เตชิตหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กเดินออกจากห้องลงบันไดมายังพื้นที่ด้านล่างอันแสนเงียบเหงา เพราะเวลานี้ นอกจากเขาก็ไม่มีใครเหลืออยู่แล้ว เนื่องจากพี่สาวต่างบิดาเกลี้ยกล่อมมารดาให้ไปอยู่ด้วยกันจนสำเร็จ และพากันออกไปทำธุระข้างนอก ส่วนบ้านหลังนี้มารดายังไม่แน่ใจว่าจะถูกขายหรือให้เช่า เพราะตัวเขานั้น ชีวิตยังคงต้องผูกติดอยู่กับโมรียาไปจนกว่าจะถึงวันที่ถูกปลดปล่อย
ชายหนุ่มขับรถถึงบ้านอนาวิน และตรงเข้าห้องนอนเดิมของตนที่ชั้นล่าง ซึ่งเขาได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่บ้านหลังใหญ่ไม่ใช่บ้านอีกหลังที่อยู่ถัดไปของบรรดาลูกน้อง และขณะที่กำลังนำเสื้อผ้าใส่ตู้ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ก่อนจะถูกเปิดออกด้วยมือของโจ้ ที่เพียงยื่นหน้าเข้ามาบอก
ลุงไมค์มาแล้วครับ
แล้วคุณจิลล่ะ
ผมกำลังจะขึ้นไปตาม
เตชิตพยักหน้ารับรู้ และเลื่อนปิดตู้ในจังหวะเดียวกันกับที่โจ้ผละเดินขึ้นบันไดไป
อนาวินเดินออกจากห้องนอนของน้องสาวในชุดสูททำงาน และขยับลูกบิดเปิดประตูห้องนอนของตนแผ่วเบาเพื่อสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวจากภายในซึ่งยังคงสงบเงียบเชียบ เนื่องจากหญิงสาวที่เขาอนุญาตให้ครองห้องนี้ยังคงหลับสนิท ร่างสูงก้าวเดินเข้าไปหยุดนิ่งข้างเตียง สองมือซุกลงกระเป๋ากางเกง เพราะขืนไม่ทำเช่นนั้น เขาคงอดใจไม่ไหวที่จะไล้ปลายนิ้วสัมผัสความนุ่มเนียนที่ตามรังควานจิตใจเขาจนไม่เป็นอันหลับอันนอน และยามนี้ ใบหน้าสวยซึ้งกระจ่างชัดท่ามกลางแสงแดดละมุน แม้ร่องรอยบอบช้ำจะยังคงอยู่ที่ซีกแก้ม แต่ก็ไม่สามารถบดบังความเย้ายวนของคนที่กำลังหลับพริ้มได้เลย..และหากเป็นไปได้ เขาอยากยึดครองเธอไว้ให้นอนอย่างนี้ อยู่บนเตียงของเขาทุกค่ำคืน..
โจ้เดินขึ้นมาบนห้อง และเห็นสีหน้าอ่อนโยนของเจ้านายหนุ่มยามทอดมองใบหน้าของผู้ที่กำลังหลับใหลชัดเจน เขาไม่ได้เอ่ยเรียก แต่เคาะกับบานประตูที่เปิดค้างไว้เบาๆ จนชายหนุ่มหันมอง เขาจึงบอก
ลุงไมค์มาครับ
อนาวินจึงหันเดินออกจากห้องและปิดประตูตามหลังแผ่วเบา โดยมีสายตาของคนสนิทยังมองค้าง ก่อนแสร้งอุทานออกมาอย่างเหลือเชื่อเมื่อเห็นราโมน่ากำลังนอนอยู่บนเตียงของเจ้านายหนุ่ม
ว้าว !
