สำหรับตอนที่ผ่านมาครับ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11800669/W11800669.html
ขอบคุณกิฟต์จากเพื่อนนักอ่านทุกท่านครับ คุณ กาแฟเย็นเพิ่มช็อต, นารีจำศีล, Travel to the moon, Hermosa, npuiy, กุหลาบมอญ, แก้วกังไส, รพิชา, kdunagin, เรียวรุ้ง, mementototem, wor_lek, เพชรรุ้งพราย และคุณ นวลน้ำผึ้ง ครับผม
บทที่ 6
คุณหลวงอนุรักษ์วนาดร คุณปู่ทวดของคุณ ท่านเป็นผู้สร้างและเป็นเจ้าของทับสนธยาแห่งนี้เองครับ
ลุงอาตม์ตามเข้ามาอธิบาย ในขณะที่สายตาของทนายความหนุ่มหน้าคมเหลือบตามสองสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไปยังรูปวาดสีน้ำมันขนาดใหญ่ที่โดดเด่นที่สุดในห้องด้วยความสนใจไม่แพ้กัน
แต่เท่าที่ทราบ คุณภูไทแจ้งไปว่าทับสนธยาเป็นมรดกของคุณย่าทวดของดิฉัน... รู้สึกว่าท่านจะชื่อคุณผอบแก้ว ไม่ใช่หรือคะ?
ปีระการีบแย้งขึ้นทันที หล่อนยังพอจดจำรายละเอียดที่มารดาเล่าให้ฟังมาก่อนหน้านี้ได้ มันคืออดีตของตระกูลตัวเองที่แทบจะลืมเลือนไปหมดสิ้นแล้ว
แม่เองก็แปลกใจเหมือนกันจ้ะ ความจริงเรื่องนี้คุณพ่อแทบจะไม่เคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับเรื่องของคุณย่าทวดให้แม่ฟังเลยตั้งแต่เรารู้จักกันมา เท่าที่แม่ได้พบกับคุณพ่อในสมัยนั้น ครอบครัวของท่านก็อพยพมาอยู่กรุงเทพตั้งแต่แรกแล้ว ก็มีเพียงคุณปู่เท่านั้นแหละที่หนูน่าจะพอจำได้ และคุณปู่นี่แหละที่ท่านเพิ่งมาเริ่มใช้นามสกุลเป็นวงศ์วนาทีหลัง
คุณปู่พยับ?
หล่อนนึกถึงชื่อนั้นอย่างลางเลือนเต็มที แล้วก็พบว่าตัวเองจดจำอะไรเกี่ยวกับเรื่องราวของบรรพบุรุษไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอันเลยสักชิ้นเดียว!
คุณบุษกรพยายามทบทวนความทรงจำ เธอรู้จักกับพยับบิดาของชูชีพมาก่อนเหมือนกัน ส่วนมารดาของเขาเสียชีวิตไปก่อนหน้านั้นแล้ว พบว่าชายชราท่าทางใจดีแต่ก็เงียบขรึมไม่เคยปริปากเล่าเรื่องราวใดๆในอดีตให้หล่อนรับฟังมาก่อนเลย และโดยนิสัยส่วนตัวของบุษกรเอง ก็ไม่ได้สนใจจะสืบหาประวัติหรือสาแหรกตระกูลใดๆของฝ่ายสามีหล่อนด้วย ในเมื่อเขาไม่เคยเล่าให้ฟัง หล่อนก็ไม่สนใจจะสืบความต่อ
นั่นแหละจ้ะปี แม่พอรู้เลาๆเท่านั้นเอง ดูเหมือนว่าท่านเองจะไม่ได้ติดต่อกลับไปยังบ้านคุณทวดที่ว่านี้อีกเลย ใช่! ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว จนคิดว่าญาติทางโน้นเองน่าจะตัดขาดกันไปหมดแล้วด้วยซ้ำ ไม่นึกว่าจะมีเรื่องทับสนธยานี่ตามมาอีกภายหลัง
ปีพอจำคุณปู่ได้เหมือนกันค่ะแม่ ตอนเด็กๆ ปีว่าท่านเป็นคนใจดี แต่ก็ไม่ค่อยพูดสักเท่าไร เห็นแค่สักครั้งสองครั้งเท่านั้นมังคะ แล้วก็ไม่มีโอกาสได้พบอีกเลย เหมือนแม่บอกกับปีเองว่าคุณปู่เสียไปแล้ว
คุณบุษกรพยักหน้ารับ พยับ วงศ์วนา บิดาของชูชีพเสียชีวิตตอนปีระกาอายุได้เกือบสี่ปี เด็กน้อยในเวลานั้นคงจะจำความอะไรไม่ค่อยจะได้นัก และอีกฝ่ายก็ไม่ได้เข้ามาคลุกคลีสนิทสนมด้วย แม้แต่บุษกรเองก็ได้รู้จักกับครอบครัวของชูชีพแต่เพียงผิวเผินเช่นกัน
หลังจากนั้นครอบครัววงศ์วนาก็เหลือกันอยู่เพียงสามคน พ่อแม่ลูก ตราบจนชูชีพ เสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุไม่คาดฝัน
จนคุณปู่เสีย พ่อของหนูก็ยังไม่เคยเอ่ยเล่าเรื่องคุณย่าคุณปู่ทวดท่านเลยสักคำเดียว บางทีพ่อเองก็อาจจะไม่รู้เรื่องนี้พอๆกับแม่นั่นแหละ แม่เองยังลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ ไม่นึกว่าท่านจะยังนึกถึงพวกเราอยู่อีก...
