Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ทะเลดอกไม้ไฟ [ตอนที่สิบหก] ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ สิบหก

ห้องทรงพระอักษรของเจ้าชายฟารินอสถูกเปิดออกโดยทหารรักษาพระองค์ที่เฝ้าอยู่หน้าบาน
พระทวาร ก่อนจะปิดสนิทในทันทีเมื่อพระราชอาคันตุกะที่ทรงมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าเดินก้าวเข้ามาช้าๆ  คาจาร์ค้อมศีรษะถวายความเคารพ ก่อนเงยหน้าขึ้นสบดวงพระเนตรคมดุของเจ้าชายรัชทายาทซึ่งมีฐานะเป็นผู้นำประเทศในขณะนี้ที่ทรงทอดมองมา

“นั่งก่อนสิ  คาจาร์”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท   นับเป็นเกียรติอย่างสูงในชีวิตของกระหม่อมที่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระองค์แบบใกล้ชิดเช่นนี้ ชาตินี้กระหม่อมจะไม่มีวันลืม”

แม้ว่าทุกคำพูดจะฟังดูเหมือนเปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดี หากแววตากลับฉายแววความท้าทายอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจและบารมีของผู้มีฐานะเป็นถึงมกุฏราชกุมารสักนิด  

“เราจะไม่อ้อมค้อม   เพราะเรามีเวลาไม่มาก   เรารู้ว่าท่านกับพวกพ้องไม่พอใจเรื่องโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกฯ อันที่จริง ท่านไม่พอใจตั้งแต่เราได้รับการสถาปนาให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้ว  ท่านก็เลยทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางการทำงานของเรา  แต่เราคิดไม่ถึงจริงๆว่า ท่านจะใช้วิธีสร้างสถานการณ์ความไม่สงบให้ประชาชนส่วนใหญ่พลอยเดือดร้อนไปด้วย  นี่มันเป็นวิถีของอันธพาล ไม่ใช่ปัญญาชน…”

“ประเดี๋ยวก่อน ฝ่าบาท”

คาจาร์กล่าวแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ทำไมพระองค์รับสั่งเหมือนกระหม่อมอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในคืนวันเปิดงานเทศกาลทะเลดอกไม้ไฟ โดยไม่มีหลักฐานใดๆเลยล่ะ”

“ท่านทำอะไรลงไปก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจนะ คาจาร์”

พระสุรเสียงที่รับสั่งนั้นเรียบเฉย ท่าทีของพระองค์ดูสงบนิ่ง ไร้ความรู้สึกจนอีกฝ่ายเริ่มหวั่นใจขึ้นมาเฉยๆ

“กระหม่อมชักสงสัยว่านี่เองหรือ คือการแก้ปัญหาของฝ่าบาท  จริงอยู่ที่กลุ่มของกระหม่อมมีความขัดแย้งทางความคิดเรื่องนโยบายของพระองค์   แต่การสร้างความไม่สงบและสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนเพราะไม่พอใจในแนวทางการทำงานโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกฯ คงไม่ใช่วิถีทางของกระหม่อมและพวกพ้องแน่นอน”

“ท่านแน่ใจแล้วนะ  ที่พูดออกมาแบบนี้”

คาจาร์รู้สึกถึงความเย็นเฉียบไปทั่วร่าง ดวงพระเนตรของเจ้าชายฟารินอสที่ทรงจ้องมองคล้ายจะสาปให้เขากลายเป็นหินได้อย่างไม่น่าเชื่อ  ทั้งที่ยังทรงอ่อนพระชันษา ทว่าเมื่อได้มาเผชิญพระพักตร์ด้วยตัวเองแล้ว  เขาถึงเข้าใจว่า รัศมีแห่งอำนาจที่เปล่งออกมาจากวรกายของพระองค์ชวนให้ หวาดหวั่นเพียงใด  

“กระหม่อมไม่เคยใช้ประชาชนเป็นเครื่องมืออยู่แล้ว งานทุกอย่างยึดถือความซื่อตรงเป็นหลักเสมอมา   ถ้าพระองค์จะพอทราบประวัติการทำงานเพื่อประเทศชาติของกระหม่อมมาบ้าง”

เจ้าชายฟารินอสทรงนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะขยับพระวรกายจากเก้าอี้ ไปที่อีกมุมของห้อง ซึ่งมีจอโปรเจคเตอร์ติดตั้งอยู่

“ถ้าท่านยืนยันเช่นนั้น เราก็คงต้องให้ดูความจริงข้อนี้กันหน่อย”

ตรัสพลางหยิบรีโมทคอนโทรลมากดเพื่อแสดงภาพ ในขณะที่คาจาร์ยังคงไม่ค่อยเข้าใจนักว่าอะไรเป็นอะไร จนกระทั่ง เมื่อภาพบนจอปรากฏแก่สายตา  เขาก็เบิกตากว้าง และมีการตะลึงงัน ด้วยความตกใจสุดชีวิต
เป็นภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดจากที่ไหนก็ไม่อาจรู้  รู้แต่เพียงว่า ผู้ชายที่ถูกจับมัดมือมัดเท้าตรึงกับเก้าอี้อยู่ในภาพนั้นก็คือ เดยัน บุตรชายบุญธรรมของเขานั้นเอง

