Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
พันตะวันสาดแสงรัก 1 : เจอครั้งแรกกับเรื่องยุ่งๆ ติดต่อทีมงาน

บทที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11808636/W11808636.html#3

บทที่  1


ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ผู้คนในร้านค่อนข้างบางตาอาจเป็นเพราะเป็นวันทำงานและยังไม่ดึกนัก บนเวทีนักร้องหญิงกำลังกล่อมแขกด้วยเพลงสากลฟังสบายนุ่มหู ที่โต๊ะหนึ่งห่างจากเวทีมากพอสมควร ชายหนุ่มสี่คนนั่งกระดกแก้วเบียร์พลางพูดคุยกันอย่างออกรสโดยไม่ให้ความสนใจกับดนตรีเท่าใดนัก

“เอ๊า! ชนอนุญาตชนหน่อยครับพี่ๆ นานๆ เจอกันที” ชายหนุ่มหน้าคมเหมือนแขกผสมฝรั่งกระตุ้นคนอื่นเมื่อเห็นส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่การสนทนากันมากกว่า

“เบาๆ หน่อยรุจน์  จะเดินทางกลับเขตฯ เร็วกว่าคนอื่นไม่ใช่หรือ เดี๋ยวก็ลุกไม่ไหวหรอก เครียดจัดเรื่องไม้พะยูงมากหรือไงถึงได้ชนเอาชนเอาอย่างนี้”

พันตะวัน รันตนเลิศ หรือโต หัวหน้าหน่วยจัดการต้นน้ำขุนดงจากจังหวัดเชียงใหม่เตือนรุ่นน้องที่เรียนจบคณะวนศาสตร์เหมือนกันและเป็นผู้ช่วยเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยแชไปรในแถบภาคอีสานใต้อย่างหมั่นไส้แกมห่วงเพราะรู้ดีว่ารุจน์คออ่อนที่สุดในกลุ่มเวลานี้

“ไม่เครียดก็เกินไปแล้วพี่ ออกปราบทุกวัน ปะทะกันก็บ่อย ไหนจะต้องระวังระเบิดอีก แต่ไม่เป็นไรครับพี่ เดี๋ยวพอใกล้เมาผมก็จะเพลาๆ เอง ไม่ปล่อยให้เมาจนหัวทิ่มหรอก ขอซดให้หายเครียดก่อนกลับไปลุยงานต่อหน่อยเถอะ”

“เออ... เอาเหอะ สู้ต่อไปน้องเอ๋ย เพียงแต่ว่าถ้านายรู้ตัวก่อนก็คงดีหรอก แต่ที่ผ่านมาฉันเห็นคอพับก่อนจะรู้ตัวว่าเมาทุกที” วนาสณฑ์เย้า

เสียงคมกฤชเพื่อนร่วมรุ่นของวนาสณฑ์หัวเราะก่อนจะเอาแหย่ผู้เป็นเพื่อนบ้าง “ใครจะเหมือนนายล่ะไอ้สน ตั้งแต่มีเมียนี่ คออ่อนลงตั้งเยอะนะ สงสัยจะโดนเมียคนสวยคุม ว่าไงล่ะ...น้องฝากฟ้าคนสวยดุมากเหรอวะ”

วนาสณฑ์ส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เพียงแต่เขาเป็นห่วง ฉันก็เลยต้องเพลาๆ เพื่อความสบายใจ”

“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดอย่างโน้นอย่างนี้ ที่แท้ก็กลัวเมียแหละว้า”

“ไม่กลัวแต่คนมันรักโว้ย” คนอื่นหัวเราะครืนเพราะคำพูดตรงๆ แบบไม่มีอ้อมค้อมหรือวางฟอร์มของหนุ่มที่เพิ่งแต่งงานได้ไม่นานหลังจากหวงความโสดมาจนอายุสามสิบหกปี

“ไม่ต้องหัวเราะกันเลย มีเมียเมื่อไหร่แล้วจะรู้ว่ารักและยอมได้ทุกอย่างเพื่อเมียน่ะเป็นยังไง แล้วจะรอดู... โดยเฉพาะพวกหนุ่มโสดปากจัดเจ้าคารมทั้งหลาย” หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูผาชันว่าพลางชี้นิ้วไปยังรุ่นน้องรุจน์กับพันตะวัน

แม้จะไม่ใช่รุ่นเดียวกัน แต่จากการได้รู้จักและอยู่ในวงการเดียวกันก็พอจะรู้คราวจากผู้หญิงในรุ่นเดียวกันว่าพันตะวันนั้นเจ้าคารมและเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์มาแต่ไหนแต่ไรแล้วแต่ยังไม่มีใครที่เขาคบจริงจังสักคน ส่วนรุจน์นั้นค่อนข้างจะขรึม เรื่องผู้หญิงไม่ค่อยมีข่าวแต่ไปดังเรื่องข่าวการปะทะกับกองกำลังตัดไม้พะยูงมากกว่า แต่คนขรึมอย่างรุจน์ประโยคที่ยิงออกมาแต่ละครั้งก็หนักหน่วงจนบางคนทำเอาหลายคนคาดไม่ถึงเหมือนกัน

“เหรอครับพี่ แหม...ผมก็ชักอยากจะรู้เสียแล้วสิว่าถ้าหากตัวเองมีเมียแล้วจะเป็นอย่างพี่สนว่าหรือเปล่า”

