Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ล่าพระจันทร์ Luna in the darkness 9 ติดต่อทีมงาน

สวัสดีค่ะ

หายไปเสียนาน คอมฯ เสียเลยไม่ได้มาโพส ต้องขออภัยด้วยนะคะ
ตอนนี้คอมฯ เป็นปกติแล้ว จะพยายามโพสให้สม่ำเสมอค่ะ ยังไง
ท่านผู้อ่านก็อย่าเพิ่งทิ้งกันนะคะ  ขอเชิญรับความบันเทิงต่อได้ค่ะ

 

ใยไหมกะใบม่อน : ไม่เป็นค่ะเข้ามาอ่านเฉยๆ ทักทายกันเล็กน้อย
ก็พอค่ะ กิฟไม่ต้องก็ได้
ระรินใจ : ชอบแจ๊คพ็อตไหมคะ?
กาแฟเย็นเพิ่มช็อต : ปิดตานิดหนึ่งค่ะ แต่หรี่ตาดูได้ 555
นารีจำศีล : ตอนนี้ไม่มีเลิฟซีนแล้วค่ะ หนักไปทางบู๊ขึ้นเรื่อยๆ
Setakan : หวังว่าถูกใจนะคะ
กุลธิดา : คุณกุลธิดาพูดเสียขำเลยค่ะ
สายลมที่พริ้วไหว : ขอบคุณค่ะ

 

ความเดิม ตอนที่ 8 ค่ะ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11764528/W11764528.html

 

==================================================

 

9

       

 

ในความมืดอันเป็นนิรันดร์ ความเงียบสงบอยู่เป็นเพื่อนคู่ใจ  ทุกอย่างนิ่งเงียบเป็นแผ่นน้ำที่ไร้การเคลื่อนไหว เนิ่นนาน...นานกว่าแผ่นน้ำจะไหวกระเพื่อมเป็นระลอกช้าๆ  ประสาทสัมผัสเริ่มตื่น เมื่อมีสัมผัสจากภายนอกกระตุ้นให้บังเกิดความรู้สึกนึกคิดในความมืดอันหนาวเย็น ร่างที่หนักอึ้งปานหินขยับเขยื้อนไม่ได้ ไร้เรี่ยวแรง มีแค่ความรู้สึกเท่านั้นที่เคลื่อนไหว

 

 

อา..นาน...นานแสนนานในห้วงนิทรา เวลาผ่านไปนานแค่ไหน โลกเป็นอย่างไรไปแล้ว คนที่คิดคำนึงถึงอยู่แห่งหนใด ใครอยู่เคียงกายบ้าง ใครมองดูอยู่?

 

 

หลายๆ คำถามร้อยพันไหลเวียนเหมือนสายน้ำที่ไหลหลาก มาอย่างรวดเร็วและจางหายไปเมื่อไร้กำลังแม้แต่จะคิด สุดท้ายก็จมดิ่งในความมืดอีกครั้ง ความคิดคำนึงจางหายดุจหิ่งห้อยอ่อนแรง ร่างกายยังถูกพันธนาการให้ไหลไปกับนิทราอันยาวนานไร้ที่สิ้นสุดต่อไป....

 

 

“ปราสาท ทูน ( Thun castle) ภาษาเยอรมันเรียกว่า Schloss Thun ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ 1191 โดยท่าน ดยุก Berchtold Von Zahringen และถูกครองครองโดยตระกูล Bernese ในปีค.ศ 1386 ปราสาทตั้งอยู่บนเนินเขา ด้านหลังของเมืองเก่า ตัวปราสาทถูกสร้างเป็นกำแพงสูงและประกอบด้วยป้อมปราการสามป้อม  อาคารกลางหลังคาทรงแหลมสีแดง อีกหนึ่งอาคารรูปทรงเดียวกับปราสาทนอยส์ชวานสไตน์อันมีชื่อเสียงของเยอรมัน ภายในปราสาทแห่งนี้ มีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ที่จัดแสดงเกี่ยวกัประวัติศาสตร์ของสวิตเซอร์แลนด์ในยุคต่างๆ  ซึ่งก็รวมถึงจัดแสดงเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ทางการทหารในยุคเก่าด้วยนะคะ” ไกด์สาวผมบลอนด์ ตาสีฟ้า บรรยายเสียงใสให้คณะนักท่องเที่ยวจากฮ่องกงอย่างคร่าวๆ  ท่ามกลางเสียงล้งเล้ง ภาษากวางตุ้งและเสียงแฟลชเป็นระยะ

