เคยลงนิยายเรื่องแรกในชีวิตในที่นี่มาแล้วเมื่อประมาณสี่ ห้า เดือนที่แล้ว แต่ก็ลงได้ไม่จบเพราะต้องเอาเวลาไปตั้งหน้าตั้งตาทำโปรเจค ท่องหนังสือจนตอนนี้เรียนจบแล้วมีเวลาปั่นนิยายมากขึ้น เลยเอานิยายเรื่องที่สองมาลง ส่วนเรื่องแรกนั้นเขียนจบแล้วค่ะตอนนี้อยู่ในช่วงตรวจทานขัดเกลา เตรียมส่งสำนักพิมพ์ค่ะ ไม่รู้จะเข้าตาบรรณาธิการแค่ไหน ยังไงถ้ามีใครสนใจอยากอ่านจะเอามาลงใหม่อีกครั้ง ตอนนี้ขอลงเรื่องที่สองไปก่อนนะค่ะใครเคยอ่านเรื่องแรกมาแล้วก็อยากให้ดูว่าเรื่องที่สองพัฒนาขึ้นมาไหม ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามานั่งอ่านค่ะ ~~~~~~~~~~~~~~~~###########~~~~~~~~~~~~~~~~
บทที่1
บ้านหลังใหญ่เงียบสงบทำให้คนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเคาะแป้นคีย์บอร์ดมีสมาธิในการทำงานมากขึ้น ไม่บ่อยนักที่จะหาเวลาสงบๆในตอนกลางวันมาใช้ทำงานได้อย่างนี้ เพราะบ้านที่ใหญ่โตหลังนี้มักจะมีแขกเข้ามาเยี่ยมเยือนไม่เว้นวัน จนหญิงสาวชักจะไม่แน่ใจว่าที่นี่คือบ้านหรือโรงน้ำชากันแน่ เพราะแต่ละคนที่เข้ามาในบ้านจะมีเรื่องมาถกเถียงกันได้ตลอด ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สิ่งแวดล้อม จนบ้านจวนจะกลายเป็นสภาขนาดย่อมเข้าไปทุกวัน ความสงบอยู่กับหญิงสาวได้ไม่นานก็มลายลงพร้อมกับเวลาแห่งการทำงานที่หมดลงเช่นกัน
อาจี อาจีจ๊า
เสียงแจ๋วๆจากหลานชายหญิงทำให้จีรนาต้องตบโต๊ะอย่างเสียอารมณ์
มาแล้วเหรอไอ้แฝดนรก
จีรนาบ่นกับตัวเองอย่างเสียไม่ได้ สายตาภายใต้แว่นหนานั้นบ่งบอกว่าหญิงสาวยินดีกับเวลานี้น้อยแค่ไหน
กำลังเขียนนิยายอยู่เหรอจี พี่พาหลานๆมากวนรึเปล่าเนี้ย จีรนาฉีกยิ้มให้พี่สะใภ้อยากจะตอบกลับไปว่า มากเลยล่ะค่ะ แต่ในความจริงหญิงสาวกลับตอบไปว่า
ไม่เลยค่ะ กุนซือ กูเกิ้ล อย่าไปเล่นตรงนั้นลูก
ตอบนิชาดาเสร็จหญิงสาวก็ต้องหันไปร้องปรามหลานทั้งสองทันทีเพราะตอนนี้ เจ้าตัวป่วนทั้งคู่กำลังไปด้อมๆมองๆอยู่ที่เจ้า รักดี คอมพิวเตอร์ตัวเก่งของเธอ
