตอนเช้า มันเคยอยู่อย่างไรก็ยังคงอยู่อย่างนั้น ไม่มีร่องรอยของการแตะต้องอยู่เลย เขาคาดหวังว่าเมื่อนางหิวอาจจะยอมหยิบมันไปกินเองบ้าง หากสุดท้ายก็คงต้องป้อนให้เหมือนเคย

อดีตผู้ดูแลองค์รัชทายาทยังคงมีปฏิกิริยาหวาดกลัวทุกครั้งที่พ่อมดหนุ่มเข้าใกล้ หากพอได้สบตากลับยอมรับอาหารจากเขาไปรับประทานโดยดี

คาอิลนั่งมองนางรับประทานอาหารไปอย่างเงียบ ๆ พลางคิดถึงวิธีแก้มนตราต้องสาปที่รัชทายาทกับสาวใช้ได้รับ จะว่าง่ายก็ง่าย แต่จะว่ายากก็ใช่เหมือนกัน มันขึ้นอยู่กับจิตใจของผู้ถูกอาคมกับผู้ไข เพราะพวกเขาไม่ได้ถูกย้อนวัยให้เป็นเด็ก แต่กำลังถูกกักขังอยู่ในช่วงหนึ่งของจิตใจที่เปราะบางเท่านั้นเอง

ฮิลดราเลียรับประทานอาหารเสร็จแล้วก็กลับไปขดตัวอยู่อย่างเดิม จอมคาถาจึงจับใบหน้าของหญิงสาวให้กระชับและประทับหน้าผากแนบชิดกับนางเพื่อถ่ายเทจิตเข้าสู่ส่วนลึกของวิญญาณอีกฝ่าย ซึ่งที่จริงแล้วเขาไม่ได้อยากทำเท่าไหร่ เพราะมันเสี่ยงอันตรายเกินไป หากเสียสมาธิหรือล่วงล้ำจนลึกเกินไปก็อาจสูญเสียจิตใจหรือตายด้วยกันทั้งคู่

แต่คาอิลจำเป็นต้องทำ เขาต้องรับผิดชอบที่เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้นางต้องตกอยู่ในสภาพนี้

ร่างจิตของพ่อมดหนุ่มดำดิ่งสู่ก้นบึ้งภายในใจของฮิลดราเลีย มันมืดมิดสุดหยั่ง ทว่าสุดท้ายเขาก็ได้โผล่พ้นมายังทุ่งหญ้าสีเทาแห่งหนึ่ง คาอิลกวาดสายตาไปโดยรอบซึ่งมีแต่ทุ่งหญ้า ท้องฟ้า และบรรยากาศอันหม่นหมองไร้ชีวิตชีวา หากแต่เสียงโหวกเหวกที่แว่วมากับสายลมก็ทำให้เขาหันกลับไปมองด้านหลัง สุดปลายสายตาที่จอมคาถาเดินมาถึงคือซากปรักหักพังอันทึมทึบของคฤหาสน์เก่าผุ เขาเดินผ่านกำแพงซึ่งทลายลงจนเหลือเพียงค่อนครึ่งจนมาถึงบริเวณที่เหมือนจะเคยเป็นโพรงของเตาผิง มีกลุ่มเด็กชายหญิงยืนล้อมรอบและกำลังหยิบกรวดหินขว้างปาเข้าไปภายในโพรงนั้นพร้อมกับส่งเสียงด่าทอ

“ยัยอัปลักษณ์”

“นางปีศาจ”

“เพราะแกเป็นปีศาจ พ่อแม่ของแกถึงจะเอาแกไปขาย”

“ใครซื้อแกไปก็คงโชคร้ายล่มจม อย่างแกน่าจะตาย ๆ ไปซะเถอะ”

คาอิลมองภาพเหล่านั้นด้วยสายตาเย็นชา เขาโบกมือเพียงครั้งเดียวคมอากาศพลันตวัดตัดกลางลำตัวของเด็กทั้งกลุ่ม ไม่มีเสียงกรีดร้องหรือหยดเลือดนอกจากรอยยิ้มเยาะหยันของร่างที่ล้มลงนอนเกลื่อนกระจายกันบนพื้น

ถึงอย่างไรเด็กพวกนี้ก็เป็นเพียงภาพลวงที่เวทมนตร์สร้างขึ้นมาเพื่อทำลายจิตใจของผู้ต้องสาปเท่านั้น

พ่อมดหนุ่มเดินผ่านซากครึ่งท่อนเหล่านั้นเข้าไปย่อตัวลงหน้าโพรงเตาผิงซึ่งมีเด็กหญิงผมดำนั่งคุดคู้งอตัวก้มหน้ามือกุมศีรษะอยู่ภายในและเอ่ยเรียกเสียงแผ่ว

“ฮิลดราเลีย...”