 

 

ไกด์สาวพูดบรรยายไป ดวงตาพราวแพรวของเธอจ้องมองชายหนุ่ม ที่เด่นกว่าใคร ท่ามกลางคนหัวดำเดินขบวนตามกันเหมือนนกเพนกวิน ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กว่าใคร ผมสีน้ำตาลแดง เดินเด่นเป็นสง่าปะปนอยู่ท้ายขบวนและขึ้นบันไดหินไปอย่างเชื่องช้า อากาศวันนี้เย็นราวสององศา ท้องฟ้าปกคลุมด้วยหมอกจัดมองไม่เห็นยอดเขาหรือแม้แต่ยอดปราสาท

 

แมตต์ มองสำรวจไปทั่วเขารู้ตัวอยู่เหมือนกันว่า   รอยยิ้มของผู้หญิงหลายคนส่งมาให้เขาเพราะอะไร   ชายหนุ่มเองก็รู้สึกแปลกแยกทั้งๆ ถิ่นนี้เขาคุ้นเคยดี  แต่พอมาอยู่ท่ามกลางผู้คนตัวเล็กๆ  ผมดำพวกนี้แล้ว รู้สึกเหมือนหลงฝูงจริงๆ เขาหันมามองผู้หญิงข้างกาย 

 

 

ร่างอรชรของลูน่านั้นดูเข้มแข็งในแบบฉบับของตัวเอง ผมตรงยาวสีดำสลวย ลำคอขาวผ่อง ไม่มีรอยกัดอย่างที่คิด เขาเคยสงสัยว่าลูน่าถูกเแวมไพร์ต้นเรื่องกัดตรงไหน  มากระจ่างเอาก็ตอนที่ได้เห็นร่างเปลือยเปล่าของเธอถนัดตา

 

 

เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ในค่ำคืนนั้น  หัวใจของชายหนุ่มก็เต้นแรงขึ้นมา หากมองผิวเผินคงต้องบอกว่าอารมณ์มันพาไป หากลึกๆ แล้วมันเป็นเพราะในใจของเขาต้องการเธออยากสัมผัสผิวเนียนใต้ร่มผ้านั่น  ในช่วงจังหวะที่หญิงสาวอ่อนแอเธอยิ่งไร้แรงต้าน เปิดโอกาสให้เขากอดด้วยเสน่หาทางเพศ ดวงตาสีน้ำเงินราวไพลินน้ำงามนั่นลี้ลับราวความลับแห่งกาลเวลา แล้วยังกลิ่นอายหอมกรุ่นจากผิวกายที่ชวนลุ่มหลง ทั้งหมดนี้แวมไพร์สาวผูกมัดหัวใจของเขาเอาไว้แล้ว มันแน่นหนาเกินกว่าที่หญิงใดจะแทรกเข้ามาได้  รอยยิ้มของไกด์สาวผมบลอนด์จึงไม่ทำให้ชายหนุ่มเกิดความรู้สึกใดๆ

 

 

ว่าแล้วอุ้งมือใหญ่เอื้อมมาจับมือลูน่าไว้  เมื่อหญิงสาวหันไปมองก็ ดวงตาสีน้ำเงินใสมีความนัยบางอย่างที่อยากบอก

 

 

“เป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมเงียบไป”

 

 

“ฉันสบายดี ไม่มีอะไรหรอก” เธอดึงมือออกจากมือของเขา

 

 

“ลูน่าไม่สบตาผมเลยนะ ตั้งแต่ออกจากโฮแม๊ตมา มีอะไรหรือเปล่า?” แมตต์ ดึงให้เธอหันมาสบตา

“ไม่นี่ อันที่จริง..” เธอเว้นวรรคคล้ายลังเลที่จะพูด“จะว่าใช่...ก็ใช่อยู่หรอก แต่เราคิดถูกจริงๆ หรือที่มาที่นี่...”