“นี่มันหมายความว่าอย่างไรกระหม่อม”

คาจาร์ถามละล่ำละลัก  

“จำลูกชายบุญธรรมตัวเองไม่ได้หรือ   เขาสารภาพกับอาร์กฟาหมดเปลือกแล้วว่า  ได้ทำอะไรลงไปบ้าง ท่านคงลืมไปกระมังว่า เดยันเคยเรียนหลักสูตรประดิษฐ์ดอกไม้ไฟในชั้นเรียนเดียวกับอาร์กฟา  คงไม่ยากที่จะหาตัวคนที่มีฝีมือทางด้านการประดิษฐ์วัตถุพวกนี้”

ทว่า เจ้าชายฟารินอสไม่ได้ตรัสถึงรายละเอียดที่ลึกลงไปให้คาจาร์ได้ฟังหรือรับรู้ ก็ตั้งแต่เกิดเหตุลอบวางระเบิดในงานประมูลงานก่อสร้าง  เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน นำกล้องวงจรปิดมาตรวจดูโดยละเอียด แม้จะมีกล้องบางตัวถูกทำลายพังเสียหายส่วนหนึ่ง หากส่วนที่เหลือก็มีปรากฏให้เห็นด้านหลังของบุคคลซึ่งทุกคนคาดว่าจะเป็นหนอนบ่อนไส้ คอยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ก่อความไม่สงบ  ผู้ต้องสงสัยว่าเข้าข่ายจะเป็นบุคคลคนนั้นทุกคนถูกนำตัวมาสอบสวนจนได้ทราบความจริงในที่สุดว่า  ถูกจ้างวานเป็นค่าตอบแทนมูลค่ามหาศาลจากเดยัน ผู้ที่มีวิธีป้องกันตนเองจากหลักฐานการซื้อขายวัตถุระเบิด ด้วยการประดิษฐ์มันขึ้นมาด้วยตนเอง  เจ้าชายฟารินอสทรงทราบข้อมูลมาจากเจ้าชายอาร์กฟาว่า สมัยเรียนหลักสูตรการประดิษฐ์ดอกไม้ไฟซึ่งเป็นหนึ่งในรายวิชาบังคับในระดับปริญญาตรี เดยันที่เรียนมาทางด้านเคมีและค่อนข้างฉลาดเฉลียว ได้ทำให้เพื่อนร่วมคลาสเรียนตระหนักถึงความเป็นอัจฉริยะในการคิดค้นและประดิษฐ์วัตถุประเภทดอกไม้ไฟรวมถึงอาวุธจากความคิดสร้างสรรค์ของตนเองจนเป็นที่กล่าวขานกันไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย  เจ้าชายฟารินอสจึงมีรับสั่งให้เจ้าหน้าที่ผู้มีความชำนาญในการสะกดรอยคอยติดตามความเคลื่อนไหวของเดยันไปทุกหนทุกแห่งตั้งแต่วันนั้น  ทว่า ก็ยังเกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงขึ้นจนได้ เมื่อเดยันไม่ได้ไปเป็นผู้ซ่อนขวดระเบิดตามแนวชายหาดด้วยตัวเอง  แต่ใช้การวางแผนล่วงหน้าโดยการส่งลูกน้องไปวันละคน จนถึงวันเปิดงาน  

“ฝ่าบาททรงใช้อำนาจในทางมิชอบ จับลูกชายกระหม่อมไปกักขังไว้เช่นนี้ได้อย่างไร  พระองค์กำลังทำไม่ถูกต้อง”

“ถ้าตัวท่านยังแยกแยะคำว่าถูกต้องหรือไม่ถูกต้องไม่ได้ ก็ไม่ควรมากล่าวหาเรา  ปัญหาทุกอย่าง ฝ่ายของท่าน
เริ่มก่อนทั้งนั้น  แล้วจะให้เราอยู่เฉยๆ ปล่อยให้ปัญหาลุกลามใหญ่โตไปเรื่อยจนแก้ไขอะไรไม่ได้งั้นหรือ  ท่านทำอะไรลงไป ก็ได้ผลตอบแทนเช่นนั้นแหละคาจาร์  ท่านเล่นไม่ชื่อกับเราก่อน แล้วทำไมเราจะทำเช่นนั้นบ้างไม่ได้ล่ะ”

คาจาร์กำมือแน่น ดวงตาวาวโรจน์อย่างแค้นจัด  ยิ่งเห็นท่าทีไม่ทุกข์ร้อนของเจ้าชายฟารินอส ก็ยิ่งเจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้เลย  

“ขั้นตอนต่อไปก็คือ การดำเนินการทางกฏหมายกับท่านและผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้น”

