ยมทูต
บทที่ 10 วิญญาณบริสุทธิ์ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11707642/W11707642.html
บทที่ 11
สัญญาณจากสายลม
เสียงเปียโนที่กำลังบรรเลงเพลงมูนไลท์เซเรเนดดังมาจากมือถือรุ่นทันสมัยที่วางไว้บนโต๊ะข้างเตียง แม้จะส่งเสียงเรียกดังอยู่นานแต่ดูเหมือนเจ้าของซึ่งเป็นเด็กสาววัยรุ่นจะไม่ได้ให้ความสนใจเท่าใดนักเพราะเธอทำเพียงแค่ชำเลืองมองด้วยหางตาก่อนจะตวัดกลับไปยังภาพทิวทัศน์นอกหน้าอีกครั้งปล่อยให้โทรศัพท์ดังเช่นนั้นอยู่อีกครู่หนึ่งจึงเงียบลง
เด็กสาวถอนใจออกมาเบาๆด้วยความกลัดกลุ้มเพราะรู้ดีว่าผู้ที่โทร.มาหาคือมารดาของเธอเอง ช่วงตลอดระยะเวลาสามวันที่ผ่านมาแม่ของเธอมักจะติดต่อพูดคุยด้วยเกือบทั้งวันสาเหตุก็เนื่องมาจากความเป็นห่วงในตัวของลูกสาวอันเป็นที่รักที่เดินทางมาอาศัยอยู่ในเมืองหลวงเพียงคนเดียว
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเพราะเธอต้องการทุ่มเทชีวิตเพื่อการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
แต่แม้จะมีคะแนนและผลการเรียนเป็นเลิศแต่ความด้อยกว่าของการเป็นนักเรียนจากต่างจังหวัดทำให้เด็กสาวต้องพลาดจากคณะที่เธอคาดหวังด้วยคะแนนที่เรียกว่าเฉียดฉิว ความเสียใจทำให้เธอถึงกับเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องหลายวันและไม่มีการติดต่อกลับไปทางบ้านกระทั่งคุณแม่ต้องเป็นฝ่ายโทร.มาหาและกล่าวคำปลอบขวัญรวมทั้งให้กำลังใจเธออยู่นานลงท้ายด้วยคำสัญญาว่าจะเดินทางมารับเธอกลับบ้านในวันนี้
จริงอยู่ที่ว่าเดี๋ยวนี้จะมีมหาวิทยาลัยเอกชนหลายแห่งผุดขึ้นรองรับผู้พลาดโอกาสแต่ความมุ่งมั่นกับการเข้าศึกษาในคณะที่คาดหวังทำให้เด็กสาวแทบทำใจไปเรียนที่อื่นไม่ได้ เธอเหม่อมองลงไปยังด้านล่างและจ้องเด็กชายหญิงในเครื่องแบบนักเรียนพลางหวนคิดย้อนไปในตอนสมัยที่ตัวเองยังเป็นเพียงนักเรียนมัธยม ความฝันและการคาดหวังที่บิดามารดามีต่อเธอส่งผลให้เด็กสาวตั้งใจศึกษาเล่าเรียนอย่างจริงจังจนแทบไม่ได้คุยเล่นกับเพื่อนในวัยเดียวกันเลย
ขณะที่กำลังปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปไกลแสนไกลอยู่นั้นเสียงทะเลาะของเพื่อนร่วมอาคารก็ดังผ่านผนังห้องที่ค่อนข้างบางเข้ามา หากเป็นเวลาปรกติเธอคงทำใจทนฟังไปได้แต่ในช่วงอารมณ์ที่กำลังเปราะบางเช่นนี้เด็กสาวแทบอยากจะตะโกนบอกให้คนเหล่านั้นหุบปาก แต่จิตสำนึกส่วนที่ดีเตือนให้เธอข่มการกระทำนั้นเอาไว้ ที่สุดเด็กสาวจึงตัดสินใจคว้ากุญแจก้าวออกจากห้องและเดินไปยังบันไดเพื่อขึ้นไปยังดาดฟ้า สถานที่ที่ถือว่าเงียบและเป็นส่วนตัวที่สุดสำหรับเธอในเวลานี้