กุนซือ กับกูเกิ้ล เขามีการบ้านนะจ๊ะ ครูให้อ่านหนังสือแล้วไปเล่าให้เพื่อนฟังพี่เห็นว่าจีมีหนังสือเยอะเลยพาหลานๆมาเลือกดู หนังสือที่บ้านมีแต่พวกนิทานก่อนนอนพวกนี้เขาฟังจนเบื่อแล้วล่ะ จีไม่ว่าอะไรใช่มั้ยจ๊ะ
ปากก็ว่าไปอย่างนั้น แต่เจ้ากลับตัวเดินไปหยิบจับหนังสือเล่มนั้นเล่มนี้ตั้งแต่ยังไม่จบประโยคแรก จีรนาจึงไม่ได้ตอบคำถามประโยคสุดท้ายเพราะรู้ว่าคนถามไม่ได้เจตนาต้องการคำตอบ
พี่นิดต้องการหนังสือแบบไหนล่ะค่ะเดี๋ยวจีชวนหาให้ค่ะ
ก็หนังสือ.....พวกนิทานวรรณกรรมเสริมสร้างจิตนาการที่เหมาะกับเด็กๆน่ะจ๊ะ สายตายังคงสอดส่ายหาหนังสือที่ต้องการในขณะตอบคำถาม
แล้วหนังสือนิยายในมือนิของ กุนซือกับกูเกิ้ลด้วยรึเปล่าค่ะ
หญิงสาวถามกลับอย่างไม่เกรงใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายหยิบหนังสือนิยายสองสามเล่มออกมาจากชั้นวางหนังสือ จีรนารู้ดีว่าคนคนนี้แหละคือคนจิ๊กหนังสือตัวยง เผลอเมื่อไหร่นิชาดาจะเข้ามาหยิบหนังสือใหม่ไปอ่านโดยไม่ได้บอกกล่าวและแน่นอนหนังสือเล่มนั้นก็จะอันตรธานไปจากชั้นวางหนังสือตลอดกาล
เอาะ......อ่อ นิยายพวกนี้น่ะเหรอพี่แค่หยิบมาดูเท่านั้นแหละจ๊ะ ไอ้พวกนิยายรักเพ้อเจ้อพวกนี้เนี้ยพี่ไม่ค่อยอยากให้เด็กๆอ่านเท่าไหร่หรอก
นิชาดาวางหนังสือนิยายในมือเข้าชั้นหนังสือตามเดิม ใจนึกเสียดายนิยามเล่มใหม่ของงนักเขียนคนโปรด แต่ก็นั่นแหละน้องสาวสามีเธอห่วงหนังสือแค่ไหนใครๆก็รู้ แต่เก่งอย่างไรก็ไม่ชนะนิชาดาหรอกคราวหน้ายังมี นอนรอดีๆนะจ๊ะเจ้าหนังสือเดี๋ยวแม่จะหาเวลาเหมาะๆมาจิ๊กเจ้าไป
อาจี ค่ะ อาจีหนังสือเล่มนี้น่ะ ตอนจบเจ้าชายกับเจ้าหญิงเขาจุ๊บปากกันรึเปล่า
กูเกิ้ลหลานสาววัยห้าขวบร้องถามอย่างแก่แดดเกินวัย
ไม่มีหรอกจ๊ะ เล่มนี้น่ะตอนจบเจ้าชายตายนะแต่เจ้าหญิงก็ไม่ยอมรักใครนางฟ้าเห็นใจก็เลยยอมชุบชีวิตเจ้าชายขึ้นมาอีกครั้งสุดท้ายทั้งคู่ก็ได้อยู่ด้วยกัน
อ้าว เจ้าหญิงไม่ยอมมีกิ๊กเลยเหรอเนี้ยโง่จัง งั้นไม่เอาล่ะเล่มนี้ไปหาเล่มอื่นดีกว่า
พูดเสร็จเด็กหญิงก็หมุนตัววิ่งไปเลือกหนังสือเล่มใหม่ไม่สนใจจีรนาอีกต่อไป หญิงสาวรู้สึกหนักใจกับวัยรุ่นไทยในอนาคตเหลือเกิน
เออ จีพี่ฝากหลานด้วยนะเดี๋ยวพี่จะลงไปหาคุณแม่หน่อย
ค่ะพี่นิด เอ่อ พี่นิดค่ะหนังสือ.......