“ไม่มีทาง  กระหม่อมไม่ยอมรับข้อกล่าวหาของพระองค์เด็ดขาด เรื่องทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับกระหม่อม ไม่มีหลักฐานใดๆเลยที่บ่งบอกว่ากระหม่อมเป็นคนทำ  หรือถ้าจะยึดถือเอาคำสารภาพของเดยัน  กระหม่อมก็พร้อมจะให้ทนายความมาต่อสู้ทางกฏหมายให้ถึงที่สุด”

“หมายความว่าทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นการวางแผนของเดยัน โดยไม่เกี่ยวข้องกับท่าน  และท่านก็จะปล่อยให้ลูกชายเผชิญชะตากรรมคนเดียวใช่หรือไม่”

คาจาร์ไม่ตอบอะไรอีก  อารมณ์ของเขาคุกรุ่นจนแทบระงับความรู้สึกที่อัดแน่นในใจไว้ไม่อยู่ เอาเถอะ วันนี้ไม่ใช่วันของเขา  เขาประมาทเจ้าชายพระองค์นี้เกินไปจนเสียท่าถูกจับได้ ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมดที่คิดว่าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ หากตอนนี้กลับตรงกันข้าม   แต่จะให้เขายอมแพ้ง่ายๆนั้น ไม่มีทาง

“กระหม่อมจะขอต่อสู้เพื่อเดยันในชั้นศาล ขอเพียงแต่ พระองค์อย่าใช้ศาลเตี้ยกับอำนาจอันล้นฟ้ากับเขาก็แล้วกัน หวังว่าจะทรงพระทัยกว้างพอ”

“ท่านคงออกคำสั่งกับคนอื่นจนเคยชิน และลืมไปแล้วว่ากำลังพูดอยู่กับใคร  อย่าบังอาจมาต่อรองกับเรา  จำใส่กะโหลกเอาไว้”

พระสุรเสียงยังคงราบเรียบแม้ถ้อยคำที่รับสั่งจะทำให้คนฟังต้องอึ้งไปชั่วขณะก็ตาม

“กลับไปได้แล้ว เรามีธุระกับท่านเท่านี้แหละ”

“ถ้าเช่นนั้น กระหม่อมขอทูลลา”

ทั้งที่อยากจะพูดอะไรมากกว่านี้ แต่คาจาร์ก็เลือกที่จะกล่าวอำลาสั้นและถวายความเคารพก่อนจะกลับไปวางแผนการเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับบรรดาที่ปรึกษาคนสนิทของตน


….


มาร์ลิคเดินทางมาถึงโรงพยาบาลประจำเมืองไซเบิ้ลในตอนหลังเที่ยง หลังจากตลอดช่วงเช้า เขาในฐานะประธานองคมนตรีตัวแทนพระองค์ ได้เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวของผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิดที่งานเทศกาลทะเลดอกไม้ไฟทุกคนเพื่อแจ้งให้พวกเขาทราบว่า ทุกครอบครัวจะได้รับการดูแลช่วยเหลือเป็นอย่างดีในทุกๆเรื่อง ทุกๆความต้องการ เรียกได้ว่าจะอยู่ในพระอุปถัมภ์ จนกว่าผู้บาดเจ็บจะหายเป็นปกติดี  มาร์ลิคพร้อมผู้ติดตามทำกระเช้าเยี่ยมไข้เข้าไปเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บราวๆ ห้าสิบ คน ในห้องพักตั้งแต่คนแรกถึงคนสุดท้าย ซึ่งใช้นานหลายชั่วโมง  เล่นเอาเขาเหนื่อยแทบหมดแรงกว่าจะจบสิ้นภารกิจวันนี้

“เหลือคนสุดท้ายแล้วใช่มั้ย”

มาร์ลิคถามผู้ติดตามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ  เมื่อมาถึงห้องพักผู้ป่วยด้านในสุดของตัวอาคาร

“ครับท่าน  เธอไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่ที่ยังอยู่ที่นี่เพราะมีอาการไข้หวัดแทรกซ้อน  ถ้าผมจำไม่ผิด เธอคือลูกสาวบุญธรรมของคาจาร์ ที่ชื่อว่าเนเนสต์ครับ”

ได้ยินข้อมูลแล้วมาร์ลิคก็หันไปสั่งผู้ติดตามทุกคนทันที

“ผมจะเข้าไปพบคุณเนเนสต์ตามลำพัง พวกคุณทั้งหมดกลับไปพักผ่อนได้  วันนี้หมดหน้าที่แล้ว”

เมื่อเปิดประตูห้องพักเข้าไป เขาก็พบร่างในชุดผู้ป่วยโรงพยาบาลของหญิงสาวกำลังยืนมองไม้แขวนในกระถางที่ประดับอยู่ตรงหน้าต่างห้องด้วยอาการเหม่อลอย  

“สวัสดีครับ คุณเนเนสต์”

“คุณมาร์ลิค…”

หญิงสาวหันมาตามเสียงและเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงทั้งดีใจและแปลกใจ

“ผมมาเยี่ยมครับ  คุณเป็นอย่างไรบ้าง ทราบว่ามีอาการไข้”

จากคุณ : Travel to the moon
เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 15:56:32




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com