หัวใจก้นครัว ๒๐-๒๑-๒๒ (แก้ไขใหม่)
|
 |
บทที่ ๒๐
บรรยากาศของงานเปิดตัวนิตยสาร The Best Time ใหญ่โตสมกับเป็นหนังสือหัวนอก ที่นำเข้ามาโดยบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์ยักษ์ใหญ่ เมื่อเดินผ่านซุ้มประตูของงานไป ก็เห็นว่าสองข้างทาง ต่างเรียงรายไปด้วยบู๊ธของ
สปอนเซอร์หลายเจ้าในหนังสือเล่มนี้ ที่พากันมาออกร้าน บ้างก็ประชาสัมพันธ์แจกข้าวของให้ทดลองใช้ บ้างก็มีเกมต่างๆให้เล่นพร้อมกับแจกผลิตภัณฑ์ให้อีกเช่นกัน
สิตา เดินเข้างานไปพร้อมๆกับภัทร อย่างตื่นตาตื่นใจ หล่อนนึกเสียดายในใจว่า หากหล่อนไม่ต้องมาเป็นคู่ควงของภัทรด้วยการแต่งกายที่สวยงามเช่นนี้ หล่อนจะขอไปเลือกเล่นเกมตามซุ้มต่างๆให้ชุ่มปอดไปเลยทีเดียว
ในที่สุด ทั้งคู่ก็เดินมาถึงโต๊ะยาวที่จัดไว้สำหรับลงทะเบียนเข้างาน แล้วจะได้รับแจกของชำร่วยและสติ๊กเกอร์สำหรับแปะร่างกาย เพื่อแสดงความเป็นแขกที่ได้รับเชิญมาร่วมงานนี้นั่นเอง
สิตาได้รับถุงพลาสติกใสใบใหญ่ที่ภายในบรรจุนิตยสาร The Best Time ฉบับปฐมฤกษ์ และของที่ระลึกอีกหลายอย่างจัดวางอยู่ในนั้น และเมื่อหล่อนเดินผ่านเข้าประตูของฮอลล์นี้ไป ก็ทำให้หล่อนเกิดความรู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้บ้าง อย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน
ฉากหลังขนาดใหญ่ ที่พิมพ์ชื่อหนังสือเป็นตัวเล็กๆเรียงรายกันจนเต็ม ถูกตั้งวางไว้ พร้อมกับล้อมรอบไปด้วยซุ้มดอกไม้สดที่ถูกจัดตกแต่งมาอย่างสวยงาม และผู้ที่ยืนประจำตำแหน่ง ณ ที่ตรงนั้นก็คือ นางแบบสาวที่โด่งดังระดับอินเตอร์ และได้รับเกียรติให้มาขึ้นปกเป็นคนแรก เธอก็คือ วิศนีย์ นั่นเอง
แขกทุกคน จะต้องถูกจัดกลุ่มให้เข้าไปถ่ายรูปคู่กับวิศนีย์ที่ฉากหลังแห่งนี้ เพราะภาพเหล่านี้ จะถูกตีพิมพ์ในนิตยสารฉบับต่อมา ในคอลัมน์บรรยากาศของวันเปิดตัว
ภัทร ทำหน้าเจื่อนไปอย่างที่สิตาจับสังเกตได้ เมื่อเขามองภาพของวิศนีย์ที่ยืนถ่ายรูปกับแขกคนอื่นๆอย่างเป็นกันเอง ขณะที่ทั้งสองก็กำลังยืนต่อคิวที่จะเข้าไปถ่ายรูปเช่นกัน
สิตา ดึงชายแขนเสื้อสูทของภัทร เบาๆเป็นการเตือนสติ ให้ยิ้มแย้มกว่าที่เป็นอยู่ ก่อนที่จะลากชายหนุ่มเข้าไปถ่ายรูปกับนางแบบสาวที่ยืนยิ้มพลางโบกมือให้ภัทรอย่างเป็นกันเอง เมื่อเห็นว่าเขาเองก็ยืนไม่ไกลจากหล่อนเท่าใดนัก
เมื่อเดินเข้าไปงาน ทางออแกไนเซอร์ ก็เข้ามาพูดคุยถึงสคริปต์การเปิดตัวนักเขียนคอลัมน์ที่มาร่วมงาน สิตาจึงถือโอกาสเดินไปสำรวจรอบๆงานพร้อมกับหาของกินอร่อยชิมไปด้วย
จนกระทั่งเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง สิตาก็ได้ยินเสียงแหลมใสทักทายมาจากด้านหลังของตนเอง เมื่อหันไปเห็นว่าเป็น มาธิตา หล่อนจึงทำความสวัสดี ก่อนที่ภัทรจะเดินเข้ามาสมทบ
อ๋อ...นี่เหรอคู่เดท ของภัทรที่ตั้งใจปิดไว้เป็นความลับ วันนี้คุณสิตาสวยจังเลยค่ะ มาธิตา เอ่ยชมสิตาอย่างจริงใจ ก่อนที่จะหันไปไหว้วานภัทรอย่างคนคุ้นเคย
ดีใจจังที่ภัทร มาได้ มาร์ต้า จะได้ฝากให้ ภัทร ไปส่งวิทนี่ย์ที่บ้านตอนเลิกงานจะได้ไหมคะ พอดี มาร์ต้าต้องไปทำธุระด่วน คงจะอยู่ในงานนี้ได้อีกไม่นาน รบกวนภัทร จะได้ไหมเอ่ย?
