Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เมืองมายา มนตราอลเวง บทที่ 8 ติดต่อทีมงาน

บทที่ 8
อสูรวิหคกับพ่อมดไร้เวท

อันข่าวสารนั้นหากขาดแล้วซึ่งความรวดเร็วหรือแม่นยำไปเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง จะชนะการใดก็เห็นทีจะยากยิ่ง บุรุษหนุ่มผู้ทรงความสง่าเยือกเย็นและเย่อหยิ่งทะนงตนอย่างดีรอส คาซิลลัส จึงอ่านสาส์นที่ได้รับมาจากผู้ส่งข่าวของเจ้าชายแห่งเฮย์เดนเพียงปราดเดียวแล้วก็โยนทิ้งไปอย่างไม่ใยดี

แค่ข้อมูลอันถูกต้องของศัตรูก็ยังหามาไม่ได้

“เพราะเหตุนี้...เจ้าจึงเป็นได้แค่เจ้าชายหุ่นเชิดเท่านั้น”

บุรุษหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะหยันแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ เขาโน้มตัวไปด้านหน้าซึ่งมีเมืองจำลองของอาณาจักรเรสทอเรียตั้งอยู่

“คาอิล มิลตันอย่างนั้นหรือ...เจ้ากำลังเล่นตลกอะไรอยู่กันแน่”

ดีรอสพึมพำพลางไล่สายตาตามตุ๊กตาคู่หนึ่งซึ่งกำลังเคลื่อนที่ไปบนเส้นทางในเมืองจำลองอย่างใช้ความคิด

เขาจำไม่ผิดหรอก...จะลืมใบหน้าและดวงตาอันยโสของอดีตคู่แข่งไปได้อย่างไร หากยังไม่ได้ตัดสินฝีมือกันให้เป็นผลที่น่าพอใจแก่ตนเอง ครั้งนี้นับเป็นโอกาสดีแล้วที่เจ้าแว่นนั่นจะไม่อาจบิดพลิ้วการประมือกับเขาได้ กระนั้นความเคลือบแคลงสงสัยต่อนาม ‘มิลตัน’ ก็ยังครอบคลุมจิตใจอยู่อย่างเบาบาง

ต่อให้เป็นพ่อมดมือใหม่เพียงใดก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่รู้ว่าผู้ใช้นามแห่งมิลตันที่แท้จริงนั้นเป็นผู้ทรงอิทธิพล และมิใช่คนที่ควรต่อกรด้วยเลยสักนิด แม้แต่คนที่ทะนงในฝีมือของตนมากอย่างเขาก็ตาม

หากบุคคลที่น่าเกรงขามเช่นนั้นย่อมไม่อาจเป็นเจ้าแว่นหน้าตากวนโทสะแบบนี้แน่

“ไม่รู้ว่าเจ้าใช้นามมิลตันด้วยเหตุใด แต่เห็นทีต้องรีบสะสางงานให้เสร็จโดยไวก่อนที่กิลด์เมสทิคจะสาวถึงตัวเสียดีกว่า”

ดีรอสตัดสินใจเลือกความสำเร็จของงานมากกว่า ทว่าก็ยังยากจะตัดใจจากบุคคลที่ตนอาฆาตมาแสนนาน พ่อมดหนุ่มจึงปรายเนตรไปยังตุ๊กตารูปมนุษย์ครึ่งวิหคแล้วเรียกมันให้ลอยมาอยู่บนฝ่ามือ

“อย่างเจ้า...ใช้อสูรตนนี้คงไม่เป็นการดูถูกที่เกินไปนัก”

ผู้ใช้มนตร์ปรายเนตรสีดำมองตุ๊กตาคู่ซึ่งยังวิ่งอยู่ในเมืองจำลองพลางกระตุกยิ้ม

“มาลองดูหน่อยเถอะ ว่าตัวเจ้าที่พวกตาเฒ่าในกิลด์ยกยอปอปั้นเสียนักหนา...จะทำลายอาณาเขตกับสัตว์อสูรของข้าได้ไหม”