“เลือกๆ เอาซักคนสินายโต เห็นเพื่อนรุ่นเราบอกว่ากำลังเนื้อหอมไม่ใช่เหรอ ทั้งครู ทั้งแม่ค้า ทั้งเจ้าหน้าที่โครงการหลวง ระวังนะเลือกมากจะโดนสาวๆ แถวนั้นจับเอา เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าคนที่รักไม่ได้แต่ง แต่ไอ้ที่แต่งด้วยกลับไม่ได้รัก” คมกฤชแซวรุ่นน้อง

พันตะวันโบกมือว่อน “ไม่มีทางครับพี่ ถ้าผมไม่ชอบไม่รักผมไม่ยอมให้มาอยู่ใกล้ผมหรอก”

“แน่ะ ปากดีเสียด้วย” คมกฤชว่า แล้วคนทั้งโต๊ะก็หัวเราะเสียงดัง

เสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์จากนักร้องบนเวทีพร้อมกับเสียงปรบมือจากโต๊ะหนึ่งห่างออกไปสองโต๊ะทำให้ทุกคนหันไปมองแทบจะพร้อมกันแต่แค่เพียงแวบเดียวเท่านั้นก็หันกลับมาสนใจกับเครื่องดื่มและการพูดคุยเช่นเดิม ยกเว้นพันตะวันที่หันไปเป็นรอบที่สองเพราะดวงตากลมโตกับรอยยิ้มกระจ่างใสของหญิงสาวที่นั่งหันหน้ามาทางเขา ตรงหน้าเธอมีเค้กจุดเทียนสว่างไสวตั้งอยู่ ขนาบข้างด้วยผู้หญิงคนหนึ่งกับผู้ชายอีกสองคนซึ่งทั้งหมดต่างกำลังปรบมือเป็นจังหวะเข้ากับเสียงเพลง

สวยคมดี เหมือนสาวแขก

เขานึกได้แค่นั้นก็ยักไหล่แล้วเลิกให้ความสนใจ ก่อนจะหันกลับมายกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม ราวกับจะกลืนความรู้สึกบางอย่างลงไป ความรู้สึกที่เจือจางลงไปเกือบหมดแล้ว แต่พอมีเหตุการณ์มาสะกิดก็อดจะนึกถึงไม่ได้

ก็ไม่ใช่วันคล้ายวันเกิดหรอกหรือที่แม่จากเขาไปทั้งที่เขาเอารูปวาดลายเส้นดินสอฝีมือตัวเองไปให้ท่านดูหวังจะให้ท่านเอ่ยชม โอบกอดลูบหลังไหล่เขาอย่างรักใคร่สักนิด แต่แม่ไม่สนใจรูปวาดเลยและทิ้งเขาไปแต่งงานใหม่อยู่ที่กรุงเทพฯ และมีลูกสาวกับสามีใหม่หนึ่งคน นานๆ ทีจะพาลูกสาวท่าทางเจ้าอารมณ์กลับมาเยี่ยมบ้าน น้องสาวต่างพ่อที่เขารู้มาพอเลาๆ ว่าแต่งงานไปแล้ว

ความคิดเขาสะดุดลงเมื่อมีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น

“โต๊ะนั้นมีอะไรวะนั่น” เสียงคมกฤชบวกกับการสะกิดที่แขนทำให้พันตะวันหันไปยังโต๊ะซึ่งกำลังฉลองงานวันเกิด จึงทันได้เห็นภาพหญิงสาวสวยคมสะดุดตาเขาถูกกระชากขึ้นยืนและตบจนหน้าหัน

เขาเบิกตากว้าง เมื่อหญิงสาวที่มาใหม่และทำให้โต๊ะนั้นกลายเป็นจุดสนใจคือวิมลิน น้องสาวต่างมารดาของเขาเอง

“หยุดนะวิม ทำอะไรน่ะ” เสียงผู้ชายหนึ่งในโต๊ะนั้นพูดขึ้นเสียงดังลั่นไปทั่วทั้งร้าน แขกในร้านต่างมองไปเป็นจุดเดียว

“เพราะผู้หญิงคนนี้ใช่ไหม พี่ก้องถึงเปลี่ยนไป” ผู้หญิงที่มาใหม่ตวาดแหวกลับทันที

“พูดอะไรกัน นี่พี่ๆ น้องๆ กันทั้งนั้น อย่าเข้าใจผิดสิ กลับบ้านเถอะวิม”

“เข้าใจผิดตรงไหน ท่าทางอี๋อ๋อกันกลางร้านอาหาร มองมันด้วยสายตายังกับจะกลืนกิน ลืมไปแล้วเหรอว่าตัวเองแต่งงานแล้ว”

“ไปกันใหญ่แล้ว คิดมากไปได้ ไม่เห็นเหรอว่าเรามากันหลายคน”

“พวกนี้ก็เพื่อนกันรู้เห็นเป็นใจกันทั้งนั้นแหละ” วิมลินตวาดเสียงห้วนดังอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม

“เธอบ้าไปแล้ววิมลิน พวกเราเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องและรู้จักกันมานานก่อนจะรู้จักเธอเสียอีก กะอีแค่มาฉลองวันเกิดให้ยัยผึ้ง มันชวนให้คิดอกุศลได้ขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้ามากันสองคนพวกเราจะไม่ว่าเลย”

