Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เสน่หา...ปารีส ตอนที่5(50%) ติดต่อทีมงาน

เสน่หา...ปารีส ตอนที่4(100%)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11661001/W11661001.html

บัวบูชาค่อยๆใช้ส้อมเขี่ยอาหารกลางวันที่เธอฝากท้องไว้กับคาเฟ่เล็กๆ แถวสตูดิโอสำหรับเรียนศิลปะในช่วงบ่ายอย่างเบื่อหน่าย ไม่ว่าอย่างไรอาหารฝรั่งก็ไม่ถูกปากคนที่กินแต่อาหารรสจัดมาทั้งชีวิตอย่างเธอเลยจริงๆ  

หลังจากหมดเวลาเรียนภาษาฝรั่งเศสในตอนเที่ยง บัวบูชาเดินเอ้อระเหยไปรอบๆมหาวิทยาลัยเป็นการสำรวจสถานที่และฆ่าเวลา ก่อนจะขึ้นเมโทรมาลงใกล้ๆสตูดิโอในย่านมาเรส์ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาทียังมีเวลาอีกนานกว่าจะเริ่มเรียนคลาสศิลปะตอนบ่ายสองโมง

คลาสเรียนภาษาในตอนเช้านั้นผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีปัญหา แต่ที่น่ากังวลก็เป็นคลาสในตอนบ่ายนี่สิ สาวน้อยเป่าลมออกจากปากพรืดใหญ่ แล้วนึกถึงหน้าแม่...คุณครูสอนศิลปะคนแรกของตัวเอง

           แม้ว่าแม่จะไม่เคยบีบบังคับให้บัวบูชาเจริญรอยตามวิถีทางแห่งศิลปิน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันค่อยๆถูกถ่ายทอดและซึมซับผ่านการดำเนินชีวิตในทุกๆวันและเวลาของแม่ จนกลายเป็นเรื่องธรรมชาติไปแล้ว รู้ตัวอีกทีก็สนุกกับมันจนถอนตัวไม่ขึ้น ภาพของแม่จากด้านหลังเวลาที่นิ้วเรียวอันแสนอบอุ่นค่อยๆใช้พู่กันตวัดลงบนเฟรมผ้าใบท่ามกลางแดดอ่อนๆนั้น มันทำให้บัวบูชารู้สึกว่า แม่กำลังเปล่งประกาย

           แต่สำหรับคนอย่างเธอมันไม่มากเกินไปหรือ ถ้าจะอยากเป็นอย่างแม่ รู้สึกเป็นอะไรที่เกินตัวไปหน่อย บัวบูชาท้าวคางก่อนจะผ่อนลมหายใจช้าๆ ปล่อยใจให้ลอยไปกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิและผู้คนด้านนอก

           “เอ่อ ขอโทษนะจะรังเกียจมั้ย ถ้าจะขอ...นั่งด้วยคน” เสียงหนึ่งดังขึ้นเล่นเอาบัวบูชาสะดุ้ง เมื่อหันไปตามเสียงก็พบกับเจ้าของใบหน้าคมเข้มที่ได้เจอเมื่อเช้านี้ และรู้ตัวอีกทีผู้คนก็จอแจเต็มคาเฟ่ไปหมด

           “ตามสบายจ้ะ” บัวบูชายักไหล่พร้อมกับยิ้มเชื้อเชิญ

           “ขอบใจนะ ช่วงกลางวันมันเป็นแบบนี้ประจำ เอ่อหมายถึง ผู้คนล้นหลามน่ะ” เขาทำไม้ทำมืออธิบาย พร้อมกับส่งยิ้มจางๆให้กับเธอ

           “โอ...ใช่เลยรู้ตัวอีกที คนก็เต็มร้านแล้ว” เด็กสาวเออออหันรีหันขวางมองผู้คนที่พลุกพล่านในร้าน พลางมองเขาที่กำลังสั่งอาหารอย่างเชี่ยวชาญ และกันเองกับบริกรหนุ่มแบบสุดๆ

           “นั่นกีกี้เพื่อนสนิทสมัยไฮสคูลของฉันน่ะ” หนุ่มน้อยขยายความเมื่อเห็นอาการประหลาดใจของคนตรงหน้า “ว่าแต่...เธอมีเรียนต่อจากนี้หรอ” เจ้าของนัยน์ตาคมเข้มถามขึ้นเมื่อเหลือบไปเห็นเอกสารแนะนำโรงเรียน

           “เรียนศิลปะน่ะ” บัวบูชาตอบพลางมองไปที่อาคารสีไข่ไก่อันเป็นสถานที่ประสิทธิประสาทวิชาให้กับเธอในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

           “อ้อ งานอดิเรกหรอ” แน่นอนว่าลูกหลานคนรวยมักจะเรียนศิลปะหรือดนตรีเป็นงานอดิเรกเพื่อออกงานสังคม ยิ่งเป็นคนที่อยู่ในบ้านของผู้บริหารใหญ่ของ La Belle อย่างเมอซิเออร์กาลาสแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกตรงไหน

           “ประมาณนั้นมั้ง” เป็นงานอดิเรกที่จริงจัง เด็กสาวคิดในใจก่อนที่จะยกมือขึ้นเรียกบริกรให้มาเก็บเงิน แล้วขอตัวออกไป “ฉันต้องไปแล้ว เพราะวันนี้เป็นวันแรกของฉัน แล้ว...เจอกันนะ”

         

           เมื่อเดินออกจากคาเฟ่ได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงยีนส์ก็ดังขึ้น ต้องเป็นคุณลุงแน่ๆ.. บัวบูชาล้วงโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วก็ถึงกับงงเมื่อเบอร์โทรศัพท์แปลกๆปรากฏขึ้นที่หน้าจอ

           “ ฮัลโหล!”

