Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ปีศาจร้ายแสนรัก บทที่1 ติดต่อทีมงาน

เคยลงนิยายเรื่องแรกในชีวิตในที่นี่มาแล้วเมื่อประมาณสี่ ห้า เดือนที่แล้ว  แต่ก็ลงได้ไม่จบเพราะต้องเอาเวลาไปตั้งหน้าตั้งตาทำโปรเจค ท่องหนังสือจนตอนนี้เรียนจบแล้วมีเวลาปั่นนิยายมากขึ้น  เลยเอานิยายเรื่องที่สองมาลง ส่วนเรื่องแรกนั้นเขียนจบแล้วค่ะตอนนี้อยู่ในช่วงตรวจทานขัดเกลา  เตรียมส่งสำนักพิมพ์ค่ะ ไม่รู้จะเข้าตาบรรณาธิการแค่ไหน ยังไงถ้ามีใครสนใจอยากอ่านจะเอามาลงใหม่อีกครั้ง  ตอนนี้ขอลงเรื่องที่สองไปก่อนนะค่ะใครเคยอ่านเรื่องแรกมาแล้วก็อยากให้ดูว่าเรื่องที่สองพัฒนาขึ้นมาไหม
ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามานั่งอ่านค่ะ
~~~~~~~~~~~~~~~~###########~~~~~~~~~~~~~~~~

                                              บทที่1
         

         บ้านหลังใหญ่เงียบสงบทำให้คนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเคาะแป้นคีย์บอร์ดมีสมาธิในการทำงานมากขึ้น   ไม่บ่อยนักที่จะหาเวลาสงบๆในตอนกลางวันมาใช้ทำงานได้อย่างนี้ เพราะบ้านที่ใหญ่โตหลังนี้มักจะมีแขกเข้ามาเยี่ยมเยือนไม่เว้นวัน  จนหญิงสาวชักจะไม่แน่ใจว่าที่นี่คือบ้านหรือโรงน้ำชากันแน่  เพราะแต่ละคนที่เข้ามาในบ้านจะมีเรื่องมาถกเถียงกันได้ตลอด  ทั้งเศรษฐกิจ    การเมือง  สิ่งแวดล้อม  จนบ้านจวนจะกลายเป็นสภาขนาดย่อมเข้าไปทุกวัน ความสงบอยู่กับหญิงสาวได้ไม่นานก็มลายลงพร้อมกับเวลาแห่งการทำงานที่หมดลงเช่นกัน

“อาจี อาจีจ๊า”  

เสียงแจ๋วๆจากหลานชายหญิงทำให้จีรนาต้องตบโต๊ะอย่างเสียอารมณ์

“มาแล้วเหรอไอ้แฝดนรก”  

จีรนาบ่นกับตัวเองอย่างเสียไม่ได้  สายตาภายใต้แว่นหนานั้นบ่งบอกว่าหญิงสาวยินดีกับเวลานี้น้อยแค่ไหน

“กำลังเขียนนิยายอยู่เหรอจี พี่พาหลานๆมากวนรึเปล่าเนี้ย”  

จีรนาฉีกยิ้มให้พี่สะใภ้อยากจะตอบกลับไปว่า  มากเลยล่ะค่ะ   แต่ในความจริงหญิงสาวกลับตอบไปว่า

“ไม่เลยค่ะ   กุนซือ  กูเกิ้ล  อย่าไปเล่นตรงนั้นลูก”    

ตอบนิชาดาเสร็จหญิงสาวก็ต้องหันไปร้องปรามหลานทั้งสองทันทีเพราะตอนนี้  เจ้าตัวป่วนทั้งคู่กำลังไปด้อมๆมองๆอยู่ที่เจ้า “รักดี” คอมพิวเตอร์ตัวเก่งของเธอ

