Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ครูแบบนี้ ก็มีในโลก?.....(เรื่องราวของหนุกะปอม เด็กเรียนซ้ำชั้น ขทที่1/2) ติดต่อทีมงาน

บทที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11755943/W11755943.html


เรื่องเล่าต่อไปนี้ ไม่ใช่เรื่องจริง
เพราะถ้าบอกว่าเป็นเรื่องจริง
มันก็ไม่ใช้เรื่องสั้น
แต่ทำไมต้องทำแบบนี้
คงเป็นอารมณ์ "ตลกร้าย" ของคนเขียนเองล่ะครับ
ส่วนอะไร คือแรงจูงใจ ยังไม่บอก


*******


Intro


“เอาล่ะ..ชั่วโมงต่อไป จะเป็นเวลาที่พวกเธอทำงานบ้างล่ะ...ครูบรรยายมาเป็นชั่วโมงแล้ว....ทีนี้ถึงตาพวกเธอบ้างล่ะ.... ทำใบงานไป ไม่ต้องบ่น..ไม่งั้นเจ็บตัว...และ...”

พูดยังไม่จบประโยค ผมก็สะดุ้งสุดตัว เพราะมีนักเรียนคนหนึ่งฉวยโอกาสที่ผมกำลังปั้นหน้าปั้นตา ..”ดุแหลก” ปิ่มว่า จะจับเด็กกินเป็นอาหารเช้า..เด็กคนนั้นเอามือมาจี้เอวผม เพราะรู้ว่าผมบ้าจี้..

ผมบ้าจี้จริงๆครับ ถ้าเป้นผุ้ชายมาจี้เอว ผมจะเผลอตัวกระโดดถีบ แต่ถ้าเป็นสาวๆ ผมจะเผลอตัวกระโดดกอด....

ล้อเล่นครับ


ตามหลักสากลแล้ว เด็กผู้ชายที่บังอาจทำแบบนี้ จะโดนวิชา “ศอกกลับ” ของผม ที่แอบศึกษามาจาก  Fish of fury  ชอง  บรู๊ซ ลี   จนผวาออกไปแล้วอย่างแน่นอน

   แต่ ....พอหันไปมอง ผมก็ชะงักศอกค้าง

นั้นเป็นยัย..กะปอม...

เด็กนักเรียนที่เรียนซ้ำในระดับเด็ก ม.2 แต่สิ่งที่ทำให้ผมชะงัก ก่อนจะฟันศอก ลงไป บนก้านคอ เหมือนที่เคยทำ ผมก็ชะงักกลางอากาศ

เพราะนั้นเป็นครั้งแรก ที่ผมเห็นรอยยิ้มกว้าง จากเด็กคนนี้ อดีตเด็กแสบประจำโรงเรียน

“ เธอ..ทำบ้าอะไร......” ผมแยกเขี้ยว ตะโกนใส่หน้า เด็กคนนั้นกลับหัวเราะอย่างไม่กลัว


--------------


“ยัยกะปอม” คือชื่อที่ผมตั้งให้ ไม่ได้หมายถึง คุณ “กาปอมซ่า” นักถ่ายภาพอาหารมือหนึ่งของถนนนักเขียนนะครับ


วงเล็บแรก...


(ความจริงคือผมชอบที่จะตั้งชื่อให้นักเรียนของผม แบบนี้มาหลายปีดีดักแล้ว..หมายถึงว่าผมไม่สนใจหรอกว่า เด็กๆ จะชื่ออะไร......พ่อแม่ตั้งอย่างไร....ผมไม่สนใจ..แต่ในวิชาของผม เด็กจะต้องมีชื่อตามที่ผมตั้งให้..โดยปราศจากข้อแม้)

และผมจะบอกนักเรียนทุกๆปี ที่ผมสอนว่า

“ ทุกปีการศึกษา...เด็กเยอะเกินไป...ครูจำพวกเธอไม่ได้..ว่าชื่อจริงชื่อเล่นอะไร...แต่ที่แน่ๆ....เมื่อพวกเธอมาเรียนกับครู.....ครูจะตั้งชื่อเฉพาะกิจในรายวิชาของครู.....และครูจะเลือกชื่อที่เป็น สิริมงคลกับชีวิตและมีความหมายลึกซึ้ง.. ให้กับพวกเธอ... เห็นไหมว่า ครูทุ่มเทขนาดไหน....อย่างเช่น..”

ผมชี้มือไปยังเด็กชายรูปร่างผอมแห้งคนหนึ่งและเน้นเสียงว่า

“เธอ...ชื่อ เด็กชายพยาธิ”

“อะไรครับ..”