           “ให้ทายว่าใคร” เสียงทุ้มกังวานจากปลายสายตอบกลับ ขณะที่คิ้วของสาวน้อยเริ่มจะขมวดเป็นปม ไม่น่าจะใช่เขา ที่เธอคิด

           “นั่นใครคะ” มีไม่กี่คนที่รู้เบอร์โทรศัพท์เบอร์นี้ของเธอ ครอบครัวที่เมืองไทย คุณลุง และเลโอเนล แต่ฟังดูจากน้ำเสียงเจ้าเล่ห์แบบนี้ ไม่มีใครเข้าข่ายเลยสักคน

           “ถ้าทายถูกก็จะชนะ ทายผิดก็จะแพ้ คนแพ้ต้องยอมทำตามทุกอย่าง ไม่มีข้อแม้” แบบนี้คุ้นๆแฮะ เพราะเคยได้ยินจากใครบางคน ที่อยากจะแกล้งยอมแพ้เพื่อเอาใจเธอ คราวนี้มั่นอกมันใจเหลือเกินว่าจะต้องเป็นเขา

           “ไม่รู้สิ...ยากจังใบ้ให้หน่อยได้มั้ย” เสียงใสนึกสนุกเลยเล่นด้วย ทำไมตัวเป็นๆของเอเตียน ไม่เห็นจะเหมือนผู้ชายขี้เล่นในโทรศัพท์สักกะนิด

           “อืม...ม ขอโทษทีครับ ผมคงโทรผิด” ปลายสายตอบกลับ ขณะที่สาวน้อยหายใจฟึดฟัด จะยอมอ่อนข้อให้ซักหน่อยก็ไม่มี

           “คุณคิดจะโทรหาใครล่ะคะ”

           “เอ่อ เด็กผู้หญิงคนนึง วันนี้เธอไปโรงเรียนวันแรก ผมแค่อยากจะรู้ว่า เธอ...”



           ไม่ทันที่เขาจะได้พูดต่อ เสียงใสๆก็ตอบกลับมาด้วยความตื่นเต้น “อ๊ะ! เอเตียน คุณลุงโทรหาใยบัว แค่นี่ก่อนนะ”



           เปรี้ยง! โทรศัพท์มือถือของท่านผู้บริหารหนุ่มแหลกละเอียดเป็นชินเล็กชิ้นน้อยและร่วงกรูลงกับพื้น หลังจากที่เขาถูกตัดสายจากใครบางคนเพียงเสี้ยววินาที เพราะยัยตัวดีต้องร้บโทรศัพท์ไอ้กาลาส ดีที่ในนี้มันคือห้องลับของผู้บริหาร ดีที่มันเก็บเสียง และดีที่ไม่ใครมองเห็นความงี่เง่าที่เขาทำ

           เขาทรุดลงนั่งบนเตียงสปริงหนานุ่ม รู้สึกว่าตัวเองหายใจเร็ว แรงและถี่ยิบเหมือนมันจะระเบิดด้วยแรงอัดมหาศาล ไม่ว่าเรื่องอะไรที่ผ่านพ้นเข้ามาในชีวิต ต่อให้ร้ายแรงแค่ไหน เขาก็หาหนทางจัดการมันได้เสมอ แต่กับเธอ กับผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียว เขาต้องกลายเป็นคนบ้าวันละร้อยละพันครั้งจนนับไม่ถ้วนเห็นจะได้ บ้าบอไร้สาระ เหมือนคนสิ้นสติจนตัวเองยังแปลกใจไม่หาย ทั้งๆที่ต่อให้เขาหายไปจากโลกใบนี้เธอก็คงจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร

           อยากให้เธอเป็น แบบที่เขาเป็นบ้าง จะได้รู้ว่ามันทรมานแค่ไหน ที่ทุกลมหายใจเข้าออกของใครบางคน มันมีแต่ใครบางคน เฮ้อ!ฟังแล้วสับสน

           ร่างใหญ่ทิ้งตัวแผ่หลาลงบนเตียงนอนก่อนที่จะหยิบกระเป๋าสตางค์ในกางเกงผ้าวูลเนื้อดี แล้วหยิบรูปใครบางคนออกมาดู แล้วก็แอบยิ้มให้กับคนในรูปที่ทำให้เขาร้าวรานแทบบ้าเมื่อครู่

           มือเรียวค่อยๆลูบไล้ แก้มอิ่มๆของสาวน้อยวัยสิบสองในรูปอย่างทะนุถนอม นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มยังพริ้มพราว

“เธอโตแล้ว ฉันก็ควรที่จะเปลี่ยนรูปเธอสักที จะได้ไม่มีใครหาว่าฉันโรคจิต รู้รึเปล่า..หืม” เอเตียนเอ่ยกับสาวน้อยในรูป ก่อนจะจุมพิตเบาๆกับสาวน้อยน่ารักที่นอนแอ้งแม้งอยู่ในกระเป๋าสตางค์ของเขามากว่าห้าปี ห้าปีที่ผ่านมาเธอเป็นเด็กดีจนอย่างเข้าสู่ปีที่หกเนี่ยแหละ ตัวโตขึ้น ผมยาวขึ้น แล้วก็น่าฆ่าขึ้นเป็นกองเลย จะช่วยลดความซื่อบื้อลงหน่อยไม่ได้รึไง

           “อ๊ากก!! ให้ตายสิ กรูทำอะไรลงไปเนี่ย” เขาลุกขึ้นจากเตียงแล้วรีบถลาไปที่เศษซากโทรศัพท์พร้อมกับพึมพำเหมือนคนเมายา “ขอโทษนะบัวบูชา ที่เขวี้ยงเธอใส่กำแพง ฉันเป็นแฟนที่แย่จริงๆ” ว่าแล้วมือใหญ่ก็ค่อยๆกอบซากชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เกลื่อนกราดขึ้นมาบนเตียง พยายามแปะนู่น ติดนี่เพื่อให้โทรศัพท์กลับมาใช้ได้เหมือนเดิม