หลังจากได้รับข่าวมรดกปริศนา ทำให้คุณบุษกรเริ่มหันมาสนใจเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย เธอพยายามค้นหาข้อมูลเก่าก่อนของผู้เป็นสามีและครอบครัวฝ่ายสามี แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวเหล่านั้นจะถูกลบออกไปจากความทรงจำทุกอย่าง ไม่เหลือแม้แต่หลักฐานใดๆทั้งสิ้น แต่แรกหญิงสูงวัยตั้งใจว่าจะเดินทางติดตามปีระกามาด้วยกัน แต่เนื่องด้วยปัญหาสุขภาพและการเจ็บป่วยด้วยโรคเบาหวานในระยะหลัง จึงตัดสินใจให้ลูกสาวคนเดียวและชลธรเดินทางมาจัดการเรื่องมรดกนอกความคาดหมายนี้เพียงลำพัง คิดแต่เพียงว่าเรื่องราวคงไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ตามแต่ที่ทางทนายความเข้าแจ้งมา แล้วรีบกลับมาแล้วกัน เราคงไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรกันอีกแล้วล่ะ
เธอเปรยความเห็นส่วนตัวออกมา
ชื่อแปลกนะคะ ทับสนธยา... ทับที่หมายถึงเรือนพักนี่นา ส่วนสนธยานี่ฟังดูลึกลับ ยังกะแดนสนธยา หรือ ทไวไลท์โซน พรรค์นั้นเลยนะคะแม่
ผู้เป็นมารดาพยักหน้ารับ พร้อมเสียงหัวเราะน้อยๆปนหอบ
เราก็ คิดเป็นตุเป็นตะนะยายปี แต่ยังไงก็ลองไปดูแล้วกัน ดูจากชื่อเรียกแล้ว แม่ว่าคงจะเป็นเรือนไม้ในสวนที่คุณปู่ทวด คุณย่าทวดท่านอาศัยอยู่ก่อนเสียชีวิตน่ะแหละ ถ้าเราดูแลไม่ไหวก็ประกาศขายไปเลยก็ได้
ดีเหมือนกันค่ะ ปีว่าจะหลบมุมไปพักผ่อนสักอาทิตย์พอดี แม่คงไม่ว่าอะไรนะคะ มีอะไรก็โทรศัพท์ติดต่อได้เลย ไม่มีปัญหา
คิดเพียงเท่านั้น เข้าใจว่าเรือนแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากตัวอำเภอและคงจะมีเนื้อที่ไม่กี่ตารางวาเท่าแมวดิ้นตาย แต่ทั้งปีระกาและชลธร ไม่นึกฝันว่า ทับสนธยาที่เข้าใจกันแต่แรกจะกลายสภาพเป็นปราสาทสีขาวหลังมหึมาใจกลางพื้นที่นับร้อยไร่ ท่ามผืนป่าชายเขตแดนประเทศไทยไปแทน ซ้ำสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มีเลย แม้แต่สักขีดเดียว!
แล้วคุณปู่ทวด ท่าน...
