Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตัวละครที่ถูกทิ้งลงบนถนน ติดต่อทีมงาน

================
ตัวละครที่ถูกทิ้งลงบนถนน
: GTW & PSYCHO MAN
================


ขุนเขา

ทะเล

แมกไม้

หาดทราย

สายลม

และฟ้าสวย กับสองเรา

ขุนเขาทรงพลังหากอยู่ไกลเส้นขอบฟ้าเลือนราง

ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ชายหาด เธอยืนมองทะเล หัวใจอยู่บนผืนทรายขาวสะอาด
ทะเลไม่เคยหลับใหล ส่งเกลียวคลื่นซัดสาดเป็นประกายฟองขับขานลำนำบทเพลงแห่งท้องทะเล

แมกไม้เขียวขจีเอียงอายรายเรียงเป็นแนวยาว สายลมเย็นกระชับอ้อมแขนและกระซิบข้างหูบางครั้งกระโชก บางครั้งแผ่วหวาน สลับขับขานตามอารมณ์แปรปรวน ฟ้าใสสวยมีปุยเมฆเป็นอาภรณ์บางเบาเย้ายวนรัญจวนใจ


และสองเรา…

เปรี้ยง!!

อะไรบางอย่างทำให้รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ผมปลิวหวือลงจากเก้าอี้ลงไปซบหาดทราย สายลมวิ่งหนีกระจัดกระจาย

ไม่ใช่ปืน ถ้าเป็นปืนผมคงตายไปแล้ว

ผู้ชายหลายคน ในชุดดำแบบเดียวกับตัวเอกในหนังเรื่อง  Man in black  คนยืนหน้าสุดถือวัตถุบางอบางเหมือนไม้ถูพื้น แต่ปลายสุดเป็นรูปฝ่ามือขนาดใหญ่ และเขาคงใช้สิ่งนี้อีกตบผมจนกระเด็นลงจากเก้าอี้ชายหาด

“ดอกที่หนึ่ง”

 เขาพูดอย่างรื่นรมย์ ท่าทางเหมือนไม่ได้ทำร้ายใครบางคนไปหยกๆ เลยสักนิด

ผมอ้าปากค้างไปครึ่งวัน ก่อนหลุดปากถามแบบไม่ตั้งใจจะถามว่า

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”

คนพวกนั้นหัวเราะครืน แต่หน้าตาไม่ได้บ่งบอกความขบขันเลยสักนิด พวกเขาเริ่มเดินตีวงล้อมเข้ามาอย่างช้าๆ หากคุกคามและมุ่งร้าย

“ฉันหมั่นไส้นาย.”

ใครคนหนึ่งพูดขึ้นมาแบบน้ำเสียงเหลืออด

“หมั่นไส้อะไร”

ผมครางอย่างไม่เข้าใจ

“หมั่นไส้ก็คือหมั่นไส้....นายไม่ได้ทำอะไรเลยตั้งแต่เปิดเรื่องขึ้นมา อยู่ดีๆ ก็มีสาวสวยๆ มีทะเล มีหาดทราย และสายลม และแมกไม้...แต่พวกเราถูกทิ้ง”

“พวกนายพูดเรื่องบ้าอะไร”

“พวกเราเกิดมาจากอารมณ์ของคนอ่าน จินตาการของคนเขียน”

“อะไรนะ”

ผมร้องเสียงหลง ทำท่าจะลุกขึ้นยืน แต่ใครบางคนเอาซามูไรประกายคมกริบมาวางบนบ่าของผม หยุดอาการอยากจะลุก ขึ้นยืนอย่างสิ้นเชิง

“นายยังไม่เข้าใจอีกเหรอ” มือดาบซามูไรแค่นยิ้ม ใช้ซามูไรเขี่ยบ่าของผมไปมาแบบกวนประสาท

“พวกเราเกิดจากอารมณ์นักอ่านที่ค้างคา นายมันก็เป็นตัวละครที่กำลังจะถูกทิ้งจากคนเขียน แต่ทะลึ่งเกิดมาบทแรกก็หวานแล้ว ...หมั่นไส้โว้ย....”

ว่าพลางก็คำรามแบบคนโรคจิต ทำท่าจะเชือดคอผมให้ตายในบัดดล แต่พวกมันอีกคนรีบดึงมือเอาไว้ พลางบอกว่า

“ใจเย็นๆ เดี๋ยวหมอนี่เกิดตายขึ้นมา เราก็ทำอะไรไม่ได้ ..เรื่องก็จะจบ พวกเราก็จะหายไปด้วยทั้งที่ยังไม่ทำภารกิจให้สมบูรณ์”

“ก็ได้.....”

