Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สวย แสบ ซ่า นางฟ้าของผม บทที่ 1 ติดต่อทีมงาน

บทนำhttp://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11661241/W11661241.html


บทที่ 1
            เก้าโมงสี่สิบห้า รถเล็กซัสสีขาวของคุณทนายก็มาจอดอยู่ตรงถนนกรวดหน้าบ้าน และสิบโมงตรงเผง คุณทนายก็ได้เวลาเปิดซองพินัยกรรมของคุณตา ฉันถอนหายใจยาวๆด้วยความรู้สึกอึดอัด ปนวิงเวียน เหตุก็เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องฉันซักอย่าง ให้ตายสิ เพราะไอ้ทุเรียนคนเดียว ที่ทำให้ฉันอารมณ์เสียได้ขนาดนี้ ไอ้ตัวมาร ไอ้จอมปีศาจ
            ทนายของคุณตานั้นมีชื่อว่า ธีรภัทร เขาดูหนุ่มกว่าที่ฉันจินตนาการไว้เยอะเลยทีเดียว รูปร่างสูงโปร่ง ท่าทางคล่องแคล่ว ปราดเปรียว เสื้อผ้า หน้า ผม และเครื่องประดับประดาต่างๆ จัดได้ว่าเป็นคนมีรสนิยมคนหนึ่ง ซึ่งดูๆจะกระเดียดไปทางเมโทรเซ็กชวล แต่ก็ยังแฝงความภูมิฐานคงความน่าเชื่อถือไว้อย่างแนบเนียน ติดตรงที่แววตาของเขานั้นดูเจ้าเล่ห์อย่างไรชอบกล ก็คงเป็นคาแร็คเตอร์ของพวกทนายละมั้ง ฉันก็ไม่ค่อยจะแน่ใจ
เขากำลังใช้เสียงนุ่มร่ายยาวถึงทรัพย์สินต่างๆที่คุณตาและคุณยายทำร่วมกัน ซึ่งมันฟังดูแล้วก็พาให้ฉันรู้สึกเบื่อหน่าย ทรัพย์สมบัติของคุณตา สำหรับฉันแล้วไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีใจเลยสักนิด ที่ได้มันมาครอบครอง ถ้าเทียบกับเวลาที่ฉันจะได้อยู่กับคุณตาต่อซักห้านาที ฉันก็ยอมที่จะเสียมันไป สมบัติบางส่วนจะถูกมอบให้กับบัวบูชาตัวน้อยเมื่อถึงเวลาที่แกบรรลุนิติภาวะ ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เด็กคนนี้เป็นเด็กดี และก็คอยดูแลคุณตาและคุณยายแทนฉันมาตลอด
            คุณยายของฉันกำลังนั่งฟังพร้อมกับซับน้ำตาของตนด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนบาง ขณะที่ใยบัวนั่งฟังคุณทนายตาปริบๆอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรนัก เด็กเอ๋ยเด็กน้อย สมบัติส่วนหนึ่งของคุณตาก็มากมายพอดูที่จะทำให้เธอเป็นเศรษฐีนีตัวน้อยๆได้เลยทีเดียว ฉันถอนหายใจออกช้าๆพร้อมกับกุมขมับ ด้วยความรู้สึกเหมือนหน้าจะมืด รู้สึกว่ากลิ่นทุเรียนกวนมันจะฝังเข้าไปในซิรีบรัมของฉันอย่างแนบเนียน แค่นึกถึงไอ้เพื่อนบ้านตัวแสบก็รู้สึกพะอืดพะอมปั่นป่วนในท้องจนอยากจะอ้วกขึ้นมาซะอย่างนั้น โอ๊ย!ไม่ไหวแล้ว