เด็กชายคนนั้นโวยวาย...ผมแอบยิ้มในใจ..อย่างน้อยทำให้เด็กค่อนข้างเก็บตัวคนนี้ มีปฏิกิริยาแล้ว จากที่เคยนั่งเฉยทั้งวัน  เพื่อนๆ พากันหัวเราะ

“แล้วไง...” ผมย้อนถามหน้าโหดเชีบวล่ะ

“ ไม่พอใจชื่อที่ครูตั้งให้หรือไง รู้ไหมว่ากว่าครูจะคิดชื่อน่ารักๆ แบบนี้ มันไม่ง่ายเลย......”

“มันน่ารักตรงไหน”  เด็กชายคนนั้นคราง ผมยิ้มแล้วอธิบายว่า

“มันน่ารักสิ......หัวมันตุ่นๆ ดี”

เด็กคนนั้น เถียงไม่ออกเลยสักคำ คงนึกไม่ถึงว่าจะได้ชื่อแบบนี้.. ผมยิ้มสบายใจ แล้วเรียกชื่อเด็กในห้องต่อไป แต่ละชื่อเป็นมงคลต่อชีวิตทั้งนั้น

เช่น

เด็กชายตัวตืด

หนูหนอน...(ตอนหลังเด็กมาถามว่า ทำไมเรียกหนูแบบนี้.. ผมตอบว่า..มันน่ารักดีนะ อย่าคิดมาก....เด็กถามอีกว่า มันน่ารักตรงไหน...ผมตอบว่า มันดุ๊กดิ๊กน่ารักดี……..)

หนูส้มตำปูทะเล....(เรียกเวลาหิว)

หนูปลาร้าบอง.....

ยัยปลาร้า..(เด็กหลายคนเรียนจบไปแล้ว เพื่อนๆ ก็ยังเรียกชื่อนี้อยู่)

หนูซกเล็ก….

หนูแจ๋ว....(ชื่อนี้มีเด็กนักเรียนพอโดนตั้งชื่อไปถามคุณพ่อว่า....หนูแจ๋ว หมายถึงอะไร..คุณพ่อตอบน่ารักมาก (เด็กมาเล่าให้ผมฟัง) ท่านตอบว่า..แจ๋ว แปลว่า เก่ง ดี แจ๋วใส........แจ่มแจ๋ว.... เห็นไหมว่าผู้ปกครองท่านมีจิตวิทยามาก...ไม่บอกว่า หนูแจ๋ว..หมายถึง คนใช้.....อย่างที่ผมตั้งใจจะสื่อความหมาย...)

หนูสบู่.....(เรียกเด็กตัวขาวๆ ท้วมๆ)

หนูกิ้งก่า...(กรณีเด็กไม่รู้ความหมายว่ากะปอมคืออะไร)

หนูปลาร้าพันปี...(ชื่อฮิตมาก เด็กๆชอบ)

เด็กชายอุนจิซัง.....(ชื่อนี้เด็กที่ถูกตั้งจะโวยวายมาก...หาว่าครูไม่สุภาพ  ผมตอบอย่างจริงใจว่า

“อะไรกัน...น่ารักแสนหวานจะตาย”

เด็กทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ถามว่า “ น่ารักแสนหวานตรงไหนครับคุณครู”

ผมจะยิ้มอย่างผู้ชนะแล้วบอกว่า.....”มีคนมาเรียกเธอว่า เด็กชายอุจารระ มันฟังดูดีไหม..แต่นี่ เธอเป็น “อุนจิจัง”....ฟังดูเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น น่ารักไหมล่ะ...เด็กๆ กลายคนยังอยากให้ครูเรียกว่า อุนจิซัง..เลย อินเทรนน่ารักสุดๆๆ .....ระหว่างมีคนมาเรียกเธอว่า เด็กชายขี้.....กับเรียกว่า เด็กฃายอุนจิซัง อะไรจะฟังดูดีเท่กว่ากัน”

แค่นี้เด็กก็เถียงครุไม่ออกแล้วครับ เลยกลายเป็นเด็กชาย “อุนจิจัง”  ไปโดยปริยาย จนกว่าจะสิ้นวาระ(จบเทอม)