 

 

“นี่ยังคิดไม่ตกอีกเหรอ” แมตต์เดา

 

 

“ข้างหน้านั้น...” ลูน่าพูดค้างอยู่แค่นั้น “อาจมีสิ่งที่เราต้องการ แต่.....มันใช่ทางออกแน่หรือ....แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นที่ไม่อาจควบคุมได้ เราอาจเสียใจทีหลังก็เป็นได้นะ”

 

 

“โธ่เอ้ย...” อีกฝ่ายทำเสียงเสียดาย จนลูน่างุนงง “นึกว่าคิดเรื่องผมอยู่เสียอีก เสียดายชะมัด”

 

 

“เสียดายอะไร?”  หญิงสาวงุนงง

 

 

“ผมนึกว่าลูน่ากำลังคิดถึงเรื่องคืนนั้นของเราเสียอีก”

 

 

“แมตต์ !!!” ลูน่าเสียงแข็งขึ้นมาทันที ใบหน้าขาวนวลนั่นแดงขึ้นมาทันที

 

 

“ล้อเล่นน่า...กังวลเรื่องผมใช่ไหม หน้าเธอมันฟ้อง” แวมไพร์สาวหันหน้าหนีด้วยความแง่งอน ดูซิเธออุตส่าห์เป็นห่วงเขาแท้ๆ ยังจะมาล้อเล่นกันได้

 

 

“โอเคๆ ๆ  ไม่พูดก็ได้ รู้ไหม สมัยเด็กผมเคยเห็นคนตายมากับตา” จู่ๆ ก็เปลี่ยนไปเรื่องอื่น ลูน่ามองหน้ารู้สึกว่าเขาไม่เคยตามผู้ชายคนนี้ทันเลยจริงๆ 

 

 

“ผมเป็นเด็กขี้กลัวนะ ตอน 5-6 ขวบ ผมเห็นผู้ชายเร่ร่อนคนหนึ่งนอนหนาวอยู่ข้างทางในเมือง หิมะหนาอากาศหนาวจับใจ เขาคนนั้นมีเสื้อบางๆ กับลังกระดาษป้องกันความหนาว เนื้อตัวสกปรกไปหมด ผู้คนเดินผ่านไปมาไม่มีใครเหลียวมองเขาสักคน ผมผ่านไปและมองตาเขา มันเป็นสีฟ้าที่ใสเอามากๆ เหมือนท้องฟ้าใสในฤดูร้อน เขาขอเศษเงินจากผม แต่ผมก็ไม่กล้าให้ เช้าวันรุ่งขึ้น ผู้ชายคนนั้นหนาวตายตรงที่เดิมที่เขานอน ผมคิดเสมอว่านี่เป็นความผิดของผม”

 

 

        ลูน่าฟังเขาเล่าพยายามจินตนาการไปถึงนัยน์ตาสีฟ้าที่ว่าเหมือนท้องฟ้าฤดูร้อน   ในยามฟ้ากระจ่างชัดสดใส    แต่ไม่ว่านึกเท่าใดภาพที่ปรากฏขึ้นแจ่มชัดยังคงเป็นดวงตาสีฟ้าของคนที่ยืนอยู่ข้างตัวมากกว่า

 

 

        “เรื่องนี้จำติดอยู่ในหัวผมเสมอมา คิดว่าชีวิตเขาคนนั้นอาจเปลี่ยนไปสักนิด ถ้าคืนนั้นผมให้เงินเขา มันอาจจะไม่ติดค้างในใจผมเลยก็ได้....และตอนนี้ผมคงติดค้างในใจไปชั่วชีวิต ถ้าปล่อยคุณไป”

 

 

แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 55 00:11:24

จากคุณ : นวลน้ำผึ้ง
เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 00:05:12




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com