(ต่อ)
ด้านในของร้านยังไม่เรียบร้อยตามที่เจ้าของร้านบอกจริงๆ ผ้าม่านที่ติดอยู่ตามกระจกของร้านยังถูกปิดอยู่ และโต๊ะแต่ละตัวก็ยังไม่มีอุปกรณ์ใดๆ วางอยู่เลย โดยมีเด็กเสิร์ฟสองคนกำลังช่วยกันจัดอยู่
“จะทานอะไรดีครับคุณแสง” พัฒนะถามเมื่อแสงตะวันนั่งลงเรียบร้อยแล้ว
“อืม...ไข่เจียวกุ้งสับก็ได้ครับ ง่ายดี”
เจ้าของร้านพยักหน้ารับและเดินเข้าไปในครัว ทำให้แสงตะวันหันมามองสำรวจรอบๆ ร้าน เขาพยายามสอดส่ายสายตามองหาพริมา ก่อนจะนึกได้ว่า เธอมีหน้าที่ประจำเป็นแม่ครัว ซึ่งตอนนี้คงกำลังจัดเตรียมข้าวของอยู่ในครัว ซึ่งความสงสัยของเขาก็ได้รับการยืนยันจากพัฒนะ เมื่อเขาเดินออกจากครัว
“รอสักครู่นะครับคุณแสง พิมกำลังทำอยู่”
และนั่นทำให้แสงตะวันถึงกับยิ้ม อาหารมื้อนี้คงอร่อยที่สุด เพราะมีแม่ครัวที่ชื่อพริมาเป็นคนทำ
“จริงๆ แล้วผมเข้าไปนั่งทานในครัวก็ได้นะครับ โต๊ะเก้าอี้ข้างนอกยังไม่เรียบร้อย ผมมานั่งตรงนี้เกะกะน้องๆ เขาหรือเปล่าก็ไม่รู้” ชายหนุ่มแสดงความหวังดีพร้อมทั้งช่วยหาทางออกให้เสร็จสรรพ
“ไม่เกะกะหรอกครับคุณแสง” พัฒนะพูดพลางส่ายหน้าก่อนจะยกข้อมือเพื่อดูเวลาและพูดต่อ
“ยังไงตอนนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ ต้องไปรับแม่ครัวกลับจากตลาด และรอให้ทุกคนมาพร้อมกันก่อน เดี๋ยวผมจะแนะนำให้คุณแสงได้รู้จักกับทุกคนทีเดียวเลย ยังไงขอตัวก่อนนะครับ”
แสงตะวันพยักหน้ารับ ในขณะที่พัฒนะเดินไปหยิบกุญแจที่เคาน์เตอร์พร้อมบอกเด็กเสิร์ฟคนหนึ่งให้ช่วยดูแลแสงตะวันด้วย เขาบอกเพียงสั้นๆ ว่า แสงตะวันจะมาเล่นดนตรีที่ร้าน ส่วนรายละเอียดจะบอกอีกครั้งเมื่อทุกคนมาพร้อมกันแล้ว
ประตูห้องครัวเปิดออกสวนกับประตูหน้าร้านที่เพิ่งถูกปิดลงเมื่อพัฒนะเดินออกไป แสงตะวันหันไปมองและเห็นเด็กเสิร์ฟคนหนึ่งถือถาดอาหารเดินออกมา ด้านบนมีอาหารจานเดียวแบบง่ายๆ ที่เขาสั่งไว้วางอยู่
“มีอะไรก็เรียกใช้ผมได้เลยนะครับ” เด็กเสิร์ฟคนนั้นบอกก่อนจะเลี่ยงไปทำงานของตน
แสงตะวันยิ้มให้พร้อมกับพยักหน้าก่อนหันไปสนใจไข่เจียวสีเหลืองทองแผ่นใหญ่ที่โปะอยู่บนข้าวสวยร้อนๆ ส่งกลิ่นหอม เขาลงมือจัดการกับอาหารจานเดียวของตัวเองด้วยความเอร็ดอร่อยและสุขใจ ไม่นานข้าวไข่เจียวกุ้งสับจานใหญ่ก็หมดลงอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มหันซ้ายหันขวาก่อนหยิบจานกระเบื้องขึ้นมาถือไว้ เพราะไม่กล้าใช้เด็กเสิร์ฟที่กำลังง่วนอยู่กับงานของตัวเอง
“จะรับอะไรเพิ่มหรือเปล่าครับ” เด็กเสิร์ฟคนเดิมเดินเข้ามาบริการเมื่อเห็นเขาลุกขึ้น
“พี่จะเอาจานไปเก็บน่ะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเอาเข้าไปเก็บให้” เด็กเสิร์ฟอาสาพลางยื่นมือมาจะรับจานเปล่าของเขา แต่ชายหนุ่มไม่ยอมส่งให้
“ไม่เป็นไรครับ น้องไปทำงานเถอะ แค่นี้เองพี่เดินเข้าไปเองได้ จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของน้องด้วย” ชายหนุ่มอ้างเหตุผลแสดงความมีน้ำใจก่อนเดินเข้าห้องครัวของร้าน ส่วนเด็กเสิร์ฟก็กลับไปทำงานที่ยังค้างอยู่ให้เสร็จ
. . .