กิรณา หญิงสาวผมสั้นหน้าหมวยโต้กลับอย่างเดือดดาลเมื่อเพื่อนสาวถูกจู่โจมด้วยฤทธิ์แรงหึง

“รุ่นพี่รุ่นน้องนี่แหละตัวดีนัก ไปกินข้าวด้วยกันแต่ขากลับให้พี่ก้องไปส่งนังผึ้งที่บ้านสองต่อสอง คิดเหรอว่าฉันไม่รู้ ต่อให้ไม่เห็นกับตาแต่อย่าคิดนะว่าไม่มีคนเห็น แล้วที่ลับหลังเพื่อนฉันไม่เห็นน่ะมันอีกกี่ครั้งกันล่ะ”

“ประสาทแล้วยัยวิม พี่ก้องเคยไปส่งพวกเราที่บ้านและคนที่ถูกส่งคนคนแรกคือฉัน ตามด้วยผึ้งและสุดท้ายคือน้ำปิง เพื่อนเธอคงมองไม่เห็นน้ำปิงล่ะสิถึงได้เดามั่วซั่วสุ่มสี่สุ่มห้า” กิรณายังออกรับแทนเพื่อนที่ยืนกำเก้าอี้แน่น

“แกไม่ต้องมาแก้ตัวแทน”

ก้องกานต์เหลียวมองรอบตัวด้วยความอับอาย เขาจับมือภรรยาสาวเจ้าอารมณ์ไร้เหตุผลแน่นแล้วเค้นเสียงลอดไรฟัน “พอได้แล้ววิม อายเขาบ้าง กลับเดี๋ยวนี้” พูดจบก็รั้งแขนเล็กห่างจากโต๊ะ

“ไม่ ปล่อยนะพี่ก้อง” วิมลินดิ้นรน

พันตะวันมองตามชายที่พยายามฉุดมือของวิมลินผู้เป็นภรรยาออกไปอย่างยากลำบากเนื่องจากฝ่ายหญิงยังดึงดันจะอยู่อาละวาดต่อ ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่ยังคงยกมือขึ้นกุมใบหน้ายืนนิ่งอึ้ง จากแสงไฟที่ตกกระทบทำให้เขาเห็นเธอเม้มปากจนเป็นเส้นตรง สีหน้าซีดเผือด คงจะอับอายและไม่อาจทนอยู่ได้เพราะเธอหมุนตัวเดินออกไปจากตรงนั้นแทบจะทันทีโดยมีผู้หญิงอีกคนวิ่งตามออกไปจากร้านโดยมีผู้ชายผิวขาวผมยาวสาวเท้าตามอย่างรวดเร็ว

“ผัวหนุ่มเมียสาว หึงกันกลางร้านอาหารไม่ได้มีอายเล๊ย” คมกฤชเอ่ยขึ้นโดยไม่เจาะจงว่าพูดกับใคร

“เราไม่รู้กับเขาหรอกนะครับพี่ บางทีผู้หญิงสมัยนี้ต่อให้รู้ว่าผู้ชายมีลูกมีเมียแล้วแต่ฉันจะเอาเสียอย่าง ใครจะทำไม ในเมื่อได้ทั้งเงินได้ทั้งความสนุก” รุจน์แสดงความเห็น

“มันต้องดูฝ่ายชายด้วย ของอย่างนี้ตบมือข้างเดียวก็คงไม่ดังหรอก ถ้าผู้ชายไม่รู้จักพอ หลายใจ มาเจอผู้หญิงอย่างที่รุจน์ว่าก็อย่างว่าแหละนะ สุดท้ายก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ต้องเลิกรากันไปขืนทนอยู่ก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น” วนาสณฑ์เสริมบ้าง

ริมฝีปากของพันตะวันกระตุกรอยยิ้มเหยียด เขาไม่รู้หรอกว่าครอบครัวแตกแยกของคนอื่นเป็นยังไง แต่เขาได้ลิ้มรสของการเป็นเด็กที่พ่อแม่แยกทางกันมาแล้วโดยมีผู้หญิงคนอื่นมาพัวพัน แม้จะไม่รู้สาเหตุจริงๆ แต่เขาก็คิดว่าผู้หญิงคนนั้นคงมีส่วนอยู่บ้างหรอก ถึงจะเป็นแค่ความสุขชั่วครู่ชั่วยามแต่อาจเป็นจุดแตกหักของความสัมพันธ์ของครอบครัวก็ได้

บางที...ผู้หญิงตาโต ผมดำหยักศกซึ่งถูกน้องสาวเขาตบ อาจเป็นผู้หญิงอย่างที่รุจน์ว่าก็เป็นได้ ใครจะไปรู้

                         *****************

พันตะวันเงยหน้ามองป้ายร้านขายภาพวาดที่ชื่อ ‘รักภาพ’ ก่อนจะใช้มือผลักประตูเข้าไป เขาตั้งใจว่าจะมาเลือกภาพวาดสีน้ำมันเพื่อเป็นของขวัญให้กับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่นับถือเนื่องในโอกาสจะโยกย้ายไปทำงานที่อื่น ก่อนหน้านี้ได้สอบถามกับพนักงานของโรงแรม พนักงานจึงแนะนำให้มาร้านนี้เพราะเป็นร้านที่อยู่ใกล้กับโรงแรมที่เขาพัก พอก้าวเข้าไปยืนท่ามกลางภาพที่ตั้งโชว์ก็ไม่ได้ตั้งใจมองหาเจ้าของร้านหรอกแต่บังเอิญเหลือบไปเห็นพนักงานหญิงสองคนยืนคุยกันอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พอหันมาเห็นเขาหนึ่งในสองคนนั้นจึงเดินมาหาพร้อมกับเปิดรอยยิ้มกว้าง