           ว่าแล้วก็พาให้นึกถึงเรื่องงี่เง่าที่เขาแอบไปทำเมื่อคืนก่อนที่เขาย่องเข้าไปในห้องของเลโอเนล แอบขโมยเบอร์โทรของบัวบูชามาอย่างลับๆ แล้วเปลี่ยนเบอร์มั่วซั่วใส่ไปแทนเพื่อความสะใจ รู้ว่าต้องมีรูปแฟนเขา ก็เลยแอบเกินหน้าที่เล็กน้อยด้วยการส่งรูปทั้งหมดที่เลโอเนลมีเข้าเครื่องของเขา และอีกทีเพื่อความสะใจ เขายืนตระหง่านอยู่บนเตียงของเลโอเนลในขณะที่เจ้าของนอนกอดกระต่ายเน่าหลับปุ๋ยเพราะฤทธิ์ยานอนหลับที่แอบใส่ให้มันกิน แล้วก็แปลงร่างเป็นเจ้าหนูแข้งทองซัดเข้าไปที่ท้องของไอ้ยักษ์ตาเขียวมันเต็มๆข้อ ก่อนจะเดินจากไปอย่างไร้ร่องรอย

           “ฮ้า! ขอบคุณสวรรค์” เขาร้องลั่น เมื่อหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏภาพขึ้นอีกครั้ง หลังจากพยายามเขย่าก็แล้ว ทุบก็แล้ว ถอดชิ้นส่วนเข้าออกอยู่หลายรอบ ต้องจัดการปริ้นท์รูปแล้วเอาเข้าอัลบัมสะสมของเขาในห้องลับนี้อย่างด่วน รวมไปถึง ย่อไฟล์ให้เล็กพอกับกระเป๋าสตางค์ของเขาด้วยอีกหนึ่งใบ เมื่อภารกิจนี้เสร็จสิ้น เขาและใยบัวคนใหม่จะได้ออกไปล่าอัศวินใจทรามที่ห้องประชุมกัน!



           เหมือนจะมีเก้าอี้เกินมาหนึ่งตัว นักเรียนศิลปะให้ห้องเรียนทั้งสิบคนออกอาการงงงวยกับ ‘ส่วนเกิน’ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตามตารางวันนี้เป็นคลาส สุนทรียศาสตร์(เพิ่มเติม) เพื่อให้ได้เข้าใจวิธีการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกใส่ไปในงานเพิ่มขึ้น โต๊ะเลคเชอร์จึงถูกจัดให้เป็นรูปตัวยู(U) และมีภาพงานศิลปะชิ้นหนึ่งตั้งอยู่ ด้านหน้า

           “ไอ้เก้าอี้ที่เกิน อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะที่ครูตั้งใจก็ได้นะให้เราได้ขบคิดก็ได้นะ” เด็กหนุ่มผมทองออกความเห็น

           “มีเดียอาร์ต(ศิลปะผ่านสื่อมัลติมีเดีย)ละมั้ง” เด็กหญิงคนหนึ่งสมทบพลางกวาดสายตามองหากล้องวีดีโอที่อาจจะซ่อนอยู่ที่ไหนซักแห่ง

           ถกกันไปถกกันมาจนมี ร่างสูงโปร่งของคุณครูที่ดูยังไงก็ไม่เป็นคุณครูเดินอาดๆพร้อมกับรอยยิ้มเข้ามาเท่านั้นล่ะ ถึงเวลาที่ความจริงปรากฏเสียที...

           “ไง..พรรคพวก นั่งที่กันได้แล้ว เอาตามสะดวก เร็วเข้า” คุณครูร้องพร้อมกับโบกไม้โบกมือว่อนไปทั่วห้อง “อ้อ แล้วก็อย่าทำหน้าเป็นแมวสงสัยกันแบบนั้น ไปนั่งซะไป๊” เด็กๆทำตามอย่างว่าง่าย ขณะที่คุณครูแจกเอกสารไปที่หัวแถว พร้อมกับอธิบายหัวข้อทีจะเรียนในวันนี้



           มือหนึ่งถูกชูขึ้นหลังจากที่คุณครูสาธยายอย่างเอาเป็นเอาตายไปกว่าสิบห้านาที ขณะที่ชายหนุ่มผายมืออนุญาตให้เธอพูด “มีอะไรหรือคุณเดอ คาลูฟ”

           “เก้าอี้เกินมาตัวนึงค่ะ หนูคิดว่าอาจจะเกิดข้อผิดพลาดเล็กน้อยของพนักงาน” สาวน้อยผมสีทองเอ่ยขึ้น ขณะที่คุณครูพยักหน้าเออออ ก่อนจะสะดุ้งเฮือก

           “ตายล่ะหว่า ลืมสนิทเลย” เป็นอาการขี้หลงขี้ลืมที่แก้ไม่หายซักที ว่าแล้วคุณครูหนุ่มก็วิ่งฉิวออกไปข้างนอก ก่อนจะกระหืดกระหอบมา พร้อมกับสาวน้อยหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มนางหนึ่ง

           “วันนี้เรามีสมาชิกใหม่ วันนี้มาเรียนวันแรก เอ้าปรบมือๆ ฮูเร่ๆ” เล่นเอางง นี่มันคลาสศิลปะระดับสามนะ จะมีสมาชิกใหม่ที่เข้ามาเรียนวันแรกได้ยังไง อย่างน้อยก็ต้องอยู่ระดับหนึ่งก่อนสิ

           “เธอมาผิดห้องแล้วล่ะ” สาวน้อยผมทองคนเดิมสวนขึ้น ขณะที่คุณครูหน้าแหยๆ ฮูเร่ไม่ออก เมื่อตัวแรงทำท่าว่าจะออกโรงต่อต้านสาวน้อยเอเชีย