*/*/*/*/*

ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูงเหนือขอบฟ้า แสงแดดจ้าร้อนแรงขึ้นตามเวลาที่เริ่มสาย หลังจากที่อารมณ์กรุ่นโกรธเริ่มคลาย สการ์เล็ตจึงหมายใจว่าจะเดินสำรวจรอบเมืองของตน ดวงเนตรสีทับทิมกวาดมองไปบนถนนซึ่งปูอิฐสีเทาสลับขาวเป็นลวดลายอันสวยงามกับตึกรามบ้านช่องซึ่งสรรค์สร้างอย่างวิจิตรสมเป็นเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรืองด้วยความสนใจ นางเคยได้แต่ทำความรู้จักมันในแผนที่และตำรา บิดามารดาเป็นห่วงนางมากเกินไป จึงไม่เคยปล่อยให้ออกมาข้างนอกอย่างอิสระโดยไร้คนติดตามเป็นขบวนเช่นนี้

หญิงสาวรู้สึกสบายใจที่จะเดินเตะก้อนกรวดบนถนนเล่นโดยไม่ต้องสำรวมกิริยา จนกระทั่งหางตาสังเกตเห็นถึงสิ่งที่กำลังจะมารบกวนจิตใจ

เจ้าหญิงมองเงาของบุรุษที่สะท้อนอยู่ในกระจกหน้าร้านค้าแห่งหนึ่งด้วยสายตาชิงชัง จะหวังพรจากพระเจ้าองค์ใดช่วยกำจัดคนผู้นี้ให้พ้นสายตาไปได้คงไม่มี

มีแต่ต้องช่วยตนเองเท่านั้น

เจ้าหญิงรัชทายาทเดินสืบเท้าอย่างรวดเร็วไปบนถนนที่ตนหมายตา แล้วลัดเลี้ยวเข้าซอกออกซอยน้อยใหญ่ ฝ่าฝูงชนในย่านตลาดร้านค้า ผ่านหน้าจัตุรัสกลางเมืองซึ่งมีผู้คนอยู่พลุกพล่าน กระนั้นก็ยังไม่อาจสลัดทากที่น่ารังเกียจตัวนั้นได้ สุดท้ายเลยต้องเป็นฝ่ายยอมพ่ายแพ้การละเล่นไล่จับนี้เสียเอง

สการ์เล็ตหันขวับกลับไปมองพ่อมดหนุ่มด้วยสายตาโกรธขึง ทำให้อีกฝ่ายซึ่งเดินอยู่ห่างออกไปราวช่วงตึกหนึ่งชะงักเท้า ทว่าดวงตาแวววาวหลังกรอบแว่นก็จ้องตอบด้วยความเฉยชายากจะอ่านออกว่าเจ้าตัวคิดอะไร

หญิงสาวไม่หวังจะให้เขากล่าวคำขอโทษ หากจะมีแววสำนึกในดวงตาคู่นั้นบ้าง แต่นางคงคาดหวังเกินไปที่จะให้ใครต่อใครรู้จักสำนึกถึงผิดชอบชั่วดี

ร่างระหงหันกลับกะทันหันทำให้ชนกับสิ่งที่คล้ายกับกำแพงจนถึงกับเซ

ครั้นตั้งหลักหยัดยืนจนมั่นได้ นัยน์ตาสีทับทิมจึงมองตามขวดแก้วสีทึบที่ร่วงหล่นลงกระแทกพื้น เสียงเปรื่องดังขึ้นพร้อมกับการกระจายตัวของน้ำและเศษแก้ว กลิ่นเหล้าลอยคละคลุ้งฉุนจมูก นางจึงหันไปมองผู้ที่น่าจะเป็นเจ้าของซึ่งกำลังยืนเป็นยักษ์ขมูขีตีหน้าถมิงทึง

“ขออภัย ข้าไม่ได้ตั้งใจ”

“หา! เจ้าพูดได้แค่นี้หรือ รู้ไหมว่าสิ่งนั้นมีราคาเท่าไหร่ โธ่…เสียดายของจริง ๆ “

สการ์เล็ตมองท่าทางราวกับทำก้อนเพชรตกแตกของชายร่างใหญ่และบุรุษร่างเล็กซึ่งน่าจะเป็นเพื่อนของเขาที่เดินเข้ามาสมทบแล้วก็ได้แต่ถอนใจออกมาเบา ๆ

“ข้ายินดีชดใช้ค่าเสียหายให้ ท่านจงว่าราคามาเถอะ”