เมื่อไปถึงเด็กสาวจึงเดินไปพิงกำแพงที่สูงแค่เอวและทอดสายตามองตึกสูงใหญ่ลดหลั่นกันไปมองคล้ายภูเขาของเมืองหลวง เสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหื่มมาจากบนท้องฟ้าดึงความสนใจของเด็กสาวซึ่งกำลังยืนชมทิวทัศน์อย่างเพลิดเพลินจนต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง เธอเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจเมื่อพบว่ามันเป็นเสียงของเครื่องบินขนาดเล็กที่นานครั้งจะบินหลงเข้ามาในบริเวณนั้น เด็กสาวมองมันนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงลดสายตาลงขณะที่สมองย้อนกลับไปคิดถึงความล้มเหลวในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของตนเอง เธอถอนใจออกมาเมื่อนึกถึงสีหน้าผิดหวังของพ่อกับแม่ แม้จะไม่ได้รับคำตำหนิใดจากพวกท่านแต่เด็กสาวก็รู้ดีว่าทั้งสองมีความรู้สึกเช่นไร เธอระบายลมหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะมองบ้านของผู้คนที่อยู่รอบตัวอย่างเหม่อลอย
กุ้งนาง
เสียงเรียกแผ่วดังมาจากทางด้านหลัง เด็กสาวหันกลับไปมองและขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนมองเธออยู่ภายใต้เรือนเพาะชำต้นไม้ของคอนโดมิเนียม
เรียกฉันเหรอ เด็กสาวที่ถูกเรียกว่ากุ้งนางถามและเมื่อเห็นอีกฝ่ายผงกศีรษะช้าๆเธอจึงพูดต่อ เรารู้จักกันด้วยหรือคะ
หญิงสาวผู้นั้นส่ายหน้าแต่ไม่พูดอะไร กุ้งนางมองเธออย่างไม่ไว้ใจและเริ่มขยับเตรียมจะเดินหนีแต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินผู้หญิงคนนั้นถาม
อยากตายไม่ใช่เหรอ
เด็กสาวหันไปมองหน้าเธอและอ้าปากค้างด้วยความตระหนกเมื่อพบว่าบัดนี้หญิงคนนั้นมายืนตรงหน้าและกำลังแสยะยิ้มกว้าง ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตจับจ้องกุ้งนางนิ่ง เลือดสีแดงสดไหลย้อยออกมาจากริมฝีปากที่ฉีกยาวไปจนจรดใบหู คำพูดแผ่วพร่ากระซิบข้างหูเหมือนเป็นการเชิญชวน
มาตายด้วยกันเถอะ
ปิศาจตนนั้นคว้าร่างเด็กสาวพุ่งทะยานลงมาจากชั้นดาดฟ้าของคอนโดมิเนียมทันที กุ้งนางส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอมองภาพตึกที่กำลังไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วก่อนจะมีเสียงของแข็งกระทบกันดังสนั่นตามมาด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความตระหนก เด็กสาวนอนแน่นิ่งกับพื้นอยู่ครู่หนึ่งจึงดันตัวลุกขึ้นและมองฝูงชนที่กำลังรุมล้อมกันเข้ามาดู บางคนรีบกดโทรศัพท์แจ้งตำรวจในขณะที่หลายคนนั่งลงและแตะตัวใครบางคนที่ยังคงนอนอยู่กับพื้นอย่างลังเล เด็กสาวก้มลงมองตามและเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าร่างที่นอนจมกองเลือดบนพื้นนั้นคือตัวของเธอเอง
เกิดอะไรขึ้น ทำไมตัวฉันถึงไปนอนอยู่ตรงนั้น
กุ้งนางหลุดปากถามอย่างงงงันและขยับตัวเพื่อจะเข้าไปดูให้ชัดแต่ต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น