มาธิตา ทอดเสียงหวานใส ในคำถามเชิงขอร้อง ที่ชายหนุ่มเองก็ยากจะปฎิเสธ เขาจึงได้แต่พยักหน้ารับคำอย่างมีรอยยิ้มน้อยๆ ก่อนที่มาธิตาจะหันมาขออนุญาตสิตาอีกคนตามมารยาทว่า
มาร์ต้ารบกวนให้ภัทรไปส่งวิทนี่ย์ที่บ้าน คงไม่เป็นการรบกวนทั้งภัทรและคุณสิตาจนเกินไปใช่ไหมคะ ถ้าไม่สะดวกก็บอกได้นะคะ ไม่ต้องเกรงใจ คนกันเองทั้งนั้น
ไม่รบกวนอะไรหรอกค่ะ คุณมาร์ต้า เพราะว่า เรามารถกันคนละคัน เวลากลับคงแยกกันกลับ สิตา ตอบมาธิตา ด้วยรอยยิ้มที่หล่อนตั้งใจสร้างขึ้นมา ก่อนที่จะปรายตาไปมองค้อนใส่ภัทร ให้เจ้าตัวเห็นเพียงคนเดียวเท่านั้น
งานเลี้ยงเปิดตัวนิตยสารวันนี้ ไม่สนุกเอาเป็นอย่างมาก ในความรู้สึกของหล่อน ภัทรก็มัวแต่วุ่นวายกับการที่ต้องขึ้นไปร่วมงานบนเวที หญิงสาวคิดว่า เมื่อชายหนุ่มเสร็จธุระแล้วคงจะลงมาเดินในงานเป็นเพื่อน ตามที่ได้เอ่ยปากชวนมา
แต่จนแล้วจนรอด ภัทรก็ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่พูดคุยกับผู้ใหญ่หลายๆท่านพร้อมกับที่มีวิศนีย์เดินคลอเคลียข้างกายอยู่ไม่ห่าง ยิ่งมองเห็นทั้งคู่เดินเคียงกัน หล่อนก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างไม่มีสาเหตุอีกครั้ง
ภาพของสาวสวยมาดสมบูรณ์แบบที่เคียงคู่ไปกับหนุ่งหล่อสูงสง่า ช่างเป็นภาพที่น่าดูอะไรเช่นนี้ ช่างภาพหลายสำนักพิมพ์ต่างพากันถ่ายรูปคนทั้งคู่อยู่เสมอๆ จนทำให้หล่อนรู้สึกเป็นส่วนเกินในงานคืนนี้อย่างบอกไม่ถูก
ไงจ๊ะ สิตา มางานนี้เหมือนกันเหรอจ๊ะ
เสียงทักทายดังขึ้น ที่หน้าห้องน้ำหญิง แองเจลิน่า ลิ้ม นั่นเอง นักร้องสาวรุ่นใหญ่ตรงเข้ามาสวมกอดสิตาอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะเอ่ยขอบคุณที่หล่อนช่วยเหลือตนในวันนั้น
บทสนทนาในเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นภายในห้องพักศิลปินที่แองเจลิน่า ใช้แต่งตัว รวมไปถึงนักดนตรีท่านอื่นๆ ก่อนที่จะต้องขึ้นแสดงตามคิว ทำให้สิตา ลืมความเบื่อหน่ายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไปได้บ้าง จนมาถึงหัวข้อที่ทำให้หล่อนได้รับรู้ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับภัทรและวิศนีย์มากขึ้นไปนั่นเอง
แล้วนี่หนู มากับเชฟภัทรเหรอจ๊ะเนี่ย ตายละซี วันนี้ มีแม่วิทนี่ย์ นางแบบแฟนเก่าเค้ามาเป็นปกเปิดตัวให้ด้วยสิ แล้วหนูโอเค มั้ยจ๊ะ สิตา? แองเจลิน่าหรือพี่ดาว ถามความรู้สึกของหล่อนอย่างจริงใจ ดุจพี่สาวที่มีให้น้องสาวก็ไม่ปาน
คือ... ไม่ใช่อย่างที่พี่ดาวเข้าใจนะคะ พี่ดาว สิตากับเชฟ ไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่เชฟเค้าชวนสิตา มาเป็นเพื่อนร่วมงานนี้เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นจริงๆค่ะ" สิตาปฏิเสธอย่างตะกุกตะกักด้วยพิรุธ จนคนฟังที่มากด้วยประสบการณ์ในชีวิต ฟังแล้วพอจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร หล่อนจึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ก่อนที่จะเอ่ยต่อไปว่า