จีรนาพูดพร้อมกับสายตาที่จับจ้องไปที่ข้างลำตัวของพี่สะใภ้
อ่อ.....จ๊ะ พี่กำลังจะเอาไปว่างที่ชั้นให้นี่ไง นิชาดาเกือบจะทำสำเสร็จแล้วเชียวแต่ก็ไม่รอดสายตาหนวดปลาหมึกอย่างจีรนาไปได้ หญิงสาวแว่นหนาเตอะจ้องมองผู้ต้องสงสัยไม่วางตาจนนิชาดาออกไปจากห้องนั่นแหละจึงโล่งอกเสียได้
ปล่อยนะเล่มนี้ของฉัน ฉันเป็นคนเจอก่อน
เสียงจากกุนซือแฝดผู้พี่ดังลั่นห้อง
แต่ฉันอยากได้ก็เล่มนี้เหมือนกัน เอามาให้ฉันนะ
เด็กๆจ๊าอย่าแย่งกันนะ หนังสือมีตั้งเยอะไปดูเล่มอื่นดีกว่านะ
จีรนารีบเข้ามาห้ามทัพเพราะรู้ว่าถ้าเกิดศึกขึ้นเมื่อไหร่อาจจะส่งผลต่อสวัสดิภาพของหนังสือเธอได้
ไม่เอากูเกิ้ลจะเอาเล่มนี้
ฉันก็จะเอาเล่มนี้ เธอไปหาเล่มอื่นเอาสิ
เด็กๆอย่าแย่งกันเลยนะเดี๋ยวอาจีหาเล่มอื่นที่สนุกๆให้
หญิงสาวพยายามควบคุมสติพูดอย่างที่คิดว่านุ่มนวลที่เท่าที่จะทำได้ เพราะใจห่วงหนังสือในมือเจ้าตัวร้ายอย่างที่สุด
ปล่อยนะกุนซือฉันจะเอาล่มนี้
ตัวนั่นแหละปล่อยฉันก็จะเอาเล่มนี้
ไม่มีใครสนใจฟังจีรนาสักนิดการยื้อแย่งยังเกิดขึ้นอย่างดุเดือน เช่นเดียวกับสภาพหนังสือที่ยับเยินไปตามความรุนแรง หญิงสาวแทบสติหลุดห้องสมุดส่วนตัวของเธอไม่เคยสงบได้ถ้าเจ้าสองตัวร้ายเข้ามา และเมื่อเวลานั้นมาถึงจีรนาหลุดการควบคุมระเบิดเสียงใส่เจ้าเด็กผีอย่างนางแม่มดในนิยาย
ฉันบอกให้พวกแกหยุดได้ยินมั้ย
สิ้นเสียงสุดท้ายหนังสือก็ขาดออกเป็นสองท่อน พร้อมๆกับเด็กทั้งสองที่หยุดการเคลื่อนไหวในฉับพลัน จีรนาเหมือนกำลังช็อคพูดอะไรไม่ออกได้แต่ยืนนิ่ง
อุ้ย.....ปวดท้องขึ้นมากะทันหัน ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ
พูดจบกุนซือก็รีบวิ่งออกจากห้องไป
เอ่อ...เล่มที่เจ้าหญิงไม่ยอมมีกิ๊กก็น่าสนใจดีเหมือนกันนะ กูเกิ้ลค่อยๆเดินไปหยิบหนังสือนิทานแล้ววิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งจีรนาที่ยืนเป็นรูปปั้นไว้เบื้องหลังไม่ทันที่เด็กทั้งคู่จะก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้ายเสียงกริ๊ดร้องอย่างปีศาจร้ายก็ดังสะเทือนไปทั้งบ้าน ทุกคนรู้สึกเหมือนแผ่นดินกำลังจะถล่ม