            ฉันยกมือขึ้น เพื่อขอเวลานอกคุณทนายและทุกๆคนก่อนจะวิ่งไปที่ห้องน้ำอย่างไม่คิดชีวิต ขณะที่คุณยาย คุณทนาย ใยบัวหน้าตาตื่นวิ่งตามมา ธุระส่วนตัวนะคะ จะตามมาทำไมกันเนี่ย เวียนหัวจริงๆ อะไรที่พอจะหลงเหลืออยู่ในท้องฉันก็รวบรวมลมปราณปล่อยออกมาหมดไม่มีเหลือซักเม็ด โอ๊ย!ให้ตายสิ ที่ฉันกินไม่ได้นอนไม่หลับก็เพราะไอ้ทุเรียนนั่นแท้ๆ นึกถึงหน้ามันแล้วก็อยากจะเอามีดอีโต้สับซะให้หัวแบะเลยทีเดียว เกลียดมันจัง
            “ลิตาเป็นอย่างไรบ้างลูก” คุณยายร้องขึ้นจากข้างนอกด้วยความเป็นห่วง ฉันได้แต่ใช่เสียโอ้กอ้ากแทนคำตอบ
            “เจ๊ตา เปิดประตูให้ใยบัวเข้าไปหน่อย ใยบัวเป็นห่วง” ยัยอวบเอ๊ย เข้ามาแล้วจะช่วยอะไรฉันได้เนี่ย ฉันขอเวลาส่วนตัวซักห้านาทีไม่ได้เลยหรือยังไงกันนะ เด็กน้อยนี่น่ารำคาญจัง
            “ผมว่าเราควรพาคุณลิตาไปหาหมอนะครับ” เสียงคุณทนายร่วมวงออกความเห็นอยู่หน้าห้องน้ำ คือฉันไม่เป็นไรจริงๆนะ ใครก็ได้ช่วยบอกทุกคนที่อยู่หน้าห้องน้ำที
            “จริงสิ!” คุณยายร้องขึ้น ไม่นะคะคุณยายอย่าบอกนะว่าจะไปตาม ‘มัน’ มา “ไปตามเฮียมิ่งมาซิใยบัว” นั่นไงว่าแล้วเชียว คุณยายนะคุณยาย ยิ่งไปตามมันมาก็ยิ่งอยากจะอ้วกเข้าไปใหญ่ ฉันเองก็หมดแรงที่จะทัดทาน สิ่งเดียวที่ร้องท้วงคุณยายได้ก็มีแต่เสียงโอ้กอ้ากดังลั่นห้องน้ำ
           “คุณยายครับ ให้ผมพาคุณลิตาไปหาหมอจะเร็วกว่าไหมครับ” คุณทนายเสนอหนทางด้วยน้ำเสียงร้อนรน ซึ่งฉันได้แต่เงี่ยหูฟังอยู่ในห้องน้ำอย่างหมดแรง ใครอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ฉันเป็นไทแล้วตอนนี้ แต่ที่ยังออกจากห้องน้ำไม่ได้ ก็เพราะสภาพของตัวเองตอนนี้มันไม่น่าดูเอาซะเลย
            “ตามิ่งเป็นคนในพื้นที่ แกรู้ทางดีกว่านะพ่อธีร์” แน่ล่ะ คุณยายเป็นแม่ยกของไอ้ทุเรียนมันนี่ หลานรักเลยล่ะอีตาคนนี้ แค่ได้ยินชื่อก็อยากจะอ้วกขึ้นมาอีกรอบซะแล้วเรา
           
ในที่สุดฉันก็ถูกหามส่งโรงพยาบาลประจำจังหวัดโดยฝีมือไอ้ทุเรียนตีนผีจนได้ คนอะไรขับรถเร็วชะมัด นี่กลัวฉันจะตาย เพราะอาเจียน หรือไม่กลัวว่าฉันจะตายเพราะอุบัติเหตุกันแน่ แต่ฉันก็ได้แต่นอนพะงาบๆหมดเรี่ยวแรงอยู่ที่เบาะหลัง ชีวิตของจิวเวลรี่ดีไซเนอร์สาว จะต้องมาตายด้วยเรื่องพวกนี้หรอเนี่ย โธ่!เวรกรรมอะไรของฉันนะ