เห็นไหมครับ ว่าผมเป็นครูที่มีพรสวรรค์ (เอ๊ะ...หรือพรนรกก็ไม่รู้..ในการตั้งชื่อเล่น ให้นักเรียนขนาดไหน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ  ต้องกลั่นกรองวิเคราะห์อย่างสุขุมคำภีรภาพเป็นอย่างยิ่ง กว่าจะได้ชื่อน่ารักๆ ออกมาแบบนี้..ต้องศึกษาและเค้นสมองหนักมากเลย

ที่เล่ามาทั้งหมด เป็นการสานต่อเจตนารมณ์ของเครื่องหมายวงเล็บเท่านั้นครับ ผมยังไม่เล่าถึงเรื่องที่พยายามจะสื่อออกมาเลย

มาฟังเรื่ององหนูกะปอมที่ว่าต่อไป


ขั้นที่ 1 ให้นักเรียนเชื่อใจ

หนูกะปอมที่ว่านี้ เธอน่ารักมากนะครับ เธอไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่า การโดดเรียนเป็นประจำ หนีไปเที่ยวในเวลาเรียน.ทะเลาะวิวาท..เถียงครูท่านอื่นๆ....แค่นี้เอง... แม้แต่การสอบ เธอยังกล้าโดดสอบ คิดดูว่าเท่ขนาดไหน.....โดดเรียนยังธรรมดา..แต่โดดสอบนี่...ต้องถือว่า...โดดสุดยอดคืนสู่สามัญ...พูดจาไม่มีหางเสียงถ้าจำเป็นต้องพูด  แม้แค่คุณแม่ยังไม่ยอมพูดด้วย......(มีความเป็นตัวเองสูงมาก) ผลคือสอบแก้ตัวครั้งที่หนึ่งก็ไม่ผ่าน....ครั้งที่สอบก็ไม่ผ่าน  

สุดท้ายคือเรียนซ้ำครับ..นั่นถือว่าหนักสุดๆแล้ว ปีหนึ่งๆ จะมีเด็กเรียนซ้ำไม่กี่คน เพราะผู้อำนวยการโรงเรียนกลัวเสียชื่อ (ผมจะถูกอุ้มไหมนี่......)

นั่นเป็นการลงโทษเด็กหนักที่สุดแล้ว เพราะยุคนี้ พวกผู้ใหญ่ในวงการศึกษาเชื่อว่าการย้ายโรงเรียนไม่ใช่ทางออก เด็กจะแย่อย่างไรก็ขอให้แย่อยู่ในโรงเรียนนั้น..อยากรับมาทำไม..ประมาณนี้

หนูกะปอม ที่ว่านี้ก็เช่นกัน

การที่ตัวเองควรจะอยู่ ม.3 แต่กลับมาเรียนซ้ำชั้นกับรุ่นน้อง ม.2  คงไม่ต้องบอกนะครับว่ามันสาหัสสากรรจ์อย่างไร ทั้งอายทั้งเขิน..


แค่เปิดเทอมมาสัปดาห์แรก หนูกะปอม ก็โดดแหลกแล้วครับ...คงไม่ต้องพูดว่า เธอ ทำอะไรไม่ดีมาบ้าง แต่ตอนนี้เธอเป็นเด็กเรียนซ้ำ. ที่ครูคนอื่นและผู้ใหญ่จับตามอง ฝ่ายบริหารงานบุคคล มีหนังสือรายงานความผิดของเธออยู่ในมือ พร้อม ประทับตร

าเปรี้ยง !!! ให้ออก

เพราะพฤติกรรมไม่ดีขึ้นเลย

วันหนึ่ง ผมโทรศัพท์หาคุณแม่ของเด็กคนนี้  (คุณพ่อโทรไม่ได้ เพราะครอบครัวแตกแยก ผมบอกว่า ก่อนจะลาออก(เพราะเรื่องมันแย่เต็มทีแล้ว..ครูหลายคนก็อยากเห็นเด็กคนนี้ถูกให้ออก เพราะอยู่ไปก็เป็นภาพที่ไม่ดีต่อโรงเรียนและสังคม)

คุณแม่ช่วยพาเด็กคนนี้มาคุยกับผมได้ไหม..เราสามคน..พ่อ แม่ ลูก..เอ้ย..ไม่ใช่..นักเรียน..แม่....ครู..