เมื่อปีสองปีที่แล้ว คุณวิศนีย์นี่ล่ะ เธอมาขอคิวพี่ดาวไป บอกว่าจะให้ไปร้องเพลงในงานหมั้น แบบจัดในสวนน่ะ กับเชฟภัทรนี่ล่ะ พี่จำได้ แต่ไหง สุดท้าย ก็มาขอยกเลิกคิว แถมขอโทษขอโพยยกใหญ่ ด้วยเหตุผลว่าเธอจะไปทำงานที่เมืองนอก จากวันนั้น จนวันนี้พี่ก็เพิ่งได้ข่าวทั้งสองคนนี่ละ
สิตา ไม่พูดเสริมอะไรออกไปอีก หล่อนนั่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะช่วยออกความเห็นเรื่องการแต่งตัวของแองเจลิน่าในวันนี้ไปตามเรื่องไปตามราว ก่อนที่ออแกไนเซอร์จะเข้ามาเชิญให้เจ๊ดาวไปแสดงบนเวที
แองเจลิน่า จากไปเพื่อทำหน้าที่ของหล่อนบนเวทีได้พักใหญ่แล้ว แต่สิตา ยังคงนั่งเหม่อลอยคิดวนเวียนเรื่องโน้นเรื่องนี้ ภายในหัวอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ก่อนที่หล่อนจะรู้สึกตัว เมื่อโทรศัพท์มือถือสั่นแสดงข้อความที่หล่อนไม่ได้รับ เพราะหล่อนวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะ ขณะที่พูดคุยกับเจ๊ดาวอยู่
เดินทางออกจากระยองแล้วนะ ของกินอร่อยๆเพียบเลย รอกินด้วยกันนะ/แดง
หล่อนยิ้มอย่างชื่นใจขึ้นมาได้อีกครั้ง เมื่อนึกถึงแดงและคนในครอบครัวที่รออยู่ที่บ้าน ก่อนที่จะนึกขึ้นมาได้ว่า บางที ภัทร อาจจะกำลังตามหาตัวหล่อนอยู่ก็เป็นได้ เพราะภัทรเองก็ไม่มีเบอร์โทรศัพท์มือของหล่อน อีกไม่นาน งานก็จะเลิกแล้ว อย่างน้อยไปให้เขาเห็นก็น่าจะดีกว่า ในฐานะที่ชายหนุ่มอุตส่าห์ชวนมาเป็นคู่ควง บางทีตอนนี้เขาอาจจะว่างคุยกับหล่อนแล้วก็เป็นได้
หญิงสาวร่างสูงเพรียวระหง เดินลัดเลาะผ่านประตูข้างของฮอลล์ จากด้านหลัง เพื่อเข้ามาสู่ตัวงานตามปกติ บนเวที ขณะนี้ แองเจลิน่า กำลังขับกล่อบเพลงแจ๊สช้าๆอย้างซาบซึ้ง แขกในงานต่างพากันจับคู่เต้นรำกัน
สิตาโบกมือให้กับเจ๊ดาวที่ยิ้มแล้วมองลงมาที่หล่อน ก่อนที่ หล่อนจะเบือนสายตาไปตามไฟฟอลโลว์ที่จับอยู่ที่คู่เต้นรำที่โดดเด่นภายในงาน ซึ่งคนคู่นั้นก็คือ ภัทรและวิศนีย์ นั่นเอง
ภาพของวิศนีย์ที่หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข โยกย้ายร่างกายไปตามจังหวะการควบคุมตามจังหวะเพลงของภัทรอย่างช้าๆ ภัทร ยิ้มน้อยๆ ขณะที่ชายหนุ่มกำลังตระกองกอดนางแบบสาวตามดนตรีเช่นกัน เมื่อมองผ่านจอที่ถ่ายทอดท่าทางของคนคู่นั้นแล้ว สิตาก็รับรู้ได้ถึงความสุข ความหวานชื่นที่ทั้งคู่ต่างมีให้แก่กันและกัน นี่...ภัทร ยังคงอาลัยอาวรณ์ถวิลหานางแบบสาวอยู่อีกหรือ? แล้วเขาชวนหล่อนมาเพื่ออะไรกัน? คงจะชวนหล่อนมาเป็นคู่ควงเพื่ออวดคู่รักเก่าล่ะซี เรานี่มันช่างโง่จริงๆนะสิตาเอ๋ย!