            “คุณปาลิตาเป็นโรคกระเพาะอยู่ก่อนแล้วค่ะ บวกกับช่วงนี้คงรู้สึกเครียดและไม่สบายใจ จึงทำให้อาการกำเริบ หมอจัดยาควบคู่กับตัวเดิมให้แล้วนะคะ ไม่ต้องห่วง” คุณหมอตอบเสียงหวานจนฉันรู้สึกขนลุก นี่เธอฉันเป็นคนไข้นะ ไปบอกอะไรไอ้ทุเรียนมันล่ะ เอ่อ...แววตาแบบนี้มันแปลกๆอยู่นะ
            “ขอบคุณครับ ถ้าไม่ได้น้องหวาน ลิตาคงแย่” ไอ้ทุเรียนตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้มซื่อๆเซื่องๆ ใครใช้ให้เรียกชื่อเล่นฉันเฉยๆเนี่ยไอ้ทุเรียน นี่เราไปสนิทสนมกันตั้งแต่ตอนไหนยะ ฟังจากโทนเสียงแล้วดูเหมือนสองคนนี้จะรู้จักกันมาก่อน ดูยัยคุณหมอสิ แค่คำว่า ‘ขอบคุณ’ คำเดียว ถึงกับเขินจนหน้าแดงเลย อย่าบอกนะว่าชอบไอ้ทุเรียน ไอ้ตัวดำนี่มันดีอะไรนักหนายะแม่คู้ณ
            “ขอบใจนะหมอ” ฉันพูดพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่ก็ยังรู้สึกโอนเอนเหมือนจะล้ม สงสัยลุกเร็วเกินไปหน่อย แหมยัยหมอทีกับฉันล่ะ ไม่เห็นเขินจนหน้าแดงเหมือนตอนไอ้ทุเรียนเลย ผู้หญิงสมัยนี้นี่มันจริงๆเล้ย
            “เอ้า! ใจเย็นสิคุณ” ไอ้ตัวดำซึ่งนั่งอยู่ข้างๆฉันลุกขึ้นมาประคองฉันไว้ นี่มือหรือกระดาษทรายกันนะเนี่ย ทำไมมันถึงได้หยาบขนาดนี้ ฉันพึมพำๆอยู่ในใจขณะที่คุณหมอมองภาพตรงหน้าอย่างตกใจ ฉันจับสัญญาณความเศร้าได้จากแววตาของเธอ แน่ล่ะ ใครเห็นภาพนี้ก็คงต้องเข้าใจผิดได้โดยง่าย ดูเหมือนกับว่าทั้งรัก ทั้งห่วงกันจะเป็นจะตาย หมอนะหมอแทนที่จะห่วงคนไข้
            “พาฉันกลับบ้านได้แล้ว ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่นานๆ ฉันเหม็นกลิ่นยาฆ่าเชื้อ” ฉันร้องสั่งเบาๆ ขณะที่หัวหนักๆดันเซไปซบลงที่หน้าอกหนาของเขา ดีนะที่คุณยายกับยัยอวบไม่มาด้วย ไม่อย่างนั้นคงได้เป็นเรื่องแน่ ไม่อยากให้ใครต่อใครมาเข้าใจผิดเลยจริงๆ แต่เห็นหน้ายัยหมอที่กำลังจะร้องไห้ ก็รู้สึกอยากจะแกล้งขึ้นมา
           “คุณนี่มันจริงๆเลย เดี๋ยวเหม็นนู่นเหม็นนี่ไปเสียหมด” ไอ้ทุเรียนยังคงไม่รู้ตัวก็ได้แต่บนเรื่อยเปื่อยตามประสามัน นี่โง่หรือแกล้งโง่กันวะเนี่ย ดูไม่ออกรึไงว่ายัยคุณหมอนั่นชอบอยู่ โอให้ตายสิ ไม่เคยเห็นใครประสาทเท่าผู้ชายคนนี้มาก่อนเลยจริงๆ
            “กลับเถอะค่ะ คุณขา” ฉันลากเสียงหวาน พลางมองยัยหมอด้วยสายตาเหยียดๆ ราวกับว่าเป็นเมียไอ้ทุเรียนมันมาชาติกว่า