           “ฉันชื่อ บัวบูชา เรียกว่า ใยบัว หรือว่าบัวเฉยๆก็ได้ ฉันมาเรียนถูกห้อง คลาสศิลปะระดับสาม” บัวบูชาย้ำสิทธิ์ของตัวเองอย่างมั่นใจ พร้อมกับรอยยิ้มเป็นประกาย ก่อนจะมีสีหน้าแปลกใจเมื่อ เห็นหน้าอาบังน้อย แล้วจึงโบกมือทักทาย กีกี้เด็กเสิร์ฟที่คาเฟ่ก็ด้วยหรอเนี่ย

           “มีอะไรจะถามฉันไหม” สาวน้อยหน้าชั้นเรียนเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น ถ้าอยากลองภูมิก็เชิญ รู้จักบัวบูชาแห่งสยามประเทศน้อยเกินไปแล้วยัยบลอนด์

           “เอ่อ ก็ดีนะ ให้ถามเพื่อใหม่คนละหนึ่งคำถาม จะได้สนิทกันมากขึ้นไง” คุณครูหนุ่มเสนอขึ้น เพราะรู้ดีว่าเหล่าลูกศิษย์คลาสนี้ไม่ยอมแน่ๆ หากเขาปล่อยให้สาวน้อยไปนั่งที่เฉยๆโดยไม่มีบททดสอบใดๆ ซึ่งนักเรียนใหม่เองก็คงจะรู้ดี ถึงได้ประกาศกร้าวอย่างมั่นอกมั่นใจไปอย่างนั้น จากแฟ้มสะสมผลงานและประวัติจากเมืองไทยที่ส่งมาเมื่อหลายเดือนก่อน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอควรเรียนอยู่ในคลาสที่สาม



           หนุ่มน้อยหน้าแขก ยกมือขึ้นเป็นคนแรก ในขณะที่สาวน้อยหน้าห้องค้อมหัวยิ้มรับ

“Salut!! ฉันชื่อการิม อยากถามเธอว่า เธอมีความคิดเห็นยังไงกับแบรน La Belle”  สาวน้อยผมทองข้างๆการิมยิ้มเยาะเล็กๆ ยัยเปี๊ยกหัวดำนี่รู้จักรึเปล่าก็ไม่รู้La Belleน่ะ ขณะที่บัวบูชาฉีกยิ้มจางๆให้กับเพื่อนใหม่นัยน์ตาแขก เขารู้ว่าเธออยู่กับคุณลุง แล้วคุณลุงที่ว่า ผู้บริหารระดับสูงของ La Belle นะนั่น

           ถ้าตอบว่าเฉยๆ จะโดนฆ่ามั้ยนะ บัวบูชามองหน้าสาวน้อยผมสีทองที่นั่งแสยะยิ้มให้กับเธออยู่ข้างๆกับการิมที่ตัวทั้งตัวของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้ามีแต่ของ La Belle ทั้งนั้น

           “ชอบดีไซน์ของมาดามริต้าค่ะ” แน่ล่ะก็แม่เธอนี่ ทำไมจะไม่ชอบล่ะ “เครื่องปะดับของเธอทุกชิ้นล้วนแล้วแต่น่าหลงใหล มีเสน่ห์และมักจะมีความหมายให้ได้ขบคิด มันไม่ใช่เครื่องประดับ แต่เป็นประติมากรรมขนาดย่อม เป็นงานศิลปะที่มีมูลค่า มากกว่ามูลค่าที่ปรากฏ” ลูกสาวอธิบายงานของแม่ตัวเองอย่างภาคภูมิใจ ปรายตามาหาเพื่อนๆที่ตั้งใจฟังพร้อมกับรอยยิ้ม “คอลเล็คชั่นสุดท้ายของเธอ เป็นคอลเล็คชั่นที่ฉันประทับใจมากที่สุด ‘พุทธบูชา’ อาจจะฟังดูเหมือนว่ามันจะเกี่ยวกับเรื่องของพุทธศาสนา แต่ความจริงแล้วมาจากชื่อลูกสาวและลูกชายของเธอ(บัวบูชาและพุทธรักษา) ซึ่งเป็นงานที่ดึงเอาความโดดเด่นของดอกไม้ทั้งสองชนิด คือดอกบัวและดอกพุทธรักษา มาผสมผสานกันจนเกิดเป็นผลงานคอลเล็กชั่นนี้ขึ้นมา หากคุณทำความเข้าใจกับผลงานชิ้นนี้ดีๆ คุณอาจจะเข้าถึง รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัสได้ง่ายๆ ไม่ได้โม้นะ”

           “ถ้าหากมีวิชา La Belleศาสตร์ ครูว่า บัวต้องได้ เอบวกแหงๆ” คุณครูหนุ่มแซวพร้อมกับปรบมือแปะๆเชื้อเชิญให้ทุกคนในห้องปรบมือตามไปด้วย ขณะที่สาวน้อยลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆด้วยความโล่งอก ขอบคุณสวรรค์ที่มีแม่เป็นดีไซเนอร์ของ La Belle

           แต่ละคำถามของเพื่อนๆในคลาส ล้วนแล้วแต่ไม่มีใครยอมใครกันทั้งนั้น ราวกับว่า พวกเขากำลังจะแข่งขันกัน เพื่อจะโค่นเพื่อนใหม่คนนี้ให้จนมุมไปให้ได้ เล่นเอาคนตอบแทบอยากวิ่งหนีออกจากห้องไปให้ไกลๆ คนที่นี่ต้อนรับเธอดีจริงๆ แต่สุดท้ายสาวน้อยจากเมืองไทยก็ตอบคำถามของเพื่อนๆจนถึงข้อสุดท้าย อีหนูLa Belle ที่นั่งข้างๆการิม คนนี้ล่ะน่ากลัว