“กุนซือ กับกูเกิ้ล  เขามีการบ้านนะจ๊ะ  ครูให้อ่านหนังสือแล้วไปเล่าให้เพื่อนฟังพี่เห็นว่าจีมีหนังสือเยอะเลยพาหลานๆมาเลือกดู  หนังสือที่บ้านมีแต่พวกนิทานก่อนนอนพวกนี้เขาฟังจนเบื่อแล้วล่ะ  จีไม่ว่าอะไรใช่มั้ยจ๊ะ”

ปากก็ว่าไปอย่างนั้น  แต่เจ้ากลับตัวเดินไปหยิบจับหนังสือเล่มนั้นเล่มนี้ตั้งแต่ยังไม่จบประโยคแรก  จีรนาจึงไม่ได้ตอบคำถามประโยคสุดท้ายเพราะรู้ว่าคนถามไม่ได้เจตนาต้องการคำตอบ

“พี่นิดต้องการหนังสือแบบไหนล่ะค่ะเดี๋ยวจีชวนหาให้ค่ะ”  

“ก็หนังสือ.....พวกนิทานวรรณกรรมเสริมสร้างจิตนาการที่เหมาะกับเด็กๆน่ะจ๊ะ”
 
สายตายังคงสอดส่ายหาหนังสือที่ต้องการในขณะตอบคำถาม

“แล้วหนังสือนิยายในมือนิของ กุนซือกับกูเกิ้ลด้วยรึเปล่าค่ะ”    

หญิงสาวถามกลับอย่างไม่เกรงใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายหยิบหนังสือนิยายสองสามเล่มออกมาจากชั้นวางหนังสือ   จีรนารู้ดีว่าคนคนนี้แหละคือคนจิ๊กหนังสือตัวยง เผลอเมื่อไหร่นิชาดาจะเข้ามาหยิบหนังสือใหม่ไปอ่านโดยไม่ได้บอกกล่าวและแน่นอนหนังสือเล่มนั้นก็จะอันตรธานไปจากชั้นวางหนังสือตลอดกาล

“เอาะ......อ่อ นิยายพวกนี้น่ะเหรอพี่แค่หยิบมาดูเท่านั้นแหละจ๊ะ   ไอ้พวกนิยายรักเพ้อเจ้อพวกนี้เนี้ยพี่ไม่ค่อยอยากให้เด็กๆอ่านเท่าไหร่หรอก”  

นิชาดาวางหนังสือนิยายในมือเข้าชั้นหนังสือตามเดิม  ใจนึกเสียดายนิยามเล่มใหม่ของงนักเขียนคนโปรด   แต่ก็นั่นแหละน้องสาวสามีเธอห่วงหนังสือแค่ไหนใครๆก็รู้  แต่เก่งอย่างไรก็ไม่ชนะนิชาดาหรอกคราวหน้ายังมี  นอนรอดีๆนะจ๊ะเจ้าหนังสือเดี๋ยวแม่จะหาเวลาเหมาะๆมาจิ๊กเจ้าไป  

“อาจี ค่ะ อาจีหนังสือเล่มนี้น่ะ ตอนจบเจ้าชายกับเจ้าหญิงเขาจุ๊บปากกันรึเปล่า”  

กูเกิ้ลหลานสาววัยห้าขวบร้องถามอย่างแก่แดดเกินวัย

“ไม่มีหรอกจ๊ะ เล่มนี้น่ะตอนจบเจ้าชายตายนะแต่เจ้าหญิงก็ไม่ยอมรักใครนางฟ้าเห็นใจก็เลยยอมชุบชีวิตเจ้าชายขึ้นมาอีกครั้งสุดท้ายทั้งคู่ก็ได้อยู่ด้วยกัน”

“อ้าว เจ้าหญิงไม่ยอมมีกิ๊กเลยเหรอเนี้ยโง่จัง งั้นไม่เอาล่ะเล่มนี้ไปหาเล่มอื่นดีกว่า”  

พูดเสร็จเด็กหญิงก็หมุนตัววิ่งไปเลือกหนังสือเล่มใหม่ไม่สนใจจีรนาอีกต่อไป  หญิงสาวรู้สึกหนักใจกับวัยรุ่นไทยในอนาคตเหลือเกิน

“เออ จีพี่ฝากหลานด้วยนะเดี๋ยวพี่จะลงไปหาคุณแม่หน่อย”  

“ค่ะพี่นิด    เอ่อ พี่นิดค่ะหนังสือ.......”    