            “พี่ไปนะครับ” ไอ้ทุเรียนกล่าวลาเสียงหวานตามแบบฉบับ ขณะที่ฉันยังทำตัวเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังต่อไป คงต้องทำแบบนี้ฉันกว่าจะออกจากห้องตรวจนั่นล่ะ แกล้งยัยหมอนี่ถึงจะเปลืองตัวไปเสียหน่อย แต่ก็สนุกดีพิลึก
           
บริเวณหน้าห้องจ่ายยา ศิรการกำลังโทรไปรายงานคุณยายเกี่ยวกับอาการป่วยของฉันโดยละเอียด น่าเสียดายเหมือนกันที่คุณยายกับยัยหนูไม่มาด้วย จะได้ชวนมากินมื้อกลางวันกันนอกบ้านเสียหน่อย วันๆกินแต่อาหารชีวจิต จนหน้าของฉันจะกลายเป็นเต่าไปหมดแล้ว เฮ่อ!พูดขึ้นมาก็ชักจะหิว แถวโรงบาลนี่มีอะไรอร่อยๆกินบ้างมั้ยนะ
            “อ้าวคุณมิ่ง” ชายสูงวัยรูปร่างภูมิฐานร้องทักไอ้ทุเรียนขึ้น หลังจากที่เพิ่งจะวางสายกับคุณยายเสร็จไปเพียงเสี้ยววินาที ตั้งแต่มานั่งรอรับยาเนี่ยมีคนมาทักไอ้ทุเรียนซักสี่ห้ารายได้แล้วมั้ง ไอ้คนนี้นี่เป็นคนของประชาชนจริงๆ เฮ่อ!น่าเวียนหัวชะมัด แต่คนนี้เห็นที่ว่าเป็นคนสำคัญมาก เพราะไอ้ทุเรียนถึงขนาดลุกขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม
            “สวัสดีครับท่านผู้ว่า” อ๋อ! อย่างนี้นี่เอง คนใหญ่คนโตประจำจังหวัด  ฉันเองก็ลุกขึ้นไหว้เขาโดยมีไอ้ทุเรียนประคองอยู่ หมดเรียวแรงไปกับห้องน้ำจริงๆ
           “อืม” ท่านผู้ว่ารับไหว้ด้วยแววตากรุ้มกริ่ม พร้อมกับฮึมฮัมในลำคอ จนเราทั้งสองสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนึกคิดของคนที่เป็นผู้ใหญ่ท่านนี้
            “หลานสาวคุณยายสายม่านครับ ชื่อปาลิตา” ไอ้ทุเรียนออกตัวว่าเราเป็นเพื่อนบ้านกัน แต่ท่านผู้ว่าดูเหมือนจะยังฝังใจกับภาพแรกที่ได้เห็น ช่างคิดช่างจินตนาการจริงๆค่ะท่าน
            “แหมคุณยายสายม่านนี่โชคดีจัง มีหลานสาวสวยขนาดนี้นะ คุณมิ่ง” ท่านผู้ว่ายังคงใช้สายตาแซวไม่เลิกก่อนที่จะหันไปถามความเห็น ของไอ้ทุเรียน ตอบให้ดีเชียวไม่งั้นหัวแบะแน่
            “ครับ ลิตาเป็นคนสวย แล้วก็เรียบร้อยน่ารักมาก” ก็ดีนี่ แต่น้ำเสียงมันฟังดูเหมือนประชดนะ โอ๊ะ! พอหันไปดูสายตาของไอ้คนนี้นี่ใช่เลย อย่ามามองฉันด้วยหางตานะไอ้ทุเรียนเอ๊ย โดนดีแน่ๆ “โอ๊ย!ผมเจ็บนะ” ฉันใช้เล็บจิกและบิดเข้าที่สีข้างของไอ้ทุเรียนอย่างแรง นี่อยากจะให้ฉันควักไส้ออกมารึเปล่าฮะ กล้าดียังไงถึงมาประชดฉันเนี่ย