“สนใจภาพไหน หรือต้องการภาพแนวไหนสอบถามได้นะคะ”

พนักงานสาวสวยในร้านเอ่ยเสียงไพเราะอ่อนหวาน แต่ทำไมพันตะวันรู้สึกว่ามีอะไรกังวลอยู่ในสีหน้านั้น เขายิ้มตาพราวตอบกลับไป

“ผมอยากได้ภาพธรรมชาติสวยๆ ราคาปานกลาง ไม่จำเป็นต้องเป็นของศิลปินมีชื่อเสียง พอจะมีไหมครับ”

“ภาพธรรมชาติหรือคะ มีค่ะ ทางนี้เลยนะคะ คุณกิรณากับคุณผึ้งวาดไว้สวยๆ มีหลายภาพเลยค่ะ ของคุณน้ำปิงกับคุณก้องก็มีค่ะ”

ว่าแล้วก็พนักงานก็ผายมือเชิญลูกค้าหนุ่มไปยังจุดที่โชว์ภาพตามแนวที่ต้องการพร้อมกับนึกในใจ นี่หากเป็นคนอื่นใส่เสื้อคอโปโลสีขาวกับเสื้อแจ็คเก็ตสีดำสวมกางเกงยีนก็คงดูธรรมดาแต่นี่คนใส่มีรูปร่างสูงมากประมาณร้อยแปดสิบเซนติเมตรได้กระมัง ประกอบกับรูปหน้าคมสัน คิ้วดกดำ เลยทำให้รวมๆ แล้ว พนักงานต้อนรับไม่ลังเลเลยที่จะดูแลอย่างดี

“ใครเหรอครับผึ้ง เป็นเจ้าของร้านนี้หรือ”  เพราะอิทธิพลของจดหมายฉบับที่เพิ่งได้มาจากบิดาหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจทำให้พันตะวันนึกถึงชื่อ ‘ผึ้ง’ ก่อนใครอื่น เขาถามตามด้วยเปิดรอยยิ้มให้พนักงานของร้าน

เคยมีเพื่อนบอกว่าเขามีรอยยิ้มกระชากใจสาวๆ ความจริงแล้วเขาไม่ได้รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าจะมีรอยยิ้มแบบนั้น แต่เมื่อได้รู้จึงเกิดความสุขเล็กๆ อันเป็นธรรมดาของผู้ชายก็เป็นได้ที่เห็นสายตาชื่นชมและหลงใหลมาจากคนหลายคนโดยเฉพาะสาวๆ

“เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งค่ะ อีกคนหนึ่งคือคุณก้องกานต์เป็นรุ่นพี่ของคุณผึ้งค่ะ นั่นไงคะ คุณผึ้งมาพอดี”

พันตะวันหันไป แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นร่างเพรียวบางผมยาวหยักศกในชุดเรียบๆ ด้วยเสื้อยืดสีขาวเพนท์ลายดอกไม้กับกางเกงยีนสีซีดเดินออกมาจากทางด้านหลังร้าน เขาขมวดคิ้วและจับสายตาอยู่ที่เธอจนกระทั่งใบหน้าเรียวสวยคมหันมาสบตาด้วย

นัยน์ตาคู่นั้นไม่ได้แจ่มใสเท่าที่ควร เขาค่อนข้างเชื่อแน่ว่าเป็นคนเดียวกันกับหญิงสาวซึ่งถูกตบเมื่อคืน ยิ่งเธอสาวเท้ามาใกล้หลังจากสบตากับพนักงานของร้าน เพราะอะไรก็ไม่รู้ถึงได้จดจำได้แม่นยำนักก็ไม่รู้สิ แต่สุดท้ายก็สรุปเอาเองว่าโวยวายกันดังลั่นร้านขนาดนั้นเป็นใครก็คงจำได้เหมือนเขา

“เขาบอกว่าภาพธรรมชาติพวกนี้คุณวาดเองหรือ” เขาถามขึ้นก่อนเมื่อเธอหยุดยืนตรงหน้าเขา

“ใช่ค่ะ คุณชอบภาพไหนหรือคะ”

“แล้วคุณล่ะครับชอบภาพไหน” เขาไม่ตอบแต่ถามเธอกลับหน้าตาเฉย

หญิงสาวขมวดคิ้ว นึกในใจว่าลูกค้าคนนี้จะมาไม้ไหนกัน “คุณหมายถึงภาพที่ฉันวาดเอง หรือว่าภาพทั้งหมดในร้านคะ”

“ก็...ภาพวาดทั่วๆ ไปครับ ไม่เจาะจงว่าจะเป็นแนวไหน คือ...คุณชอบภาพของใครอย่างนี้ดีกว่า”

“ถ้าถามฉัน ก็ต้องบอกว่า ชอบภาพวาดสีน้ำมันของศิลปินที่ชื่อกิตติชัยค่ะ ท่านอาจไม่ได้ดังมากจนทุกวงการรู้จัก แต่ท่านก็เป็นคนที่ในวงการภาพเขียนสีน้ำมันรู้จักเป็นอย่างดี และฉันก็อยากจะวาดภาพสีน้ำมันให้เก่งๆ อย่างท่านบ้าง”