           “ฉัน..แอล” เธอเอ่ยพร้อมกับใช้ตาสีฟ้าจ้องมาที่บัวบูชา ก่อนที่จะเลิกคิ้วน้ำตาลอ่อนยียวนส่งมาให้ “ช่วยแนะนำภาพเขียนตรงหน้า ให้ฉันเข้าใจภายในประโยคเดียวหน่อยได้มั้ย” เล่นเอาจุก ใครมันจะไปเข้าใจอะไรง่ายๆได้เพียงประโยคเดียวล่ะ โดยเฉพาะในคลาสสุนทรียศาสตร์ การหาคำจำกัดความงานศิลปะไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อคนมองมาจากสังคมและวัฒนธรรมที่ต่างกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะเข้าใจกันไปในทิศทางเดียวกันเสียหมด เจอตัวเป้งเข้าแล้วล่ะสิใยบัว สาวน้อยหน้าชั้นเรียนครุ่นคิด พลางมองหน้าที่กำลังท้าทายเธออยู่ จะบีบให้คนอย่างใยบัวแพ้ ไม่มีวันซะหรอก ไม่สู้คนก็ไม่ใช่ลูกแม่สิวะ!

           ในขณะที่เพื่อนๆรอฟังคำตอบอยู่นั้น บัวบูชาฉีกยิ้มเย็นสะท้านตอบกลับสาวน้อยนัยน์ตาสีฟ้า ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงหวานกังวาน

“อิมเพรสชั่นนิสต์ ต้องดูไกลๆ” เล่นเอาคุณครูแอบสะดุดขำ กับบททดสอบที่ตั้งใจจะมาลองภูมิลูกศิษย์คนใหม่ อิมเพรสชั่นนิสที่เธอว่า ต้องมองไกลๆจริงๆเสียด้วยสิ เขาเลยจงใจจัดโต๊ะเด็กๆให้เป็นรูปตัวยู แต่ไม่มีนักเรียนคนไหนคิดที่จะทักท้วงเขาเลยสักนิด มัวแต่ไปสนใจกับเก้าอี้ที่เกินมาเพียงตัวเดียว ยูเรก้า! เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาจริง

“โอจริงด้วยสินะ อิมเพรสชั่นนิสต์ต้องมองไกลๆ ถ้าอย่างนั้น ขอบวกคะแนนเพิ่มห้าคะแนนให้กับคนที่อยู่หลังสุด ลดหลั่นกันลงมาแล้วกันนะ” นั่นคือเก้าอี้ว่างของเด็กใหม่ ขณะที่เด็กหน้าห้องตลอดกาล อย่างแอลกำลังหน้าแดงจัดจนเป็นสีเข้ม เพราะโดนยัยหัวดำตัวน้อยลูบคม

           อิมเพรสชั่นนิสต์ต้องมองไกลๆ...แล้วเธอก็นั่งอยู่ตรงปลายของหางตัวยูพอดิบพอดีนั่นก็เท่ากับว่า วันนี้เธอจะไม่ได้คะแนนพิเศษในรอบนี้

           แปะ แปะ แปะ เสียงของการิมค่อยๆปรบมือ อย่างชื่นชม ก่อนจะตามมาด้วยเสียงของเพื่อนๆเกือบจะทุกคนในห้อง คนที่สามารถล้มแอลได้ด้วยเพียงประโยคเดียวนั้น และประโยคนั้นก็กลับกลายมาเป็นคะแนนบวกเพิ่มให้กับเธอถึงห้าคะแนนเต็ม ควรค่าแก่การชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง ความสามารถของเด็กใหม่ถูกยอมรับด้วยเสียงปรบมือและชื่นชมของเพื่อนๆทั้งคลาสไปแล้ว น่าเสียดายหากคนเก่งๆอย่าง ‘บัว’ จะต้องไปอยู่ในคลาสที่ต่ำกว่า อย่างนี้พวกเขาก็จะไม่ได้แลกเปลี่ยนความรู้จากเธอน่ะสิ

           “เธอเก่งจังเลยบัว” การิมซึ่งได้คะแนนบวกเพิ่มไปแค่คะแนนเดียวเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น ก่อนจะชี้ชวนให้เพื่อนๆจัดโต๊ะเรียงกันเป็นแถวหน้ากระดานอยู่หลังห้อง ขณะที่เพื่อนคนอื่นๆก็เข้ามาเอ่ยชื่นชมเธอด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกีกี้ที่บอกว่าเขาน่ะเป็นคนที่รู้จักบัวคนแรกในห้องเพราะเธอมากินอาหารกลางวันที่ร้านของเขาด้วยความภาคภูมิใจ เพราะเด็กหลังห้องตลอดกาลที่คราวนี้เขาได้บวกคะแนนเพิ่มตั้งสี่คะแนนแน่ะ

           บัวบูชาสนุกสนานกับการทำความรู้จักกับเพื่อนรอบๆห้องไปทั่ว ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นแอลที่ยังคงหน้ามุ่ยไม่เลิก นัยน์ตาสีฟ้าของแอลหันมาจับจ้องเธอ ยิ้มเย็นค่อยๆผุดพรายขึ้นมาบนใบหน้า พร้อมกับให้นัยน์ตาดำขลับท้าทายกลับ ราวกับสารท้ารบ

           คนอย่างบัวบูชาสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นรู้ไว้ซะ!