            “คุณมิ่งก็พูดไป แบบนี้ลิตาเขินแย่” ฉันยิ้มให้กับท่านผู้ว่า ก่อนจะบิดแรงๆอีกทีให้เลือดซิบกันไปเลยทีเดียว
            “ผมเจ็บจริงๆนะคุณ” ไอ้ทุเรียนร้องขึ้นพร้อมกับทำหน้าแหยๆ
          “หนุ่มสาวสมัยนี้เล่นกันแรงจริงๆ เอาล่ะๆผมไม่กวนแล้วนะ ตกลงปลงใจกันได้เมื่อไหร่ก็ติดต่อผมนะ ผมอาสาเป็นเถ้าแก่ให้” ท่านผู้ว่ายังคงเข้าใจผิด และเดินจากไปทั้งๆที่ยังเข้าใจผิดอยู่
            เพียะ! “ใครใช้ให้คุณมาประชดฉัน” ฉันฟาดมือแรงๆไปที่แขนล่ำของไอ้ทุเรียนทันที ถ้าหายดีนะเจอหนักกว่านี้แน่ไอ้ทุเรียนเอ๊ย
            “ผมเจ็บ!” ไอ้ทุเรียนร้องแบบคนไม่มีทางสู้ พร้อมกับส่งสายตาตำหนิมาทางฉัน ไปฟ้องคุณยายเลยไป “ผมชมคุณ ยังจะมาว่าผมอีก” ไอ้ตัวดำคลำแขนตัวเองป้อยๆทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เห็นแล้วมันน่าโดนอีกซักฉาด
            “ชิส์!” ฉันร้องพร้อมกระแทกตัวลงนั่งบนเก้าอี้สีฟ้าหน้าห้องจ่ายยาอย่างไม่สบอารมณ์นัก ขณะที่ไอ้ทุเรียนผู้รอดพ้นจากกรงเล็บพิฆาตก็กลับมานั่งตามเดิม ตามิ่งคนโปรดของคุณยาย พี่ชายสุดที่รักของยัยหนูอวบ ถามจริงกวนประสาทขนาดนี้รักมันกันเข้าไปได้ยังไง แค่เห็นหน้าก็อยากกระทืบแล้ว
            “เพราะคุณไม่ได้เรียบร้อยน่ารักไง คุณถึงคิดว่าผมประชด” ยังมันยังไม่จบ อยากโดนอีกใช้มั้ย
สุดจะทน! แล้วฉันก็รวบรวมพลังที่เพิ่งจะฟื้นกลับคืนมา เฮือกสุดท้าย ตบ ตี จิก ข่วน ไอ้ทุเรียนอย่างเอาเป็นเอาตาย เห็นแล้วหมั่นไส้มานาน กับคนอื่นละแสนดีเป็นที่หนึ่ง แต่กับฉันทำไมมันกวนตีนได้โล่ขนาดนี้เนี่ย อยู่โรงพยาบาลก็ดี จะได้ทำแผลทีเดียวเลยไง จัดการมันเลยลิตาอย่าให้เสียชื่อมือตบอันดับหนึ่งแห่งลาแบลล์

            ฉันแสยะยิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจ เมื่อเห็นไอ้ทุเรียนที่ขับรถอยู่ใบหน้าและลำตัวเต็มไปด้วยบาดแผล นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันใช้กำลัง(รับรองว่าต้องมีครั้งต่อๆไป) หลังจากที่อดทนมานาน จะได้รู้กันไปเสียทีว่าใครกันที่อยู่เหนือกว่า อย่ามาคิดกำแหงกับคนอย่างปาลิตารู้ไว้ซะด้วย ไอ้ทุเรียนเอ๊ย
            “คุณมันซาดิสม์” ไอ้ทุเรียนบ่นเสียงอ่อยขณะที่ฉันนั่งอยู่เบาะหลังได้แต่รื่นรมย์ชมสองข้างทางไปเรื่อยเปื่อย บางทีการออกกำลังกับไอ้ทุเรียนก็ดีกว่าโยคะเหมือนกันนะ คิดไม่ผิดที่ฟูลคอร์สศิลปะการต่อสู้ทุกแขนงมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ที่ปารีส เห็นสวยๆอย่างนี้สายดำนะยะจะบอกให้
