Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Ooo คนพิเศษ...ของฉัน ooO ติดต่อทีมงาน

คนพิเศษ…ของฉัน

**************************************************************************

ตอนที่ฉันอายุสิบห้าปี…วันหนึ่งฉันลงไปในสระเพื่อเก็บดอกบัว ปกติฉันเป็นคนที่ว่ายน้ำเก่ง  แต่วันนั้นขาเป็นตะคริว ฉันจมน้ำ พยายามตะกายเข้าฝั่ง ม่อนวัยสิบขวบรู้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น  เขากระโจนลงสระและพยายามกระชากคอเสื้อและพาฉันเข้าฝั่ง…


ฉันไม่อายที่มีน้องชายเคยติดยา  เพราะฉันคิดอยู่เสมอๆว่าเราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตที่ผ่านมาได้  ทุกๆคนอยากมีชีวิตที่สวยหรูกันทั้งนั้น….แต่ในช่วงนึงของชีวิต  คนเราก็ไม่อาจลิขิตเส้นทางชีวิตได้  ประสบการณ์ชีวิตที่มันเลวร้าย  แต่ถ้ามันมีประโยชน์และทำให้อีกหลายๆชีวิตรอดพ้น….ฉันก็ยินดีและเต็มใจ


ครอบครัวของฉันมีด้วยกันสี่คน พ่อแม่และลูกสองคน  ฉันชื่อไหม  ส่วนน้องชายชื่อม่อน  ฉันอายุห่างจากม่อนห้าปี ตอนฉันยังเด็กฉันเกลียดม่อนมาก เพราะฉันคิดว่าม่อนเกิดมาเพื่อแย่งความรักจากฉันไป  ในตอนนั้นจะไม่ให้ฉันเกลียดม่อนได้ยังไง มีแต่คนบอกว่าฉันเป็นหมาหัวเน่า  ไม่มีใครรัก  มีแต่คนรักน้อง  ทั้งๆที่พ่อกับแม่ก็พร่ำสอนอยู่ตลอดเวลา  ว่าให้ฉันรักและเมตตาน้องให้มากๆ  เพราะว่าน้องยังเล็ก  มีหลายครั้งที่ฉันแกล้งและทำร้ายม่อนแรงๆ  เวลาที่ฉันโดนทำโทษฉันยิ่งโกรธแค้นม่อนมาก


และแล้วเหตุการณ์ในวันนึงทำให้ฉันได้คิด  วันนั้นเป็นวันเสาร์ ฉันนัดกับเพื่อนๆจะไปเล่นเกมส์ที่บ้านเพื่อน  ในตอนนั้นม่อนสี่ขวบ แม่บอกว่าถ้าจะไปเล่นให้ช่วยเอาน้องไปด้วย แม่จะทำงานบ้าน  ฉันไม่อยากให้ม่อนไปเพราะคิดว่าเป็นภาระ ม่อนจะเดินตามฉันก็ไล่กลับบ้าน  ม่อนก็ไม่ยอมจะตามไปให้ได้ ฉันไม่รู้จะทำยังไง เลยบอกให้เพื่อนคนนึงช่วยจับตัวม่อนไว้ แล้วตัวฉันวิ่งหนีไปก่อนแล้วให้เพื่อนวิ่งตามไปทีหลัง  ตอนที่ฉันวิ่งจ้ำอ้าวหูของฉันก็ได้ยินเสียงม่อนร้องไห้ทุรนทุรายแต่ฉันก็ไม่หันหลังกลับ


พอฉันไปถึงบ้านเพื่อน….เพื่อนบางคนเขาก็เอาน้องมาด้วย  ทำให้ฉันแอบคิดถึงม่อนขึ้นมาทันที เสียงร้องไห้ของม่อนมันยังก้องอยู่ในหู วันนั้นทั้งวันฉันเล่นกับเพื่อนๆไม่มีความสุขเอาซะเลย  คิดแต่เพียงว่าถ้าเอาม่อนมาด้วยก็น่าจะดี…พอตอนเย็นจะกลับบ้านฉันแวะที่ร้านค้าเพื่อที่จะซื้อขนมไปไถ่โทษ  พอฉันเดินเข้าประตูบ้านม่อนโผเข้ามากอดฉันอย่างรักใคร่  ความไร้เดียงสาของม่อนทำเอาฉันสำนึกผิดตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา


พอฉันจบม.3 ฉันต้องย้ายโรงเรียนไปอยู่อีกต่างจังหวัดและไปพักอยู่กับป้าซึ่งเป็นพี่สาวของแม่  นานๆทีพ่อถึงจะไปรับกลับมาเยี่ยมบ้าน มันยิ่งทำให้ฉันกับม่อนต้องห่างกันออกไปอีก  ฉันรู้แต่เพียงว่าม่อนไม่ชอบไปโรงเรียนเอาซะเลย ม่อนเกเรตั้งแต่เด็ก  จะชอบหนีโรงเรียนเป็นประจำ  แต่ม่อนเป็นคนขี้สงสาร มีจิตใจเมตตา และเป็นคนที่ชอบใส่ใจคนรอบข้างมากๆ


หลังจากที่ฉันเรียนจบและได้เริ่มทำงานช่วงวันหยุด  ฉันได้กลับบ้านไปเยี่ยมพ่อกับแม่  ตอนนั้นม่อนอายุอย่างเข้าสิบแปด  ม่อนมีอะไรแปลกๆจนฉันสัมผัสได้  ฉันได้คุยกับแม่ บอกแม่ว่าม่อนเปลี่ยนไป แม่บอกว่าไม่นะปกติเขาก็เป็นแบบนี้  ฉันพูดกับแม่ว่า” ไหมเคยอ่าน เรื่องของคนที่ติดยาเสพติด ให้สังเกตจากพฤติกรรม  ถ้าคนไหนใจจดใจจ่อกับสิ่งที่ทำเพียงสิ่งเดียวตลอดทั้งวันอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย เหมือนอย่างในตอนนี้ที่ม่อน จดจ่ออยู่กับมอเตอร์ไซค์ได้ทั้งวัน  มันเข้าข่ายของคนที่ผิดปกติอยู่นะ” แม่บอกว่าคงไม่หรอก  เพราะม่อนเป็นคนที่รักรถ ปกติม่อนก็ทำแบบนี้อยู่เป็นประจำ


ปกติฉันเป็นคนที่มีซิกเซ้นต์และจะค่อนข้างแม่นยำ เพราะว่าฉันเป็นคนช่างสังเกต  ก่อนจากฉันได้บอกกับแม่ว่าม่อน “ติดยา” หลังจากนั้นไม่นานแม่ก็โทรมาบอกว่าเป็นความจริง  ครอบครัวของฉันกลุ้มใจกับพฤติกรรมของม่อนมาก ซึ่งนับวันจะเลวร้ายขึ้นไปเรื่อยๆ  บางวันที่ขอตังค์ไม่ได้ตามที่ต้องการม่อนก็จะทำลายข้าวของในบ้าน  รวมไปถึงขโมยข้าวของที่มีราคาไปขาย ในบางครั้งม่อนได้บังคับเอาเงินเป็นหมื่นซึ่งมันทำให้แม่เครียดและกลุ้มใจมาก


ในช่วงสองปีที่ม่อนตกเป็นทาสของยาเสพติด มันทำให้คนในครอบครัวเป็นทุกข์มาก  เหมือนตกนรกทั้งเป็น  มองไปทางไหนก็มืดมน  ไม่สามารถที่จะคาดหวังอะไรได้   ถ้าใครไม่ได้อยู่ตรงจุดนี้จะไม่มีวันรู้หรอกว่ามันทรมานแค่ไหน  ต่อมาม่อนมีอาการทางประสาท แม่ต้องกล่อมและพาม่อนไปพบหมอ  รักษาดูแลอย่างใกล้ชิด ก็ยังไม่ดีขึ้น เพราะม่อนยังหันกลับไปเล่นยาอยู่


