แต่งมานานแล้วเน้อ แต่ยังจบไม่ลงสักที จึงเข้ามาหาแรงบันดาลใจ จากเวปนี้
|
 |
ปล.ลงนิยายเรื่องนี้ไว้ใน blog แต่ถ้าคุณอยากอ่านแนะนำว่าอย่าเข้าไปเลย เพราะฉันมีฝีมือแต่งบล็อคที่ห่วยมาก ตั้งกระทู้แบบนี้ดูอ่านง่ายกว่าเยอะ
“ความรักที่แท้จริงนั้นย่อมไม่มีสิ่งชั่วร้ายเจือปน”- ขงจื้อ
ริมถนนสายบันเทิงยามราตรี หญิงชายคู่หนึ่งประคองกันและกันเดินบนทางเท้า แสงไฟจากเสาไฟฟ้าข้างทางและจากบรรดาร้านค้ายังเปิดสว่างแบบไฟล่อแมลงให้ติดกับดัก ทั้งคู่กำลังเดินเซไปข้างหน้า เสียงเพลงออน เดอะ ฟลอร์ของเจนนิเฟอร์ โลเปซฟิชเชอร์ริ่งพิทบูลล์ดังกระหึ่มอยู่ด้านหลัง ชายหนุ่มหยุดพักเพื่อให้หญิงสาวที่เขาช่วยประคองได้โก่งคอคายของเก่าออกมา เขาย่นจมูกเมื่อได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวของอาหารที่ถูกสำรอกปนเปกับกลิ่นเหล้าอย่างดีโชยออกมาจากทั้งคู่ เขาทำท่ารังเกียจก่อนจะช่วยพยุงให้เธอเดินต่อไป เสียงดนตรีที่กระหึ่มค่อยๆเบาลง ผู้ชายกับผู้หญิงอีกคู่วิ่งออกมาจากงานเลี้ยงคืนสู่เหย้าที่สนุกจนทำให้ลืมโลก ทั้งสองงอตัวอย่างเหนื่อยหอบแต่ดีใจที่ตามมาทัน “ดูแลเธอดีๆล่ะ อย่าให้เสียชื่อเข้าใจมั้ย ไอ่น้องชาย” ชายหนุ่มอีกคนพูดพร้อมตบบ่าน้องชายอย่างหนักจนอีกฝ่ายถึงกับเข่าทรุดเซเกือบจะล้ม “เราทำถูกใช่มั้ยค่ะที่ปล่อยให้ทั้งสองคนไปด้วยกัน” หญิงสาววิ่งตามมาชำเลืองมองหน้าเพื่อนสาวที่เมามากอาจถึงขั้นจำเลขที่บ้านไม่ได้ “ก็นี่มันแผนของเธอตั้งแต่แรกไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มพูด “พี่ด้วยนั้นแหละ” “อย่าห่วงน่า เรื่องจะจบอย่างมีความสุข” “แน่นอนเรื่องจะจบลงแบบนั้น” ทั้งสองยุติการสนทนาและมองดูคนทั้งคู่ค่อยๆเดินโซซัดโซเซไกลออกไป “ราว-จา-ปาย-หนาย” หญิงสาวผมกระเซิง สีน้ำตาลอ่อน รูปร่างได้มาตรฐานหญิงไทย ใบหน้าไม่มีอะไรโดดเด่น นอกจากดวงตาสีน้ำตาลที่มีความมุ่งมั่น จริงจัง และฉลาดอย่างที่ ผู้ชายร้ายๆเกลียด การแต่งตัวแสนจะมีศิลปะแบบ ศิลปินจิตหลุดโลก “ฉันชอบแบบนี้ ” เธอชอบพูดประโยคนี้เวลาถูกทักเรื่องรสนิยมการแต่งตัว เสื้อกั๊กยีนส์เก่าๆสวมทับเสื้อยืดแขนสั้นบ้างยาวบ้างตามแต่สภาพอากาศของวันนั้นกับกระโปรงพลิ้วๆแบบสาวชาวเล สีของมันจะแสบสันต์หรือแสนหวานตามอารมณ์ เธอคือหนึ่งในสมาชิกชมรมผู้คงแก่เรียน รักการอ่านและงานศิลปะทุกแขนงแต่เอาดีไม่ได้สักอย่างยกเว้นเรื่องภาษาต่างประเทศที่มีความชำนาญใช้งานได้ถึงเจ็ดภาษา