จีรนาพูดพร้อมกับสายตาที่จับจ้องไปที่ข้างลำตัวของพี่สะใภ้

“อ่อ.....จ๊ะ พี่กำลังจะเอาไปว่างที่ชั้นให้นี่ไง”    
   
นิชาดาเกือบจะทำสำเสร็จแล้วเชียวแต่ก็ไม่รอดสายตาหนวดปลาหมึกอย่างจีรนาไปได้   หญิงสาวแว่นหนาเตอะจ้องมองผู้ต้องสงสัยไม่วางตาจนนิชาดาออกไปจากห้องนั่นแหละจึงโล่งอกเสียได้  

“ปล่อยนะเล่มนี้ของฉัน ฉันเป็นคนเจอก่อน”

 เสียงจากกุนซือแฝดผู้พี่ดังลั่นห้อง

“แต่ฉันอยากได้ก็เล่มนี้เหมือนกัน เอามาให้ฉันนะ”  

“เด็กๆจ๊าอย่าแย่งกันนะ หนังสือมีตั้งเยอะไปดูเล่มอื่นดีกว่านะ”    

จีรนารีบเข้ามาห้ามทัพเพราะรู้ว่าถ้าเกิดศึกขึ้นเมื่อไหร่อาจจะส่งผลต่อสวัสดิภาพของหนังสือเธอได้

“ไม่เอากูเกิ้ลจะเอาเล่มนี้”

“ฉันก็จะเอาเล่มนี้ เธอไปหาเล่มอื่นเอาสิ”    

“เด็กๆอย่าแย่งกันเลยนะเดี๋ยวอาจีหาเล่มอื่นที่สนุกๆให้”    

หญิงสาวพยายามควบคุมสติพูดอย่างที่คิดว่านุ่มนวลที่เท่าที่จะทำได้  เพราะใจห่วงหนังสือในมือเจ้าตัวร้ายอย่างที่สุด

“ปล่อยนะกุนซือฉันจะเอาล่มนี้”

“ตัวนั่นแหละปล่อยฉันก็จะเอาเล่มนี้”    

ไม่มีใครสนใจฟังจีรนาสักนิดการยื้อแย่งยังเกิดขึ้นอย่างดุเดือน   เช่นเดียวกับสภาพหนังสือที่ยับเยินไปตามความรุนแรง   หญิงสาวแทบสติหลุดห้องสมุดส่วนตัวของเธอไม่เคยสงบได้ถ้าเจ้าสองตัวร้ายเข้ามา  และเมื่อเวลานั้นมาถึงจีรนาหลุดการควบคุมระเบิดเสียงใส่เจ้าเด็กผีอย่างนางแม่มดในนิยาย

“ฉันบอกให้พวกแกหยุดได้ยินมั้ย”  

สิ้นเสียงสุดท้ายหนังสือก็ขาดออกเป็นสองท่อน  พร้อมๆกับเด็กทั้งสองที่หยุดการเคลื่อนไหวในฉับพลัน  จีรนาเหมือนกำลังช็อคพูดอะไรไม่ออกได้แต่ยืนนิ่ง

“อุ้ย.....ปวดท้องขึ้นมากะทันหัน   ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”    

พูดจบกุนซือก็รีบวิ่งออกจากห้องไป

“เอ่อ...เล่มที่เจ้าหญิงไม่ยอมมีกิ๊กก็น่าสนใจดีเหมือนกันนะ”
 
กูเกิ้ลค่อยๆเดินไปหยิบหนังสือนิทานแล้ววิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว    ทิ้งจีรนาที่ยืนเป็นรูปปั้นไว้เบื้องหลังไม่ทันที่เด็กทั้งคู่จะก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้ายเสียงกริ๊ดร้องอย่างปีศาจร้ายก็ดังสะเทือนไปทั้งบ้าน  ทุกคนรู้สึกเหมือนแผ่นดินกำลังจะถล่ม