วันหนึ่งๆฉันไม่เป็นอันทำอะไร เพราะกลุ้มใจกับปัญหาของม่อนที่นับวันจะเลวร้าย ฉันตัดสินใจพิมพ์จดหมายด้วยตัวเองและปลอมแปลงให้เป็นจดหมายของกองปราบปรามยาเสพติด แล้วส่งไปขู่เอเย่นต์ค้ายา ว่าให้เลิกซะ…ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรทำแบบนั้น  แต่ฉันก็ไม่อาจทนเห็นม่อนและคนอื่นๆต้องตกนรกทั้งเป็น  หลังจากนั้นขบวนการยานรกก็ได้เงียบหายไปพักใหญ่ แม่โทรมาส่งข่าวฉันแอบปลื้มใจในผลงานของตัวเองไม่น้อย


ข่าวเอเย่นต์ค้ายานรกรอดจาการจับกุมเพราะไม่มีของกลางสร้างความผิดหวังให้ฉันเป็นอย่างมาก  มัน ยังคงลอยนวลและกลับมาค้าขายคึกคักอีกเหมือนเดิม  ม่อนอาการกำเริบหนัก ถึงขั้นคิดว่ามีคนคอยตามทำร้ายอยู่ตลอดเวลา  ฉันสุดที่จะทนไหวและสัญญากับตัวเองไว้ว่า  “ฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ม่อนกลับมาเป็นคนเดิมให้ได้”


ฉันได้ส่งอีเมลล์แจ้งเบาะแสไปที่สถานีตำรวจในท้องที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ  มันเป็นการเสี่ยงแต่ฉันจำเป็นต้องทำ เพราะฉันและพ่อแม่ทนรับสภาพแบบนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว  ฉันรู้ว่าตัวเองไม่น่าเอาตัวเองเข้าแลกกับเรื่องพวกนี้ และมันเป็นหนทางสุดท้ายที่ฉันต้องทำ  ในตอนนั้นฉันรู้แต่เพียงว่า ฉันยอมแลกเพื่ออีกหลายร้อยพันชีวิตที่ต้องตกเป็นทาสยานรก


และแล้ววันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังหลับใหล  เสียงโทรศัพท์ได้ดังขึ้น เสียงปลายสายคือเสียงม่อนนั่นเอง
“พี่ไหม ช่วยเปิดประตูให้ม่อนหน่อยสิ” ฉันนึกว่าตัวเองฝันไป ม่อนยังคงยืนยันประโยคเดิม ฉันลุกเดินไปที่ประตู  แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง *ม่อนยืนอยู่ที่หน้าประตูจริงๆพร้อมกับมอเตอร์ไซค์ คู่ชีพ  ม่อนเดินทางมาจากบ้านที่ต่างจังหวัด ในสภาพที่ดูไม่ได้ หน้าตาซูบผอม  ถุงใต้ตาคล้ำมาก ฉันอึ้งกับสภาพที่ได้เจอ “ม่อนไม่ได้อยู่ในสภาพของคนปกติ  ม่อนมีอาการทางประสาทต้องอยู่ในความดูแลของหมอ แล้วฉันจะตั้งมือรับยังไงกัน”


ในเวลานั้นฉันต้องทำงาน เช้าต้องตื่นขึ้นมาหากับข้าวให้ม่อน  ซักผ้า กลับจากทำงานก็ต้องรีบกลับมาดูแลม่อน ชีวิตในช่วงนั้นมันเหนื่อยมาก  เหนื่อยทั้งกายและใจ ม่อนจะไม่พบปะสมาคมกับใคร เขาจะคอยหลบสายตาผู้คน ตอนกลางคืนเขาก็จะไม่ยอมนอน พยายามชวนฉันคุยตลอด ฉันดูแลม่อนเหมือนกับดูแลเด็กอ่อน ฉันไม่เคยบ่น ไม่เคยอารมณ์เสีย ฉันยอมเหนื่อย ยอมให้ม่อนดุด่า ฉันยอมทุกอย่างเพียงเพื่อให้ม่อนดีขึ้น