จีรนาก้าวลงมาจากห้องด้วยหน้าตาที่ไม่ต่างไปจากอสูรร้าย รัศมีอำมหิตแผ่กระจายไปรอบๆตัวเธอจนใครๆต่างพากันหลีกหนี นิชาดาพาลูกๆขึ้นรถกลับบ้านไปตั้งแต่ยังไม่สิ้นเสียงกริ๊ด บ้านเงียบขึ้นมาอีกครั้ง หญิงสาวเดินตรงไปในครัวเปิดตู้เย็นหยิบถาดแตงโมออกมาจิ้มกินอย่างโหยกระหาย ไม่นานแตงโมถาดใหญ่ก็สิ้นซากไม่เห็นแม้แต่เม็ดสีดำ ใครๆก็รู้ว่าถ้าจีรนาโกรธขึ้นมาเมื่อไหร่บ้านทั้งบ้านเหมือนโดนไฟบรรลัยกัลป์ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หญิงสาว แต่ก็แค่เรื่องหนังสือเท่านั้นที่จะทำให้จีรนาเดือดได้ถึงขนาดนี้เรื่องอื่นๆไม่ค่อยทำให้หญิงสาวโมโหได้ง่ายๆ สาวใช้ต่างด้าวผู้มาจากประเทศทางทิศตะวันตกของไทยทำงานอยู่ในครัวตั้งแต่ต้นจึงหลบยัยแม่มดร้ายไม่ทันจำใจต้องยืนมองคนเป็นนายกินแตงโมไปอย่างหวาดหวั่น
ยะขิ่น
เสียงเรียกทุ้มต่ำชวนเสียวสันหลัง
คะ......ค่า.....คูจี
สาวใช้รับคำละล่ำละลักรีบปอกแตงโมไปเติมให้ในถาดของนายสาว อีกอย่างที่คนในบ้านจำได้ดีคือ ถ้าจีรนาโมโหขึ้นมาเมื่อไหร่หญิงสาวจะกินแตงโมอย่างบ้าคลั่งเหมือนจะให้น้ำแตงโมดับความรุ่มร้อนในกายออกไป ยะขิ่นมองจีรนากินแตงโมอย่างหวาดกลัวไม่นึกอร่อยด้วยเลยสักนิด เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะถึงได้สติหลุดขนาดนี้ หรือว่าใครแอบเข้าไปทำอะไรในห้องต้องห้ามอีก
กีรติที่เพิ่งกลับจากทำงานไม่ทันเห็นเหตุการณ์ก่อนหน้าแต่ก็พอเดาออก คนในบ้านมักจะชอบเรียกห้องสมุดส่วนตัวของจีรนาว่าห้องต้องห้ามเพราะเจ้าตัวห่วงเสียยิ่งกว่าอะไร
ก็ไอ้หลานตัวแสบของพี่กีนั่นแหละทำหนังสือจีขาด พี่กีรู้มั้ยเล่มนั้นนะจีอ่านตั้งแต่ ป. หนึ่ง ตอนนี้ก็ยังต้องอ่านทุกคืน จีนอนไม่หลับหรอกนะถ้าไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนั้น ต้าย ตาย ตายแน่ยัยจี คราวนี้จะอ่านอะไรก่อนนอนล่ะเนี้ย
ท่าทางโอดครวญของน้องสาวทำเอาคนเป็นพี่สาวส่ายหน้าอย่างระอา จี....อายุเท่าไหร่แล้วเนี้ยถึงยังต้องอ่านนิทานก่อนนอนทุกคืน ช่างมันเถอะน่า ยังไงๆหนังสือมันก็พังไปแล้ว ไว้ค่อยซ่อมใหม่เอาก็ได้นิ เลิกทำตัวเป็นเด็กๆได้แล้วเราน่ะ
กีรติพูดจบก็ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอย่างกระหาย
โธ่.....พี่กีทำไมไม่ยอมเข้าใจกันบ้างคนเรามันก็ต้องมีติดอะไรกันบ้าง ทีพี่กียังติดหมีเน่าได้เลย ตอนแต่งงานกับพี่ชนไปยังร้องให้เกือบตายตอนที่แม่แอบเอาหมีเน่าไปเผาน่ะ จีจำได้นะไม่ต้องมาทำเป็นสอนคนอื่นเขาหน่อยเลย
หญิงสาวยอกย้อนอย่างที่คนฟังยากจะเถียงต่อได้