สิตา ค่อยๆเลี่ยงออกมาจากงานเลี้ยงนั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก น้ำตาที่คอยไหลเรื่อยลงมาจากสองตา ทำให้หล่อนไม่เข้าใจตัวเองว่า ทำไมหล่อนถึงได้รู้สึกอ่อนแอกับภาพที่เห็นได้มากมายถึงเพียงนี้ หล่อนพาร่างกายที่ไร้ความรู้สึกมาที่ร้านเสื้อก่อนที่จะจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าข้าวของคืน อย่างใจลอย
ทันทีที่หล่อนเข้ามานั่งประจำที่เบาะคนขับ หล่อนก็ปล่อยโฮอย่างสุดแรง จนร่างกายสั่นเทิ้มไปทั้งตัว เสียงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ที่เบาะข้างๆ ชื่อที่ปรากฏบอกให้รู้ว่าปลายสายคือแดงนั่นเอง สิตา ตัดสิตใจรวบรวมกำลังใจทั้งหมดที่มี ก่อนจะขับรถออกไปจากห้างแห่งนี้ ด้วยน้ำตาที่กบไปทั้งสองข้างของดวงตา
เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของทุกวันอังคาร จะไม่มีรายการเรียนปฏิบัติทำอาหาร ซึ่งวันนี้วิชาส่วนใหญ่ก็จะมีคุณรพีพันธ์ และมาธิตาสอนเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่วันนี้เป็นกรณียกเว้น เพราะว่านักเรียนทุกคนจะได้เรียนรู้เรื่องราวมารยาทในโต๊ะอาหาร เริ่มตั้งแต่การจัดโต๊ะในฐานะเชฟ และการกลับหน้าที่บทบาทมาเป็นผู้เรียนรู้เองด้วย วิทยากรวันนี้ก็คือ คุณบุปผาชาติ หัวฝ่ายแม่บ้าน กับลูกน้องอีกหลายคน นอกจากเธอจะมีฝีมือทางจัดตกแต่งดอกไม้ได้สวยงามแล้ว การจัดโต๊ะอาหาร รวมไปถึงการประดับตกแต่งบนโต๊ะก็คล่องแคล่วไปไม่แพ้ใครเช่นกัน และที่พิเศษสุดๆก็คือ ผู้เชี่ยวชาญมือเอก ในสังคม ที่ทุกคนคงปฏิเสธในฝีมือของเธอไม่ได้ นั่นก็คือ หม่อมหลวง รพีพันธ์ นั่นเอง วันนี้ คุณรพี เข้ามาในห้องเรียนพร้อมกับเลขาคู่ใจ คุณสรวงสุดา ที่หล่อนก็ยังคงดูเฉยเมยไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย หรืออาจจะเป็นเพราะการที่ต้องมาโดนบังคับให้แต่งกายเหมือนกับเจ้านายด้วยหรือไม่จึงทำให้หน้าตาของเธอดูบอกบุญไม่รับตลอดเวลา
เพราะวันนี้ คุณรพี ปรากฏกายด้วย เสื้อคอมาลัยที่ตัดมาหลวมกว่ารูปร่างสักเล็กน้อย แต่ก็ยังดูใหญ่กว่าคนปกติทั่วไปอยู่ดี เสื้อที่มีพื้นสีชมพูอ่อนคล้ายสีนมเย็น พิมพ์ลายผ้าเป็นรูปดอกมะลิหลายชนิดดอกเล็กๆ ปะปนกันไป ที่คอมีสร้อยคอทองคำ ยาวทิ้งลงมาถึงกลางอก ตรงกลางมีเครื่องประดับลักษณะคล้ายจี้ มีรูปทรงรูปไข่แต่แบนและบาง เป็นทับทิมฝังเพชร ส่วนด้านล่างก็เป็นแสล็คสีดำธรรมดา แม้ว่าสิตาจะเคยเห็นการแต่งกายแบบนี้ด้วยผู้หญิงเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ดูก็เหมาะกับคุณรพีดี เพราะไม่ว่าจะแต่งอะไร เธอก็ดูมั่นใจไปเสียทุกชุดอยู่แล้ว