           วันนี้ไอ้คุณลุงมันจะต้องได้รับเรียนที่สาสมกับที่เมื่อกี้มันได้ทำเอาไว้ เอเตียนนึกเข่นเขี้ยวอยู่ในใจเมื่อนึกถึง สายซ้อนระหว่างเขากับแฟนสาวเมื่อครู่ จีบกันอยู่ดีๆเพราะคุณลุงมันโทรเข้ามาสอดแท้ๆพับผ่าสิ

           “นิกแล้วไอ้เลมันหายหัวไปไหน” คนกำลังอารมณ์ไม่ดีถามบอดี้การ์ดข้างกาย ขณะที่ย่างเท้าไปห้องประชุมด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย จนสาวๆในออฟฟิซมองกันตาค้าง หลังจากที่เมอซิเออร์ไม่ได้ออฟฟิซตลอดทั้งสัปดาห์ เมื่อทราบข่าวว่าวันนี้ยังไงเขาก็ต้องเข้าประชุมสาวน้อยสาวใหญ่ก็เลยก็ตั้งหน้าตั้งตาแต่งตัวสวยรอเจ้าชายของพวกเธอกันตั้งแต่ไก่โห่ ไม่ผิดหวังจริงๆ เมื่อพวกเธอสัมผัสได้ว่าเมอซิเออร์หล่อขึ้นจาดเดิมเป็นกองเลย

           “รออยู่ทีห้องประชุมครับ” เอเตียนพยักหน้าเออออ ก่อนจะโยกคอไปมาเพื่อขับไล่ความเมื่อยล้าจนได้ยินเสียงกร๊อบๆ การประชุมเมื่อเช้าเล่นเอาแทบจะหมดแรงข้าวต้มกันไปเลยทีเดียว แต่เจ้าชายรูปงามอย่างเขาจะย่อท้อไม่ได้ บ่ายนี้จะต้องพิชิตมังกรตัวร้าย เพื่อนำพาเจ้าหญิงหัวดำจอบซื่อบื้อ ออกจากหอคอยผีสิงน่ะให้ได้ แค่คิดก็สนุกแล้ว วะฮ่า!

           เอเตียนยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อยู่หน้าห้องห้องประชุมขณะที่กำลังนึกถึงแผนร้ายๆในการเล่นงานอีตาคุณลุงของแฟนสาว เล่นเอาอาวีลีนที่เพิ่งเปิดประตูออกมาจากห้องมองพ่อเสือยิ้มยากอย่างอึ้งๆ มีใครเคยกระซิบบอกเมอซิเออร์มั้ยนะว่าเวลาเขายิ้มแบบนี้น่ารักชะมัดยากเลย

           “สวัสดีค่ะเมอซิเออร์” เลขาคนสวยของปีแอร์ กล่าวทักทายเขาพร้อมกับรอยยิ้ม เอเตียนพยักหน้ารับก่อนจะปรับเปลี่ยนใบหน้าเป็นเคร่งขรึม “แบบเมื่อกี้ น่ารักดีแล้วค่ะ” คุณเลขาคนสวยเอ่ยกับเขาอย่างจริงใจ แล้วเดินไปพร้อมๆกับรอยยิ้ม

           “นี่กำลังโดนจีบรึเปล่า” เขาหันไปถามนิกกี้อย่างงงๆ ขณะที่บอดี้การ์ดร่างยักษ์ของเขาได้แต่ยักไหล่ ประมาณว่า ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

           “เฮ้เจ้าชายน้อย เอาเวลาที่หว่านเสน่ห์ใส่สาวๆมาตั้งอกตั้งใจทำงานดีกว่านะ” เสียงเหยียดๆเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง พร้อมกับปรากฏร่างสูงตระหง่านของดาวร้ายแห่งปี

           ธรรมะย่อมชนะอธรรม เอเตียนคิดก่อนจะฉีกยิ้มเย็นให้กับคุณลุงรูปหล่อ “ไม่ว่าอะไรผมก็ตั้งใจทั้งนั้นล่ะ(โดยเฉพาะเรื่องจีบหลานสาวคุณลุง)” หนุ่มน้อยนัยน์ตาน้ำเงินทิ้งท้ายก่อนที่จะเดินเข้าห้องประชุมไป



           แม่ของเขาต้อนรับการมาของลูกชายด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนยากจะบรรยาย แม้มันจะดีสำหรับการส่งมอบอำนาจที่มีในบริษัท แต่ถ้าหากเธอมองมาพร้อมกับรอยยิ้มจางๆสักครั้งก็ยังดี ทั้งแม่ ทั้งริต้า ทั้งบัวบูชา ผู้หญิงพวกนี้ไม่มีใครได้ดั่งใจเลยซักคน แต่คนหลังสุดนี่แหละเขาจะทำทุกวิถีทางให้ยัยซื่อบื้อนั่นมันได้ดั่งใจของขึ้นมา ต่อให้มันจะยากเย็นแสนเข็ญแค่ไหน เขาก็จะทำ คอยดู๊!

           แน่นอนว่าบอร์ดบริหารรอคอยการปรากฏตัวของเขาอย่างใจจดใจจ่อ ยิ่งกว่าแม่บังเกิดเกล้าของตัวเองที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ทุกรายมีท๊อปปิคที่จะโขกจะสับให้เขาแหลกคามืออยู่ยาวเหยียดหลายหน้ากระดาษเอสี่ โดยเฉพาะท่านรองประธาน ปีแอร์ กาลาส

           โชกเลือด! เรื่องที่เขาหายไปจากบริษัท เรื่องที่ใช้ให้อดีตบอดี้การ์ดดีลงานสำคัญๆให้ เรื่องที่ไม่ยอมไปเสนอหน้าต้อนรับท่านชีค ที่อยากมีงานอดิเรกโดยการซื้อ La Belleไปเปิดสาขาใหม่ที่ดูไบ ทั้งๆที่ก็มีชอปของLa Belleฝังอยู่ในแทบจะทุกโรงแรมของประเทศนั้น แต่อยากจะได้เก๋กว่าว่างั้น ก็เลยเหมาทุกสาขาที่เปิดในดูไบ ทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้รู้เรื่องแฟชั่นอะไรเล้ย รวยอย่างเดียวไม่ได้ ต้องโง่ด้วยนะเนี่ย แล้วอย่างนี้ใครเล่าจะอยากไปต้อนรับขับสู้ ไม่เห็นจะน่าคบเอาซะเลย