พันตะวันเผลอมองหน้าผากกลมมนเกลี้ยงเกลานวลเนียน จมูกโด่งปลายเชิดเล็กน้อย ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากระเรื่อสีชมพูอ่อนจนไม่แน่ใจว่าเป็นสีธรรมชาติหรือว่าแต่งแต้มสีสันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จนเธอพูดจบไปตั้งนานแล้วเขาก็ยังมองอยู่อย่างนั้น แต่พอเธอเลิกคิ้ว เขาเลยได้สติแกล้งพยักหน้าหงึกหงัก แล้วถามอีกว่า

“แต่ผมสนใจภาพที่คุณวาดมากกว่า” เขาวกกลับมาดื้อๆ

พัทธมนตามลูกค้าไม่ทัน นึกตำหนิในใจว่า ‘แล้วจะถามเธอเรื่องสนใจภาพของใครทำไมกันนะ หากสนใจจะซื้อภาพเธอตั้งแต่แรก’ แต่ที่พูดออกไปคือ

“ภาพที่ตั้งโชว์แถบนี้คือภาพที่ฉันวาดเองทั้งหมดค่ะ ฝีมืออาจยังไม่เทียบเท่าศิลปินท่านกิตติชัย เพราะฉะนั้นรับรองว่าราคาไม่แพงค่ะ”

พันตะวันพยักหน้าน้อยๆ โดยที่ตายังอยู่ที่คนตรงหน้า ซ่อนรอยยิ้มขำไว้อย่างมิดชิดเมื่อนึกเอาเองว่าเธอคงนึกว่าเขาคงถามไปเรื่อยเปื่อย แต่สุดท้ายก็ต้องซื้อภาพของศิลปินหน้าใหม่ราคาถูกๆ อยู่ดีกระมัง ชายหนุ่มเบนหน้าไปมองภาพวาดสีน้ำมันด้วยความตั้งใจที่จะเลือกอย่างจริงจังเสียทีหลังจากหลงกับดวงหน้าที่ทำเอาเพลิดเพลินไปช่วงหนึ่ง

“ผมชอบทุกภาพเลย มันดูสวย มีเสน่ห์ อืมม์... ผมชักอยากจะให้คุณไปวาดภาพนางพญาเสือโคร่งที่ที่ทำงานผมเสียแล้วสิ ตอนมันออกดอกพร้อมกันสวยมากเลย”

“ที่ไหนหรือคะ” เธอถามด้วยท่าทางกระตือรือร้นขึ้นมาทันที ดวงตาคู่โตเบิกขยายนิดหนึ่งแต่ก็ทำให้ดวงหน้าซูบซีดดูแจ่มใสและมีชีวิตชีวา จนพันตะวันเผลอมองตะลึงไปชั่วขณะ

“หน่วยจัดการต้นน้ำขุนดง ที่เชียงใหม่”

“น่าสนใจจังเลยค่ะ” พัทธมนเอ่ยต่อทันที แต่แล้วก็เหมือนจะนึกอะไรได้ เธอตัดบทว่า “ว่าแต่คุณสนใจภาพไหนหรือคะ”

ชายหนุ่มเหลียวลอบถอนใจเมื่อต้องกลับมาสนใจกับภาพเขียนต่อ

“ผมเอาภาพนี้ก็แล้วกัน” เขาบอกพลางชี้ภาพร่องน้ำเล็กๆ ท่ามกลางป่าธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ สายตาแพรวพราวจับที่ดวงหน้าสวยคมซึ้งที่หันไปสั่งให้พนักงานสาวคนเดิมจัดแจงนำภาพไปบรรจุห่อให้ลูกค้า

“เมื่อกี้คุณว่าสนใจจะไปวาดภาพที่หน่วยผมใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเห็นทีผมต้องขอนามบัตรแขกพิเศษคนนี้เสียแล้ว เผื่อว่าไปตอนไหนผมจะได้ดูแลอำนวยความสะดวกให้” เขาเอ่ยเมื่อหญิงสาวหันหน้ามา

พัทธมนเดินไปหยิบนามบัตรที่เคาน์เตอร์มายื่นส่งให้อย่างไม่เกี่ยงงอน “นี่ค่ะนามบัตรของฉัน”

พอเห็นชื่อกับนามสกุลบนนามบัตรพันตะวันก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเงยหน้าขวับมองเธออย่างค้นคว้าจนหญิงสาวเลิกคิ้วอย่างแปลกใจกับกิริยาของเขา

“พัทธมน  เอื้ออรุณ ชื่อเล่น ผึ้ง”

หญิงสาวเลิกคิ้ว “ทำไมคุณรู้ชื่อเล่นฉันละคะ”

“พอดีพนักงานคนเมื่อกี้บอกผม”

“อ๋อ” พัทธมนพยักหน้า “ใช่ค่ะ หวังว่าพนักงานของร้านคงดูแลคุณดีนะคะ”

“ดีเสียจนได้รู้ชื่อเล่นคุณนั่นแหละ ว่าแต่ คุณรู้จักกับคนชื่อกิต...” พูดยังไม่ทันจบ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างกราดเกรี้ยว