เออ เก่งจริงยัยปีศาจ เก่งอย่างนี้เตรียมตัวไว้ให้ดีเถอะวันนี้ทานข้าวพร้อมกันทุ่มตรง เตรียมตัวตอบคำถามกับคุณพ่อด้วยเรื่องทำงานของเราน่ะ
อะไรนะพี่กีวันนี้วันอาทิตย์อีกแล้วเหรอเนี้ย พี่กีๆจ๊า ช่วยน้องคิดหน่อยสิว่าจะบอกคุณพ่อว่าไงดี จียังไม่อยากไปทำงานที่โรงงานนะ จีอยากเป็นนักเขียน จีกำลังเขียนนิยายอยู่
คนเก่งเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นลูกแมวเชื่องๆเมื่อเอ่ยถึงบิดา
ช่วยไม่ได้นะ พี่คงจะไปสอนใครเขาไม่ได้หรอก
พูดจบคนเป็นพี่ก็เดินจากไปรู้สึกสะใจเล็กๆที่เอาคืนน้องสาวได้ แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงดังตามไล่หลังมา
เออ ใจร้ายไม่รักน้องแล้วใช่มั้ย
จีรนากัดฟันพูดหลับตาปรี่ ด้วยความที่เป็นน้องสุดท้องหญิงสาวจึงถือสิทธ์พิเศษห้ามใครขัดใจ แต่มีแค่คนเดียวที่จีรนาไม่ได้สิทธิ์นั่นคือ คุณ นิพนธ์ ผู้เป็นบิดา คุณนิพนธ์ ได้ชื่อว่าเป็นคนเจ้าระเบียบ เข้มงวด และเด็ดขาดเป็นที่สุด ลูกน้องทุกคนต่างพากันแกรงกลัวไม่เว้นแม้แต่คนในบ้านโดยเฉพาะคนที่มีสิทธิพิเศษอย่าง จีรนา
บรรยากาศอาหารค่ำในวันสุดสัปดาห์จะดำเนินไปพร้อมกับความตึงเครียดเสมอ เมื่อทุกคนต้องร่วมรับประทานอาหารกับ นาย นิพนธ์ พัฒนาการกุล เจ้าของกิจการโรงงานผลิตอาหารสัตว์ที่มีสาขาทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีศักดิ์เป็นผู้ให้กำเนิดโดยชอบธรรมและชอบด้วยกฎหมายของนางสาว จีรนา พัฒนาการกุล อาหารคาวผ่านไปอย่างเงียบเชียบไม่ได้ยินแม้เสียงช้อนกระทบกัน ของหวานถูกยกมาเสิร์ฟในตอนท้าย พร้อมกับการเริ่มสนทนาจากหัวหน้าครอบครัว
คุณสร้อย พรุ่งนี้ช่วยบอกเด็กให้จัดอาหารเวียดนามหน่อยนะ ตอนเย็นผมจะเลี้ยงลูกค้าที่บ้าน
ค่ะ หลายคนมั้ยค่ะจะได้เตรียมถูก
คุณสร้อยสุคนธ์เป็นภรรยาแบบฉบับหญิงไทยโดยแท้ มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในบ้าน
ประมาณห้าหกคน แล้วก็เตรียมไวน์จากสวิสไว้ให้ด้วย
จีรนาพ่นลมหายใจยาวเมื่อคำถามแรกไม่เกี่ยวกับตัวเอง
ชนโรงงานที่นครปฐมเครื่องจักรที่สั่งมาใหม่เป็นไงบ้าง
มีปัญหาเรื่องอัพเดทโปรแกรมนิดหน่อยครับ พรุ่งนี้ช่างจะมาดูให้
ไพชนเป็นสามีของกีรติมีหน้าที่ใหญ่โตในกิจการของตระกูลภรรยา กี ซับพลายเออร์จากจีนน่ะ ถ้าเขายังหาวัตถุดิบให้เราไม่ได้ก็เปลี่ยนเจ้าใหม่ไป
เลยนะไม่ต้องรอ