เพราะเธอถูกฆ่า
เด็กสาวหันไปมองและเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นวายุในเครื่องแต่งกายรัดรูปสีดำกำลังก้าวเข้ามา เธอขยับถอยไปหนึ่งก้าวพร้อมกับถามอย่างงุนงง
ฉันน่ะเหรอถูกฆ่า เป็นไปไม่ได้
วายุขมวดคิ้ว
แต่มันก็เป็นไปแล้ว จิตใจที่อ่อนแอของเธอเรียกสิ่งชั่วร้ายออกมา
ฉันไม่เข้าใจ สิ่งชั่วร้ายจากไหน
กุ้งนางถามเสียงสั่น สีหน้าของยมทูตสาวเต็มไปด้วยความโกรธขณะเงยหน้าขึ้นไปมองวิญญาณผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังยืนเหยียดยิ้มเยาะอยู่บนดาดฟ้าของคอนโด
จากวิญญาณยึดติดที่อยู่บนนั้น
วายุเตรียมจะอธิบายต่อแต่คำพูดของเธอถูกหยุดด้วยเสียงกรีดร้องของหญิงคนหนึ่ง เธอหันไปมองและนิ่วหน้าเมื่อเห็นสุภาพสตรีวัยกลางคนกำลังวิ่งเข้าไปกอดร่างชุ่มไปด้วยเลือดของเด็กสาวพร้อมกับร้องไห้โฮ ใบหน้าของกุ้งนางเผือดลงขณะที่อุทานออกมาเบาๆ
แม่
วิญญาณของเด็กสาวขยับเข้าไปหาพร้อมกับยื่นมือไปแตะไหล่ของมารดาเหมือนต้องการบอกให้รู้ว่าเธอยืนอยู่ใกล้ๆแต่กุ้งนางต้องใจหายวาบเมื่อพบว่ามือข้างนั้นทะลุผ่านร่างแม่ของเธอไป เด็กสาวอ้าปากค้างและชักมือกลับด้วยความตระหนก เธอมองมือของตัวเองพร้อมกับพูดอย่างหวาดกลัว
เกิดอะไรขึ้นทำไมฉันจับตัวแม่ไม่ได้
เธอเป็นแค่วิญญาณ ไม่มีทางสัมผัสกายหยาบของมนุษย์ได้ วายุตอบเสียงเรียบ กุ้งนางหันไปมองยมทูตสาวและถามอย่างงงงัน
หมายความว่ายังไง แล้วคุณเป็นใครกัน
เธอตายไปแล้ว วายุตอบขณะดึงเครื่องมือบางอย่างออกมาจากกระเป๋า และฉันชื่อวายุ เป็นยมทูต
กุ้งนางยืนตกตะลึงค้างนิ่ง เธอจ้องหญิงสาวที่กำลังพิมพ์นิ้วลงไปบนเครื่องมือและอ่านข้อมูลอย่างเคร่งเครียดก่อนจะหลุดคำพูดออกมา
เป็นไปไม่ได้
ยมทูตสาวเหลือบตามองเธอและขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิดขณะยัดเครื่องมือกลับลงไปในกระเป๋าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชายคนหนึ่งซึ่งกำลังชะโงกหน้าลงมาจากห้องช่วงกลางของคอนโดมิเนียม
ความจริงฉันต้องมารับวิญญาณคนที่ตายจากอุบัติเหตุลื่นตกตึก แต่เขารอดเพราะเธอร่วงลงมาก่อน ให้ตายเถอะ!เป็นเพราะวิญญาณดวงนั้นแท้ๆทำให้ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด
เดี๋ยว คุณกำลังจะบอกว่าฉันตายแทนผู้ชายคนนั้นอย่างงั้นเหรอ เด็กสาวถาม วายุมองหน้าเธอและตอบสั้นๆ
ใช่
อย่ามาทำเป็นพูดตลก ฉันไม่รู้จักเขาเลยด้วยซ้ำ เรื่องอะไรต้องมาตายแทนกันด้วย อีกอย่างถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงทำไมฉันยังอยู่ที่นี่ วิญญาณจะมายืนกลางแดดอยู่แบบนี้ได้ยังไง
วิญญาณอยู่ได้ทุกที่ทุกเวลาเพียงแต่ไม่สามารถปรากฏตัวให้มนุษย์เห็นในตอนกลางวันได้เท่านั้นนอกจากพวกที่มีพลังอำนาจแข็งแกร่งอย่างยมทูตแบบพวกเรา