           ไม่เสียแรงที่โหมงานหนักมหาศาล ไปพอๆกับโหมจีบสาว เลยมีผลงานที่ผ่านมาให้ที่ประชุมได้เห็นจนไม่มีข้อโต้แย้ง ดีที่ไอ้เลมันจบ MBA มาจากปีนัง หรืออะไรสักอย่าง แล้วมันก็เก่งเรื่องของการจัดการพอๆกับการวิ่งไปซื้อบุหรี่และชงกาแฟ และดีที่ระหว่างที่ท่านชีคอะไรนั่นมาฝรั่งเศส เขาดอดไปพบเงียบๆและตกลงอะไรๆกันนิดหน่อยพอดิบพอดี

           “ก็ดีที่นายมีข้อแก้ตัวให้กับทุกๆกรณี” ปีแอร์เอ่ยด้วยท่าทีสบายๆ พร้อมกับรอยยิ้มชื่นชมด้วยความจริงใจอย่างสุดซึ้ง

           “เรียกว่า คำอธิบาย ดีกว่าครับ เพราะอีกไม่กี่วินาทีต่อจากนี้พวกคุณจะต้อง ขอบคุณผม” เอเตียนลุกขึ้น ก่อนจะขยิบตาส่งซิกให้กับคุณผู้ช่วยร่างใหญ่ที่ยืนอยู่มุมห้อง

           เลโอเนลกดรีโมทเลื่อนโปรเจ๊กเตอร์ลงมา ก่อนจะนำเสนอภาพชอปของLa Belleในโรงแรมต่างๆ ที่ดูไบซึ่งตอนนี้กลายเป็นของท่านชีคซาคีลไปเรื่อยๆ จนถึงกราฟเส้นแสดงผลประกอบการในสามไตรมาสตร์ที่ผ่านมาของLa Belleในดินแดนทะเลทราย

           “เห็นได้ชัดว่า ท่านชีคเองกำลังตกที่นั่งลำบาก ซึ่งถ้าหากลูกค้ารายใหญ่ซึ่งกำลังจะกลายมาเป็นคนสำคัญเกือบจะที่สุดของบริษัท เราทุกคนจะเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือ” บอร์ดบริหารหลายคนพยักหน้าเออออ ใช่เขาเป็นลูกค้ารายใหญ่ แต่ไอ้คำว่า คนเกือบจะสำคัญ นี่สิ ดูเหมือนว่าพ่อหนุ่มน้อยจะมีอะไรเซอไพรซ์นะ

           “ครับผมพูดถูก เขาเกือบจะสำคัญ และจะสำคัญในทันทีทันใดเมื่อท่านเซ็นสัญญาที่จะให้ La Belle รับผิดชอบเสื้อผ้าและเครื่องประดับทั้งหมด ในงานอภิเษกสมรสพระสนมองค์ที่สามของท่าน แล้วแบบนี้ไม่เรียกว่า เกือบจะสำคัญหรือ” เอเตียนเผยยิ้มเป็นประกายให้กับใบหน้าอึ้งๆของผู้ร่วมประชุมทั้งหลาย แน่นอนว่าโปรเจกนี้เขาเป็นคนหามา และสมควรจะได้ไป ยิ่งเป็นงานอภิเษกสมรสของท่านชีคองค์นี้ด้วยแล้ว ทั่วทั้งโลกต้องจับตามองและจะกลายเป็นกระแสในไม่ช้า

           “ทำได้ดีมาก พ่อหนุ่ม” ปีแอร์เอ่ยด้วยความชื่นชม ไอ้หมอนี่ไม่ธรรมดาซะแล้ว

           “ขอบคุณครับ” พ่อหนุ่มตาสีน้ำเงินค้อมหัวรับ ก่อนจะพยักหน้าให้เลโอเนลแจกไม้เด็ดให้กับผู้เข้าร่วมประชุม ทั้งๆที่มันไม่มีในลิส

           “จากเอกสารการรายงานแผนประกอบการ และข้อมูลบางส่วน จะเห็นได้ว่าพระราชากำลังตกที่นั่งลำบาก อย่างที่ผมได้กล่าวไปในข้างต้น”

           “เราควรส่งคนไปช่วยเขา ส่งมือดีทางการตลาดไปซักทีมเป็นไง” ผู้บริหารคนหนึ่งเสนอ ในขณะที่หลายๆคนพยักหน้าเออออ

           “เชื่อว่าทีมจากLa Belleที่เราส่งไป จะสร้างกำไรให้กับท่านชีคจนพอใจเชียวล่ะ เอเตียนโปรเจ็กนี้ไม่ยากสำหรับคุณเลยนะ” อีกคนหนึ่งเสนอพร้อมกับรอยยิ้มภาคภูมิใจ

           หนุ่มน้อยเจ้าของชื่อเผยรอยยิ้มจางๆก่อนจะยกมือขึ้นปราม พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส

“ถ้าหากพระราชาตกที่นั่งลำบาก สิ่งที่พวกคุณควรจะทำ คือส่งอัศวินของเราไปครับ” แล้วมือเรียวก็ผายมือให้กับปีแอร์ซึ่งได้แต่เลิกคิ้วด้วยความสงสัย แค่ทำแผนการตลาด ถึงขนาดส่งรองประธานไปเชียวหรือมากไปมั้งไอ้หนุ่ม

           “ปีแอร์มีชื่อเสียง เป็นที่นับหน้าถือตา และเป็นผู้ใหญ่ ตอนที่ออกรอบด้วยกันผมมักจะได้ยินทานชีคเอ่ยชื่นชมเขาบ่อยๆ ผมเลยติ๊ต่างไปเองว่า” เขาหยุดอยู่ครู่ประสานสายตากับปิแอร์ตรงๆ “ ถ้าหากเมอซิเออร์กาลาสได้เข้าไปพบท่านชีคและช่วยเหลือLa Belleน้อยๆในดูไบ ท่านชีคก็คงจะออกอาการปลื้มอกปลื้มใจไม่น้อยเลยทีเดียว” เจ้าชายน้อยฉีกยิ้มสดใส ให้กับอัศวินหนุ่มที่ส่งสายตาอาฆาตมาที่เขา