ค่ะ กีกำลังมองหาที่อื่นอยู่เหมือนกัน กีรติยกผ้าขึ้นเช็ดปากหลังจากพูดจบอย่างอ่อนช้อยต่างจากน้องสาวที่ออกไปทางกระโดกกระเดก ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง จีรนาตักลูกตาลลอยแก้วเข้าปากอย่างจืดชืด ใจเต้นตึกๆหวั่นว่าคำถามต่อไปอาจจะเป็นเธอ ไม่เร็วไปว่าความคิดวินาทีแห่งการพิพากษาก็มาถึง
ยัยจี เมื่อไหร่แกจะเริ่มทำงานได้สักที เสียงทุ้มต่ำทำเอาหญิงสาวสะดุ้งโย๊ง
หนูบอกแล้วไงคะว่าหนูไม่ชอบงานบริหาร หนูอยากเป็นนักเขียนค่ะพ่อ
จีรนาบอกแกผู้เป็นบิดาชัดเจนทุกถอยดำ
อยากเป็นนักเขียนแล้วไง ตั้งแต่แกเรียนจบมาสองปีฉันไม่เห็นแกจะมีหนังสือเป็นของตัวเองสักที เอาแต่นั่งๆนอนๆอยู่บ้านเฉยๆงานการก็ไม่ไปช่วยทำ เงินทองน่ะมีมากมันก็หมดได้ ถ้าไม่ทำงานสักวันแกจะอดตาย
คุณนิพนธ์พูดราบเรียบแต่มันกลับแสบลึกในใจหญิงสาว
หนูไม่ได้อยู่บ้านเฉยๆนะค่ะพ่อ หนูเขียนหนังสือ หนูบอกพ่อแล้วไงค่ะว่าหนูขอเวลาพิสูจน์ตัวเองหน่อยขอให้หนังสือหนูออกเล่มก่อนแล้วหนูจะยอมทำตามที่พ่อต้องการ
หญิงสาวพูดอย่างมั่นใจและมุ่งมั่น ไม่ค่อยมีใครกล้าทำอย่างนี้ต่อหน้าคุณนิพนธ์เท่าไหร่
ฉันให้เวลาแกมาสองปีแล้วนะ มันนานพอแล้ว เลิกเขียนนิยายบ้าๆของแกแล้วมาช่วยงานที่บริษัท ฉันทนกับแกมามากพอแล้ว
ไม่ค่ะ หนูจะยังไม่ไปทำงานจนกว่าหนูจะมีงานเขียนตีพิมพ์
ในความห่างเหินจีรนาดื้อดึงเหมือนคุณนิพนธ์ผู้เป็นพ่อไม่มีผิด
นี่ยัยจีเมื่อไหร่แกจะเลิกเอาแต่ใจตัวเองสักที มีแต่คนตามใจค่อยให้ท้ายจนชินล่ะสิถึงเป็นได้ขนาดนี้
ทุกคนนั่งเงียบไม่มีใครกล้าโต้เถียงแม้ว่าสิ่งที่คุณนิพนธ์พูดจะไม่เป็นความจริงก็ตาม
ไม่มีใครให้ท้ายหนูหรอกค่ะพ่อ หนูอยากทำหนูก็ทำหนูอยากพูดหนูก็พูด หนูมีสิทธิ์ไม่ใช่เหรอค่ะ
หญิงสาวท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว
ฉันชักจะเหลืออดกับแกแล้วนะ เอาล่ะ สิ้นปีนี้ถ้าแกยังไม่มีหนังสือออกตีพิมพ์ฉันจะส่งแกไปดูแลโรงงานผลิตอาหารหมูที่เวียดนาม นี่คือโอกาสสุดท้ายของแก
แต่คุณพ่อค่ะ คุณพ่อ
คำพูดเด็ดขาดไม่ต่างจากสั่งงานลูกน้อง คุณนิพนธ์พูดจบก็ลุกจากโต๊ะทันทีไม่สนใจฟังคำอุทธรณ์จากลูกสาวคนเล็กสักนิด จีรนามองหน้าทุกคนในโต๊ะ และแน่นอนสายตาที่ได้รับกลับมาคือเห็นใจแต่มาสามารถช่วยอะไรได้
แม่ค่ะ ช่วยพูดกับคุณพ่อให้หนูหน่อยสิ
แม่ว่าเราควรจะรีบไปเขียนนิยายนะถ้าเราไม่อยากไปเวียดนาม เวลาสิบเดือนน่ะมันเร็วมากนะ
พูดจบคุณสร้อยสุคนธ์ก็ลุกตามสามีไป
พี่กี.....