จีรนาก้าวลงมาจากห้องด้วยหน้าตาที่ไม่ต่างไปจากอสูรร้าย   รัศมีอำมหิตแผ่กระจายไปรอบๆตัวเธอจนใครๆต่างพากันหลีกหนี  นิชาดาพาลูกๆขึ้นรถกลับบ้านไปตั้งแต่ยังไม่สิ้นเสียงกริ๊ด   บ้านเงียบขึ้นมาอีกครั้ง   หญิงสาวเดินตรงไปในครัวเปิดตู้เย็นหยิบถาดแตงโมออกมาจิ้มกินอย่างโหยกระหาย  ไม่นานแตงโมถาดใหญ่ก็สิ้นซากไม่เห็นแม้แต่เม็ดสีดำ  ใครๆก็รู้ว่าถ้าจีรนาโกรธขึ้นมาเมื่อไหร่บ้านทั้งบ้านเหมือนโดนไฟบรรลัยกัลป์ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หญิงสาว  แต่ก็แค่เรื่องหนังสือเท่านั้นที่จะทำให้จีรนาเดือดได้ถึงขนาดนี้เรื่องอื่นๆไม่ค่อยทำให้หญิงสาวโมโหได้ง่ายๆ สาวใช้ต่างด้าวผู้มาจากประเทศทางทิศตะวันตกของไทยทำงานอยู่ในครัวตั้งแต่ต้นจึงหลบยัยแม่มดร้ายไม่ทันจำใจต้องยืนมองคนเป็นนายกินแตงโมไปอย่างหวาดหวั่น  

“ยะขิ่น”    

เสียงเรียกทุ้มต่ำชวนเสียวสันหลัง

“คะ......ค่า.....คูจี”  

สาวใช้รับคำละล่ำละลักรีบปอกแตงโมไปเติมให้ในถาดของนายสาว    อีกอย่างที่คนในบ้านจำได้ดีคือ  ถ้าจีรนาโมโหขึ้นมาเมื่อไหร่หญิงสาวจะกินแตงโมอย่างบ้าคลั่งเหมือนจะให้น้ำแตงโมดับความรุ่มร้อนในกายออกไป   ยะขิ่นมองจีรนากินแตงโมอย่างหวาดกลัวไม่นึกอร่อยด้วยเลยสักนิด  
 
“เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะถึงได้สติหลุดขนาดนี้    หรือว่าใครแอบเข้าไปทำอะไรในห้องต้องห้ามอีก”    

กีรติที่เพิ่งกลับจากทำงานไม่ทันเห็นเหตุการณ์ก่อนหน้าแต่ก็พอเดาออก  คนในบ้านมักจะชอบเรียกห้องสมุดส่วนตัวของจีรนาว่าห้องต้องห้ามเพราะเจ้าตัวห่วงเสียยิ่งกว่าอะไร

“ก็ไอ้หลานตัวแสบของพี่กีนั่นแหละทำหนังสือจีขาด   พี่กีรู้มั้ยเล่มนั้นนะจีอ่านตั้งแต่ ป. หนึ่ง ตอนนี้ก็ยังต้องอ่านทุกคืน จีนอนไม่หลับหรอกนะถ้าไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนั้น ต้าย ตาย ตายแน่ยัยจี คราวนี้จะอ่านอะไรก่อนนอนล่ะเนี้ย”

ท่าทางโอดครวญของน้องสาวทำเอาคนเป็นพี่สาวส่ายหน้าอย่างระอา
“จี....อายุเท่าไหร่แล้วเนี้ยถึงยังต้องอ่านนิทานก่อนนอนทุกคืน   ช่างมันเถอะน่า ยังไงๆหนังสือมันก็พังไปแล้ว ไว้ค่อยซ่อมใหม่เอาก็ได้นิ   เลิกทำตัวเป็นเด็กๆได้แล้วเราน่ะ “

กีรติพูดจบก็ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอย่างกระหาย

“โธ่.....พี่กีทำไมไม่ยอมเข้าใจกันบ้างคนเรามันก็ต้องมีติดอะไรกันบ้าง ทีพี่กียังติดหมีเน่าได้เลย ตอนแต่งงานกับพี่ชนไปยังร้องให้เกือบตายตอนที่แม่แอบเอาหมีเน่าไปเผาน่ะ จีจำได้นะไม่ต้องมาทำเป็นสอนคนอื่นเขาหน่อยเลย”

หญิงสาวยอกย้อนอย่างที่คนฟังยากจะเถียงต่อได้