เนื่องจากเป็นช่วงเวลาต้นเดือนเมษายน อากาศภายนอกร้อนอบอ้าว ดูจากรูปการณ์แล้วคุณรพีคงจะเพิ่งเดินทางมาจากภายนอก ทำให้คุณรพี ที่แต่เดิมมีพวงแก้มสีชมพู จากผิวพรรณขาวผ่องของเธอ ยิ่งดูเป็นสีแดงเข้มจัด ในเวลานี้ ดูแล้วแทบจะกลัวว่ามันจะปริออกมา เมื่อคุณรพียิ้มกว้างมากตามปกติที่เคย
แต่เครื่องปรับอากาศภายในห้องจัดเลี้ยงที่ถูกกั้นไว้อย่างเหมาะสม ส่งลมเย็นแรงสม่ำสมอ จนทำให้ห้องนี้ดูจะหนาวเกินไปสำหรับสิตา แม้ว่าหล่อนจะแต่งตัวด้วยชุดกุ๊กเต็มยศแล้วก็ตาม
เอาล่ะๆ นักเรียนทั้งหลาย เรากำลังจะเริ่มการเรียนการจัดโต๊ะอาหารต่างๆแบบกัน ที่มีอยู่ในหนังสือจนหมดเล่มกันเลยทีเดียวนะ รวมไปถึงแบบดินเนอร์ ที่สุดท้ายเราทุกคนจะต้องเป็นผู้ที่เข้ารับการทดสอบมารยาทตามที่คุณได้สอนไปแล้ว งานนี้มีคะแนนนะ ดังนั้น ห้ามมั่ว ไม่งั้นจะโดนงัดหลักฐานมาอวดเพื่อนๆให้ได้อายกันนะ แล้วจะหาว่าคุณไม่เตือน!
คุณรพี เคาะแก้วน้ำเบาๆด้วยส้อม เพื่อเรียกความสนใจจากนักเรียนที่มัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับข้าวของในรถเข็นตรงหน้า ก่อนจะประกาศเข้าเรื่องที่ได้อธิบายไปแล้ว
คุณบุปผาชาติเริ่มให้ทุกคนหัดพับผ้าเช็ดปาก (Napkins) เป็นรูปแบบต่างๆที่อยู่ในหนังสือ และอธิบายถึงข้อดีข้อเสียของการพับแต่ละแบบ และแบบไหนเหมาะกับงานประเภทใดบ้าง โดย มีคุณรพีคอยเสริมจากประสบการณ์จริงอีกด้วย
ต่อมา ก็มีการฉายสไลด์ตัวอย่างการจับ สเกิ๊ร์ต(Skirts) หรือการจับผ้าเป็นแบบต่างๆ ในความเป็นจริง เชฟอาจไม่จำเป็นต้องทำเอง แต่ก็ควรรู้เพื่อทำงานร่วมกับฝ่ายบริการ เวลาสั่งงานนั่นเอง หลังจาก คุณบุปผาชาติก็ปล่อยให้ทุกคนได้จับกลุ่มกัน แล้วลองจับสเกิ๊ร์ตดู โดยมีเจ้าหน้าที่ของไทยทัศน์คอยแนะนำช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด ซึ่งทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
จนมาถึงการจัดโต๊ะแบบดินเนอร์ คุณรพี ให้ทุกคนจัดโต๊ะเป็นรูปตัวยู โดยมีโต๊ะของเธอ ตั้งอยู่ตรงกลางให้ทุกคนเห็นทั่วกัน ซึ่งคราวนี้ทุกมีหน้าที่แค่ จัดวาง ช้อนส้อม จามชาม หรือแก้วน้ำชนิดต่างให้ถูกตำแหน่ง ก่อนที่จะปล่อยให้ทุกคนไปพัก และกลับมารวมตัวอีกครั้ง เพื่อเข้าสู่การทดสอบมารยาทบนโต๊ะอาหารตามที่แจ้งไว้