ยมทูตที่ไหนแต่งตัวแบบนี้ กุ้งนางพูดเสียงห้วนพลางไล่สายตามองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าและเบ้หน้าน้อยๆคล้ายไม่เชื่อถือ กิริยาของเธอทำให้วายุเลิกคิ้วสูงคล้ายไม่พอใจก่อนจะพูดเสียงกระด้าง
เราแค่เปลี่ยนรูปแบบไปตามยุคสมัยเท่านั้น เธอคว้าข้อมือของเด็กสาว เลิกพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้เสียที ไปกันได้แล้ว
ไปไหน
นรก ถึงจะยังไม่ถึงที่ตายแต่เธอก็ต้องไปรายงานตัวที่นั่น
ฉันไม่ไป
กุ้งนางพูดพร้อมกับสะบัดมืออย่างแรงและก้าวถอยหลังออกห่างจากวายุทันที ยมทูตสาวนิ่วหน้าและขยับตัวเดินตามแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินตรงไปยังร่างไร้วิญญาณของตนเองและยืนมองมารดาที่กำลังร่ำไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ เด็กสาวนั่งลงแตะแขนของแม่เบาๆ
แม่จ๋านางอยู่นี่ เธอเรียกมารดาเสียงแผ่ว สีหน้าเศร้าลงเมื่อพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้แสดงอาการรับรู้หรือได้ยิน ยมทูตวายุมองวิญญาณเด็กสาวที่พยายามเรียกแม่ด้วยความสังเวชแต่เสียงหัวเราะเยือกเย็นที่ดังลงมาจากดาดฟ้าคอนโดมิเนียมทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นและขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นผีร้ายที่กำลังยืนดูความเศร้าสร้อยของกุ้งนางด้วยสีหน้าและท่าทางเบิกบานเต็มที่
สมน้ำหน้า
เสียงแว่วมาตามลม เด็กสาวชะงักและแหงนหน้าขึ้นไปมอง วายุยกมือขึ้นชี้หน้าวิญญาณร้ายพร้อมกับพูดเสียงดัง
ไปให้พ้น
ที่ของฉันอยู่นี่ ต่อให้ยมทูตอย่างแกก็ไม่มีสิทธิ์มาไล่
ผีสาวโต้กลับมาอย่างสะโส ท่าทางที่ปราศจากความยำเกรงของมันทำให้วายุเริ่มโกรธแต่ก็ไม่สามารถลงมือทำอะไรได้เพราะเป็นความจริงที่ว่าวิญญาณร้ายตนนี้จัดเป็นผีที่อยู่ประจำที่ อันเป็นลักษณะชนิดหนึ่งของมนุษย์ที่ฆ่าตัวตาย ที่เป็นเช่นนี้เพราะบาปกรรมของการทำลายชีวิตตัวเองจะกลายเป็นห่วงโซ่ยึดติดวิญญาณเหล่านี้เอาไว้และต้องเฝ้าวนเวียนอยู่กับฆ่าตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้จนกว่าจะหมดกรรม ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นวิญญาณบาปพวกนี้ก็จะถูกยมทูตพาไปรับกรรมอื่นต่อในนรกและกลับไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานต่อไปอีกหลายร้อยชาติ ดังนั้นโดยปรกติแล้วหากพบกับวิญญาณในกลุ่มนี้วายุมักจะเลี่ยงไปทางอื่นแม้ว่าวิญญาณบางตนจะไม่ยอมรับความจริงและก่อกรรมเพิ่มเติมด้วยการลากคนอื่นให้ตายตกไปตามกันด้วยก็ตาม ยมทูตสาวจ้องนางผีร้ายด้วยดวงตาวาวก่อนจะลดกลับลงมามองวิญญาณของกุ้งนางที่ยังคงกอดมารดาอย่างเศร้าสร้อย วายุขยับเข้าไปหาหมายจะพาเธอไปยังนรกแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำพูดจากนางผีร้าย