อนาวินหันมองรอยยิ้มทะเล้นนั้น ก่อนกระแทกศอกใส่เสียหนึ่งพลั่กให้อีกฝ่ายสะดุ้งโหยงพร้อมหัวเราะครืน เมื่อรู้ว่ากำลังถูกเจ้านายหนุ่มแสดงอาการหวงของใส่
ไมค์และเตชิตกำลังยืนพูดคุยกันกลางห้องโถง ต่างหันมาเมื่อร่างของอนาวินเดินนำคนสนิทตรงเข้ามาหยุดตรงหน้า ผู้ที่อาวุโสมากสุดจึงรายงานออกไป เรารู้ตัวพวกนั้นแล้วครับ..หนึ่งในสามเคยเป็นหัวหน้าคนงาน แต่ถูกไล่ออกเมื่อต้นปีที่แล้ว เพราะถูกจับได้ว่าโกงค่าแรงคนงาน แล้วก็แอบอ้างชื่อบริษัทไปหลอกกินหัวคิวกับผู้รับเหมารายย่อยครับ
อนาวินขมวดคิ้วยุ่ง คนของเราจริงๆเรอะ
อดีตครับ.. ไมค์แก้ให้ และแสดงความคิดเห็นออกมา ดูเหมือนว่ามีคนกำลังสร้างสถานการณ์ให้เราชนกับพวกรัตนากรอย่างจังเลยนะครับ
ชายหนุ่มคิดตาม เพราะหากสำเร็จตามแผนที่พวกมันวางไว้ กระแสข่าวคงแพร่ออกไปอย่างปิดไม่อยู่ ทางชนาธิปคงเป็นเดือดเป็นแค้นมากทีเดียว และถ้าหากคนร้ายถูกจับได้ ฝ่ายเขาก็คงปฏิเสธไม่ได้เต็มปากเต็มคำนัก ว่าคนร้ายไม่ใช่คนของเขา
พวกมันเลือดเย็นมากนะ ที่คิดจะใช้ราโมน่ามาเป็นตัวจุดชนวน อนาวินแค่นเสียงเจ็บแค้นออกมาโดยไม่รู้ตัว พลางห่วงกังวลในความปลอดภัยของหญิงสาวเป็นทวีคูณ เห็นที ผมจะปล่อยราโมน่ากลับไปตอนนี้ไม่ได้เสียแล้วล่ะ
อีกสามคนที่เหลือมองผู้พูดเต็มไปด้วยความกังขา และไมค์รีบแย้งเมื่อพอจะเดาตามความคิดของเจ้านายหนุ่มได้ทัน เราจะเก็บตัวผู้หญิงคนนั้นไว้ไม่ได้นะครับ ถ้าพวกรัตนากรรู้เข้าคงเป็นเรื่องใหญ่แน่ แล้วยังเสี่ยอีกยังไงเสี่ยก็ไม่มีทางยอมให้คุณทำแบบนี้เด็ดขาด
เราจะไม่ให้พวกรัตนากรรู้ แล้วอีกอย่าง ตอนนี้ป๊ายังเจ็บหนักไม่รู้เรื่องอะไร..และผมก็คิดว่าจะเก็บราโมน่าแค่ชั่วระยะเวลาเท่านั้น ให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสร้างความบาดหมางของทั้งสองฝ่ายอีก จากนั้นค่อยปล่อยไป
ไมค์สบสายตาหนักแน่นของอีกฝ่ายที่แสดงชัดว่า ต่อให้เขาชักแม่น้ำสายหลักทั้งประเทศไทยมาหว่านล้อม ชายหนุ่มก็ไม่คิดจะรับฟังเด็ดขาด เพราะคนที่อนาวินจะยอมรับฟังมีเพียงคนเดียวเท่านั้น คือนายใหญ่!