พิสูจน์ตัวเองให้ได้ไอ้น้องรัก
เท่านั้นสิ่งที่ช่วยได้สำหรับกีรติ
พี่ชนช่วยจีหน่อยสิ
พี่ก็ยังเอาตัวเองไม่รอดเลย
ไพชนว่าพรางทำหน้าเจื่อนๆ จีรนาถอนหายใจยาวแรง หนทางไปสู่ความฝันนั่นไม่ง่ายก็พอเข้าใจ แค่ต้องต่อสู้กับสำนักพิมพ์และนักเขียนอีกนับร้อยก็ยากพอแล้ว แต่นี่ต้องต่อสู้กับความเผด็จการของพ่อบังเกิดเกล้าอีกทางยิ่งยากเข้าไปอีกสำหรับเส้นทางนักเขียนของหญิงสาว
เด็กน้อยหญิงชายกำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานในสนามหน้าบ้าน ตรงมุมสนามใต้ต้นมะม่วง หนุ่มใหญ่ในชุดกางเกงสแล็คสีดำเสื้อเชิ้ตสีฟ้าปล่อยชายกระดุมถูกปลดออกสองสามเม็ดเผื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อย่างสบายอารมณ์ เสียงเด็กๆหยอกล้อกันเจี๊ยวจ๊าวแต่ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความรำคาญแก่คนเป็นพ่อได้ รถญี่ปุ่นสีควันบุหรี่เลี้ยวผ่านประตูบ้านเข้ามาจอดตรงหน้าสนามแทนที่จะจอดในที่จอดรถ หญิงสาวที่ก้าวลงมาจากรถสวมกระโปรงผ้าฝ้ายยาวคร่อมเข่ากับเสื้อยืดสีขาว ผมตรงยาวประบ่าใบหน้าขาวใสไร้เครื่องประทินสวมแว่นสายตาหนาเตอะ
กูเกิ้ล หลบเร็วเจ้าปีศาจบุกบ้านเราแล้ว
สิ้นเสียงเด็กทั้งสองก็วิ่งหายไปทางหลังบ้าน ปล่อยให้ผู้เป็นพ่อรับหน้าที่ต้อนรับปีศาจร้ายเพียงคนเดียว
สวัสดีค่ะพี่พี
จีรนากล่าวทักทายพี่ชายพร้อมทั้งยกมือพนมไหว้อย่างรีบร้อน
อ้าว.....ยัยจีมีอะไรถึงมาหาพี่ได้เนี้ย
พีรพลออกจะแปลกใจอยู่มากเมื่อเห็นว่าน้องสาวคนสุดท้องมาหาตัวเองถึงที่บ้าน เพราะรู้ดีว่าจีรนามักจะชอบเก็บตัวอยู่บ้านใช่เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือและเขียนนิยาย
พี่พีช่วยจีด้วยนะ
โดยไม่ต้องอารัมภบทหญิงสาวก็พูดถึงจุดประสงค์ในการมาทันที
มีเรื่องอะไรอีกล่ะ คิดแล้วเชียวไม่มีเรื่องไม่มาหาง่ายๆแน่
โธ่....พี่พีอย่าเพิ่งต่อว่ากันสิ จีกำลังเครียดมากเลยนะ
โอเค มีเรื่องอะไรว่ามา
สีหน้าและน้ำเสียงของน้องสาวทำให้พีรพลจริงจังในการพูดคุยมากขึ้น
ก็คุณพ่อนะสิพี่พี จะส่งจีไปดูแลโรงงานผลิตอาหารหมูที่เวียดนามจีไม่อยากไปอะ พี่พีช่วยจีหน่อยสินะ
ท้ายประโยคหญิงสาวยานเสียงระห้อยอย่างอ้อนวอน
แล้วทำไมไม่บอกคุณพ่อไปตามตรงล่ะว่าจีไม่อยากไป
บอกแล้วแต่คุณพ่อไม่ยอมฟังอะไรเลย จีไม่รู้จะทำยังไงแล้วเนี่ย
แล้วคุณพ่อจะให้ไปเมื่อไหร่
สิ้นปีนี้ ถ้าจียังพิสูจน์ตัวเองในการเป็นนักเขียนไม่ได้
จบประโยคเสียงหัวเราะทุ้มนุ่มก็ดังขึ้นอีกทำให้จีรนานึกฉุนมากขึ้น
โธ่...พี่พีมันไม่ตลกเลยนะ จีอยากเป็นนักเขียน จีไม่อยากทำงานบริหารจีไม่ชอบ ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจจีบ้างเลย เป็นนักเขียนไม่ได้เป็นกันได้ง่ายๆนะ มันเป็นความฝันของจีเลย