มีแต่พวกสวะเท่านั้นที่ไปนรก
ว่าไงนะ วายุถามเสียงห้วนพร้อมกับเงยหน้ากลับขึ้นไปมองวิญญณร้ายบนดาดฟ้าอีกครั้ง ผีสาวหัวเราะเสียงก้อง
ฉันอยู่ที่นี่มานานเจอคนมาก็มาก มีแต่พวกที่ไม่ได้เรื่องเท่านั้นที่ชอบขึ้นมายืนบนนี้และคิดที่จะกระโดดลงไป บางคนใจเด็ดแต่หลายคนไม่กล้าพอฉันเลยต้องคอยช่วยสงเคราะห์ให้ความต้องการของพวกมันเป็นจริง
กรรมจากการฆ่าตัวตายของเจ้ายังไม่มากพอหรือไงถึงได้ลากผู้อื่นให้ตายตกไปตามกันแบบนี้ วายุพูดเสียงกร้าว นางผีร้ายแสยะยิ้ม
แต่มันก็ทำให้ยมทูตอย่างพวกแกมีงานทำ น่าจะขอบใจฉันมากกว่านะ มันจ้องวายุอย่างท้าทายก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่วิญญาณกุ้งนาง รีบพานังเด็กนั่นไปได้แล้ว อ้อฝากบอกด้วยว่าไม่ต้องเสียอกเสียใจอะไรมากเพราะฉันจะส่งวิญญาณแม่ของมันตามไปเร็วๆนี้
คำพูดของนางผีร้ายทำให้กุ้งนางลุกพรวดขึ้นทันที เธอมองวิญญาณบนดาดฟ้าพร้อมกับตะโกน
ฉันไม่ยอมให้แกทำแบบนั้นแน่!
แกไม่มีทางห้ามฉันได้
นางผีร้ายสวนตอบกลับมาทันควัน พลันกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่บนระเบียงห้องเหนือร่างมารดาของกุ้งนางก็ร่วงหล่นลงมา วายุรีบยกมือขึ้นเพื่อสร้างกระแสลมพัดให้มันเบี่ยงเบนไปอีกด้านแต่เพียงแค่ขยับมือเท่านั้นเธอก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นกระถางใบนั้นลอยหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศเหมือนมีใครบางคนจับเอาไว้ มันสั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะแตกกระจายเป็นผงไปชั่วพริบตา ยมทูตสาวนิ่วหน้าพร้อมกับพึมพำด้วยความแปลกใจ
เป็นไปได้ยังไงกัน
วายุหันไปมองกุ้งนางและจ้องนิ่งด้วยความงงงันเมื่อเห็นเด็กสาวกำลังลดมือลง กระแสลมที่หมุนวนรอบตัวของเธอทำให้ยมทูตสาวต้องอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อสายตา
หรือเป็นพลังของเด็กคนนั้น แต่มันไม่น่าจะเป็นไปได้
คิดได้เพียงเท่านั้นวายุก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อเห็นกุ้งนางเงยหน้ามองขึ้นไปยังดาดฟ้า สีหน้าของเด็กสาวเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว กระแสลมที่พัดรอบตัวเธอหมุนวนรุนแรงขึ้นดันร่างวิญญาณของเธอให้พุ่งทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ยมทูตสาวอุทานออกมาคำหนึ่งก่อนจะรีบลอยตัวตามขึ้นไปด้วยความกลัวว่าดวงวิญญาณของเด็กสาวจะถูกปิศาจที่สิงสู่อยู่บนดาดฟ้าทำร้ายแต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะเมื่อไปถึงยมทูตวายุต้องหยุดยืนตกตะลึงตาค้างเมื่อพบว่ากุ้งนางกำลังประจันหน้ากับผีสาวจอมอาฆาตท่ามกลางสายลมซึ่งกำลังปั่นป่วนอย่างรุนแรง วายุกวาดตามองไปโดยรอบเพื่อหาแหล่งกำเนิดของพลังลมแต่หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วยมทูตสาวต้องพบกับความแปลกใจเมื่อรู้ว่าต้นกำเนิดของกระแสลมนั้นมาจากวิญญาณของเด็กสาวนั่นเอง
