Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เมื่อฉันมี "ความรัก " ติดต่อทีมงาน

เมื่อฉันมี"ความรัก"


เรื่องราวความรักของฉันได้จบลงเมื่อประมาณเกือบสามปี  ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านพ้นไปเป็นนานแค่ไหน ฉันยังจำทุกเรื่องราวได้ดี มันอยู่ในความทรงจำไม่เคยลบเลือน และคงอยู่กับฉันตลอดไปชั่วชีวิต…


ตอนที่ฉันอายุสิบเจ็ด-สิบแปด เคยมีหนุ่มรุ่นเดียวกันมาตามจีบหลายคน  ตอนนั้นฉันยังไม่ประสีประสาเรื่อง”ความรัก”  รู้อย่างเดียวคือ” กลัว” เวลาที่มีผู้ชายเข้ามาใกล้ๆจะคอยหนี และอีกอย่างกลัวพ่อกับแม่จะรู้ว่ามีผู้ชายมาเกาะแกะ เพราะว่าพ่อกับแม่ไม่ชอบ ก็เลยทำให้กลัว ในที่สุดกลายเป็นว่าไม่มีผู้ชายคนไหนจีบติดเลยสักคน เพราะว่าฉันไม่เคยเปิดโอกาสให้เลย ในขณะที่เพื่อนๆรุ่นเดียวกันพวกเขาต่างก็มีคนมาจีบ และพูดคุยกันถึงเรื่องความรัก ส่วนฉันไม่ประสีประสาในเรื่องนี้ก็จะเงียบไป แต่บางครั้งก็มีแอบคิดในใจว่า ความรักที่พวกเขาพูดถึงมันจะอะไรนักหนา คุยกันอยู่ได้ว่ารู้สึกดีอย่างงั้นอย่างงี้  เพื่อนบางคนก็บอกอกหัก ร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญ…


หลังจากที่เรียนจบและมีงานทำ ฉันก็ได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนที่เคยเรียนชั้นประถมมาด้วยกัน  เรารู้จักกันมานานในฐานะเพื่อน  เขาเป็นเพื่อนที่ฉันไว้ใจมากๆในบรรดาเพื่อนผู้ชาย  เป็นเวลาสิบ กว่าปีที่ฉันและเขาไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่เรียนจบชั้นประถม  ด้วย ความผูกพันที่มีในวัยเด็กทำให้เราสองคนคบหาและเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้เร็วขึ้น  เขาทำให้ฉันได้รู้จักกับคำว่า”รัก” ที่ไม่ได้มาจากคนในครอบครัว หรือเพื่อนๆ… มันรู้สึกอบอุ่น  มีคนคอยเคียงข้าง  คอยให้กำลังใจ  คอย ใส่ใจดูแล เติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไป ทำให้ผู้หญิงที่มีโลกส่วนตัวสูงคนหนึ่งมีความสุขมากๆ


เขาทำให้ฉันได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง เขาจะคอยแนะนำในสิ่งที่ฉันคิดไม่ถึง  และทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เช่น วันหยุดเราก็จะไปทำบุญไหว้พระ ชวนไปวิ่งออกกำลังกายตามสวนสาธารณะในตอนเย็น  ทานอาหารที่มีประโยชน์  เล่นกีฬา  ไปเรียนทำขนม… เขาจะคอยเป็นห่วงเป็นใยในเวลาที่ฉันไม่สบาย พาไปหาหมอ  ใส่ใจดูแลเรื่องอาหารการกิน  สิ่งเล็กๆน้อยๆที่เขาคอยทำให้ แต่ มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับฉัน …ฉันบอกตัวเองว่าฉันโชคดีที่สุดแล้วที่มีผู้ชายแบบนี้เข้ามาในชีวิต  


เราคบกันมาได้สามปีกว่า… วันหนึ่งเขาบอกกับฉันว่า บริษัทที่เขาทำงานเกี่ยวกับรถยนต์ที่ญี่ปุ่นได้ส่งตัวเค้าไปฝึกงานที่นั่นเป็นเวลาสอง ปี ฉันแทบจะไม่เชื่อเพราะว่าไม่มีวี่แววก่อนหน้านี้เลย  เขาก็ยังไม่ตัดสินใจ  เพราะเขาบอกว่าถ้าเขาไปแล้วฉันจะอยู่ยังไง  ความทุกข์เริ่มย่างกลายเข้ามา เขาบอกว่างานคืออนาคตของเขา และฉันก็คืออนาคตของเขาเช่นกัน…. สองปี ไม่ใช่เวลาน้อยๆสำหรับการรอคอยใครสักคน….