สีหน้าสลดกลับกลายเป็นจิ้งจอกในพริบตา เจ้าของเหล้าแสยะยิ้มอย่างดูแคลนพลางสบตากับเพื่อน หลังจากมองสำรวจหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วสรุปเอาเองว่าหล่อนไม่น่าจะมีเงินมากเท่าไหร่นัก แต่อย่างอื่น...อาจมีราคามากกว่านั้น

“ห้าพันการ์ตขาดตัว รับแต่เงินสดเท่านั้น”

สการ์เล็ตเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยมองฉลากเหล้าที่กองปะปนกับเศษแก้วและของเหลวกลิ่นฉุน

“นั่นเป็นของขึ้นชื่อมีราคาที่ผลิตจากทางตอนเหนือของอาณาจักรเรา แต่ก็ไม่ใช่เหล้าชั้นดีที่สุด ข้ายอมจ่ายให้สองเท่าของราคาเหล้าขวดนี้เพื่อเป็นค่าเสียเวลา สรุปรวมแล้วก็ไม่น่าจะเกินสองพันการ์ต” หญิงสาวเว้นระยะคำพูดครู่หนึ่งแล้วจ้องมองทั้งสองด้วยสายตาตำหนิ “ท่านเรียกค่าชดใช้จากข้าในราคาห้าพันการ์ต ไม่คิดว่ามันเป็นการรีดไถกันเกินไปนักหรือ”

“สรุปว่าจะไม่จ่าย” ชายร่างใหญ่พูดเสียงสูงอย่างไม่พอใจ แต่นัยน์ตาหยาบโลนกลับพราวระยับ “ถ้าไม่มีเงินให้ก็บอกกันตรง ๆ ได้นะพี่สาว เรายินดีให้เจ้าชดใช้เป็นอย่างอื่นแทน”

สการ์เล็ตชักสีหน้าเมื่อมือหยาบกร้านของอีกฝ่ายวางลงบนไหล่ตนอย่างถือวิสาสะ ทำไมนางต้องมาเจอแต่คนแบบนี้นะ ไม่เข้าใจว่าเคยไปก่อกรรมใดเอาไว้จริง ๆ

หากทันใดนั้นพลันมีอีกมือที่เรียวยาวขาวซีดราวสำลีเข้ามาจับมือหยาบใหญ่นั้นไว้อีกทอดหนึ่ง ร่างระหงจึงได้โอกาสขยับหนีปล่อยให้ผู้มาใหม่ไปรับหน้าแทน

“ได้โปรดอภัยให้นางที่ไม่มีมารยาทและไร้ความระมัดระวังตนด้วยเถิด” บุรุษหนุ่มผู้สวมแว่นกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มอันอ่อนน้อมถ่อมตนผิดกับสตรีที่ยืนแยกเขี้ยวอยู่ด้านหลังเมื่อรู้ตัวว่ากำลังโดนแขวะ

“แต่ข้าเห็นว่าท่านทั้งสองต่างก็เดินไม่ดูทางและไม่มีความระมัดระวังในการถือสิ่งของที่สำคัญเช่นกัน ดังนั้นจะโทษเอาผิดหรือขูดรีดกับสตรีตัวเล็ก ๆ ที่แต่งตัวซ่อมซ่อแบบนี้ก็เห็นทีจะไม่ถูกนัก ไม่มีความละอายให้สมเป็นสุภาพบุรุษในเมืองใหญ่ที่เจริญรุ่งเรืองเอาเสียเลย”

ใบหน้ายิ้มแย้มขัดกับประโยคเชือดเฉือนทำเอาสองบุรุษอ้วนผอมอึ้งไปมิใช่น้อย หากเมื่อได้สติใบหน้าของทั้งคู่ก็พลันแดงก่ำด้วยความโกรธ ชายร่างใหญ่กระชากคอเสื้อหนุ่มหน้าใสที่ใส่แว่นจนปลิวหวือ หากเมื่อมือขาวซีดแตะลงบนข้อแขนของเขาก็ทำเอาทั้งร่างเย็นวาบราวกับถูกแช่แข็ง

“อย่าตอแยพวกเรามากกว่านี้จะเป็นการดีกว่านะครับ ตอนนี้ข้าไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะปรานีใครได้มากนัก”