พายุ เดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับตั้งใจเลือกที่นั่งใกล้กับคุณรพีมากที่สุด เพื่อเป็นเชิงท้าทาย ให้คุณรพี สามารถจับผิดตนได้อย่างเต็มที่ แต่ชายหนุ่มร่างอ้วนก็แน่ใจว่าตนเองไม่น่าจะพลาดอะไรจนทำให้คุณรพีจับผิดได้ตามที่ขู่ไว้แน่นอน ดังนั้นจึงทำให้ที่นั่งที่เรียงกันเป็นแถวยาวต่อไปจึงได้แก่ ดีใจ รักษภูมิ หนูนา เปียโน และสิตา และเพื่อนๆนักเรียนคนอื่นๆจนเต็มจำนวนคน
ทันทีที่คุณรพี เข้ามานั่งประจำที่ ไฟในห้องก็ถูกหรี่ลงครึ่งหนึ่ง ก่อนที่ดนตรีคลาสสิคจากซีดี ที่บันทึกการเล่นไวโอลินของจริง ก็ถูกเปิดบรรเลงขึ้น คุณรพี พยักหน้าให้พนักงานเริ่มเสิร์ฟอาหาร เธอเริ่มหันหยิบเครื่องใช้ที่วางตามตำแหน่งต่างๆเพื่อนำไปรับประทานอาหารตรงหน้า
แม้ว่าจะดูตัวใหญ่เทอะทะ แต่เมื่ออยู่บนโต๊ะอาหารแบบเต็มยศ คุณรพี กลับดูคล่องแคล่ว ลื่นไหล ไม่เคอะเขิน ในการเลือกใช้เครื่องใช้ที่เหมาะสม กับอาหารจานนั้นๆ ตั้งแต่ สลัด ขนมปัง ซุป และจานอื่นๆที่ตามกันมาจนถึง อาหารจานหลัก โดยไม่มีการหยุดอธิบายให้เสียจังหวะ ของพนักงานเสิร์ฟเลยแม้แต่น้อย เพราะคุณรพี ได้สั่งให้ทุกคน ไปทำอ่านทำความเข้าใจมาเรียบร้อยนานมากแล้ว จนเมื่อจานของหวานได้ถูกเก็บออกไป ไฟในห้องก็ถูกเร่งขึ้นให้สว่างเท่าเดิม ก่อนที่คุณรพี จะลุกขึ้น เดินยิ้ม ดูนักเรียนไปรอบๆ แล้วบ่นกับทุกคนว่า
อิ้ม อิ่ม อ่ะ ว่ามะ อาหารฝรั่งนี่ไม่ค่อยแซ่บ เหมือนอาหารไทยเราเลยเนอะ เลี่ยนๆไงไม่รู้พิกลว่ามะ? เมื่อว่าทุกคนเริ่มขยับเนื้อขยับตัวได้ หลังจากนั่งรับประทานอาหารมาพักใหญ่ เธอจึงสั่งว่า
สองวันจากนี้ เราจะเรียนชิมไวน์กัน เริ่มด้วยไวน์ขาว ในวันพรุ่งนี้ และไวน์แดงในวันถัดมา ถ้าคออ่อนก็ไม่ควรดื่มเยอะนะ ไม่ต้องเอารถมาด้วย เมาไม่ขับเข้าใจมะ เราจะมาลองดูสิว่า อาหารไทยจานไหน จะเข้ากับไวน์ชนิดไหนได้บ้าง สำหรับผลการทดสอบ พรุ่งนี้ได้รู้แน่ว่า ใครพลาด ใครไม่พลาด หุหุหุ คุณรพีหัวเราะในคอด้วยเสียงเย็นอย่างผู้กำชัยชนะไว้ ก่อนที่จะปล่อยให้กลับบ้านกัน
หลังจากที่คุณรพีออกจากห้องไปแล้ว หนูนาก็บ่นออกมาอย่างเซ็งๆไม่ได้ว่า
คิดถึงเชฟภัทรจัง ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งหลายวัน คิดถึงจะแย่
ใครเขาจะคิดถึงเธอมิทราบ คุณหนูนา? พูดเข้าข้างตัวเองใหญ่เลยนะ ดีใจแซวกลับ ขณะที่ยืนพับผ้ากันเปื้อนให้เรียบร้อย เพื่อนำไปส่งซัก
แหม...พี่ดีใจ หมายถึงว่าหนูนา คิดถึงเชฟเขาต่างหากเล่า ดูสิ เล่นไปออกฟู้ดโปรโมชั่นที่ออสเตรียเป็นอาทิตย์แบบนี้อ่ะ หนูนาแย้งเสียงดังแก้เก้อ หน้าตาแดงก่ำด้วยความเชินอาย
แต่...เปียโนว่าไม่ใครก็ใคร ต้องคิดถึงกันบ้างละน่า จะฝ่ายโน้นหรือฝ่ายนี้... เปียโนตั้งใจปรายตาไปทาง สิตาที่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ยืนพับผ้าพันคออยู่นั่นเอง