“เออ เก่งจริงยัยปีศาจ เก่งอย่างนี้เตรียมตัวไว้ให้ดีเถอะวันนี้ทานข้าวพร้อมกันทุ่มตรง   เตรียมตัวตอบคำถามกับคุณพ่อด้วยเรื่องทำงานของเราน่ะ”

“อะไรนะพี่กีวันนี้วันอาทิตย์อีกแล้วเหรอเนี้ย   พี่กีๆจ๊า ช่วยน้องคิดหน่อยสิว่าจะบอกคุณพ่อว่าไงดี จียังไม่อยากไปทำงานที่โรงงานนะ จีอยากเป็นนักเขียน จีกำลังเขียนนิยายอยู่”

คนเก่งเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นลูกแมวเชื่องๆเมื่อเอ่ยถึงบิดา

“ช่วยไม่ได้นะ พี่คงจะไปสอนใครเขาไม่ได้หรอก”

พูดจบคนเป็นพี่ก็เดินจากไปรู้สึกสะใจเล็กๆที่เอาคืนน้องสาวได้  แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงดังตามไล่หลังมา

“เออ ใจร้ายไม่รักน้องแล้วใช่มั้ย”

จีรนากัดฟันพูดหลับตาปรี่   ด้วยความที่เป็นน้องสุดท้องหญิงสาวจึงถือสิทธ์พิเศษห้ามใครขัดใจ  แต่มีแค่คนเดียวที่จีรนาไม่ได้สิทธิ์นั่นคือ  คุณ  นิพนธ์  ผู้เป็นบิดา  คุณนิพนธ์  ได้ชื่อว่าเป็นคนเจ้าระเบียบ  เข้มงวด  และเด็ดขาดเป็นที่สุด  ลูกน้องทุกคนต่างพากันแกรงกลัวไม่เว้นแม้แต่คนในบ้านโดยเฉพาะคนที่มีสิทธิพิเศษอย่าง จีรนา


บรรยากาศอาหารค่ำในวันสุดสัปดาห์จะดำเนินไปพร้อมกับความตึงเครียดเสมอ  เมื่อทุกคนต้องร่วมรับประทานอาหารกับ  นาย  นิพนธ์    พัฒนาการกุล    เจ้าของกิจการโรงงานผลิตอาหารสัตว์ที่มีสาขาทั้งในและต่างประเทศ  ซึ่งมีศักดิ์เป็นผู้ให้กำเนิดโดยชอบธรรมและชอบด้วยกฎหมายของนางสาว  จีรนา  พัฒนาการกุล  
อาหารคาวผ่านไปอย่างเงียบเชียบไม่ได้ยินแม้เสียงช้อนกระทบกัน   ของหวานถูกยกมาเสิร์ฟในตอนท้าย  พร้อมกับการเริ่มสนทนาจากหัวหน้าครอบครัว

“คุณสร้อย พรุ่งนี้ช่วยบอกเด็กให้จัดอาหารเวียดนามหน่อยนะ ตอนเย็นผมจะเลี้ยงลูกค้าที่บ้าน”

“ค่ะ หลายคนมั้ยค่ะจะได้เตรียมถูก”

คุณสร้อยสุคนธ์เป็นภรรยาแบบฉบับหญิงไทยโดยแท้  มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในบ้าน

“ประมาณห้าหกคน แล้วก็เตรียมไวน์จากสวิสไว้ให้ด้วย”

จีรนาพ่นลมหายใจยาวเมื่อคำถามแรกไม่เกี่ยวกับตัวเอง

“ชนโรงงานที่นครปฐมเครื่องจักรที่สั่งมาใหม่เป็นไงบ้าง”  

“มีปัญหาเรื่องอัพเดทโปรแกรมนิดหน่อยครับ พรุ่งนี้ช่างจะมาดูให้”

ไพชนเป็นสามีของกีรติมีหน้าที่ใหญ่โตในกิจการของตระกูลภรรยา    
“กี ซับพลายเออร์จากจีนน่ะ ถ้าเขายังหาวัตถุดิบให้เราไม่ได้ก็เปลี่ยนเจ้าใหม่ไป

เลยนะไม่ต้องรอ”

“ค่ะ กีกำลังมองหาที่อื่นอยู่เหมือนกัน”  