โอย..เกือบไปแล้วไหมล่ะ...คีย์บอร์ดพาไป

ตอนที่ผมขอแบบนั้น. ผมไม่เชื่อเลยว่า เด็กและผู้ปกครองจะยอมมาพบ แต่สุดท้ายก็มา..มาในขณะที่ผมกำลังสอนห้องอื่นอยู่ แต่พอรู้ข่าว ผมก็รีบสั่งงานหนักๆ แล้วโดดแผลวออกมาทันที

ข้อมูลเบื้องต้น ของหนุกะปอม จากคำบอกเล่าของคุณแม่
1. ครอบครัวแตกแยก
2. อาศัยอยู่กับป้า แล้วคุณป้าเป็นจอมบ่นระดับมหาวินาศ
3. คุณแม่ได้รับพันธุกรรม เป็นจอมบ่นอีกคน
4. เด็กคนนี้ถูกครูบ่นมหาวินาศทุกวัน


เมื่อผมฟังข้อมูลเบื้องต้นจบ ผมนึกถึงสภาพจิตใจเด็กได้ทันที... อะไรกัน... อยู่บ้านก็ถูกบ่น (ลองนึกถึงคนมีอายุระดับคุณป้าคุณยาย..คงบ่นได้สาแก่ใจและเต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บแห่งวาจา..มาโรงเรียนยังโดนครูบ่นซ้ำ แล้วเด็กจะหนีไปที่ไหน

แต่แหม....อย่าไปถือสา..ท่านก็บ่นไปตามประท่านล่ะครับ) เขียนมาถึงตอนนี้ ผมก็เสนอหน้าเข้าข้าง ผู้ที่ เป็น “ภรรยา” อย่างเต็มที่ คุณสามีทั้งหลายทั้งปวง ก็อย่าไปถือว่าคำพร่ำบ่นของภรรยาเลยครับ เธอบ่นเพราะรัก.รักมากบ่นมาก....รักน้อย บ่นน้อย..ไม่บ่นเลยเลยคือไม่รักสิ้นเยื่อชาดใย....รักมากอาจเพิ่มด้วยการซ้อมใหญ่.....แต่พอเธอไม่บ่นแล้วคุณสามีจะหนาว....เธอไปมีกิ๊กหรือเปล่านี้....ฮา....ทำไมไม่บ่นฉัน...แค่นี้ก็ผวาไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว



.สุดท้าย คงกลายเป็นคุกเข่าอ้อนวอน.".ที่รักจ๋า....หันหน้ามาบ่นผมหน่อยสิครับ..ได้โปรด..แต่ก่อนคุณแค่บ่นเช้าบ่นเย็นรอบละ 2 ชั่วโมงเท่านั้น..วันหนึ่งแค่ 6 ชั่วโมง...ผมอยากจะได้ยินเสียงบ่นเสียงด่าคุณจนใจจะขาดรอนๆ..อยู่แล้ว อย่าเฉยเมยกับผมแบบนี้สิครับ..”

ดังนั้น..การบ่นการด่า อาจหมายถึงความรักความผูกพันไร้สภาพชนิดหนึ่ง ที่มีพลานุภาพลึกซึ้ง..วันใดขาดเสียงบ่นแล้วเธอจะรู้สึก...ประมาณนั้น

ผมว่าใครที่หน้าที่สามี อยู่ในตอนนี้ แล้วหลงมาอ่าน อยากจะแนะว่า ยอมๆ ไปเถอะครับ....บ่นได้บ่นไป  เพื่อความสงบสุขของโลกและป้องกันวันสิ้นโลก
มนุษย์ยอมๆไปเถอะครับ

ไปกันใหญ่...มาฟังเรื่องของหนูกะปอมต่อ

เธอพอโดนวิชาบ่นไร้เงาแบบนี้ จิตใจร่างกายของเธอเลยมีปฏิกิริยาโต้ตอบแบบหนักๆ คือ เธอจะไม่ยอมพูดกับใครเลยครับ แม้แต่คุณแม่ที่นั่งร้องให้อยู่ข้างๆผม... จะถามอะไร พูดอะไรก็ไม่ตอบ และเป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่ใช่วันนี้เรียกว่าปิดกันตัวเองโดยสิ้นเชิง แม้กับเพื่อนๆ (แล้วอย่างนี้จะไม่เรียนซ้ำได้อย่างไร)


แล้วผมจะทำอย่างไรต่อไป เจอเด็กสกัดจุดปิดกั้นตัวเองขนาดนี้ (งานแนะแนวเคยเรียกพบแล้วแต่ก็ไม่ดีขึ้น)

คงต้องเก็บไว้เล่าให้ฟังตอบจบในครั้งหน้านะครับ


*******

แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 55 21:03:50

แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 55 20:49:35

แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 55 20:47:08

แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 55 20:29:34

จากคุณ : Psycho man
เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 20:27:04




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com