วันหนึ่งฉันกลับจากที่ทำงาน ม่อนได้หายตัวไปจากห้อง ฉันตกใจมาก รีบออกตามหา  จนกระทั่งเกือบสองทุ่มม่อนก็ยังไม่กลับมา ภายในใจของฉันว้าวุ่นมาก ฉันเดินตามหาจนทั่วก็ยังไม่เจอ ไม่นึกว่าม่อนจะเดินเล่นไปจนถึงหน้าปากซอย
“มาทำอะไรที่นี่  กลับห้องเถอะ พี่ตามหาแทบแย่”
“ออกมาเดินเล่น พี่ไหมกลับไปก่อน เดี๋ยวม่อนตามไป”
“จ้ะ รีบตามมานะ” ถึงฉันจะโมโห  จะอารมณ์เสีย จะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน ฉันก็ต้องทน เพราะม่อนคือคนพิเศษของฉัน และฉันก็ต้องดูแลเขาพิเศษกว่าใครๆ


หลังจากที่ม่อนอยู่ในความดูแลของฉันประมาณสามเดือน  ม่อนอาการดีขึ้นเรื่อยๆ เริ่มมีสบตาผู้คน มีเล่นหยอกเย้ากับเด็กๆที่อยู่ห้องข้างเคียง ทำให้ฉันเริ่มมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง  วันนึงม่อนบอกว่าอยากออกไปขับวินมอไซค์รับจ้าง ฉันไม่เห็นด้วยแต่ม่อนยืนยันที่จะทำ ฉันจำใจต้องพาม่อนไปพบเจ้าของวิน และต้องจ่ายตังค์ค่าเสื้อให้เขาห้าพันบาท


ม่อนเริ่มงานด้วยการขับวินมอไซค์รับจ้าง  ภายในหนึ่งเดือนม่อนมีตังค์เก็บเกือบๆหมื่น  เข้าเดือนที่สองและสามม่อนมีตังค์เก็บมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งรายได้ทั้งหมดของม่อนเขาจะให้ฉันเป็นคนเก็บไว้ทุกบาท  จากที่ม่อนเคยเป็นคนเกเร  สารรูปดูไม่ได้ในสายตาของคนรอบข้าง ผ่านไปหกเดือนคนเริ่มมองม่อนเป็นคนใหม่ และชื่นชมที่ม่อนขยันขันแข็ง  วันหนึ่งม่อนบอกกับฉันว่า “พี่ไหม…ม่อนอยากได้ทอง ช่วยพาไปซิ้อหน่อยสิ”


ม่อนมีทองใส่  มีรายได้เดือนละเป็นหมื่น พ่อกับแม่ดีใจมาก ม่อนไม่เป็นภาระของใคร วันหนึ่งก่อนจะเข้านอน ฉันถามม่อนว่า
“ขับวินเหนื่อยมั๊ย”
“เหนื่อยสิ  ตากแดด ตากลม ตากฝนทั้งวัน  ร้อนจะตาย”
“อยากสบายก็ต้องกลับไปเรียน….จบออกมาจะได้ทำงาน ไม่ต้องทนร้อน ทนหนาว”
“ขอเก็บตังค์อีกนิดนึง  เรียนน่ะเรียนแน่  ไม่มีใครอยากลำบากตลอดไปหรอก”