คุณลุงขาถึงคราวไปเที่ยวดูไบแล้วค่ะ มีแต่ทรายกับทราย แล้วก็ทราย ฮ่าๆๆ

           “เอ่อ...ทุกคนเห็นด้วยมั้ยครับ” หลายคนพยักหน้าเออออ ไปพร้อมกับกับปรึกษาผู้ถือหุ้นข้างๆ

           “ผมมีหลายโปรเจกที่ยังคงคั่งค้าง” อัศวินหนุ่มที่กำลังตกที่นั่งลำบากรับชี้แจง ในขณะที่เจ้าชายน้อยเผยรอยยิ้มเย็นยะเยียบสวนกลับ ก่อนจะประกาศลั่นด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ

           “ทุกอย่างที่เป็นของคุณที่นี่ ผมจะขอรับหน้าที่ดูแลเอง ไม่ต้องห่วงครับ...พี่ชาย”



           เอเตียนก้าวเดินออกมาจากหน้าออฟฟิศด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุขล้ำอย่างที่ไม่เคยได้พานพบที่ไหนมาก่อน แผนการเนรเทศและยึดอำนาจเบ็ดเสร็จของไอ้คุณลุงเป็นไปอย่างเรียบร้อย ส่งปีแอร์ไปอยู่ดูไบ และโอนทุกอย่างมาเป็นของเขา ทุกอย่างโดยเฉพาะหลานนอกไส้ของมัน

           “พวกนายกลับบ้านไปก่อนเลยนะ” สองหนุ่มด้านหลังทำท่าแปลกใจ ขณะที่เจ้านายยังฉีกยิ้มไม่เลิก

           “อย่าบอกนะเมอซิเออร์ว่าวันนี้จะกลับเมโทร” เลโอเนลตาเขียวมองหน้าเจ้านายตาปริบๆ

           “พอดีว่าฉันเพิ่งซื้อของเล่นอันใหม่น่ะ แล้ววันนี้มันก็เอามาส่งพอดี” มือเรียวชูกุญแจกรุ๊งกริ๊งๆ ก่อนที่จะมองไปที่ รถมอเตอร์ไซสีดำมันปลาบคันหนึ่งที่จอดอยู่หน้าออฟฟิศ

           “BMW F800 SG อย่าบอกนะว่ามันเป็นของเมอซิเออร์” เลโอเนลร้องลั่น ถลาเข้าไปลูบๆคลำๆ พลางมองอาชาสีดำคันใหญ่สุดเท่ห์ด้วยใบหน้าปลาบปลื้มสุดๆ เด็กแว้นคนใหม่ได้แต่ยักคิ้วอย่างภาคภูมิใจ รุ่นนี้ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆซะเมื่อไหร่ รุ่นท้อปเชียวนะนั่น ไอ้เลเอ๊ย!

           “แล้วจะกลับมากินข้าวเย็นมั้ยเมอซิเออร์” พ่อตัวดำเอ่ยถาม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็แค่มอเตอร์ไซค์ ทำไมถึงได้ตื่นเต้นกันจัง

           “เอ้อ วันนี้แสดงฝีมือเต็มที่เลยนะนิก วันนี้เราต้องฉลอง” เจ้านายเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มเป็นประกายเจิดจ้า ก่อนจะเดินไปหยิบหมวกกันน็อคแบบเต็มสีดำมาสวม แล้วบิด BMW F800 SGคู่ใจคันใหม่ป้ายแดง ทะยานออกไปยังท้องถนนอย่างปราดเปรียว เสียงคำรามของเครื่องยนต์ทำเอาเลโอเนลถึงกับคราง เริ่มคำนวณเงินเก็บในบัญชี



           มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าทุกๆอย่างในโลกล้วนแต่เป็นของๆเขา ต้นไม้ใบหญ้า ผู้คน ตึกรามบ้านช่อง ท้องถนน ทุกอย่างก็เหมือนเดิม เหมือนที่เคยได้เจอมาตลอดชีวิต แต่วันนี้อะไรๆก็ดูดีไปเสียหมด เอเตียนขี่มอเตอร์ไซค์เลี้ยวตัดตรอกซอกซอยเล็กๆในย่านมาเรส์ที่ค่อนข้างจอแจด้วยเพราะเป็นช่วงหลังเลิกงาน แต่วันนี้ความจอแจไม่อาจขัดขวางอารมณ์รื่นเริงของเขาได้ ดูสิ..ขนาดไฟแดงยังดูดีเลย ให้รอทั้งชาติก็จะไม่บ่นซักคำ จนเมื่อสายตาคมในหมวกกันน็อคเหลือบไปเห็นบางสิ่งบางอย่างเท่านั่นล่ะ

           เขาเห็นหนุ่มสาววัยรุ่นคู่หนึ่งกำลังพูดคุยกระหนุ่งกระหนิงกันระหว่างข้ามถนนผ่านไปต่อหน้าต่อตา ทำไมจะจำยัยนั่นไม่ได้ ก็นั่นมันแฟนเขา ผู้หญิงที่เขายอมแลกด้วยทุกๆอย่างเพื่อจะได้เธอมา กับ..ไอ้แขกหน้าตากะโหลกกะลาคนนึง และไง! เธอคบชู้หรอ เหมือนโดนตบหน้ากลางสี่แยกไฟแดง เพราะตอนนี้มันชาไปทั้งหน้าด้วยความโกรธ

           ไอ้บังนั่นมันเป็นใคร!

จากคุณ : พบพร
เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 18:34:34




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com