ไม่รู้ว่างานนี้จะลงเอยกันยังไงเนอะพี่เนอะ ขณะที่ทุกพากันหัวเราะตามคำแซวของเปียโน มีเพียงแต่สิตาเท่านั้น ที่ยังคงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ตามเดิม
ในวันต่อมา คุณรพี เดินดูห้องที่จัดแบ่งไว้ เป็นสองแถวตอนลึกยาวไปจนสุดห้องด้วยโต๊ะที่มีผ้าคลุมสีขาวลงแป้งไว้เสียเรียบสะอาด อย่างพึงพอใจ แก้วไวน์หลายใบถูกนำมาตั้งไว้โดยพนักงานเสิร์ฟ จนครบตามจำนวนโต๊ะ ก่อนที่นักเรียนจะพากันเข้าเรียนการชิมไวน์
เมื่อนักเรียนพากันนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว โปรเจ็คเตอร์ก็ถูกเปิดขึ้น ภาพบรรยากาศของการทดสอบเมื่อวานถูกฉายเรียงไปเรื่อยๆ ก่อนที่คุณรพีจะใช้ไมค์ลอยที่วางไว้บนโต๊ะส่งเสียงว่า
เอาล่ะ ต่อไปคือการนำเสนอภาพของแต่ละคน ขณะที่กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ เอาละนะ คุณจะเริ่มแล้วล่ะ
ภาพต่างๆในแต่ละอิริยาบถ ถูกฉายไล่เรียงกันไปเรื่อย ตั้งแต่ภาพการหยิบจับภาชนะที่ผิดประเภท หรือการใช้มือเกาศีรษะ แคะอวัยวะส่วนต่างๆ การหาวแล้วไม่ปิดปาก การพูดทั้งๆที่ยังมีอาหารอยู่เต็มปาก ซึ่งล้วนแล้วมาจากตอนที่นักเรียนทุกคนเผลอนั่นเอง
เมื่อการฉายภาพจบลง ยังมีบางคนที่หัวเราะกับภาพหลุดชวนขำของตนเองและเพื่อนๆอยู่ คุณรพี พูดผ่านไมค์อีกครั้งว่า
มีหลายคนที่ยังสับสนไม่รู้ว่าจะใช้เครื่องมือเครื่องใช้ยังไงดี ไม่ต้องกังวลไป นี่ขนาดคุณนั่งเป็นตัวอย่างตรงกลางอยู่ทั้งคน คุณก็ชำเลืองดูแล้วดูอีกว่ามีใครจะแอบดูแล้วทำตามเรามั่ง โห...น้อยมาก มั่นใจในตัวเองสุดๆ แต่ขอโทษ แป่ว! ผิดกันทั้งนั้น ใช้จากนอกไปหาในสิเธอ อ้อ! อีกเรื่อง จะเห็นได้ว่าภาพ ที่จับมาได้มาจากกล้องบนเพดานนั่นเอง คุณอยากจะให้ทุกคนเข้าใจว่า เมื่อใดก็ตามที่เราออกมานั่งอยู่ในโต๊ะในงานเลี้ยง เราจะต้องระมัดระวังตัว สำรวมกริยาตลอดเวลา เพราะว่าเราไม่รู้ว่าแขกหรือใครคนไหนจะแอบมามองเราเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คิดดูสิ ถ้าภาพที่พวกเราดูกันเล่นๆเนี่ย มันถูกตีพิมพ์ลงไปในสื่อสาธารณะ ในกรณีที่เราเป็นเชฟที่มีชื่อเสียง แต่เชฟกลับรับประทานอาหารอย่างถูกต้องไม่ได้ น่าอายไหมล่ะ คิดดูให้ดีนะจ๊ะ
คุณรพี ทิ้งท้ายไว้ให้คิดก่อนก่อนจะประกาศข่าวดีสำหรับนักเรียนว่า
ไม่ใช่ว่าการทดสอบครั้งนี้จะมีแต่การจับผิดอย่างเดียวเท่านั้นนะ แต่รางวัลสำหรับคนทำดีก็มีเช่นกัน นั่นคือรางวัล สุภาพบุรุษ และสุภาพสตรี แห่งมื้อ และของรางวัล นั่นก็คือ หนังสือคู่มือชวนชิม สุดฮ็อตแห่งยุค มีนามว่า สุดโปรดร้านปลื้มกับคุณรพี ๒ พร้อมลายเซ็นนั่นเอง นี่เพิ่งเอามาส่งสดๆร้อนๆเลยนะเนี่ย ยังไม่มีวางแผงหรอกนะ