ถ้าคุณจิลคิดว่านั่นคือวิธีที่ดีที่สุด ผมก็คงพูดอะไรไม่ได้..แต่หวังว่า ผู้หญิงคนนั้นจะยอมร่วมมือนะครับ
ผมจะพยายามพูดให้เขาเข้าใจ..ส่วนเรื่องเจ้าสามคนนี่ ลุงสั่งคนของเราให้ควานหาตัวมันให้เจอ ผมอยากรู้ว่าใครเป็นคนสั่งพวกมันทำเรื่องนี้ มันอาจจะเกี่ยวโยงมาถึงพวกที่ลอบถล่มป๊าด้วยก็ได้
ครับ
อนาวินก้มมองนาฬิกาข้อมือ ซึ่งเขาจะต้องออกไปพบลูกค้าในไม่ช้านี้แล้ว งั้นผมจะพูดเรื่องนี้กับราโมน่าเลยก็แล้วกัน พูดจบก็หันเดินขึ้นห้องอีกครั้ง ทิ้งให้ไมค์มองตามด้วยความหนักใจ เพราะดูเหมือนว่าเจ้านายหนุ่มกำลังก่อปัญหาใหญ่ขึ้นอีกระลอก โดยไม่รู้ตัว
ราโมน่าสะดุ้งตื่นกับเสียงเคาะประตูเบาๆ เธอนิ่วหน้ากับอาการปวดระบมเล็กน้อยขณะลุกขึ้นนั่ง ใช้มือเสยปัดเส้นผมที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่เข้าทางก่อนขยับลงจากเตียง แต่บานประตูก็เปิดเสียก่อน ตามด้วยร่างสูงเพรียวสะดุดสายตาในชุดสูททำงานเรียบหรูก้าวเข้ามา
ความจริงพี่ก็อยากให้โม้นานอนพักผ่อนอีกหน่อยนะ..แต่เผอิญเรามีเรื่องสำคัญต้องคุยกันเร่งด่วน ก่อนที่พี่จะออกไปพบลูกค้า
บอกพร้อมกับหันไปลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งตรงหน้าหญิงสาว ซึ่งกำลังตั้งใจฟังในสิ่งที่เขาต้องการพูด หนึ่งในคนร้ายสามคนนั่นเคยทำงานในบริษัทของพี่จริงๆ แต่ถูกไล่ออกไปเป็นปีแล้ว มันจึงไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ที่พวกนั้นจะคิดแก้แทนให้กับเจ้านายที่ไล่ตัวเองออก..โม้นาเห็นด้วยไหม
เอ่อ..ค่ะ
พี่คิดว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับโม้นาน่ะ มีมือที่สามมาสร้างสถานการณ์ให้ลุงของโม้นาเข้าใจฝ่ายพี่ผิด และถ้าพวกมันทำสำเร็จ รับรองว่าสองฝ่ายต้องปะทะกันแน่
หญิงสาวกะพริบตาอย่างไม่อยากเชื่อ ว่าตนเองจะถูกลากเข้ามาพัวพันในการขัดแย้งระหว่างสองตระกูลด้วย
พี่มาคิดดูแล้ว เพื่อความปลอดภัยของโม้นาและเพื่อไม่ให้เรื่องบานปลายมากไปกว่านี้ พี่จะขอให้โม้นาอยู่ที่นี่เงียบๆสักระยะหนึ่งก่อน
ดวงตาสีเขียวใสเบิกค้าง ให้โม้นาอยู่ที่นี่หรือคะ!
ใช่
ไม่นะคะพี่จิล โม้นาจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไง ถ้าเกิดคุณลุงรู้เข้าได้โกรธโม้นาจนควันออกหูแน่..แล้วอีกอย่าง มันก็ไม่จำเป็นด้วย โม้นากลับไปอยู่บ้านคุณลุงก็ปลอดภัยแล้ว
ยังไงพี่ว่า มันก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี เขาแย้งเสียงเข้ม แล้วเรื่องนี้โม้นาก็ไม่ต้องบอกใครทั้งนั้น ขืนบอกไปลุงของโม้นาก็ไม่เชื่อหรอก ว่าไม่ใช่ฝีมือของฝ่ายพี่น่ะ ในเมื่อไอ้คนร้ายนั่นมันก็เคยเป็นคนของพี่..เพราะถ้าหากเป็นพี่ พี่ก็ไม่เชื่อเหมือนกัน
เหมือนกับที่พี่จิลไม่เคยเชื่อ ว่าลุงของโม้นาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบทำร้ายพ่อของพี่ใช่ไหมคะ