กีรติยกผ้าขึ้นเช็ดปากหลังจากพูดจบอย่างอ่อนช้อยต่างจากน้องสาวที่ออกไปทางกระโดกกระเดก ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง จีรนาตักลูกตาลลอยแก้วเข้าปากอย่างจืดชืด   ใจเต้นตึกๆหวั่นว่าคำถามต่อไปอาจจะเป็นเธอ   ไม่เร็วไปว่าความคิดวินาทีแห่งการพิพากษาก็มาถึง

“ยัยจี   เมื่อไหร่แกจะเริ่มทำงานได้สักที”
 
เสียงทุ้มต่ำทำเอาหญิงสาวสะดุ้งโย๊ง

“หนูบอกแล้วไงคะว่าหนูไม่ชอบงานบริหาร หนูอยากเป็นนักเขียนค่ะพ่อ”

จีรนาบอกแกผู้เป็นบิดาชัดเจนทุกถอยดำ

“อยากเป็นนักเขียนแล้วไง ตั้งแต่แกเรียนจบมาสองปีฉันไม่เห็นแกจะมีหนังสือเป็นของตัวเองสักที เอาแต่นั่งๆนอนๆอยู่บ้านเฉยๆงานการก็ไม่ไปช่วยทำ เงินทองน่ะมีมากมันก็หมดได้ ถ้าไม่ทำงานสักวันแกจะอดตาย”

คุณนิพนธ์พูดราบเรียบแต่มันกลับแสบลึกในใจหญิงสาว

“หนูไม่ได้อยู่บ้านเฉยๆนะค่ะพ่อ หนูเขียนหนังสือ หนูบอกพ่อแล้วไงค่ะว่าหนูขอเวลาพิสูจน์ตัวเองหน่อยขอให้หนังสือหนูออกเล่มก่อนแล้วหนูจะยอมทำตามที่พ่อต้องการ”

หญิงสาวพูดอย่างมั่นใจและมุ่งมั่น  ไม่ค่อยมีใครกล้าทำอย่างนี้ต่อหน้าคุณนิพนธ์เท่าไหร่

“ฉันให้เวลาแกมาสองปีแล้วนะ มันนานพอแล้ว เลิกเขียนนิยายบ้าๆของแกแล้วมาช่วยงานที่บริษัท ฉันทนกับแกมามากพอแล้ว”

“ไม่ค่ะ หนูจะยังไม่ไปทำงานจนกว่าหนูจะมีงานเขียนตีพิมพ์”

ในความห่างเหินจีรนาดื้อดึงเหมือนคุณนิพนธ์ผู้เป็นพ่อไม่มีผิด

“นี่ยัยจีเมื่อไหร่แกจะเลิกเอาแต่ใจตัวเองสักที มีแต่คนตามใจค่อยให้ท้ายจนชินล่ะสิถึงเป็นได้ขนาดนี้”

ทุกคนนั่งเงียบไม่มีใครกล้าโต้เถียงแม้ว่าสิ่งที่คุณนิพนธ์พูดจะไม่เป็นความจริงก็ตาม

“ไม่มีใครให้ท้ายหนูหรอกค่ะพ่อ หนูอยากทำหนูก็ทำหนูอยากพูดหนูก็พูด หนูมีสิทธิ์ไม่ใช่เหรอค่ะ”

หญิงสาวท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว

“ฉันชักจะเหลืออดกับแกแล้วนะ เอาล่ะ สิ้นปีนี้ถ้าแกยังไม่มีหนังสือออกตีพิมพ์ฉันจะส่งแกไปดูแลโรงงานผลิตอาหารหมูที่เวียดนาม นี่คือโอกาสสุดท้ายของแก”

“แต่คุณพ่อค่ะ คุณพ่อ”

คำพูดเด็ดขาดไม่ต่างจากสั่งงานลูกน้อง  คุณนิพนธ์พูดจบก็ลุกจากโต๊ะทันทีไม่สนใจฟังคำอุทธรณ์จากลูกสาวคนเล็กสักนิด   จีรนามองหน้าทุกคนในโต๊ะ  และแน่นอนสายตาที่ได้รับกลับมาคือเห็นใจแต่มาสามารถช่วยอะไรได้

“แม่ค่ะ ช่วยพูดกับคุณพ่อให้หนูหน่อยสิ”

“แม่ว่าเราควรจะรีบไปเขียนนิยายนะถ้าเราไม่อยากไปเวียดนาม เวลาสิบเดือนน่ะมันเร็วมากนะ “

พูดจบคุณสร้อยสุคนธ์ก็ลุกตามสามีไป

“พี่กี.....”