            “อย่าคิดจะลองดีกับฉัน” ฉันเอ่ยเสียงเรียบอย่างไม่ใส่ใจนัก
          ตามิ่งของคุณยายถอนหายใจยาวอย่างคนจนแต้ม ก่อนที่จะขับรถไปในทางที่ฉันรู้สึกไม่คุ้นเคย แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ทางกลับบ้าน แล้วเราก็มาอยู่กันที่หน้าร้านขนมเล็กๆร้านหนึ่ง ที่มีชื่อว่า ‘My Cho-co’ สั้น ง่าย ได้ใจความดี เหมือนกัน
            เขาเข้าไปในร้านพร้อมกับทักทายพนักงานขายอย่างสนิทสนม ก่อนจะเปิดประตูฉันเข้าไปที่ห้องควบคุมอุณหภูมิที่มีชอคโกแล็ตหลากหลายชนิดเรียงรายเต็มไปหมด ในที่แบบนี้ ยังมีร้านอย่างนี้อยู่อีกหรอเนี่ย ดีจัง! ในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมๆหวานๆของชอคโกแล็ตจนฉันรู้สึกน้ำลายสอ ฉันเลือกดาร์คชอคโกแล็ตให้ตัวเองสองสามชิ้น ก่อนจะเลือกมิลช็อคโกแล็ตให้ยัยหนูบัว ดูท่ายัยคนนี้คงมากินจนเบื่อแล้วมั้ง แต่ก็เอาไปฝากซะหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าไม่นึกถึง
            “ออกมาเถอะ” ไอ้ทุเรียนเดินเข้ามาก่อนที่จะคว้าถาดขนม แล้ววางลงที่เคาท์เตอร์ ก่อนที่จะลากฉันเดินไปที่หลังร้าน มีสวนเล็กๆริมแม่น้ำ ฉันนั่งเก้าอี้สนามที่อยู่บริเวณใต้ร่มไม้ วันนี้เป็นวันที่บรรยากาศดีมากจริงๆ แดดไม่แรงแถมยังมีลมเอื่อยๆคลอไปด้วย ฉันชักอยากะรู้จักเจ้าของร้านนี้แล้วละซะ
            “เฉพาะวีไอพีเท่านั้นนะคะ” หญิงสาวจากหน้าร้านเอ่ยขึ้นพร้อมกับวางเค้กชอคโกแล็ตไว้ตรงหน้าฉัน ก่อนที่จะรินน้ำชาหอมๆให้ วนิลาโรสเป็นกลิ่นและรสชาติที่ฉันชอบ
            “คุณยายบอกให้ผมพาคุณมาเที่ยวบ้าง แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะพาคุณไปที่ไหนเหมือนกัน เลยมาที่นี่น่ะ” ไอ้ทุเรียนอธิบายเบาๆ ขณะที่ฉันไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ก็ได้แต่เพลิดเพลินกับบรรยากาศรอบข้าง
            พนักงานสาวข้างๆหันมายิ้มให้ฉันจางๆก่อนที่จะเดินกลับไป “คุณไม่ดื่มหรอ” ฉันเลิกคิ้วถามตามประสาของฉัน เมื่อเห็นน้ำสีเขียวจางๆที่มีดอกมะลิลอยอยู่ตรงหน้า ซึ่งเขาก็ได้แต่ยิ้ม
            “มันร้อนน่ะ ผมไม่ชอบเครื่องดื่มร้อนๆ ผมขี้ร้อน” ก็จริงของเขา นี่มันตอนกลางวัน แล้วนี่มันก็เมืองไทยด้วย ฉันเองก็คงต้องค่อยๆปรับตัวไปเรื่อยๆ เริ่มจาก...