แววตาสีแปลกหลังกรอบแว่นทอประกายเย็นเยียบน่ากลัวจนเขาเผลอตัวปล่อยคอเสื้อของอีกฝ่ายไปเมื่อไหร่ไม่ทราบได้ รู้ตัวอีกครั้งเพราะเพื่อนร่างผอมของตนมาเขย่าไหล่แรง ๆ พร้อมกับเรียกชื่อ

“โฟ! โฟ! เจ้าเป็นอะไรไป ทำไมถึงยืนนิ่งอย่างนี้”

“ไฮมะ! “

“เออ! ก็ใช่น่ะสิ เรียกตั้งนานดันไม่ได้ยิน เจ้าเป็นอะไรไป ทำไมถึงปล่อยพวกมันไปอย่างนั้น แล้วใครจะจ่ายค่าเหล้าที่เขาจ้างให้เราไปรับล่ะ”

บุรุษร่างใหญ่ที่ถูกเรียกว่าโฟสะบัดศีรษะแรง ๆ เรียกสติของตนกลับมา เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่จึงปล่อยเหยื่อให้หลุดรอดมือไป แต่เขาจะไม่ยอมอยู่เฉยให้ใครมาดูถูกแล้วเดินลอยชายจากไปอย่างนี้แน่

สายตามาดร้ายถูกส่งไปให้สองหนุ่มสาวซึ่งเดินห่างออกไปแค่ปลายถนนก่อนที่เขาจะพยักหน้าให้เพื่อนพร้อมกับเอ่ยลอดไรฟัน

“ข้าไม่ยอมปล่อยพวกมันไปหรอก หนี้ครั้งนี้ต้องมีคนชดใช้! ”

*/*/*/*/*


“ท่านน่าจะถูกสอนมาให้รู้จักหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง แล้วเหตุใดจึงจงใจยั่วโมโหพวกเขา” คาอิลพูดพร้อมกับรั้งแขนสการ์เล็ตซึ่งเดินลิ่ว ๆ นำอยู่ข้างหน้าให้หันมาฟังตน


เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวได้เห็นแววโกรธขึงอย่างจริงจังจากคนที่มักจะทำสีหน้ายียวนกวนประสาทอยู่เสมอ ทำไมเขาต้องโกรธ นางต่างหากที่สมควรใช้อารมณ์นั้น

“เจ้ายังต้องถามข้าอีกหรือ ว่าทำไม” รัชทายาทหญิงเหยียดยิ้มตอบแล้วสะบัดหน้าเดินต่อไปอย่างไม่ใยดี ทิ้งพ่อมดให้ยืนมองร่างบางอย่างอัดอั้น

ความขัดแย้งยุ่งเหยิงบังเกิดขึ้นในใจของผู้ใช้อาคม ความร้อนรนรุนแรงซึ่งมีแต่ตนที่รู้ถึงสาเหตุทำให้คาอิลขาดความสุขุมเยือกเย็น เขาจึงไม่อาจเห็นสิ่งผิดปรกติที่เกิดขึ้นอย่างเงียบงันภายใต้การเฝ้าดูของผู้มุ่งร้าย

ในเสี้ยวเวลาที่แสงแดดร้อนสะท้อนเงาในอากาศอันว่างเปล่าเข้าสู้นัยน์ตาหลังกรอบแว่น พ่อมดหนุ่มก็ส่งเสียงเตือนสตรีข้างหน้าไม่ทันแล้ว

ความรู้สึกกดดันพลันวูบเข้าสู่ร่างพร้อมกับสรรพเสียงทุกสิ่งที่เงียบสงบลง ไม่มีเสียงผู้คนซึ่งเมื่อครู่ยังเห็นอยู่บางตา ไม่มีแม้เสียงแมลงสักตัวจะร้องให้ได้ยิน

สการ์เล็ตหยุดฝีเท้าแล้วกวาดมองไปรอบบริเวณครั้นรู้สึกได้ถึงความผิดปรกตินั้น บนถนนสาธารณะในเมืองหลวงของนางไม่น่าจะมีที่ใดเงียบสงัดได้ถึงเพียงนี้ ยิ่งโดยเฉพาะเวลากลางวันด้วยแล้ว