เขาเป็นลูกชายที่มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว  มีพ่อแม่ที่ต้องส่งเสียเลี้ยงดู  และเพื่ออนาคตของเราสองคน  เขาตอบตกลงที่จะไป ฉันให้กำลังใจตัวเองว่า สองปีไม่นานหรอก เดี๋ยวเขาก็กลับมา  เราสัญญากันว่าถ้าเขากลับมาเราจะแต่งงานกันทันที… แรกๆที่เขาไปฉันเหงา ว้าเหว่ และเศร้ามาก  เราโทรหากันวันละครั้ง แต่คุยได้ไม่นาน  พอเริ่มเข้าเดือนที่ หก… ที่เคยโทรหาวันละครั้ง  ห่างเป็นสอง-สามต่อวันครั้ง  พอเกือบปีก็ห่างไปเรื่อยๆ…ฉันเริ่มไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น  เขาบอกแต่เพียงว่าไม่ค่อยมีเวลา…ฉันก็ไม่ได้คิดอะไร คิดแต่เพียงว่าเขาคงทำงานหนัก


ก่อนครบกำหนดกลับสาม เดือน…ข่าวที่ฉันแทบช็อคได้เกิดขึ้น  เขาบอกว่าไม่กลับแล้วนะ เขาได้ต่อสัญญาออกไปอีกสองปี ฉันปล่อยโฮทันทีที่เขาพูดจบ ถามว่าทำไมไม่คิดถึง ไม่ห่วงฉันแล้วเหรอ ไหนสัญญาว่าเราจะกลับมาแต่งงานกัน….ทำไมปล่อยให้ฉันเป็นฝ่ายรอ…ฉันอ้อนวอน  คร่ำครวญ ถึงความรักที่มีต่อเขา บอกให้เขารู้ว่าตอนที่ไม่มีเขาอยู่เคียงข้างฉันทรมานเพียงใด…ฉันเฝ้านับวันนับเดือนรอวันที่เขากลับมา…สุดท้ายเขาก็ยังยึดมั่นในสิ่งที่เขาจะทำ คืออยู่ที่นั่นต่อ  เขาบอกให้ฉันรอ หรือถ้ารอไม่ไหว หรือมีคนใหม่ที่เข้ามาก็ขอให้ฉันเปิดใจ…เขาบอกว่า เขาเข้าใจว่าการรอคอยมันทรมานแค่ไหน…


ฉันถามกลับไปว่า “ ถ้ารู้ว่าการรอคอย มันทรมาน ทำไมถึงปล่อยให้ฉันรอคอยล่ะ ทำไมถึงไม่รักษาสัญญาที่เคยให้ไว้  ไหนบอกว่าฉันคืออนาคตของเขา  ทำไมถึงได้ล้อเล่นกับความรัก…ความรู้สึกดีๆที่ฉันมีให้  คำว่าคิดถึง  เป็นห่วงนะ  ดูแลตัวเองดีๆ  รักมากมาย  คำพูดเหล่านี้มันไม่มีความหมายเลยใช่ไหม ไหนบอกว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่มีอะไรมาพรากเราสองคนจากกันได้”


เมื่อเวลาเปลี่ยน….ทำให้ใจคนเปลี่ยนตามไปด้วย ถึงจะบอกว่ารักแค่ไหน สุดท้ายก็เป็นเพียง…ลมปาก  ในที่สุดฉันก็อับจนหนทางที่จะเหนี่ยวรั้งให้เขากลับมา  ฉันเหมือนคนตายทั้งเป็น  กินไม่ได้  นอนไม่หลับ ไม่สามารถที่จะดำเนินชีวิตตามปกติได้…โลกทะล่มทะลาย มองไม่เห็นอนาคต  มีแต่ความหม่นหมองปกคลุม…ผู้ชายคนที่ฉันจะฝากชีวิตไว้  บัดนี้เขาได้ฆ่าฉันทั้งเป็นด้วยการกระทำ และคำพูดที่ว่า “ถ้าเจอคนที่ใช่ ก็เปิดใจซะ”