ม่อนอยู่กับฉันเกือบๆปี ถึงได้กลับไปเรียนต่อ ม่อนมีรายได้เป็นเงินจำนวนไม่น้อย เขาซื้อหาในสิ่งที่เขาอยากได้ ซื้อทองให้พ่อแม่ และซื้อมือถือให้ฉันเครื่องใหม่ ฉันเหงามาก เมื่อไม่มีม่อนอยู่ข้างๆ ม่อนจะโทรมาแกล้งทุกวัน
“คิดถึงม่อนใช่ม๊า… อย่าร้องไห้ก่อนนอนนะ เลิฟยูจ้ะ…สุดที่ร๊าก” ม่อนจะหยอดคำหวานทุกครั้งก่อนจะวางสาย บางครั้งฉันก็อดที่จะร้องไห้ไม่ได้


หลังจากที่ม่อนกลับตัวกลับใจหันหลังให้กับยานรก  ไม่นานเอเย่นต์ค้ายาถูกจับกุม และใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำเกือบสองปี ต่อมาเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว  ฉันรู้สึกเศร้าสลดใจ และขออโหสิกรรมต่อเขา  อย่าได้มีเวรมีกรรมต่อกันเลย  เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร  ทุกชีวิตที่เกิดมามีค่าเท่ากันหมด  กรรมใดใครก่อกรรมนั้นตามสนอง


อีกสี่ปีต่อมา… ม่อนเรียนจบและมีงานทำ  เขาเลือกทำงานในด้านที่ตัวเองถนัด เกี่ยวกับเครื่องจักรยนต์  ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนม่อนก็ยังเป็นม่อนคนเดิม  ที่คอยเทคแคร์และใส่ใจคนรอบข้าง เสมอๆ  ม่อนเป็นคนที่รักเด็กๆมาก เวลาที่โทรหาม่อนจะถามฉันทุกครั้งว่า “ กินข้าวรึยัง”


นอกจากพ่อ แม่ และฉันแล้ว ตอนนี้ม่อนมีผู้หญิงอีกคนเข้ามาในชีวิต  ตอนแรกฉันไม่เห็นด้วยกับผู้หญิงที่ม่อนเลือก แต่สุดท้ายฉันก็ยอมเคารพการตัดสินใจของม่อน ฉันได้แต่บอกตัวเองว่า ใครก็ตามที่ม่อนอยู่ด้วยแล้วเขามีความสุข  ฉันก็ควรจะยินดีไปกับเขา


ในวันนี้ครอบครัวของฉันมีความสุขกันมากๆ  แม่ขอบคุณที่ฉันช่วยดูแลม่อน  และฉันก็ขอบคุณม่อนที่เขามีความพยายามที่จะกลับตัวกลับใจ เพื่อเราทุกคน  ในที่สุดความพยายามของเราทุกคนก็เป็นผลสำเร็จ  ผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายมาได้ มันทำให้ฉันแกร่งขึ้นมาอีกในระดับหนึ่ง


เส้นทางเดินไม่ได้ปูด้วยพรมแดง  หรือโรยด้วยกลีบกุหลาบ  อุปสรรคขวากหนามคือบทเรียนบทหนึ่งของชีวิต…ในครั้งหนึ่งของชีวิตคนเรามี ผิด พลาด พลั้ง การให้โอกาสใครสักคนไม่ใช่เรื่องยาก …ล้มแล้วต้องลุกขึ้นใหม่ให้ได้  ไม่มีคำว่าสาย หากคิดจะเริ่มต้นใหม่


ม่อนพยายามฉุดกระชากลากฉันเข้าหาฝั่ง ทำให้ฉันรอดพ้น….และม่อนก็พาฉันขับรถฝ่าไฟแดง ในตอนนั้นแต่ฉันก็รอดพ้น….และการที่ฉันจะทำเพื่อให้คนพิเศษของฉันรอดพ้น….มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่ฉันจะทำได้  ความผูกพันทางสายเลือดไม่มีอะไรทำลายได้ ต่อให้ปากบอกว่าเกลียดแค่ไหนก็ตามแต่…”รัก” สามารถชนะทุกอย่างได้…จริงๆ

********************************************************************

จากคุณ : ใยไหมกะใบม่อน
เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 22:50:21




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com