“พิสูจน์ตัวเองให้ได้ไอ้น้องรัก”

เท่านั้นสิ่งที่ช่วยได้สำหรับกีรติ

“พี่ชนช่วยจีหน่อยสิ”

“พี่ก็ยังเอาตัวเองไม่รอดเลย”

ไพชนว่าพรางทำหน้าเจื่อนๆ  จีรนาถอนหายใจยาวแรง  หนทางไปสู่ความฝันนั่นไม่ง่ายก็พอเข้าใจ แค่ต้องต่อสู้กับสำนักพิมพ์และนักเขียนอีกนับร้อยก็ยากพอแล้ว  แต่นี่ต้องต่อสู้กับความเผด็จการของพ่อบังเกิดเกล้าอีกทางยิ่งยากเข้าไปอีกสำหรับเส้นทางนักเขียนของหญิงสาว


เด็กน้อยหญิงชายกำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานในสนามหน้าบ้าน  ตรงมุมสนามใต้ต้นมะม่วง  หนุ่มใหญ่ในชุดกางเกงสแล็คสีดำเสื้อเชิ้ตสีฟ้าปล่อยชายกระดุมถูกปลดออกสองสามเม็ดเผื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อย่างสบายอารมณ์   เสียงเด็กๆหยอกล้อกันเจี๊ยวจ๊าวแต่ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความรำคาญแก่คนเป็นพ่อได้   รถญี่ปุ่นสีควันบุหรี่เลี้ยวผ่านประตูบ้านเข้ามาจอดตรงหน้าสนามแทนที่จะจอดในที่จอดรถ  หญิงสาวที่ก้าวลงมาจากรถสวมกระโปรงผ้าฝ้ายยาวคร่อมเข่ากับเสื้อยืดสีขาว  ผมตรงยาวประบ่าใบหน้าขาวใสไร้เครื่องประทินสวมแว่นสายตาหนาเตอะ  

“กูเกิ้ล หลบเร็วเจ้าปีศาจบุกบ้านเราแล้ว”

สิ้นเสียงเด็กทั้งสองก็วิ่งหายไปทางหลังบ้าน  ปล่อยให้ผู้เป็นพ่อรับหน้าที่ต้อนรับปีศาจร้ายเพียงคนเดียว

“สวัสดีค่ะพี่พี”

จีรนากล่าวทักทายพี่ชายพร้อมทั้งยกมือพนมไหว้อย่างรีบร้อน

“อ้าว.....ยัยจีมีอะไรถึงมาหาพี่ได้เนี้ย”

พีรพลออกจะแปลกใจอยู่มากเมื่อเห็นว่าน้องสาวคนสุดท้องมาหาตัวเองถึงที่บ้าน  เพราะรู้ดีว่าจีรนามักจะชอบเก็บตัวอยู่บ้านใช่เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือและเขียนนิยาย

“พี่พีช่วยจีด้วยนะ”

โดยไม่ต้องอารัมภบทหญิงสาวก็พูดถึงจุดประสงค์ในการมาทันที

“มีเรื่องอะไรอีกล่ะ คิดแล้วเชียวไม่มีเรื่องไม่มาหาง่ายๆแน่”

“โธ่....พี่พีอย่าเพิ่งต่อว่ากันสิ จีกำลังเครียดมากเลยนะ”

“โอเค มีเรื่องอะไรว่ามา”

สีหน้าและน้ำเสียงของน้องสาวทำให้พีรพลจริงจังในการพูดคุยมากขึ้น

“ก็คุณพ่อนะสิพี่พี จะส่งจีไปดูแลโรงงานผลิตอาหารหมูที่เวียดนามจีไม่อยากไปอะ พี่พีช่วยจีหน่อยสินะ”

ท้ายประโยคหญิงสาวยานเสียงระห้อยอย่างอ้อนวอน

“แล้วทำไมไม่บอกคุณพ่อไปตามตรงล่ะว่าจีไม่อยากไป”

“บอกแล้วแต่คุณพ่อไม่ยอมฟังอะไรเลย จีไม่รู้จะทำยังไงแล้วเนี่ย”

“แล้วคุณพ่อจะให้ไปเมื่อไหร่”

“สิ้นปีนี้ ถ้าจียังพิสูจน์ตัวเองในการเป็นนักเขียนไม่ได้”

จบประโยคเสียงหัวเราะทุ้มนุ่มก็ดังขึ้นอีกทำให้จีรนานึกฉุนมากขึ้น

“โธ่...พี่พีมันไม่ตลกเลยนะ จีอยากเป็นนักเขียน จีไม่อยากทำงานบริหารจีไม่ชอบ ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจจีบ้างเลย เป็นนักเขียนไม่ได้เป็นกันได้ง่ายๆนะ มันเป็นความฝันของจีเลย”