ครัวของร้าน ‘บ้านพิมพัฒ’ เป็นครัวไทยแบบเปิด หน้าต่างฝั่งตรงข้ามประตูถูกเปิดรับอากาศ ด้านข้างมีเตาขนาดใหญ่สองเตาบนนั้นมีหม้อตั้งไฟไว้ ข้างซิงค์น้ำมีตะกร้าใส่ผักซึ่งถูกหั่นเรียบร้อยแล้ววางสะเด็ดน้ำอยู่ และยังมีผักสดอีกจำนวนหนึ่งวางอยู่อีกหนึ่งตะกร้า อีกด้านมีตู้เย็นขนาดใหญ่สองตู้ซึ่งใช้เก็บของสดวางติดกับตู้เย็นขนาดเล็กอีกหนึ่งตู้ซึ่งมีไว้แช่ผลไม้และของเล็กๆ น้อยๆ
แสงตะวันส่งยิ้มบางๆ ให้กับแผ่นหลังบอบบางของพริมา ซึ่งกำลังเดินไปยังหม้อใบใหญ่ที่ส่งควันหอมฉุยบนเตา หญิงสาวก้มลงหรี่ไฟให้เบาพลางเอื้อมมือไปเปิดฝา แต่เสียงจานกระเบื้องกระทบโต๊ะไม้ที่ดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้เธอต้องละสายตาจากหม้อตรงหน้าหันไปมองในขณะที่มือก็ยกฝาหม้อร้อนๆ ไปพร้อมกัน
“คุณแสง” หญิงสาวอุทานชื่อพร้อมถอยหลัง เมื่อจู่ๆ เขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
ไอน้ำจากหม้อที่เพิ่งเปิดฝาพวยพุ่งออกมา พริมาสะดุ้งเมื่อท้องแขนของตัวเองโดนไอน้ำร้อนจัดลวกเอา
“โอ๊ย!!” เธออุทานด้วยความเจ็บและแสบพร้อมปล่อยฝาหม้อที่ถืออยู่อย่างตกใจ
“น้องพิม เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” แสงตะวันร้องและก้าวรวดเดียวถึงตัวของเธอ
พริมาตกใจเป็นคำรบสองเมื่อเขาคว้าข้อมือของเธอไปพลิกดูอย่างถือวิสาสะ หญิงสาวพยายามดึงแขนตัวเองออกจากมือใหญ่ของเขา พร้อมด้วยสายตาที่หลุบต่ำลงอย่างไม่กล้าสบประสานด้วย หัวใจของเธอเต้นเร็วและรัวอย่างไม่เป็นจังหวะ
ไม่ใช่อาการตกใจอย่างในครั้งแรกที่เห็นเขายืนอยู่ในครัว และไม่ใช่อาการตื่นกลัวอย่างที่ตัวเองเข้าใจในตอนแรก
แต่...มันเป็นความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ความรู้สึกที่เจ้าตัวก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นเพราะอะไร เธอรู้แต่เพียงว่าถ้าได้อยู่ในอุ้งมือของชายหนุ่มคนนี้แล้ว เธอจะปลอดภัยและหมดห่วงทุกอย่าง
. . .