มันก็อร่อยดีแฮะ น้ำใบเตยนี่นา หวานและหอมอ่อนๆแถมยังเย็นชื่นใจ “นั่นมันของผมนะ” ไอ้ทุเรียนร้องเป็นเด็กๆ ขณะที่ฉันได้แต่หรี่ตามอง ไอ้นี่ของกินมันยังหวง อยากจะโดนอีกแผลเรอะ!
            “ก็กินของฉันไปสิ” ฉันตอบพร้อมกับผลักแก้วชาวนิลาโรสไปตรงหน้าไอ้ทุเรียน เรื่องมากซะจริงนะไอ้คนนี้
    “คุณนี่มันจริงๆเลย” ไอ้ทุเรียนร้องบ่น ก่อนที่จะจิบวนิลาโรสอย่างจำใจ กินอะไรที่มันหอมๆบ้าง เจอกันทีไร(ตอนเช้า)ก็ได้แต่กลิ่นทุเรียนเต็มไปหมด แค่นึกก็อยากจะอ้วกแล้ว
            ฉันรู้สึกค่อนข้างสบายใจ ที่มีอะไรตกถึงท้องบ้าง แม้จะเป็นขนมหวานที่นานๆทีฉันจะแตะก็เถอะ ไม่ใช่เพราะกลัวอ้วนเหมือนพวกนากแบบในสังกัดหรอกนะ ยอมรับเลยว่าในวงการแฟชันเรื่องรูปร่างเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่โทษทีถึงไม้ว่าจะสำคัญแค่ไหนก็ตาม แต่ฉันก็ไม่ยอมที่จะเสียสุขภาพของตัวเองด้วยการใช้ยา อดอาการ ล้วงคอ เข้าคอร์สหรืออะไรก็ตาม ก็แค่ออกกำลังกายไม่เห็นจะยาก ส่วนเรื่องขนมหวานพวกนี้ฉันไม่ค่อยปลื้มซักเท่าไหร่ ขณะเดียวกันกับที่ไอ้ทุเรียนซึ่งดูดิบ เถื่อน โกโรโกโส ซัดขนมไปแล้วกว่าห้าชิ้น ไปตายอดตายอยากที่ไหนมาเนี่ย
            “ยังจะกินอีกมั้ย” ฉันร้องถามเมื่อเห็นจานของหวานวางเรียงราย เหมือนพวกแข่งกินจุในรายการเคเบิลทีวี
    “คุณก็กินอีกสิ มันช่วยให้อารมณ์ดีนะของหวานน่ะ” ไอ้ทุเรียนตอบพร้อมกับร้อยยิ้มเหมือนเด็กๆ ขณะที่ครีมสดเลอะอยู่ที่มุมปากด้านหนึ่ง ใครมันจะไปอารมณ์ดีได้ทั้งวี่ทั้งวันวะ ไม่บ้าก็เบาหวานล่ะวะ
“ฉันไม่ชอบของหวาน” ฉันตอบพร้อมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษบนโต๊ะมาเช็ดให้อย่างไม่ใส่ใจนัก เห็นแล้วมันสมเพชน่ะ ไม่ได้พิศวาสอะไรนักหนาหรอก ไอ้บ้านี่กินเลอะเทอะกว่าใยบัวซะอีกนะ
“เพราะคุณอารมณ์เสียอย่างนี้ไง ถึงได้เป็นโรคกระเพาะ”
เพียะ! หลังจากที่ใจดีเช็ดปากให้ก็ขอตบเข้าที่แก้มสากๆแถมอีกหนึ่งที นี่เห็นคุณลิตาเมตตาแล้วจะมาลามปามหรอฮะ!

จากคุณ : พบพร
เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 22:28:21




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com