“ไหน ผู้หญิงหน้าด้านอยู่ที่ไหน นังคนเลวไร้ยางอาย ไม่มีปัญญาหาแฟนหรือยังไงถึงได้มาวุ่นวายกับสามีคนอื่นไม่ยอมเลิก มันอยู่ที่ไหน”

พอหันไปเห็นวิมลินน้องสาวต่างมารดาเดินฉับๆ เข้ามาในร้านโดยมีสามีหนุ่มเดินหน้าเสียตามมา พันตะวันก็แน่ใจว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาเป็นคนเดียวกันกับเมื่อคืนแน่นอน

ทำไมอะไรหลายๆ อย่างมันถึงได้บังเอิญขนาดนี้ พอชายหนุ่มปรายตาไปข้างหลังของวิมลินริมฝีปากบางก็กระตุกยิ้มเหยียดเมื่อเห็นสตรีวัยห้าสิบตอนต้นเดินแทบจะเป็นวิ่งตามหลังมาด้วยสีหน้าตาตื่น มารดาเขางามสง่าในชุดผ้าไหมงดงาม ผิดกับสามีของวิมลินในชุดเสื้อผ้ายับยู่ยี่ ผมเผ้ายุ่ง ตาแดงก่ำที่ก้าวเร็วๆ ตามรั้งท้าย มารดาเขาเหลือบตามองมายังเขามีแววแปลกใจไม่น้อยก่อนจะเทความสนใจไปยังวิมลิน

ในขณะที่พัทธมนนั้นพูดไม่ออก เธอตกตะลึงมึนงงจนตัวแข็งทื่อและอับอายเนื่องจากเริ่มมีลูกค้าคนอื่นเข้ามาในร้านด้วย แต่สิ่งที่ทำให้ชาไปทั้งตัวคือรอยยิ้มหยันของลูกค้าร่างสูงที่แม้จะแค่ผ่านมาแวบเดียวหากก็ทำให้เธอร้อนทั่วใบหน้า สะดุ้งอีกทีก็เมื่อถูกมือหนึ่งผลักอกจนหลังไปกระแทกกับผนังร้านจนเจ็บ

“เลิกยุ่งกับพี่ก้องของฉันเสียที แล้วก็ถอนหุ้นออกจากร้านนี้ไปซะ ไม่อย่างนั้นเราได้เห็นดีกันแน่”

“วิม ทำเกินไปแล้วนะ” ก้องกานต์ปราดเข้าไปคว้ามือภรรยาสาวไว้ปรามเสียงหนัก ราวกับกำลังระงับอารมณ์เต็มที่ พลางมองพัทธมนอย่างเป็นห่วง

วิมลินตวัดสายตาโกรธจัดไปยังสามีอายุมากกว่าสี่ปีราวกับถูกตีด้วยไม้ “พี่ก้องปกป้องมันเหรอคะ ใช่สิรุ่นพี่กับรุ่นน้องเรียนสถาบันเดียวกัน ชอบวาดรูปเหมือนกันแถมยังเป็นหุ้นส่วนร้านขายภาพด้วยกัน ใกล้ชิดกัน”

“ร้านเราไม่ได้มีหุ้นส่วนแค่สองคนนะ ยังมีคนอื่นอีกตั้งสองคน”

“ก็พวกเดียวกันทั้งนั้น ดีไม่ดีอาจจะรู้เห็นเป็นใจให้เพื่อนเป็นชู้กับผัวชาวบ้าน”

เพียะ!

วิมลินเซไปตามแรงฝ่ามือของผู้เป็นสามี

พันตะวันเบิกตากว้าง ถลันเข้าไปประคองน้องสาวต่างบิดาเกือบจะพร้อมกับอรุณีผู้เป็นมารดาทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย เขาไม่ชอบนักหรอกเรื่องของคนในครอบครัว แต่เมื่อถึงขั้นลงไม้ลงมือกันมันรุนแรงเกินไป ต่อให้ไม่ใช่น้องสาวเขาก็คงไม่คิดจะยืนมองอยู่เฉยได้

“ทำไมต้องใช้กำลังกันด้วย พูดกันดีๆ ก็ได้ หรือว่ามันเป็นเรื่องจริงถึงได้เดือดร้อนกันนัก” ค่อนขอดฝ่ายชายแล้วก็ปรายตาไปยังหญิงสาวซึ่งยืนหน้าซีดอยู่ อดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่า หน้าตาดีๆ อย่างนี้ไม่น่าจะมีเรื่องพรรค์นี้เลย

พัทธมนตาลุกวาวอย่างโกรธจัด ทั้งที่อยากจะทำอะไรสักอย่างกับวิมลินให้สมกับปากโสมม แต่เพราะไม่เคยใช้อารมณ์เป็นใหญ่จึงได้แต่กำมือแน่นอย่างระงับอารมณ์ มีเพียงน้ำตาแห่งความคับแค้นใจเท่านั้นที่ร่ำๆ จะไหลออกมา นึกพาลชังชายร่างสูงโดดเด่นไปด้วยทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทียังพูดคุยกันดีๆ เพราะคิดว่าเขาเป็นลูกค้าคนหนึ่ง

ทันใดนั้น ราวกับสวรรค์ช่วยให้ไม่ให้เธอโดดเดี่ยวเกินไปนัก น้ำปิงและกิรณาเพื่อนสนิทก็เปิดประตูเข้ามาพอดี