คำพูดที่เริ่มสั่นเครือของน้องสาวทำให้พีรพลหยุดหัวเราะทันที  คนเป็นพี่ชายรู้ดีว่าน้องสาวใฝ่ฝันกับอาชีพนี้มากแค่ไหน แต่ก็เหมือนฟ้าแกล้งงานเขียนของจีรนาไม่เคยผ่านสำนักพิมพ์สักที  ทั้งๆที่หญิงสาวทุ่มเทและตั้งใจในการสร้างสรรค์งานแต่ละชิ้นเป็นอย่างมาก

“พี่เข้าใจเรานะ แต่เราจะให้พี่ช่วยยังไง พี่ก็ต้องดูแลโรงงานที่สมุทรปราการ ชนก็ต้องดูแลโรงงานที่นครปฐม จะให้กีไปเหรอแล้วใครจะดูแลสำงานใหญ่ ตอนนี้คุณพ่อก็กำลังจะขยายกิจการไปที่เวียดนามก็มีแต่จีเท่านั้นแหละที่ต้องดูแลงานนี้ จีก็ต้องเข้าใจคุณพ่อเหมือนกันนะ”

พีรพลมีความเป็นพี่ชายอยู่ในตัวเองสูง  เขาอ่อนโยนขี้เล่น  และมีเหตุผลเสมอต่างกันเกือบจะสิ้นเชิงกับนิพนธ์ผู้เป็นพ่อ  ส่วนกีรตินั้นบางครั้งก็เอาแต่ห้ามและขัดใจจนจีรนารู้สึกอึดอัด  หญิงสาวจึงเลือกที่จะมาหาพี่ชายมากกว่าแม้ว่าจะไม่ค่อยถูกชะตากับนิชาดาพี่สะใภ้เท่าไหร่ แต่ถ้าตัดเรื่องที่นิชาดาชอบจิ๊กหนังสือเธอออกไปล่ะก็ พี่สะใภ้คนนี้ก็มีส่วนดีอยู่มากเหมือนกัน

“แต่จีไม่อยากไป จีอยากเป็นนักเขียนมากๆเลยนะพี่พี”

“ถ้าอย่างนั้นจีก็เป็นนักเขียนให้ได้สิ ไม่มีใครเขากีดกันเรื่องนี้เลยนะ แต่ที่เขากลัวเนี่ยก็เพราะว่าจีไม่เคยมีผลงานออกมาให้เขาเห็นเลย แล้วอย่างนี้เขาจะให้เชื่อได้ยังไงล่ะว่าจีอยากเป็นนักเขียนจริงๆหรือเป็นแค่ข้ออ้างไม่อยากทำงานกันแน่”

คำพูดของพีรพลเจือไปด้วยความรักความหวังดีจนคนเป็นน้องสาวสัมผัสได้ชัดเจน

“ไม่ใช่ว่าจีไม่พยายามนะพี่พี ทุกวันนี้จีก็เขียนหนังสือทุกวัน แต่ส่งไปสำนักพิมพ์ไหนก็ลงตะกร้าทุกที่”

“พี่ไม่รู้หรอกนะว่าการเป็นนักเขียนเขาต้องทำกันยังไง แต่พี่รู้อย่างเดียวว่า ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเสร็จก็อยู่ที่นั่น พี่ว่าจีเอาเวลาที่เหลือไปทำให้งานเขียนของจีผ่านสำนักพิมพ์ ดีกว่ามานั่งคิดว่าจะทำยังไงให้คุณพ่อเลิกความคิดที่จะส่งจีไปเวียดนามดีกว่านะ   เพราะอย่างหลังน่ะยากกว่ากันเยอะเลย และก็ไม่สนุกด้วย”

จีรนามองหน้าพี่ชายอย่างหมดหนทางอื่น  ใช่อย่างที่พีรพลบอกการเป็นนักเขียนนั่นไม่ง่ายแต่การเปลี่ยนความคิดของผู้เป็นพ่อยากกว่ามาก  
~~~~~~~~~~~~~~~~###########~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

ยินดรับคำติชมทุกรูปแบบค่ะ  และขอบพระคุณทุกท่านมากที่สละเวลามาให้กำลังนักเขียนมือใหม่

แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 55 02:05:57

จากคุณ : idakok
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 00:01:58




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com