ภายในบ้านไม้หลังกะทัดรัดริมกำแพงวัด มีเครื่องเรือนน้อยชิ้นจนสามารถนับได้ด้วยการกวาดสายตา ข้างฟูกหนาดูสะอ้านสะอาดคือโต๊ะเตี้ยๆ ถัดไปคือลังไม้ขนาดย่อม
เนื้อตัวของคนที่นอนอยู่เหนือฟูกนั้น บ่งบอกให้ผู้ที่มาเยือนคาดเดาเหตุการณ์ได้ไม่ยากนัก ใบหน้าของเขามีรอยฟกช้ำปรากฏอยู่ ชายหนุ่มขยับตัวจะลุกขึ้นหลังจากบอกให้ผู้ที่เคาะประตูเมื่อครู่เปิดเข้าไปได้
“พิมพ์ มาได้ยังไงกัน” แสงถามเสียงแหบเมื่อเห็นผู้มาเยือนพร้อมหันไปทำตาเข้มใส่ทับทอง เด็กชายหลบสายตาวูบอย่างรู้ตัวว่าผิด ทุกครั้งที่แสงมีเรื่องปะทะกับเดชและต้องเจ็บตัวกลับมานอนซมอยู่กับบ้าน เขามักจะขอให้ทับทองปิดเรื่องนี้ไว้เพราะไม่ต้องการให้พิมพ์ทองเป็นห่วง แต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จเลย ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน พิมพ์ทองรู้เรื่องและแอบหนีมาเยี่ยมเขาจนได้
“อย่าไปโทษทับเลยจ้ะพี่แสง ฉันบอกให้เขาพามาเองแหละ” พิมพ์ทองพูดดักไว้
“พิมพ์ไม่น่าทำแบบนี้เลย ถ้าพ่อของพิมพ์รู้เข้าจะทำยังไง” เขาพูดอย่างไม่สบายใจ
“วันนี้พ่อไม่อยู่จ้ะ พรุ่งนี้เย็นๆ ถึงจะกลับ” หญิงสาวรีบพูดด้วยสีหน้าสดชื่น คำตอบนั้นพลอยทำให้แสงยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างโล่งใจ
หลายต่อหลายครั้งที่พิมพ์ทองถูกผู้เป็นพ่อทำโทษเพราะจับได้ว่าแอบหนีมาหาเขา ซึ่งบทลงโทษก็มีตั้งแต่การตักเตือน กักบริเวณและหนักสุดเห็นจะเป็นการลงหวาย ซึ่งเกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น คือครั้งที่คุณทองได้ยินบุตรสาวพูดเยินยอแสงสารพัดและยังบอกว่า ความดีของแสงมีมากกว่าเดชหลายร้อยเท่า และไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่มีวันรักเดชเด็ดขาด
ประโยคนั้นทำเอาอารมณ์ของผู้เป็นพ่อขาดผึง ทั้งโมโหที่บุตรสาวไม่รักดี เลือกรักคนไม่มีหัวนอนปลายเท้า และรู้สึกเสียหน้าอย่างที่สุดเพราะบุตรสาวประกาศต่อหน้าเดช ชายหนุ่มที่คุณทองหมายมั่นปั้นมืออยากได้เป็นเขย
“พี่แสงเป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ เจ็บมากไหม แล้วทำไมถึงไปมีเรื่องกับเขาล่ะ” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ พลางสำรวจเนื้อตัวของชายคนรักไปด้วย
“เจ็บกายมันไม่เท่าไหร่หรอกแต่พี่เจ็บใจมากกว่า พี่ทนไม่ได้ที่ไอ้เดชมันพูดจาหยามพิมพ์” แสงพูดอย่างโกรธแค้น เมื่อนึกถึงประโยคที่เดชเคยพูดกับเขา
‘บ้านนั่นน่ะอยากได้ข้าเป็นเขยจนตัวสั่น แทบจะยกลูกสาวมาประเคนให้ข้าถึงเตียง รอข้าเบื่อก่อนนะแล้วเอ็งค่อยมาเสนอหน้า แต่ถึงข้าจะเบื่ออย่างไร พ่อเขาก็คงไม่รับเอ็งหรอกโว้ย คงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าเพราะอะไร’
‘อยากจะรู้นักว่าสาวสวยขี้อายอย่างพิมพ์ เวลาที่ต้องดูแลผัวบนเตียงมันจะเป็นยังไง ข้าคงมีความสุขจนล้นออกมาแน่ๆ เลยนะโว้ย ว่าไหมไอ้แสง’