ความทุกข์แสนสาหัสที่มันรุมเร้า  ทำให้ฉันไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่  นอนไม่หลับ  กินไม่ได้ ขาดสติ มันทำให้ฉันคิดสั้น  ฉันร้องไห้น้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด…เขียนบันทึกบอกลาและขอโทษพ่อกับแม่  ว่าฉันไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้  เพราะความทุกข์ของฉันมันหนักหนาสาหัสเกินกว่าที่ฉันจะทนไหว…ฉันร้องไห้คร่ำครวญหยิบรูปของพ่อแม่ขึ้นมาดู  ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนจนเผลอหลับไป  สะดุ้งตื่นอีกทีเพราะเสียงนาฬิกาปลุก  มันงัวเงียลุกไม่ไหวหน้ามืด  วันนั้นฉันคิดว่าคงไม่รอดแน่  พยายามลุกขึ้นมาหายใจเข้าออกให้ลึกที่สุด เดินไปเข้าห้องน้ำ


ในขณะที่หลับตาแปรงฟัน ความวุ่นวายที่มีในความคิดได้ย้อนกลับมา พยายามที่จะให้มันหลุดพ้น  คิดถึงหน้าพ่อแม่ว่าถ้าเราจากไปเขาจะเป็นยังไง เขาจะเสียใจมากแค่ไหน  ไม่รู้ว่ามีอะไรมาดลใจ  ฉันนึกขึ้นได้ว่า พรุ่งนี้วันที่ 5 ธ.ค. มันเป็นวันพ่อแห่งชาตินี่  ฉุกคิดได้ว่า เคยอ่านบทความเกี่ยวกับความรัก มีประโยคหนึ่งที่เขาบอกว่า “ เวลาที่ไม่สมหวังในรัก  จงอย่าคิดว่าคุณไม่มีใคร  ลองเดินเข้าประตูบ้านไปจะมีคนสองคนที่รักคุณมากที่สุดรอคุณอยู่”


5 ธันวาคม 2553 ฉันได้โทรศัพท์หาที่บ้านแต่เช้า เสียงรับปลายสายเป็นเสียงพ่อนั่นเอง ทันทีที่ได้ยินเสียงพ่อน้ำตาของฉันมันไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ฉันพยายามทำเสียงให้เป็นปกติทั้งๆที่น้ำตามันไหล ฉันถามพ่อว่าสบายดีไหม พ่อบอกว่าปวดขา ปกติเวลาที่ฉันโทรไปพ่อไม่เคยรับโทรศัพท์แม้แต่ครั้งเดียว เพราะว่าพ่อไม่ชอบคุยโทรศัพท์  ฉันรีบอวยพรก่อนที่พ่อจะส่งต่อให้แม่คุย “ ขอให้พ่อมีสุขภาพแข็งแรง  นะคะ” พ่อตอบ อือ อือ แล้วรีบส่งต่อให้แม่ทันที


ทันทีที่แม่คุย  แม่บอกว่า “วันนี้แม่เห็นว่าเป็นวันสำคัญ แม่คิดว่าลูกจะโทรมาอวยพรพ่อ แม่จึงให้พ่อกดรับก่อนใคร” แม่ถามฉันว่าอวยพรให้แล้วพ่อว่ายังไงบ้าง  ฉันบอกว่าพ่อแค่บอก อือ อือ แม่บ่นทันทีว่าพ่อไม่รู้จะรีบไปไหน  ลูกโทรมาอวยพรแทนที่จะให้พรลูกกลับ  แม่บอกว่าไม่เป็นไร พรที่ได้จากแม่ก็คงไม่ต่างจากพ่อหรอก


“ พรใดที่ประเสริฐขอจงบังเกิดแก่ลูก ขอให้มีอายุมั่นขวัญยืน  ไม่เจ็บไม่ไข้ แข็งแรงๆ คิดสิ่งใดขอให้ลูกสมปรารถนา…พ่อกับแม่รักลูกที่สุด อยู่เคียงข้างลูกเสมอ  มีอะไรอย่าเก็บไว้  บอกให้พ่อกับแม่ได้รับรู้ แม่เชื่อเสมอว่าลูกเป็นคนดี และแม่ก็เชื่ออีกว่าคนทำดีจะต้องได้ดี แม่รักลูกมากจ้ะ น่ารักๆน๊า ดูแลตัวเอง  ขอให้ลูกเป็นที่รักของทุกๆคน”