มือดาบคำรามอย่างไม่พอใจ เก็บดาบเข้าฝักอย่างหงุดหงิด ผมลอบถอนใจอย่างโล่งอกแต่ยังคงไม่เข้าใจกับสถาพการณ์ของตัวเอง

“พวกนายพูดเรื่องบ้าอะไร”

ผมเริ่มตั้งสติและถามเป็นการถ่วงเวลา ไม่รู้จะถ่วงเวลาไปทำไมก็ไม่รู้เหมือนกัน คงเป็นการหาทางเอาตัวรอดก็เป็นได้

“พวกเราเป็นบางคนนักทวงเรื่อง..บางคนเป็นตัวละคร”

“นักทวงเรื่อง” ผมทวนคำอย่างไม่เข้าใจ เคยได้ยินแต่นักทวงหนี้ แต่นักทวงเรื่องไม่เคยได้ยิน

“พวกนายหลายคนเขียนเรื่องทิ้งๆ ขว้างๆ ลอยแพตัวละครของตัวเอง”

“อะไรนะ”

“อย่ามาทำเป็นอะไรนะไม่เข้าใจ แบบมุกหนังไทย ตัวนายเองก็ไม่ใช่เป็นอะไรมากไปกว่าตัวละครที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่างเท่านั้น แต่นายกลับคิดว่านายมีชีวิตจริงๆ ทั้งความหลังความทรงจำของนายชีวิตของนายเป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาทั้งนั้น”

พูดจบคนพวกนั้นก็หัวเราะลั่น สมองของผมมันชาไปหมดแล้ว นี่พวกเขาเป็นบ้าอะไรกัน

“ผมมีชีวิตของผม มีตัวคน รวมทั้ง...” ผมตะโกนลั่น ชี้มือไปทางคนรักหุ่นดีซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล แต่แล้วก็ปากอ้าตาค้าง พูดไม่ออก สมองลั่นเปรี๊ยะ!!

เธอหายไปแล้ว

“ไหนล่ะ..”

คนพวกนั้นยิ้มกริ่ม ผายมือทำท่าสงสัยแต่สายตามีแววเย้ยหยัน

“ไม่มีใครสักนิด เธอคนนั้น ไม่ได้มีตัวตน และบทบาทของเธอจบไปแล้ว ไม่มีความสำคัญอะไรอีก นอกจากเป็นตัวเปิดเรื่องเท่านั้น”

“นี่มันอะไรกัน” ผมครางแบบคนใกล้บ้า

“ก็บอกแล้วไงว่า เธอเป็นเพียงตัวละครประกอบฉาก นายเองก็เหมือนกัน นายเพิ่งเกิดมาไม่กี่นาทีนี่เอง ที่คนเขียนเริ่มพิมพ์ แต่นายคิดไปเองว่านายมีชีวิตจริงๆ ทั้งที่มันไม่จริง แต่ธรรมชาติก็เป็นแบบนี้ จัดการของมันเองสรรพเสร็จ สร้างความทรงจำในอดีตให้นายแบบอัตโมมัติ”

“นายเป็นเพียงตัวละคร ที่เกิดเมื่อครู่นี่เอง” ใครบางคนตะโกนอย่างสะใจ..ไม่....ไม่ใช่แบบนี้ ผมคร่ำครวญในใจ ผมมีชีวิต มีความทรงจำ มีหน้าที่การงาน มีสังคมและเพื่อนฝูงมากมาย อยู่ดีๆ ก็มีคนบอกว่าผมเป็นแค่ตัวละคร ไม่มีตัวตนจริง ใครจะรับได้

“นายไม่เชื่อใช่ไหม..งั้นลองดูนี่”

ชายซึ่งมือดาบซามูไรพูด แล้วใช้ดาบคมกริบเฉือนลำคอตัวเองอย่างช้าๆ ท่ามกลางสายตาของผมที่ตกตะลึง เขาถูไถดาบไปมาเหมือนกำลังเชือดเนื้อ แต่ไม่มีเลือดไหลออกมาเลยสักหยด คงมีแต่เนื้อสีขาวแบะอ้าออกมาจนเห็นกระดูก เขาถูไถดาบจนหัวหลุดร่องแร่งมีเพียงเส้นเอ็นยึดติดลำคอตอนที่หลุดจากบ่าเท่านั้น  ศีรษะแกว่งไปมาเบื้องหน้าแบบลูกตุ้มนาฬิกา แต่เขายังกระตุกยิ้มได้


“เป็นไง...รู้หรือยังว่าอะไรเป็นอะไร”

ยังมีหน้ายักคิ้วหลิ่วตา ในขณะผมตะลึงตัวแข็งทื่อจ้องมองภาพนั้นราวโดนสะกด

“นายเห็นหรือยังว่านี่ไม่ใช้เรื่องจริง”

“พวกนายต้องการอะไร” ผมร้องสุดเสียง

“ก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าอยากจะบอกว่า คนที่เขียนนิยาย ต้องเขียนต่อให้จบ ไม่ใช่เขียนแล้วทิ้งค้างคา ตัวละครเหล่านั้นจะไม่ได้ผุดได้เกิด พวกเขาจะถูกฝังไว้ในกาลเวลาตลอดกาล  ไม่สามารถแม้แต่จะเวียนว่ายตายเกิด มันยิ่งกว่าตกนรก”

ผมนิ่งอึ้งไปนาน ยกมือตัวเองขึ้นมาดู ลองจับชีพจรดู มันเต้นเป็นจังหวะแบบคนมีชีวิต

“ผมมีชีวิต”

“ชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อครู่นี้” เสียงพวกนั้นบอกอย่างรำคาญใจ

“เมื่อไรพวกนักเขียนจะเข้าใจ  นายมีชีวิตเพราะถูกเขียนขึ้นมา พวกเราก็เหมือนกัน เหมือนตัวละครหลายๆตัวที่ถูกทอดทิ้ง ตอนนี้พวกเรากำลังรวมตัวกันเพื่อเล่นงานนักเขียนที่ไม่ยอมเขียนเรื่องให้จบ พวกเขาต้องชดใช้กรรมที่กระทำสร้างพวกเราขึ้นมาแล้วทิ้งๆขว้างๆ ให้พวกเราถูกตอกตรึงตลอดกาลกับสายธารของกาลเวลา คิดดูว่ามันโหดร้ายขนาดไหน..ทำไมถึงทำกับฉานด้าย....”

ประโยคหลังเขาร้องเป็นเพลงดังในอดีตของสาวน้อยดาวใจ ไพจิตร ผมเริ่มจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เริ่มเข้าใจเมื่อทะเล หาดทราย สายลม ขุนเขา แมกไม้ หายไป เหลือเพียงความมืดปกคลุมรอบด้าน

เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่จำเป็นอีกแล้วในการดำเนินเรื่อง

ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตที่ดูเหมือนมีที่มาที่ไปยาวนานของผม ญาติพ่อแม่พี่น้องเพื่อนฝูงและการศึกษาอันแสนยากกว่าจะเรียนจบเป็นเพียงสิ่งเติมเต็มโดยอัตโนมัติเท่านั้น...เหมือนคนกินข้าวแล้วไม่ต้องรู้ว่ามันผ่านกระบวนการย่อยอย่างไรบ้าง รู้แค่ว่าอิ่มก็พอแล้ว ตัวของผมเองก็เช่นกัน ผมแค่เกิดมาจริงๆ ไม่กี่นาทีที่แล้ว แค่ชีวิตทั้งหลายของผมเป็นเพียงการเติมเต็มอัตโนมัติเท่านั้น ไม่มีอะไรจริง แม้แต่นิดเดียว


ผมเข้าในแล้วจริงๆ ว่าเกิดเกิดมาทำไม

เกิดมาเพื่อเป็นทางผ่านของเหล่าตัวละครที่ถูกทอดทิ้ง ให้คนรู้ว่าพวกเขากำลังเคียดแค้นกับการถูกตอกตรึงกับกาลเวลา

และผมรู้ว่าควรทำอย่างไร

ผมยิ้มเศร้าๆ ให้กับตัวเอง  ให้กับความทรงจำจอมปลอม ให้กับเรื่องราวยาวนานของผมที่เป็นอนิจจัง อนัตตา เป็นเพียงสายหมอกไร้ตัวตนอันแท้จริง

ดังนั้นผมจึงเริ่มเลือนหายไปอย่างช้าๆ และเลือดเย็น

“นายทำบ้าอะไร”

คนพวกนั้นร้องเสียงขรม ผมหันหน้าไปมองพวกเขาซึ่งเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วราวการหลั่งไหลของสายน้ำ มีทั้งเด็ก ผู้หญิง คนแก่ วัยรุ่น หน้าตาดี หน้าตาอุบาทว์ พวกนั้นเป็นตัวละครที่คนเขียนละทิ้งไม่ใส่ใจ

ผมเห็นประกายน้ำตาในสายตาของพวกเขา และหวังว่าวันหนึ่งพวกเขาจะหลุดออกมาจากการถูกตอกตรึงกับสายธารแห่งกาลเวลา ผมคิดว่าวันหนึ่งความเสียใจเงียบเหงาจะเปลี่ยนเป้นความโกรธแค้นจนหลุดออกมาในโลกแห่งความเป็นจริงและเริ่มไล่ล่าพวกนักเขียน

ส่วนผมหมดหน้าที่แล้ว แล้วผมไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของแนวร่วมกองทัพตัวละครที่ถูกทิ้งซึ่งพวกเขาทั้งหลายกำลังเริ่มโกรธแค้นมากขึ้นทุกขณะ ..และอาจจะหลั่งไหลออกมาจากโลกของจินตนาการสู้โลกมนุษย์ ถึงตอนนั้นคงไม่มีใครเป็นพระเอกนางเอก คงมีแต่ความโกรธแค้นและการทำลายล้าง

ดังนั้น

ผมควรที่จะหายไป......หายไป....


หายไปก่อนที่ถูกทอดทิ้ง เหมือนตัวละครจำนวนมากมายเหล่านั้นๆ


หายไปกับความมืดดำตลอดกาล หาจุดจบให้กับตัวเอง โดยไม่ต้องถูกตรึงไว้เกับสานธารแห่งกาลเวลา








จบบท1

แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 55 22:57:11

แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 55 22:55:22

จากคุณ : Psycho man
เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 22:34:42




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com