ราโมน่ายอกย้อนด้วยความน้อยใจที่ซ่อนอยู่ลึกๆ..คนอื่นจะคิดอย่างไรเธอไม่สนใจเท่าไหร่ แต่กับเขา เธออยากจะให้เขาเชื่อคำพูดของเธอบ้าง เหมือนที่เธอยอมเชื่อคำพูดของเขาจนหมดใจ
อนาวินเถียงไม่ออก เพราะอคติที่มีต่อฝ่ายตรงข้าม มันทำให้เขาคิดเช่นนั้นจริงๆ เพียงแต่ตอนนี้บรรดาลูกน้องของบิดากำลังตามสืบกันเองโดยไม่หวังพึ่งพาตำรวจ และหากรู้แน่ชัดถึงตัวผู้บงการเมื่อไหร่ เขาจะไม่รีรอที่จะเอาคืนพวกมันอย่างสาสม
เรื่องพ่อของพี่ไม่เกี่ยวกัน..ตอนนี้พี่แค่อยากให้โม้นาทำตามที่พี่ขอเท่านั้น มันคงใช้เวลาไม่นานหรอก
แต่โม้นาต้องทำงานนะคะ แล้วถ้าพี่ให้โม้นาอยู่ที่นี่ มีหวังพวกนักข่าวรู้แน่ แล้วคุณลุงก็ต้องรู้ด้วย
ถ้าอย่างนั้นโม้นาก็ต้องหาเรื่องพักงาน โดยไม่ให้คนอื่นสงสัย อนาวินบอกพร้อมก้มมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ ก่อนลุกขึ้นยืน โม้นาคิดไปว่าจะบอกผู้คนยังไง ไม่ให้สงสัยในการหายตัวไปชั่วคราว รวมทั้งลุงของโม้นาด้วย..หรือจะรอพี่กลับมาช่วยคิดก็ได้ คงประมาณช่วงบ่ายๆเย็นๆนั่นล่ะ
โม้นาไม่ยอมอยู่ที่นี่หรอกนะพี่จิล หญิงสาวยืนกรานก่อนที่เขาจะหันเดินออกจากห้อง
ชายหนุ่มถอนใจเฮือก เอ่ยน้ำเสียงเย็นเยือก ถ้าอย่างนั้น พี่จะสั่งขังโม้นา
พี่จิล! หญิงสาวเบิกตาค้าง
อนาวินเดินกลับมาใกล้อีกครั้ง พี่ไม่ได้ล้อเล่นนะ..เพราะมันเป็นหนทางเดียวที่พี่คิดว่าดีที่สุด และปลอดภัยที่สุดสำหรับโม้นาด้วย..ช่วยเข้าใจแล้วก็ทำตามที่พี่ขอร้องหน่อยเถอะนะ ราโมน่า
คนตรงหน้าครุ่นคิดไม่กี่อึดใจก็พยักหน้ายอมรับง่ายดาย..อนาวินหยัดยิ้มอย่างรู้ทัน เมื่อเห็นถึงสายตาขุ่นเคืองแฝงด้วยความดื้อรั้นที่ซุกซ่อนภายในดวงตาสีเขียวน้ำทะเล บ่งบอกว่าไม่มีวันยอมเชื่อฟังอย่างที่รับปากเป็นแน่..และก็เป็นจริงตามคาด เพราะขณะนี้ราโมน่ากำลังคิดว่า..หากคนของเขาเผลอเมื่อไหร่ เธอจะหนีเมื่อนั้น!
หลังจากที่อนาวินออกไปแล้ว ราโมน่าเดินออกจากห้องตรงไปยังระเบียงด้านหน้ามองหาทางหนีทีไล่ ซึ่งรอบตัวบ้านห่างออกไปเห็นแนวกำแพงสูงปกคลุมด้วยไม้เลื่อยเขียวขจีเกาะเต็มกำแพง และหน้าประตูรั้วที่เห็นไกลๆมีป้อมยามซึ่งคาดว่าน่าจะมีคนของเขาคอยเฝ้าดูอยู่ภายในป้อมนั้น และเรียวคิ้วพลางขมวดมุ่น เมื่อก้มมองลงยังพื้นที่ด้านล่างมีชายฉกรรจ์นับสิบชีวิตกระจายอยู่ตามมุมต่างๆใต้ร่มไม้รอบบริเวณ แถมยังมีบรรดาเจ้าสุนัขหน้าโหดวิ่งเล่นไปมาอีกเป็นฝูง
บ้าจริง! นี่เราเข้ามาอยู่ในดงมาเฟียรึไง
หญิงสาวพึมพำอย่างหงุดหงิดระคนหนักใจ เพราะสภาพแวดล้อมภายในบ้านของอนาวินนั้นต่างจากบ้านลุงชัชของเธอลิบลับ ซึ่งถึงแม้ลุงจะมีลูกน้องอยู่ในบ้านแต่ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น และแต่ละคนก็ดูไม่น่ากลัวเหมือนคนเหล่านี้ด้วย..แล้วอย่างนี้เธอจะหาช่องทางหนีได้อย่างไร!