ไม่น่าเชื่อ วิญญาณของเด็กคนนั้นใช้พลังของสายลมได้
วายุพูดพึมพำและรีบขยับตัวเข้าไปใกล้แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อถูกกำแพงลมแข็งแกร่งขวางกั้นเอาไว้ เธอคำรามออกมาอย่างขัดใจก่อนจะยกมือขึ้นกระแทกไปที่กระแสลมกลุ่มนั้นจนแตกสลายหายไปและเริ่มก้าวเข้าไปหาวิญญาณทั้งสองแต่ยมทูตสาวก็ต้องหยุดยืนนิ่งอีกครั้งเมื่อเห็นกุ้งนางกำลังยกมือขึ้น ลมหมุนที่พัดปั่นป่วนเริ่มก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าเหนืออาคารและค่อยๆกลายเป็นอุโมงค์ขนาดมหึมา แสงสายฟ้าแลบแปลบปลาบบาดตาอยู่ใจกลางที่มืดมิด มันเคลื่อนที่อย่างช้าๆตรงเข้าไปหาวิญญาณของนางผีร้าย แรงดูดอันมหาศาลที่มาจากภายในอุโมงค์ลมดึงวิญญาณร้ายให้ลอยขึ้นจากพื้น เสียงอื้ออึงและเสียงฟาดเปรี้ยงของสายอสนีบาตที่อยู่ภายในทำให้ดวงตาของผีสาวเหลือกลานด้วยความหวาดกลัว มันจ้องกุ้งนางและด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายด้วยความโกรธจัดก่อนจะตวาดถามเสียงลั่น
แกจะทำอะไร
ส่งผีร้ายอย่างแกไปนรก กุ้งนางตอบเสียงเย็นเยียบ นางปิศาจพยายามดิ้นรนขัดขืนแต่ไม่สำเร็จเพราะพลังลมที่ถูกสูบเข้าไปในอุโมงค์นั้นเพิ่มความรุนแรงขึ้น ไม่ช้าวิญญาณของนางผีร้ายก็ถูกดูดเข้าไปในอุโมงค์และหลุดหายไปในความมืดตลอดกาล
ทันทีที่วิญญาณร้ายหายไปกุ้งนางจึงลดมือลง กระแสลมที่พัดกรรโชกปั่นป่วนเริ่มลดความรุนแรงและสลายไปในที่สุด ทุกสิ่งกลับสู่ความสงบอีกครั้งไม่มีร่องรอยใดๆหลงเหลือว่าเคยเกิดพายุขนาดใหญ่หรือสิ่งใดผิดปรกติ อุโมงค์ลมที่ถูกสร้างขึ้นจางหายไปอย่างรวดเร็ว เด็กสาวมองท้องฟ้าที่เริ่มกระจ่างจ้าด้วยความงุนงงก่อนจะลดสายตาลงมามองมือทั้งสองข้างของตัวเอง
เกิดอะไรขึ้น อุโมงค์เมื่อกี้คืออะไร
อุโมงค์แห่งกาล
เสียงวายุตอบมาจากทางด้านหลัง กุ้งนางหันไปมองและขมวดคิ้ว
อะไรนะ เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้งและพึมพำ แล้วอุโมงค์แห่งกาลนี่มันคืออะไรและมาได้ยังไง
อุโมงค์แห่งกาลเป็นเส้นทางที่ใช้เรียกพวกผีร้ายหรือวิญญาณบาปจำพวกดื้อดึงหรือยึดติดอยู่กับที่ไปยังนรกขุมลึกที่สุด มันมีไว้สำหรับพวกบาปหนา ยมทูตสาวเว้นระยะคำพูดขณะมองหน้าเด็กสาวแน่วนิ่ง และมีเพียงยมทูตผู้ใช้พลังแห่งลมเท่านั้นที่สามารถสร้างอุโมงค์ที่ว่านี้ได้
ถ้ามีแต่ยมทูตเท่านั้นที่ใช้ได้ แล้วทำไมฉันถึง กุ้งนางหยุดคำพูดไว้แค่นั้นก่อนจะมองหน้าวายุ อีกฝ่ายนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า
ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน คงต้องลงไปถามท่านสัตตภูมิ ยมทูตสาวยกมือขึ้น โซ่สีเงินพุ่งออกมารัดข้อมือของกุ้งนางเอาไว้ ไปกันได้แล้ว
เด็กสาวสะดุ้งสุดตัวและสะบัดแขนอย่างแรง
ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันอยากจะอยู่กับแม่
เธอตายไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงดวงวิญญาณซึ่งอยู่คนละภพกับมนุษย์ไม่มีวันที่จะอยู่ร่วมกับพวกเขาได้อีก
แล้วทำไมวิญญาณของผู้หญิงคนนั้นถึงอยู่บนดาดฟ้านั่นได้ ถ้าเขาอยู่ได้ฉันก็อยู่ได้เหมือนกัน
กุ้งนางเถียงอย่างดื้อรั้น วายุนิ่วหน้า
หญิงคนนั้นฆ่าตัวตาย วิญญาณจึงต้องใช้กรรม แต่แทนที่จะสำนึกและทำจิตใจให้สงบกลับจมปลักอยู่กับความทุกข์และแปรเปลี่ยนเป็นความอาฆาต นางจึงไม่อาจไปสู่สุคติหรือไปเกิดใหม่ได้
แล้วทำไมพวกยมทูตถึงไม่มารับดวงวิญญาณของเขา
บาปของคนที่ฆ่าตัวตายนั้นหนักนัก พวกเขาต้องวนเวียนอยู่บนโลกนี้เพื่อรับความทุกข์ทรมานอยู่หลายปีจากนั้นพวกเราจึงจะมารับดวงวิญญาณเขาไปใช้กรรมต่อในนรก มีบางตนที่ไม่อาจตัดขาดจากความผูกพันเฝ้าริษยาผู้มีชีวิตจนกลายเป็นความอาฆาตคอยทำร้ายผู้อื่น แต่หากยังไม่ถึงเวลาเหล่ายมทูตก็ไม่อาจจัดการสิ่งใดกับเขาได้
ยมทูตสาวอธิบาย กุ้งนางเม้มปากแน่นก่อนจะพูดด้วยความโกรธ
แม้ว่าวิญญาณเหล่านั้นจะลงมือฆ่าคนอย่างนั้นหรือ
วายุมองอีกฝ่ายนิ่งก่อนจะตอบเสียงเรียบ
ทุกอย่างล้วนแล้วแต่กรรม ตัวเธอไม่ถึงที่ตายก็จริงแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ต้องพบกับวิญญาณร้ายตนนี้
เหตุผล? กุ้งนางพูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับมองหน้ายมทูตสาว เหตุผลอะไร
วายุนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงเรียบ
เรื่องนั้นอยู่นอกเหนือหน้าที่ของฉัน เธอกระตุกโซ่เบาๆ เอาล่ะไปกันได้แล้ว
ไม่ กุ้งนางพูดเสียงห้วนและฝืนตัวยืนนิ่ง พลังลมที่เริ่มหมุนวนรอบตัวเด็กสาวทำให้ยมทูตต้องขมวดคิ้ว
หยุดเดี๋ยวนี้
วายุสั่งเสียงห้วน อีกฝ่ายส่ายหน้า
ไม่มีทาง ถ้ายังขืนบังคับให้ไปนรก ฉันก็จะเป่าเธอให้กระจุยเหมือนนางผีตนนั้น
กระแสลมพัดกรรโชกรุนแรงขึ้น ยมทูตสาวมองกุ้งนางนิ่งก่อนจะยกมือขึ้นปัดด้วยท่าทางรำคาญ พายุหมุนที่กำลังจะก่อตัวแตกสลายหายไปทันที
อะไรกัน เด็กสาวอุทานด้วยความตระหนกต่างจากวายุที่มองด้วยสายตาเฉยชา
ฉันเป็นยมทูตแห่งลม มีพลังเหนือวิญญาณอย่างเธอมาก เธอกระตุกโซ่เบาๆ เลิกเล่นและไปกันได้แล้วกุ้งนาง
แต่ฉันอยากอยู่กับแม่ กุ้งนางระร่ำระลักพูดพร้อมกับคุกเข่าลงกับพื้น ได้โปรดเถิดคุณยมทูต ให้ฉันได้อยู่ต่ออีกสักนิดเพราะตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยทำอะไรให้แม่ภูมิใจเลย