ต่อหน้าใครต่อใคร เดชจะแสดงและพูดถึงพิมพ์ทองด้วยความรักที่มีอยู่อย่างล้นหัวใจจนคนที่ได้ฟังพากันอิจฉาหญิงสาวผู้นั้น แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าแสง คำพูดที่เปร่งออกมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นประโยคดูถูกเหยียดหยามทั้งสิ้น เขาพยายามบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่าเดชต้องการยั่วให้เขาโกรธเพื่อจะให้ลูกน้องช่วยกันยำเท้าใส่ แต่เขาก็อดที่จะเกิดอารมณ์ไม่ได้ทุกครั้งที่ได้ฟังถ้อยคำเหล่านั้น
“อย่าไปสนใจคำพูดของคนพาลเลยนะจ๊ะพี่แสง วันนี้ฉันทำกับข้าวของโปรดพี่แสงมาด้วย พี่แสงกินข้าวดีกว่านะจ๊ะ” พิมพ์ทองพูดเปลี่ยนเรื่องพร้อมกุลีกุจอหันไปวุ่นวายกับตะกร้าใบใหญ่ที่วางอยู่ใกล้ตัว
สองพี่น้องช่วยกันจัดแจงสำรับกับข้าวใส่จานชามที่เตรียมมา เจ้าของบ้านกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงผนังพร้อมกุมท้องตัวเองไปด้วย เพราะยังระบมจากบาดแผลที่ลูกน้องของเดชทิ้งไว้
“พี่พิมพ์ต้มยามาให้พี่ด้วยนะ พี่แสงจะได้หายเร็วขึ้น” ทับทองพูดพลางชูโถยาใบใหญ่อวด
“ไม่น่าลำบากเลย ถ้าพ่อของพิมพ์รู้เข้ามันจะไม่ดีนะ”
“ไม่หรอกจ้ะพี่แสง พ่อไม่เคยเข้าไปในครัว ยาหม้อพวกนี้ฉันก็ต้มให้พ่อเป็นประจำอยู่แล้ว พ่อไม่สงสัยหรอกจ้ะ พี่แสงเบาใจได้”
แสงพยักหน้ารับด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายลง พิมพ์ทองขยับมานั่งใกล้เขาพร้อมด้วยสำรับข้าวถาดใหญ่ และหลังจากทานข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทับทองก็อาสาเอาจานชามไปล้าง ทำให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ซึ่งนานๆ จะมีโอกาสสักครั้ง
“รับปากกับฉันนะพี่แสง อย่าไปมีเรื่องกับพี่เดชอีก” พิมพ์ทองพูดขอร้องเมื่อน้องชายเดินออกไปแล้ว
“พี่รับปากว่าจะอดทนให้ถึงที่สุด แต่ความอดทนของพี่ก็มีจำกัดเหมือนกัน” แสงตอบเลี่ยงๆ
“ฉันจะไม่มีวันรักวันชอบคนแบบนี้เป็นอันขาด เกลียดนักไอ้คนที่ชอบรังแกคนอื่น ใครๆ ก็รู้กันทั้งนั้นว่าพี่เดชเป็นนักเลงอันธพาลแค่ไหน ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพ่อถึงได้หน้ามืดตามัวเห็นเขาเป็นคนดีไปได้”
“อย่าว่าพ่อแบบนั้นสิพิมพ์” ชายหนุ่มพูดเสียงเคร่งตำหนิ
“พ่อทุกคนหวังดีและอยากให้ลูกมีชีวิตที่สบาย พ่อของพิมพ์ก็เช่นกัน ท่านหวังดีไม่ต้องการให้พิมพ์ต้องมาลำบาก จริงอย่างที่ท่านพูด พี่มันจนไม่คู่ควรกับพิมพ์ รังแต่จะฉุดพิมพ์ให้ลงมาต่ำ” เขาพูดเสียงเบาอย่างน้อยใจตัวเอง ทำให้พิมพ์ทองต้องจับแขนชายคนรักไว้ก่อนจะเอนตัวพิงไหล่ของเขา
“ฉันขอเลือกที่จะอยู่กับคนจนแต่ร่ำรวยความดีอย่างพี่แสงดีกว่าอยู่กับคนที่หาความดีไม่ได้อย่างพี่เดช และฉันขอสาบานตรงนี้เลยว่า ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า หัวใจของฉันก็จะเป็นของพี่แสงตลอดไป ไม่ว่าพี่แสงจะเป็นใคร ร่ำรวยหรือยากจนแค่ไหน หรือมีอุปสรรคมากมายแค่ไหนก็ขอให้ผ่านพ้นไปได้ และฉันก็ขอรักพี่ รักพี่คนเดียวเท่านั้น”
“พี่ก็ขอสาบานเช่นกัน พี่จะทำทุกอย่างเพื่อความรักของเรา ถ้าชาติหน้ามีจริงพี่ก็จะขอให้เราได้รักกันอีก และรักกันทุกๆ ชาติ” แสงพูดพลางโอบกอดเธอไว้ด้วยความรักทั้งหมดที่มี ในขณะที่พิมพ์ทองก็กระชับแขนของเธอกอดเขาเช่นกันพร้อมยิ้มปลื้มให้กับน้ำเสียงอันหนักแน่นจริงจังนั้น
. . .
จากคุณ |
:
latics1
|
เขียนเมื่อ |
:
2 มี.ค. 55 11:44:58
|
|
|
|