และสายตากวาดไปเห็นรถของเธอจอดอยู่ภายในโรงรถ แสงแห่งความหวังสว่างวาบขึ้นในหัว ถ้าได้ขึ้นรถ โอกาสหนีน่าจะมีนะ ราโมน่า
หญิงสาวปลอบใจตัวเอง พลางหันเดินกลับเข้าภายในหันลงบันไดอย่างระแวงระวัง..และคิดว่าหากเธอหนีไปได้ เธอคงไม่บอกเรื่องนี้ให้ลุงของเธอรู้ตามที่อนาวินขอ เพราะไม่แน่ใจเช่นกันว่า คุณลุงของเธอจะเชื่ออย่างที่เธอหวังให้เชื่อหรือเปล่า และหากไม่เป็นไปตามที่เธอวาดหวัง เรื่องราวอาจจะลุกลามบานปลายให้ความบาดหมางทั้งสองตระกูลยิ่งร้าวลึกลงไปอีก..และเหตูผลที่สำคัญอีกข้อหนึ่งคือ อนาวินนั้นเป็นตัวอันตรายต่อหัวใจของเธอ แค่ทุกวันนี้ หัวใจของเธอก็หวั่นไหวมากเกินพอแล้ว หากขืนเข้าใกล้เขามากกว่านี้ เขาจะนำมหันตภัยร้ายมาสู่หัวใจ โดยที่เธอคงไม่สามารถต้านทานได้เช่นกัน..หลังจากนั้น ชีวิตของเธอคงจมอยู่ในแต่ความทุกข์ตรม ที่ไม่มีวันหลุดพ้นไปชั่วชีวิต
ราโมน่าลงมาถึงโถงชั้นล่าง และขณะที่กำลังหันรีหันขวาง จู่ๆเสียงห้าวทุ้มเอ่ยทัก จะไปไหนครับ ทำให้เธอสะดุ้งโหยงหันขวับไปตามเสียง เห็นชายหนุ่มร่างใหญ่โตคนหนึ่งกำลังทำหน้าเหี้ยมใส่ ให้เธอขวัญผวา ต้องรีบคิดหาข้ออ้างเสียงตะกุกตะกัก
อะเอ่อ..คือ..ฉันหิวน่ะ
งั้นเชิญที่ห้องอาหารเลยครับ
ชายหนุ่มผายมือไปยังห้องอาหารให้หญิงสาวก้าวตรงไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งที่วางสอดเรียงกันหลายตัวใต้โต๊ะอาหารไม้ฝังมุกตัวใหญ่อย่างเป็นระเบียบ ภายในห้องกว้างสะอาดตาซึ่งยังคงการตกแต่งแบบสถาปัตยกรรมโบราณผสมไทย-จีน และเนื่องจากเธอเติบโตมากับสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ เครื่องเรือนเครื่องใช้ทุกอย่างมีสไตล์เข้ากับยุคสมัย แต่จู่ๆได้เข้ามานั่งภายในห้องนี้ ทำให้รู้สึกแปลกๆราวกับหลุดเข้ามาอยู่อีกโลก แต่กลิ่นอายที่ลอยอวลอยู่ภายในห้องนี้กลับชวนให้รู้สึกถึงความอบอุ่นของคำว่า ครอบครัว อย่างแท้จริง
และนั่งรอไม่นาน..หญิงรับใช้ที่ยังอยู่ในวัยสาวรุ่นก็ประคองถาดอาหารเช้ามาให้ ขณะที่สายตาคอยชำเลืองมองแขกของนายหนุ่มด้วยความตื่นตะลึงที่ได้เห็นตัวจริงของดารานางแบบสาวคนดังอย่างใกล้ชิด
เอ่อ..ถ้าต้องการอะไรเพิ่มก็สั่งได้นะคะ เด็กสาวบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่อยู่
ขอบใจจ้ะ ราโมน่ายิ้มให้ ก่อนจะเริ่มหันมาสนใจอาหารตรงหน้า เพราะเธอเองขณะนี้ก็หิวจนไส้กิ่วแล้วเช่นกัน..ขอเติมพลังให้เต็มที่ก่อน เรื่องหนีค่อยว่ากัน!
ต่อค่ะ
จากคุณ |
:
ระรินใจ
|
เขียนเมื่อ |
:
6 มี.ค. 55 21:57:12
|
|
|
|