ความสงสัยทั้งมวลถูกนำไปหยุดลงตรงจอมคาถาที่สีหน้าเริ่มแปรเปลี่ยน เขากำลังกวาดสายตามองทุกสิ่งอย่างระแวดระวัง

‘อาณาเขต...เพราะมีข้าอยู่จึงเริ่มโผล่หางออกมาแล้วสินะ’

นัยน์ตาสีน้ำเงินประกายม่วงหรี่ลงเล็กน้อย เรียวปากสวยคลี่ยิ้มออกเพียงแผ่วบาง

“แล้วคิดหรือ...ว่าแค่นี้จะทำอะไรข้าได้”

เสี้ยวเวลาที่คาอิลยังยืนนิ่งอย่างใช้ความคิด ใบมีดคมกริบพลันพุ่งมาจากมุมหนึ่งที่อับสายตาเขา เสียงร้อง “ระวัง” ดังขึ้นในจังหวะเดียวกับที่พ่อมดหนุ่มเบี่ยงตัวหลบและใช้สันมือฟาดลงไปบนข้อแขนของผู้มุ่งร้าย

ชายร่างผอมส่งเสียงร้องอุทานขณะปล่อยมีดให้ร่วงหลุดลงจากมือ เขารีบเบี่ยงตัวหลบโดยพลัน พร้อมให้คนร่างใหญ่กว่ากระโจนเข้าหาบุรุษหนุ่มผู้เป็นเป้าหมาย

ผู้ใช้เวทก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็วปล่อยให้บุรุษร่างใหญ่ไขว่คว้าอากาศพร้อมกับร่ายคาถาเสกแส้เวทมนตร์ให้ปรากฏขึ้นมาในมือ เมื่อเขาตวัดมันไปด้านหน้าลำแส้สีแดงเรืองรองก็เข้าพันรัดร่างของโฟและไฮมะจนตัวติดกันราวกับกบอ้วนผอมที่โดนจับมัด พวกเขาดิ้นขลุกขลักพลางตะโกนด่าทอและร้องหาอิสระภาพจนกระทั้งฝ่ามือเย็นเฉียบแตะบนใบหน้าของทั้งคู่จึงยอมสงบปากเงียบเสียงลง

“ข้าเตือนแล้วใช่ไหม ว่าอย่าตอแยพวกเราให้มาก”

นัยน์ตาสีน้ำเงินประหลาดฉายแววเย็นเยียบเช่นเดียวกับมือของเขาที่มีเกร็ดน้ำแข็งเกาะพราวบนผิวหนังและเริ่มลุกลามไปยังใบหน้าของชายฉกรรจ์ทั้งสองซึ่งกำลังสั่นเทาด้วยความหนาวและหวาดกลัว

ทว่าคิ้วเรียวยาวหลังกรอบแว่นกลับต้องขมวดมุ่น เมื่อเกร็ดน้ำแข็งซึ่งขยายตัวออกไปครอบคลุมร่างของสองบุรุษอ้วนผอมกำลังย้อนกลับสู่มือเขา

คาอิลทดลองร่ายเวทเสกอาวุธคู่กายของตนขึ้นมา แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีสิ่งใดที่เกิดขึ้น

‘ขัดขวางต้นกำเนิดเวทมนตร์ของข้า เพราะข้าไม่ยอมปล่อยเจ้าให้ทำตามอำเภอใจอย่างนั้นหรือ...เอาคืนได้เหมือนเด็กแท้ ๆ ‘

บัดนี้รอยยิ้มบางกลับเปื้อนเหงื่ออันเย็นเยียบ นอกจากตนแล้วยังมีภาระอีกสามที่ต้องรับผิดชอบให้รอดพ้นจากสถานการณ์ในปัจจุบัน

แล้วจะทำได้อย่างนั้นหรือ...เมื่อเสียงแห่งความเลวร้ายเริ่มดังใกล้เข้ามาแล้ว

โฟกับไฮมะซึ่งยังไม่รู้ชะตากรรมอันใกล้เริ่มแหกปากร้องโวยวายอีกครั้ง หลังจากได้รับอิสระเพราะสิ่งที่พันธนาการได้อันตรธานหายไปแล้ว พวกเขาลุกขึ้นยืนอย่างขลาดกลัว หากยังกล้าทวงถามความเป็นธรรมของตน