ไม่มีเสียงตอบรับนอกจากอาการสั่นเทาของร่างเล็กที่คุดคู้อยู่ในโพรง คาอิลมองเด็กหญิงด้วยสายตาสังเวชก่อนเอ่ยเรียกอีกครั้ง

“ฮิลดราเลีย ออกมาเถอะ ข้าไม่ได้มาทำร้ายเจ้า...”

“เพราะว่าแกก็เป็นพวกเดียวกันสินะ”

เสียงใสกังวานพูดแทรกและตามมาด้วยเสียงหัวเราะคิกคักของกลุ่มเด็กชายหญิง คาอิลหันไปมองด้านหลังจึงพบกับร่างที่ถูกตัดขาดครึ่งท่อนของกลุ่มเด็กเมื่อครู่กำลังลอยขึ้นลงและล้อมวงไปมาราวกับกำลังเต้นรำพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะเยาะยานคางน่าสยดสยอง

“แกเองก็เป็นปีศาจ เป็นพวกเดียวกับนางอัปลักษณ์นั่น”

“แกเองก็ตายไปซะเถอะ ไม่มีที่ไหนให้พวกแกอยู่ในโลกนี้หรอก”

คาอิลถอนหายใจก่อนโบกมือขึ้นอีกครั้ง ร่างอันน่าสมเพชเหล่านั้นก็ถูกตัดขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนจะสลายหายไปกับสายลมที่พัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทว่าเมื่อเขาหันกลับไปหาฮิลดราเลียก็พบกับเด็กชายผมดำคนหนึ่งที่มีใบหน้าและ ดวงตาละม้ายคล้ายกับตนเองมายืนขวางอยู่ในระยะประชิด

“พวกเขาพูดถูกแล้ว เราเป็นปีศาจ ถึงจะทำดีแค่ไหนสุดท้ายก็ไม่มีใครมาใยดีหรอก”

เด็กชายคนนั้นเงยหน้า ดวงเนตรสีน้ำเงินสะท้อนแสงสีม่วงแปลกตาจ้องสบประสานกับคาอิล

“หรือเพราะรู้ว่าตัวเองไม่มีอนาคตที่รออยู่ ก็เลยคิดจะทำตัวเป็นผู้เสียสละอย่างนั้นเหรอ” ดวงตาของเด็กชายร่างเล็กค่อย ๆ เบิกกว้างมันฉายแววเศร้าและคับแค้นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “สุดท้ายนางก็จะเหมือนกับคนอื่น ๆ ใช้ประโยชน์จากเจ้าทั้งที่ในใจนึกรังเกียจและทิ้งเราเอาไว้ในนรกให้อยู่อย่างเดียวดายโดยไม่เหลียวแล”

มือเล็กบางเข้าโอบล้อมรอบลำคอพ่อมดหนุ่มและค่อย ๆ กลืนกินเป็นเนื้อเดียวกันกับเขา เรียวปากที่แนบอยู่ริมใบหูคลี่ยิ้มแสยะอย่างน่ากลัว

“แล้วเราจะทำเพื่อคนอื่นไปทำไม อยู่ที่นี่เถอะ...เราจะอยู่กันในที่แห่งนี้อย่างสงบสุข จะไม่มีใครมาทำร้ายเราได้อีก ไม่ว่ากายหรือใจ เพราะอย่างนั้นเรา...”

“พล่ามพอหรือยัง”

คาอิลพูดตัดบทพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งบีบใบหน้าของเด็กชายและดันออกห่างจากร่างตน จอมอาคมเอียงศีรษะมองร่างเล็กดิ้นขลุกขลักด้วยสายตาเย็นเยียบก่อนยกยิ้มมุมปาก

“ไอ้เล่ห์หลอกเด็กพรรค์นี้ใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอกนะ”

แสงสีแดงเรืองรองออกมาจากมือที่อุดปากเด็กน้อยซึ่งมีสีหน้าเหลือกลานก่อนที่จะระเบิดร่างนั้นจนเป็นจุณ คาอิลสะบัดมือราวกับจะสลัดเศษธุลีที่ติดอยู่ออกให้หมดก่อนจ้องมองเข้าไปโพรงเตาผิงพลางนิ่วหน้า เขาขยับเข้าไปดึงแขนเด็กหญิงแล้วลากออกมาข้างนอก เด็กน้อยพยายามดิ้นรนรั้งแขนตัวเองกลับและทำท่าจะหนี ทว่าพ่อมดหนุ่มก็พูดด้วยเสียงอันดังจนนางถึงกับชะงักทันที

“อย่าหนี! ฮิลดราเลีย”

คาอิลดึงมือเด็กหญิงไปประทับที่หน้าอกของตนแล้วพูด “จงฟังและสัมผัสหัวใจของข้า”

มือที่ทำท่าจะชักกลับในคราแรกกลับแนบเข้าหาแผ่นอกหนาหนั่น เด็กน้อยนิ่งค้างไปครู่หนึ่งก่อนจะเงยขึ้นสบตาพ่อมดด้วยสีหน้าที่หลากหลาย

“เจ้ามองเห็นใช่ไหม”

คาอิลถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึมไร้รอยยิ้มอย่างที่เคย หากก็ยังเห็นแววอาทรในดวงเนตร ฮิลดราเลียจ้องสบตาเขาแล้วพยักหน้าช้า ๆ

“เจ้ารับรู้ใช่หรือเปล่า...ว่าข้าเคยรู้สึกเช่นไรและในภายหน้ามีอะไรที่รอข้าอยู่”

เด็กน้อยพยักหน้าอีกครั้ง น้ำปริ่มดวงตาเหมือนจะร้องไห้ หากแต่ครั้งนี้...ไม่ใช่เพื่อตัวเอง

“ถึงกระนั้นข้าก็ยังยืนหยัด เลือกเดินบนทางที่ตนเองภาคภูมิใจและไม่มีใครมาเหยียดหยามได้อีก”

หยาดน้ำร่วงรินจากสองตา ฮิลดราเลียโผเข้ากอดคาอิลแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น ผู้ใช้มนตราลูบศีรษะเด็กน้อยเบา ๆ อย่างปลอบโยน

“พวกเราที่ถูกผู้คนชิงชังดั่งเห็นเป็นปีศาจไม่สามารถเลือกเกิดเองได้ตามใจตน แต่เรายังสามารถเลือกที่จะเป็น จงเก็บความเจ็บช้ำนั้นไว้ในใจและใช้มันผลักดันฝ่าขวากหนามต่อไปภายหน้า แล้วจงดำเนินชีวิตบนเส้นทางที่จะไม่ทำให้ตนเองต้องละอายและไม่มีใครมาหยามหมิ่นเราได้อีก”

“ข้าจะทำได้หรือ...” ฮิลดราเลียเอ่ยถามเสียงสั่นพลางหยัดร่างจากคาอิล บัดนี้นางกลับมาสู่สภาพความเป็นจริงในปัจจุบันแล้ว เนตรสีนิลกระพริบปัดม่านน้ำซึ่งบดบังดวงตาจนพร่าเลือนให้ไหลลงสู่เบื้องล่าง

“ทำได้อย่างแน่นอนหากเจ้าตั้งใจจริง”

คาอิลยิ้มอ่อนโยนและใช้นิ้วเรียวเกลี่ยเช็ดหยาดน้ำบนนวลแก้มหญิงสาว เมื่อเห็นว่าน้ำตาหยุดไหลแล้วเขาจึงพูดต่อ

“ข้าช่วยเจ้าได้เพียงเท่านี้ อย่างไรความผิดที่ทำไปแล้วก็ต้องมีการชดใช้ ไม่ว่าเจ้าจะทำไปด้วยเหตุผลใดก็ตาม ส่วนหนึ่งในหน้าที่ของข้าทำให้ไม่อาจละเลยต่อผู้ที่ทำผิดกฎแห่งกิลด์เมสทิคได้ แม้แต่ตัวข้าเองสักวันก็ต้องรับผลของสิ่งที่ทำเช่นกัน”

อดีตสาวใช้แห่งปราสาทเรสทอเรียมองใบหน้าเคร่งขรึมจริงจังของพ่อมดหนุ่มแล้วพยักหน้าช้า ๆ อย่างยอมรับแล้วซึ่งความผิดของตน คาอิลจึงร่ายคาถาเกิดเป็นกลุ่มควันขาวลอยคลุ้งขึ้นปกคลุมรอบตัวฮิลดราเลียก่อนจะค่อย ๆ หดตัวลงจนเหลือเพียงแมวดำที่มีดวงตาสีนิลนั่งอยู่แทนที่นาง เขาอุ้มเจ้าสัตว์ตัวน้อยขึ้นมาในอ้อมอกและลูบขนของมันอย่างอ่อนโยน

“ข้าจะส่งเจ้าให้กับคนที่ข้าไว้ใจที่สุด เขาจะดูแลและมอบความยุติธรรมให้แก่เจ้าอย่างแน่นอน”

คาอิลพาร่างอันอ่อนล้าของตัวเองไปที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอนอย่างหมดแรงโดยมีเจ้าแมวสีดำนอนอยู่เคียงข้าง ดวงตาสีน้ำเงินเรืองประกายแสงสีม่วงจ้องมองแน่วนิ่งบนเพดานหากความคิดกลับกระหวัดถึงคำพูดของเด็กชายที่ละม้ายคล้ายกับตนในโลกสีเทาของฮิลดราเลีย

...“หรือเพราะรู้ว่าตัวเองไม่มีอนาคตที่รออยู่ ก็เลยคิดจะทำตัวเป็นผู้เสียสละอย่างนั้นเหรอ”...

“ข้าไม่ใช่คนดีอย่างนั้นหรอก” คาอิลพูดเสียงแผ่วก่อนจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า

“ข้าเพียงแค่ทำในสิ่งที่อยากทำที่สุดก่อนจะไม่เหลือเวลาให้ทำอีกแล้วก็เท่านั้นเอง”

จากคุณ : AMA-chun
เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 23:14:40




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com