“ผึ้ง เกิดอะไรขึ้น” กิรณาร้องถามออกไปพลางจับแขนเพื่อนสาวไว้ได้ทันท่วงที พอเห็นน้ำตาเพื่อนเริ่มไหลรินทั้งที่ยังเม้มปาก ก็ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ พัทธมนบิดมือออกในตอนแรก แต่เมื่อกิรณาไม่ปล่อยเธอจึงโผเข้ากอดเพื่อนอย่างหาที่พึ่ง

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะพี่ก้อง ทำไมผึ้งถึงได้ร้องไห้น้ำตาอย่างนี้”

“น้ำตาอ้อนผู้ชายน่ะสิ” วิมลินตอบแทนด้วยน้ำเสียงไม่พอใจพลางชี้ไปยังพัทธมนโดยมีก้องกานต์ยืนฮึดฮัดอยู่ข้างหลัง

“ไม่รู้หรือไงว่าเพื่อนเธอกำลังเรียกร้องความสนใจให้พี่ก้อง เชอะ! หน้าด้านคิดจะแย่งพี่ก้องไปจากฉัน เมื่อคืนพอออกจากร้านแล้วยังหลอกล่อให้พี่ก้องออกไปหาแล้วหายไปจนเกือบเช้า โดยที่มีพวกเธอรู้เห็นเป็นใจด้วยใช่ไหม”

“จะบ้าหรือไง เอาอะไรมาพูด” กิรณาทั้งงุนงงและไม่คาดคิด

“เท่านั้นยังไม่พอนะ มันยังขโมยภาพในร้านไปด้วย แผนสูงนักนะ พอปล่อยพี่ก้องกลับมาก็ดอดเข้าไปเอาภาพในร้านออกไป”

“อะไรนะ ขโมยภาพ” คำกล่าวหารุนแรงว่าเหมือนหมัดน็อคใส่จนพัทธมนจนหมุนคว้างแล้วร่วงจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำอย่างรวดเร็ว เธอผงะออกจากไหล่เพื่อน ในขณะที่กิรณาก็ตั้งรับไม่ทันเช่นเดียวกัน

พันตะวันถอยห่างออกมาสังเกตการณ์ พอหลังชนกับเสากลางห้องจึงยกมือขึ้นกอดอก ก้องกานต์ดูอึดอัดทำอะไรไม่ถูก

“มันอาจไม่ใช่อย่างที่วิมคิดก็ได้ อาจเป็นขโมยคนอื่น”

“เพราะพี่ก้องเชื่อใจมันน่ะสิคะ มันถึงได้อุกอาจเอาทั้งภาพทั้งกล้องวงจรปิดไปด้วย จะเป็นใครไปได้ล่ะถ้าไม่ใช่คนในนี้ และคนๆ เดียวก็คือนังพัทธมนนี่”

“ไม่เอาน่าวิม กลับบ้านเถอะลูก มีอะไรก็พูดกันทีหลัง” พร้อมกับเสียงเอ่ยเตือนและมือของอรุณีผู้เป็นมารดาแตะที่ลำแขนขาวกลมกลึง วิมลินก็สะบัดเสียงตอบทันควัน

“ไม่ค่ะแม่ ยังไงวันนี้วิมก็ต้องเอาเรื่องกับนังผึ้งให้ได้ มันหยามกันเกินไปแถมยังขี้ขโมย”

“ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าภาพในร้านถูกขโมยไป” พัทธมนโต้เสียงสั่น เธอระงับความพลุ่งพล่านในใจไว้แทบไม่อยู่ มันเรื่องบ้าอะไรกันนะ วิมลินจะจองล้างจองผลาญเธอไปถึงไหน เมื่อคืนก็ทีหนึ่งแล้ว เธอปรายตามองก้องกานต์เพื่อขอคำอธิบาย

“พี่ก็เพิ่งรู้จากอ้อมเมื่อเช้านี้เอง อ้อมโทรไปบอกว่าตอนมาเปิดร้าน ประตูไม่ได้ล็อค จึงรู้สึกผิดสังเกต พอมาสำรวจดูจึงรู้ว่าภาพของคุณกิตติชัยหายไป” ระหว่างอธิบายสีหน้าของก้องกานต์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของร้านรักภาพไม่ค่อยดีนัก

“แหงล่ะ มัวแต่ไปฉลองวันเกิดมันอย่างหวานชื่นอยู่นี่จะไปทันรู้ได้ยังไงว่ามีการวางแผนตลบหลังเอาภาพออกไป ป่านนี้อาจจะเอาไปขายแลกมาเป็นของใช้แพงๆ และแอบยิ้มเยาะพี่ก้องที่โง่งมอยู่ก็ได้”

“หยุดนะคะคุณวิมลิน ฉันไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ฉันไม่ได้ยุ่งกับพี่ก้อง และไม่ได้ขโมยภาพในร้านอย่างที่คุณประกาศปาวๆ ภาพไหนหายไปฉันยังไม่รู้เรื่องเลย เพราะฉะนั้นอย่ามากล่าวหากันชุ่ยๆ แบบนี้ ถ้ามีปัญหาครอบครัวกันก็อย่ามาหาแพะนอกบ้าน ลองกลับไปดูตัวเองเสียก่อนว่าทำอะไรไว้ให้บ้านร้อนไปด้วยเปลวเพลิงหรือเปล่า”