เวลาของเธอหมดลงแล้ว วายุตอบเสียงเรียบและถอนใจเมื่อเห็นเด็กสาวร้องไห้ มนุษย์ มีความต้องการที่ไม่รู้จักจบสิ้น ก็ได้ ฉันจะให้เวลาเธอไปร่ำลาแม่ แต่แค่ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นนะ
โซ่ล่ามข้อมือหลุดออก กุ้งนางยกมือขึ้นไหว้ยมทูตสาวด้วยความดีใจก่อนจะลุกขึ้นและลอยลงไปยังด้านล่างและเลื่อนไปหยุดยืนหน้ามารดาซึ่งกำลังยืนมองเจ้าหน้าที่มูลนิธิยกร่างของเธอขึ้นรถ น้ำตาของผู้บังเกิดเกล้าทำให้เด็กสาวต้องทรุดตัวลง เธอก้มกราบเท้ามารดาพร้อมกับกล่าวเสียงแผ่ว
แม่จ๋าลูกขอโทษ กุ้งนางเกลือกใบหน้าบนเท้าของผู้เป็นแม่และสะอื้นด้วยความปวดร้าวเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงร่ำไห้เหมือนไม่รู้สึกถึงการกระทำของตน เด็กสาวจึงลุกขึ้นกอดมารดานิ่งอยู่ครู่หนึ่งวายุจึงต้องเตือนด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก
ไปกันได้แล้ว
กุ้งนางหันไปมองเธอและพยักหน้าช้าๆก่อนจะหันกลับไปมองแม่อีกครั้ง เธอก้าวถอยหลังพร้อมกับพูดเบาๆ
ลาก่อนค่ะ คุณแม่
ผู้เป็นมารดาสะดุ้งและกวาดตามองรอบตัวพร้อมกับพูดพึมพำคล้ายคนละเมอ
กุ้งนาง
เด็กสาวมองผู้บังเกิดเกล้าและกัดริมฝีปากตัวเองแน่นก่อนตัดใจหมุนตัวเดินจากมาและก้าวตรงไปหายมทูตสาวซึ่งยืนรออยู่ไม่ไกลพร้อมกับกล่าวเสียงแผ่ว
ไปกันเถอะ
วายุผงกศีรษะก่อนจะเรียกโซ่เงินมารัดข้อมือของกุ้งนาง ยมทูตสาวยื่นมือไปข้างหน้าและพูดด้วยภาษาประหลาดสองสามคำบานประตูศิลาสีดำสนิทก็ปรากฏขึ้น มันเลื่อนเปิดออกและรอจนกระทั่งทั้งสองก้าวผ่านเข้าไปจึงเคลื่อนปิดจากนั้นจึงค่อยๆเลือนหายไป
*/*/*/*/*/*/*
มาแล้วค่ะ บทนี้จะเริ่มกล่าวถึงวิญญาณจากศิลาทำนายอีกสามคนที่เหลือ คงจำกันได้ว่าสองคนแรกคือโป้งกับก้อย ส่วนคนนี้คือนางซึ่งเป็นวิญญาณเชื่อมกับยมทูตพลังลม
แล้วจะมี ชี้ กลาง นาง ไหมคะ แหะๆ จากคุณ : scottie - มีค่ะ หุ หุ
พระเอกของเราเริ่มจะเข้มขึ้นแล้วสินะครับ จากคุณ : GTW - เขาจะเก่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็รั่วเหมือนเดิมค่ะ
Give หมด เลยต้องปรากฏตัว หายไปนานเลยนะครับ อ่านแล้วนึกถึง ยูยู ฮะคุโช ช่วงแรกๆ ที่เป็นนักสืบโลกวิญญาณ แบบไทยๆ ครับ (ยูยู คือ มังงะ ชื่อไทยรู้สึกว่าจะเป็น คนเก่งฟ้าประทาน นะ) จากคุณ : zoi - ยู ยู นี่เป็นการ์ตูนในดวงใจมูนนี่เลยนะคะ กรี๊ดคุรามากับฮิเอมากๆ ^^
หายไปนานมากกกก คิดถึงนะคะ ส่งกำลังใจก่อน เดี๋ยวต้องไปตามอ่านตอนเก่าอีกรอบ ลืมหมดแล้วอ่ะ จากคุณ : Setakan - แหะ ขออภัยค่ะ
แล้วใครนะจะชื่อชี้ จากคุณ : Tyra - ลองตามอ่านดูนะคะ แต่มีจริงๆ
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามผลงานของมูนนี่ค่ะ
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
9 มี.ค. 55 14:12:19
|
|
|
|