ด้วยรูปร่าง หน้าตาและความเป็นศิลปินจึงทำให้เธอโดดเด่นมากแต่ไม่ใช่ในแบบดึงดูดผู้คนให้เข้าหามันกลับผลักพวกเขาให้หลีกและหลบหน้า อาจเพราะพวกเขาไม่อยากถูกมองว่าเป็นตัวประหลาดเวลาอยู่ใกล้เธอ “มีเพื่อนตายเพียงหนึ่งย่อมดีกว่ามีเพื่อนกินนับร้อย” ปรัชญาการคบคนของเธอ แม้จะมีความเป็นตัวของตัวเองสูงจนถูกมองว่าแปลกประหลาดแต่เธอก็มีภายในที่เหมือนผู้หญิงทุกคน หมายถึงจิตใจซึ่งเกลียดเป็น และรักเป็น ไม่มีผู้หญิงคนไหนโดยเฉพาะผู้หญิงในสังคมของเธอที่ไม่หลงเสน่ห์ผู้ชายอย่างเขา ก็ผู้ชายที่กำลังช่วยพยุงเธอ ถ้าเธอเป็นขั้วบวก เขาคงเป็นขั้วลบ เขาซึ่งมีหัวแบบหัวกามเทพ ผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มรับกับคิ้วหนารูปคันธนู ดวงตาสีน้ำตาล สวยเปล่งประกายแห่งความเชื่อมั่นในตัวเองมากถึงระดับที่เรียกได้ว่าเย่อหยิ่ง การแต่งกายไร้ที่ติตั้งแต่ทรงผมจนถึงรองเท้าที่สวม เนี้ยบจนเกือบเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นเกย์ เขาคือเทพบุษสุดหล่อที่มาจากตระกูลร่ำรวย ดีพร้อมทุกอย่างยกเว้นสิ่งเลวร้ายเพียง สองสิ่งคือ หนึ่ง เขากลัวความผูกพันธ์ที่เป็นดังเชือกผูกมัดปีกแห่งอิสระซึ่งผู้ชายประเภทนี้รักและหวงแหน และสอง เขาเกลียดผู้หญิง อย่างเธอ “ตอนที่พระเจ้าสร้างคนอย่างยายหวานใจพระองค์คงกำลังเมา” เขาเคยพูดประโยคนี้ให้เพื่อนสนิทฟัง สำหรับงานเลี้ยงในคืนนี้พระเจ้าอาจจะไม่ได้เมาอย่างที่เขาเคยกล่าวหาหากแต่พระองค์กำลังทำให้เขาได้เรียนรู้ว่าแม้แต่นางแม่มดอัปลักษณ์ก็กลายเป็นนางฟ้าโฉมงามได้เวลาที่คนเราเมา “ราว-จา-ปาย-หนาย-หรา-เท้-ร๊าก” เธอถามซ้ำน้ำเสียงยานครางแทบจะฟังไม่ได้ศัพท์ “ไปในที่ที่มีแค่เธอกับฉัน” เขาตอบด้วยเสียงล่องลอยเหมือนไม่ใช่เสียงของตัวเอง “ฉ้าน-รัก- ร๊าก-คุณ” เธอพูดมองหน้าเขาด้วยดวงตาหยาดเยิ้ม เขามองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอแล้วยิ้มอย่างไม่เข้าใจว่าที่เธอพูดนั้นมันมีความหมาย ทั้งสองหยุดเดินและเอนพิงรถสปอร์ตคันงามเพื่อพยุงตัว เธอทำท่าจะไถลลงไปกองพื้น เขาจึงโอบแขนรอบตัวเธอและพาเข้าไปนั่งในรถแล้วเดินอ้อมไปอีกทางนั่งลงประจำที่คนขับ รถถูกสตาร์ทเสียงเครื่องยนต์คำรามโอ้อวดก่อนจะขับไปยังจุดมุ่งหมายปลายทาง
จากคุณ |
:
goody jelly bear
|
เขียนเมื่อ |
:
10 มี.ค. 55 23:53:55
|
|
|
|