“เจ้าติดหนี้ข้า หากไม่จ่ายมาพวกข้าก็ไม่มีปัญญาชดใช้ค่าสินค้าให้เจ้านายเหมือนกัน”

บุรุษทั้งสองสะดุ้งโหยงแล้วถอยกรูดไปยืนกอดกันกลมเมื่อพ่อมดหันไปมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา

“ถ้าไม่ละโมบโลภมากจนเกินไป คิดรีดไถผู้ด้อยกว่า เจ้าอาจได้สิ่งที่หวังตั้งแต่แรกแล้ว” คาอิลกล่าวแล้วพ่นลมหายใจออกมาก่อนเบนสายตาจากพวกเขาไปยังสิ่งที่ควรสนใจยิ่งกว่า

“จงสงบปากคำแล้วทำตามที่ข้าบอก หากอยากรอดชีวิต”

สายลมพัดกรรโชกภายใต้ปีกโลหะสีเงินที่ส่องประกายวาววับล้อแสงแดดอันแผดกล้า เรือนร่างกลมกลึงสมส่วนชวนมองภายใต้เกราะที่แนบเนื้อไม่ได้สะกดสายตาใครให้รู้สึกหลงใหลได้มากกว่าจะรู้สึกถึงความหวาดกลัว

นางผู้มีจะงอยปากดั่งพญาวิหคสยายปีกออกแล้วกรีดเสียงร้องดังลั่นสั่นบรรยากาศโดยรอบจนสะเทือน

“รีบหาที่หลบ เร็วเข้า! “

คาอิลตะโกนบอกไฮมะกับโฟซึ่งมัวแต่ยืนอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ในขณะที่เขารีบเข้าไปกระชากร่างระหงที่มีสภาพไม่ต่างกับสองบุรุษนั้นให้วิ่งตามไปยังมุมตึกบริเวณใกล้ที่สุด

“ข้าบอกให้รีบหาที่หลบอย่างไรเล่า”

พ่อมดหนุ่มนึกอยากเขกกะโหลกสองชายที่ยังมัวแต่ยืนค้างก้าวขาไม่ออกกอดกันกลมอยู่กลางลานโล่งเป็นเป้านิ่งให้อสูรสาวซึ่งลอยตัวอยู่เหนือศีรษะของพวกเขา

“หลบอยู่ตรงนี้ก่อน อย่าผลีผลามทำอะไรไปเองล่ะ”

ผู้ใช้มนตรากล่าวกำชับกับเจ้าหญิงแล้ววิ่งออกจากที่หลบภัยพร้อมกับดึงแส้สีดำเส้นยาวออกมา คาอิลดัดแปลงมันเป็นสายประดับคาดเอวมานานปี จะได้ใช้ให้สมงานของมันก็วันนี้นี่เอง

“กรี๊ดดดด!!! “

เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างลืมความเป็นบุรุษ เมื่อห่าอาวุธมีคมจากปลายปีกวิหคสาวพุ่งตรงลงมาเบื้องล่าง นัยน์ตาของโฟและไฮมะเหลือกลานจนแทบถลนหลุดออกมานอกเบ้าด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

“เหวอ!!! “

เสียงร้องอย่างมิคาดพลันดังขึ้นมาแทนที่ ยามรู้สึกว่าร่างตนโดนรัดด้วยบางสิ่งแล้วกระชากไปด้านหลังอย่างรุนแรง สองคู่หูต่างลอยละลิ่วไปตกกระแทกพื้นอยู่ไม่ไกลกันนัก

“แอ่ก!!!”

“วิ่ง! “

ยังไม่ทันขาดคำอุทาน บุรุษหนุ่มผู้สวมแว่นก็ตะโกนไล่หลังมา

โฟกับไฮมะมองไปที่ด้านหลังของคาอิลซึ่งมีผงฝุ่นลอยฟุ้งตลบอบอวล กระนั้นก็ยังพอจะมองเห็นคมโลหะรูปขนนกปักคาอยู่บนพื้นธรณี ซึ่งบัดนี้แปรสภาพเป็นหลุมขรุขระมีเศษหินและดินกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ

สองคู่หูรีบยันกายลุกขึ้นยืนแล้วตั้งหน้าตั้งตาโกยอ้าวหาที่หลบภัยซึ่งอยู่ใกล้กับสการ์เล็ตอย่างไม่คิดชีวิต เมื่อเห็นว่าใบมีดขนนกเหล่านั้นถูกดึงกลับไปหานางปีศาจนั่นอีกครั้งแล้ว

“คาอิล! “ สการ์เล็ตร้องอย่างร้อนใจขณะมองการจู่โจมของสัตว์อสูรที่ไล่หลังพ่อมดมาอย่างกระชั้นชิด

“หลบไป” คาอิลพูดเสียงดังแล้วไถลตัวเข้ามุมอาคารไปอย่างเฉียดฉิว ขนนกโลหะที่พุ่งตามพ่อมดมาติด ๆ จึงเซาะผนังอิฐจนหลุดออกไปเป็นก้อนแทน

คนทั้งหมดเห็นดังนั้นจึงพร้อมใจกันวิ่งไปอีกฝั่งของซอยโดยไม่ต้องมีการปรึกษา ทว่าเมื่อใกล้ถึงปากทางออก เสียงฟืดฟาดราวลมหายใจของสัตว์อันดุร้ายซึ่งดังอยู่ด้านนอกก็ทำให้คาอิลต้องรีบเอ่ยห้าม

“หยุดก่อน! รีบถอยออกมา”

สิ้นคำเตือนของพ่อมด ตรงหน้าไฮมะที่วิ่งนำไปก่อนใครพลันบังเกิดกำแพงไฟพุ่งผ่านตัดหน้าเขาไปเพียงหนึ่งช่วงแขน ผนังอิฐทั้งสองด้านละลายกลายเป็นลาวาเหลวส่งไอร้อนเรียกน้ำตาให้ไหลจากคนที่เกือบโดนเผาตายไปเมื่อครู่

เสียงสัตว์ร้ายแผดร้องดังกึกก้องสะเทือนขวัญพร้อมกับการปรากฏกายของปีศาจสาวที่มีรูปร่างราวพญาวิหคเพลิง

“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ “

สการ์เล็ตครางออกมาอย่างหมดแรง นางรู้สึกถึงทางรอดอันริบหรี่ต่างกับเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่เบื้องหน้า

“เพราะคนบางคนไม่รู้จักระวังตนทั้งที่รู้ว่าตัวเองถูกปองร้าย แต่ก็ยังไม่วายหาเรื่องออกมาเดินเล่นนอกบ้านโดยไร้ผู้ติดตามคอยคุ้มกันไงล่ะครับ”

เจ้าหญิงอดแยกเขี้ยวใส่คนที่ทำท่ายืนขวางป้องกันอันตรายแก่ตนให้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาจริงใจกระทำแค่ไหน แต่ก็รู้ว่าไม่ใช่งานที่ง่ายนัก ยิ่งดูจากเม็ดเหงื่อที่เกาะพราวอยู่บนหน้าเขาเสียด้วยแล้ว

เสียงสายลมเสียดสีวัตถุมีคมดังขึ้นที่ด้านหลัง ไม่ต้องหันไปมองก็พอรู้ว่าสิ่งที่คิดเป็นดังคาดแน่นอนแล้ว โฟกับไฮมะพากันกรีดร้องวิ่งพล่านไปมาเพราะไม่รู้ว่าจะหนีไปทางใด ด้านหนึ่งมีวิหคไฟ ส่วนอีกด้านมีอสูรสาวที่มีใบมีดคมกริบนับร้อยเรียงกันเป็นปีกอยู่กลางหลัง

คาอิลถอนหายใจออกมาอย่างแรง ความคิดเขาที่ต้องการหยุดความเคลื่อนไหวของสองบุรุษเมื่อครู่ไม่รู้ว่าถูกหรือผิด ในเมื่อศัตรูคิดจะจู่โจมไม่เลือกหน้า ทว่าปล่อยไว้ก็ทำตัวยุ่งยากให้เสียสมาธิแบบนี้ ตัวเขาที่ถูกขัดขวางต้นกำเนิดพลังเวทจนใช้อาคมไม่ได้จะต้องทำประการใด

เสียงกรีดร้องของอสูรสาวทั้งสองตนบ่งบอกให้รู้ว่าการโจมตีระลอกต่อไปกำลังจะมา คาอิลไม่มีเวลาขบคิดหาทางช่วยเหลือทั้งสามชีวิตโดยไม่ยอมสูญเสียสิ่งใดได้อีกแล้ว

“รีบหลบมาอยู่ข้างหลังข้า เร็ว!”