ทันทีที่วางสายฉันปล่อยโฮทันที ไม่ใช่เพราะเสียใจ แต่มันคือความตื้นตัน  หลายวันที่ผ่านมาที่ฉันมีความทุกข์  ฉันคิดว่าฉันอยู่ตัวคนเดียวในโลกกว้าง ฉันไม่มีใครอีกแล้ว โดยลืมนึกไปว่าคนที่คอยอยู่เคียงข้างฉันเสมอตั้งแต่เกิด และไม่เคยทอดทิ้งฉันไปไหนนั่นก็คือท่านทั้งสองคน….คืนนั้นฉันกลับมาเขียนบันทึกฉบับใหม่ ขอโทษท่านทั้งสองและขอบคุณที่ได้เกิดมาเป็นลูกของท่าน


เกือบสองเดือนที่ฉันใช้ชีวิตเกือบเป็นปกติ  บาดแผลยังไม่หายดี แต่ก็ดีขึ้นมากกว่าแรกๆ ฉันได้มุมมอง และแง่คิดเกี่ยวกับความรัก ประสบการณ์สอนให้ฉันได้รู้ว่า…รักแบบไหนที่จะไม่ทำร้ายตัวเอง ที่ผ่านมาฉันยังไม่มีประสบการณ์  ฉันคิดแต่เพียงว่า “การที่เราให้ใจใครสักคน….คนๆนั้นก็จะให้ใจกลับมาเหมือนกัน” ก็คือใจแลกด้วยใจนั่นเอง


ฉันนึกถึงสัจธรรมที่ว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตของคนเรา มีต่ำสุดและก็ต้องมีสูงสุด ขึ้นอยู่กับว่าใครจะรักษามันไว้ได้นานแค่ไหน ความรัก ความสุข ที่เคยเกิดขึ้นกับฉันก็เหมือนกัน …ครั้งหนึ่งฉันเคยมีความสุขจากคำว่า”รัก”มากมาย  แล้ววันหนึ่งฉันก็มีความทุกข์กับคำว่าๆ”รัก”มากมายเช่นกัน


ตอนนี้ฉันมีความสุขดี  บาดแผลหายสนิท ฉันมีความสุขในโลกที่มีแต่คำว่า”รัก”กับคนในครอบครัว และคนรอบข้าง ฉันเปิดใจรับความรู้สึกดีๆที่ทุกคนผ่านเข้ามามอบให้  แต่ไม่ได้เรียกว่า “รัก” เพราะคำๆนี้มันเคยทำให้หัวใจของฉันตายด้านไปร่วมสามปีแล้ว…หากคำๆนี้มันจะเกิดขึ้นมาใหม่ก็คงต้องใช้เวลาและศึกษาเรียนรู้มันให้ถ่องแท้…


…ที่ฉันผ่านคืนวันที่เลวร้ายมาได้ เพราะความรักที่ได้รับจากพ่อแม่และคนรอบข้าง  ขอขอบคุณพ่อกับแม่ที่ไม่เคยทอดทิ้ง  คอยอยู่เคียงข้างฉันตลอดเวลาทั้งๆทีเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน  ขอบคุณสำหรับความรักที่ยิ่งใหญ่ของท่านทั้งสองที่มอบให้ฉันด้วยใจไม่ใช่เพราะหน้าที่…ขอบคุณมากมายค่ะ


และที่ขาดไม่ได้ ขอบคุณ “เขา”คนนั้น ที่เคยมอบความรัก ความปรารถนาดีให้ฉันในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต  ถึงแม้ว่าในวันนี้ความฝันของเราสองคนที่มีร่วมกันจะจบลง…แต่ความทรงจำดีๆก็ยังคงอยู่  ขอบคุณสำหรับบทเรียนราคาแพง ที่หาเรียนที่ไหนไม่ได้ แต่มันก็ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยอ่อนแอ กลับแข็งแกร่ง และพร้อมที่จะก้าวเดินต่อไปในวันข้างหน้า...


ณ.ที่ใดมีรัก  ที่นั่นมีทุกข์…

จากคุณ : ใยไหมกะใบม่อน
เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 11:57:37




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com