คุณรพี พูดถึงหนังสือของตนเองด้วยท่าทางเขินอาย ก่อนจะโบกมือสีชมพูอูมๆของตนไปมา เป็นการแก้เขิน แล้วรีบประกาศต่อไปว่า
สำหรับ สุภาพบุรุษแห่งมื้อ ก็คือ นาย รักษภูมิ นั่นเอง แล้วคุณรพีก็ยิงภาพที่ รักษภูมิ กำลัง ลุกขึ้นยืนแล้วเลื่อนเก้าอี้ว่างข้างตัวออกมาให้หนูนานั่งแทน เพราะหนูนาเข้าห้องช้ากว่าคนอื่น ก่อนที่จะเอ่ยชมว่ารักษภูมิมีมารยาทดีสมเป็นสุภาพบุรุษ รู้จักดูแลสุภาพสตรี แม้ว่าสุภาพสตรีท่านนั้นจะมาช้ากว่าตนก็ตาม
ส่วน สุภาพสตรีแห่งมื้อก็คือ... หนูเปียโน จ้า.... คุณรพี ยิงภาพพร้อมบรรยายประกอบไปด้วยว่า
นี่พวกเธอดูแม่เปียโนสิ เห็นมะ ไม่ว่าจะหยิบจะหยิบอะไร ดูแล้วละมุนละม่อมละเมียดละไม ดูดี๊ ดูดี อย่างกับคุณหนู ไม่เสียแรงที่มาจากเมืองแห่งการโรงแรม...
คุณรพี เว้นจังหวะไว้นิดหนึ่งก่อนจะถามหญิงสาววัยรุ่นร่างโปร่งบางอย่างสงสัยว่า
โดยปกติ หนูได้มีโอกาสเข้าร่วมรับประทานอาหารแบบนี้บ่อยแค่ไหน จะว่าเสิร์ฟบ่อยแล้วทำได้ก็ไม่น่าใช่ ของแบบนี้มันต้องใช้บ่อยๆถึงจะคล่อง แสดงว่าที่บ้านหนูออกงานแบบนี้บ่อยเหรอจ๊ะ?
คุณรพี ถามไปเรื่อยอย่างไม่ได้คิดอะไร
แต่ขณะที่ เปียโน กลับไม่รู้จะตอบปัญหาเหล่านี้ให้คุณรพีที่เชี่ยวชาญมารยาททางสังคมเข้าใจได้อย่างไร หล่อนอึกๆอักๆอยู่ครู่ ก่อนจะค่อยตอบเสียงเบาๆว่า
พอดี ที่บ้าน หนู มีงานเลี้ยงกับหุ้นส่วนทางธุรกิจบ่อยๆน่ะคะ คุณรพี คุณรพี ได้ฟังเหตุผลตามนั้นก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร เธอยักไหล่อวบหนาอย่างๆเก๋ไก๋อีกครั้งหนึ่งก่อนจะบอกว่า
ไม่มีอะไรหรอก ดูสิ ทำเป็นตื่นเต้นไปได้ คุณไม่ดุหนูหรอกจ๊ะ แค่อยากจะฝากคำชื่นชมไปถึงคุณพ่อคุณแม่ ว่าท่านเลี้ยงลูกสาวได้อย่างเป็นสุภาพสตรีที่ดีเท่านั้นเอง มามะ มารับ หนังสือไปสิ หายาก ของเค้าดีเทียว อิอิ
เมื่อเดินกลับจากรับหนังสือที่ได้เป็นรางวัลจากคุณรพีแล้ว สิตาก็ยังสังเกตเห็นว่าเปียโนยังคงมีหน้าตาซีดเซียวอยู่ หล่อนคิดเอาว่าเปียโนอาจจะยังประหลาดใจที่คุณรพีเอ่ยชมก็เป็นได้
ทันทีที่เปียโนกลับมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆตามเดิม หญิงสาวจึงนำมือไปวางไว้บนหลังมือเปียโนที่ขณะนี้เย็นเฉียบ พร้อมกับยิ้มเป็นเชิงให้กำลังใจ จนอีกฝ่ายคลายความตื่นเต้นลงแล้วจึงหันมายิ้มกับหล่อนได้เช่นกัน
จากคุณ |
:
Awork
|
เขียนเมื่อ |
:
6 มี.ค. 55 01:24:10
|
|
|
|