พ่อมดหนุ่มพูดเสียงดังขณะมองความลนลานของโฟและไฮมะ พวกเขาหันมองหน้าคาอิลแล้วตัดสินใจทำตามที่ผู้ใช้เวทบอกในทันที

เหรียญโลหะสลักอักษรลวดลายอ่อนช้อยงดงามขนาดครึ่งฝ่ามือถูกควักออกมาจากสายคาดเอว คาอิลถือมันไว้เบื้องหน้าแล้วจึงเริ่มร่ายคาถาด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก

“ด้วยอำนาจแห่งผู้คุมกฎ นามข้าคือ...”

“ว้าย!!”

สการ์เล็ตร้องอุทานเพราะสองชายฉกรรจ์วิ่งถลันเข้ามาชนนางจนถลาไปชนพ่อมดต่ออีกที คาอิลหันมาส่งสายตาดุให้ทั้งสาม แต่ก็ต้องเบิกกว้างเมื่อเห็นสิ่งที่พุ่งตรงเข้ามา

ผู้ใช้มนตรายกบาทาถีบโฟให้ถลาไปชนไฮมะ ส่วนตนรั้งร่างเจ้าหญิงไว้แล้วเบี่ยงกายหลบอย่างรวดเร็ว กระนั้นก็ยังไม่ไวพอจะพ้นวิถีของคมมีด ขนปีกโลหะจึงบาดเข้าไหล่ไปจนถึงกลางหลัง แรงสะท้านของคาอิลทำให้สการ์เล็ตรับรู้ได้ว่าเขากำลังเจ็บตัวแทนนาง

หากจอมคาถาไม่อาจเสียเวลาโอดครวญ เขากำเหรียญโลหะในมือแน่นแล้วร่ายมนตร์ต่อจากเมื่อครู่

“จงสำแดงเดชตามเจตนารมณ์ของข้า เดี๋ยวนี้! “

ขณะที่โฟและไฮมะกำลังจะส่งเสียงร้องให้เป็นที่เสียดหูแก่ผู้คนอีกครั้ง เพราะเห็นแววมรณะมาพร้อมกับลูกไฟและห่าใบมีด พลันบังเกิดแสงสีนวลเรืองรองส่องขึ้นรอบกายพวกเขาเสียก่อน มันกลายเป็นเกราะคุ้มกันการจู่โจมของสัตว์อสูรได้เป็นอย่างดี

คาอิลยกมือขึ้นกุมบาดแผลที่ไหล่ แต่สายตาจ้องพิจารณาอสูรสาว ที่หน้าอกของทั้งสองตนมีอักขระเวทสลักบนผิวกาย หากทำลายก็หลุดรอดจากอาณาเขตแห่งนี้ได้อย่างแน่นอน

แต่สภาพเขาตอนนี้หรือจะทำได้ นอกจากบาดเจ็บแล้วยังไร้เวทมนตร์ใด แน่นอนว่าเหรียญตราที่สลักคาถาไว้ก็ใช้ได้อีกไม่นาน เพราะมันถูกเตรียมไว้สำหรับยามฉุกเฉินเท่านั้น

คาอิลมองดวงหน้าหวานที่เริ่มวิตกหนักอย่างชั่งใจ อำนาจที่ฝังไว้บนร่างของอีกฝ่ายไม่อาจนำมาใช้ได้บ่อยครั้ง เพราะมันจะลดทอนกำลังลงทุกที แต่ในเวลานี้เห็นทีคงหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นคงต้องตายกันหมด

พ่อมดหนุ่มถอนหายใจออกมาโดยแรงแล้วทาบปลายนิ้วลงไปบนวงเวทตรงกลางอกของเจ้าหญิง เขามองร่างที่ยืนนิ่งแข็งทื่อขึ้นมาโดยพลันแล้วกล่าวกับนางด้วยเสียงอันแผ่วเบา

“ท่านสการ์เล็ต โปรดอภัยให้ด้วย...”

จากคุณ : AMA-chun
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 18:30:14




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com