สิ้นเสียงฝ่ามือวิมลินก็ปะทะกับใบหน้าของพัทธมนอย่างแรง สุดที่พัทธมนจะทานทน เธอตวัดฝ่ามือเอาคืนที่แก้มเนียนของวิมลินจนรู้สึกเจ็บมือ

คนในที่นั้นนึกไม่ถึงว่าเรื่องจะรุนแรง เช่นเดียวกับพันตะวันที่ยืดตัวตรง ปล่อยมือลงข้างตัวโดยไม่เบนสายตาจากผึ้งแสนสวยที่กำลังกลายแผลงฤทธิ์

ดังกับสาดน้ำมันใส่ไฟ วิมลินดิ้นเร่าและถลาจะเข้ามาเอาคืนพัทธมนอีกเป็นชุด ดีว่ากิรณากับน้ำปิงปราดเข้าไปฉุดกระชากแยกออกแต่วิมลินก็ยังไม่ยอมหยุดง่าย ทั้งดิ้นทั้งสะบัดตัวออกเพื่อประทุษร้ายให้สมแค้น พอก้องกานต์เข้าไปช่วยแยกอีกแรง กิรณาจึงตรงเข้าไปช่วยเหลือปกป้องพัทธมน อรุณีตรงเข้าไปห้ามและดึงแขนบุตรสาวแต่กลับถูกดันออกจนเซหันหน้ามาทางชายหนุ่มที่ก้าวเข้ามารับไว้ได้ทัน

“โต ไปห้ามยัยวิมสิ ยืนเฉยอยู่ทำไมล่ะ”

“ผมไม่อยากยุ่งเรื่องของครอบครัวคนอื่น” พันตะวันเอ่ยเสียงเรียบทั้งที่ในใจกำลังครุ่นคิดและหาทางอะไรบางอย่าง

“นั่นไม่ใช่คนอื่นนะ น้องของโตต่างหาก แล้วผู้หญิงคนนั้นก็กำลังจะทำให้ครอบครัวของวิมแตกแยกเหมือนที่ครอบครัวของพ่อกับแม่แตกกันเพราะผู้หญิงหน้าด้านในหมู่บ้าน อยากเห็นครอบครัวคนอื่นแตกแยกหรือไง อยากให้ลูกของยัยวิมเป็นเหมือนตัวเองหรือไง”

นัยน์ตาพันตะวันเป็นประกายวับ “แต่ที่ผมได้ยินจากพ่อไม่ใช่อย่างนั้นนี่ พ่อบอกว่าแม่ต่างหากที่อยากกลับไปหาแฟนเก่าจนหาเรื่องพ่อ พอดีได้โอกาสก็เลยไปทันทีโดยไม่ยอมแม้แต่จะรับฟังเหตุผลของพ่อ”

“โต !” อรุณีหน้าแดงก่ำ

สิ้นเสียงฉุนเฉียวของอรุณี ทุกคนก็ต้องหันไปมองวิมลินพร้อมเพรียงกันเมื่อเธอกรีดร้องด่าทอน้ำปิงอย่างโมโหขึ้นมาคำหนึ่งอย่างหยาบคาย

“หยุดได้แล้ววิมลิน” พันตะวันเอ่ยเสียงดังเฉียบขาด หยุดความวุ่นวายได้ทันที

ถึงแม้จะเป็นผู้ชายเคยพูดเคยด่ากับเพื่อนผู้ชายด้วยกันด้วยคำอย่างนี้มาแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะรับได้กับการที่ผู้หญิงพูดหยาบคายอย่างเดียวกันนี้แถมยังใช้ด่าผู้ชายอีกต่างหาก เขาคิดว่ามันต่างกัน ฟังแล้วมันบ่งบอกถึงความไร้มารยาทอันดีของผู้หญิงที่พูดออกมาเสียจริง

วิมลินหายใจหอบ สะบัดแขนออกจากมือของกิรณา “พี่โตไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้”

วิมลินไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับพันตะวันหรือนับถือเป็นพี่ชายคนหนึ่ง เช่นเดียวกับที่พันตะวันก็ไม่ได้คิดว่ามีน้องสาว

“จะไม่เกี่ยวได้ยังไงในเมื่อ” ชายหนุ่มโน้มตัวไปดึงแขนพัทธมนมายืนข้างเขา “เมื่อคืนนี้ฉันกับผึ้งอยู่ด้วยกันทั้งคืน”

พัทธมนเงยหน้าเบิกตากว้างมองคนพูดอย่างคาดไม่ถึง แต่ลำแขนล่ำสันตวัดเอาไหล่เธอเข้าไปชิดตัวแล้วใช้สายตาสะกดเธอไว้ รีบเอ่ยต่อเพื่อสนับสนุนคำพูดก่อนจะเสียเรื่อง

อุตส่าห์กระโจนลงไปให้เสียชื่อแล้ว มีรึจะปล่อยให้ความวุ่นวายเสียเปล่า

“คราวนี้คงตอบข้อกล่าวหาที่วิมลินบอกว่าเธอพาสามีไปกกและกล่อมจนหลับก่อนจะออกมาขโมยภาพไป เพราะเธอจะทำอย่างนั้นได้ยังไงในเมื่อฉันกอดเธอไว้...ทั้งคืนเลย”

                                *********************

จากคุณ : สายธาร/กนกนารี
เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 15:57:32




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com