คำพูดที่เริ่มสั่นเครือของน้องสาวทำให้พีรพลหยุดหัวเราะทันที คนเป็นพี่ชายรู้ดีว่าน้องสาวใฝ่ฝันกับอาชีพนี้มากแค่ไหน แต่ก็เหมือนฟ้าแกล้งงานเขียนของจีรนาไม่เคยผ่านสำนักพิมพ์สักที ทั้งๆที่หญิงสาวทุ่มเทและตั้งใจในการสร้างสรรค์งานแต่ละชิ้นเป็นอย่างมาก
พี่เข้าใจเรานะ แต่เราจะให้พี่ช่วยยังไง พี่ก็ต้องดูแลโรงงานที่สมุทรปราการ ชนก็ต้องดูแลโรงงานที่นครปฐม จะให้กีไปเหรอแล้วใครจะดูแลสำงานใหญ่ ตอนนี้คุณพ่อก็กำลังจะขยายกิจการไปที่เวียดนามก็มีแต่จีเท่านั้นแหละที่ต้องดูแลงานนี้ จีก็ต้องเข้าใจคุณพ่อเหมือนกันนะ
พีรพลมีความเป็นพี่ชายอยู่ในตัวเองสูง เขาอ่อนโยนขี้เล่น และมีเหตุผลเสมอต่างกันเกือบจะสิ้นเชิงกับนิพนธ์ผู้เป็นพ่อ ส่วนกีรตินั้นบางครั้งก็เอาแต่ห้ามและขัดใจจนจีรนารู้สึกอึดอัด หญิงสาวจึงเลือกที่จะมาหาพี่ชายมากกว่าแม้ว่าจะไม่ค่อยถูกชะตากับนิชาดาพี่สะใภ้เท่าไหร่ แต่ถ้าตัดเรื่องที่นิชาดาชอบจิ๊กหนังสือเธอออกไปล่ะก็ พี่สะใภ้คนนี้ก็มีส่วนดีอยู่มากเหมือนกัน
แต่จีไม่อยากไป จีอยากเป็นนักเขียนมากๆเลยนะพี่พี
ถ้าอย่างนั้นจีก็เป็นนักเขียนให้ได้สิ ไม่มีใครเขากีดกันเรื่องนี้เลยนะ แต่ที่เขากลัวเนี่ยก็เพราะว่าจีไม่เคยมีผลงานออกมาให้เขาเห็นเลย แล้วอย่างนี้เขาจะให้เชื่อได้ยังไงล่ะว่าจีอยากเป็นนักเขียนจริงๆหรือเป็นแค่ข้ออ้างไม่อยากทำงานกันแน่
คำพูดของพีรพลเจือไปด้วยความรักความหวังดีจนคนเป็นน้องสาวสัมผัสได้ชัดเจน
ไม่ใช่ว่าจีไม่พยายามนะพี่พี ทุกวันนี้จีก็เขียนหนังสือทุกวัน แต่ส่งไปสำนักพิมพ์ไหนก็ลงตะกร้าทุกที่
พี่ไม่รู้หรอกนะว่าการเป็นนักเขียนเขาต้องทำกันยังไง แต่พี่รู้อย่างเดียวว่า ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเสร็จก็อยู่ที่นั่น พี่ว่าจีเอาเวลาที่เหลือไปทำให้งานเขียนของจีผ่านสำนักพิมพ์ ดีกว่ามานั่งคิดว่าจะทำยังไงให้คุณพ่อเลิกความคิดที่จะส่งจีไปเวียดนามดีกว่านะ เพราะอย่างหลังน่ะยากกว่ากันเยอะเลย และก็ไม่สนุกด้วย
จีรนามองหน้าพี่ชายอย่างหมดหนทางอื่น ใช่อย่างที่พีรพลบอกการเป็นนักเขียนนั่นไม่ง่ายแต่การเปลี่ยนความคิดของผู้เป็นพ่อยากกว่ามาก ~~~~~~~~~~~~~~~~###########~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ยินดรับคำติชมทุกรูปแบบค่ะ และขอบพระคุณทุกท่านมากที่สละเวลามาให้กำลังนักเขียนมือใหม่
แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 55 02:05:57
จากคุณ |
:
idakok
|
เขียนเมื่อ |
:
8 มี.ค. 55 00:01:58
|
|
|
|