หล่อนเผลอตะลึงจ้องรูป หนุ่มหล่อแบบโบราณ เบื้องหน้า ด้วยความรู้สึกฉงนฉงาย สงสัย ใบหน้าคมสันคล้ายหนุ่มน้อย จ้องมองกลับมาเหมือนล้อเลียนและท้าทายอยู่ในที
ประวัติของคุณหลวงอนุรักษ์วนาดรเท่าที่ทราบ ท่านไปศึกษาวิชาการป่าไม้ที่อินเดียในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สองไม่นาน แล้วจึงกลับเข้ามารับราชการกรมป่าไม้โดยได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนของรัฐบาลไทยเดินทางมาเจรจาเรื่องสัมปทานป่าไม้ของอังกฤษ3ในดินแดนผืนป่าตะวันตกแถบนี้ และก็คงจะตั้งรกรากอยู่ที่นี่มาตั้งแต่นั้นมา
ภูไทฟังชายชราเล่า พลางหยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่เขียนถึงอัตชีวประวัติของเจ้าของทับสนธยาออกมาจากกระเป๋าเอกสาร
พอดีผมมาถึงที่นี่ก่อน คุณลุงอาตม์ก็เลยพอเล่ารายละเอียดและให้ผมลองอ่านหนังสือที่หลวงอนุรักษ์ท่านเขียนเหมือนอัตชีวประวัติตัวเองเอาไว้ ถึงไม่จบสมบูรณ์ แต่ก็สนุกมากครับแต่น่าเสียดาย...
เขาทิ้งท้ายไว้น้อยๆ เห็นทั้งสองสาวต่างมองตรงมาด้วยความสนใจ ภูไทก็คลี่ยิ้มอ่อนโยนออกมาจนเห็นลักยิ้มบุ๋มที่ข้างแก้ม ให้ตายเถอะ!นี่มันบุคลิกพระเอกในฝันของสาวๆในนิยายประโลมโลกย์ชัดๆ! นักเขียนนิยายสาวนึกในใจ และหันไปเห็นยายชลเองก็มองเขาตาปรอย ท่าทางเคลิบเคลิ้มปลาบปลื้มกับบุคลิกท่าทีของทนายความหนุ่มแสนดีคนนี้อยู่ไม่น้อย
เอาล่ะสิ เห็นทีเพื่อนสาวอารมณ์โรแมนติคอย่างชลธร สงสัยจะมาเจอเนื้อคู่ตุนาหงันเสียที่นี่แล้วกระมัง?
เสียดายที่ท่านจากไปตั้งแต่ยังหนุ่มๆ เหลือแต่คุณย่าทวดของคุณ ท่านอาศัยที่ทับแห่งนี้ในเวลาต่อมา และก็คงจะเก็บตัวไม่ได้ติดต่อกับญาติพี่น้องอื่นใด นอกจากจะอาศัยอยู่ที่นี่จนสิ้นลม
ทนายความหนุ่มบอกเล่าด้วยเสียงทุ้มนุ่มหู และยื่นหนังสือออกมาให้ มันเป็นหนังสือเล่มบางๆที่พิมพ์ขึ้นเอง เย็บด้วยขดลวดง่ายๆ เหมือนผู้เขียนเขียนขึ้นจากบันทึกความทรงจำแม้จะเก่าจนเหลืองซีดไปบ้างแล้ว
แต่น่าเสียดายเหมือนกันครับ ที่ท่านเขียนค้างเอาไว้ไม่จบ ยังไงเผื่อคุณปีระกาหรือคุณชลธรสนใจจะอ่านเล่นๆดูก็ได้นะครับ
ขอบคุณค่ะ
หล่อนรับมาถือเอาไว้ สัมผัสเนื้อกระดาษบางจนแทบกรอบ แต่ก็ผ่านการดูแลรักษามาเป็นอย่างดี
ท่านเองก็คงจะรักทับสนธยาแห่งนี้มาก ถึงได้มอบหมายให้คุณลุงอาตม์เป็นผู้คอยดูแลความเรียบร้อย และบูรณะทับสนธยาแห่งนี้จนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ตลอดเวลา และเพื่อตามหาทายาทที่จะมารับมรดกชิ้นสุดท้ายชิ้นนี้ จนพบตัวคุณในที่สุดครับ
ภูไทยิ้มน้อยๆสร้างบรรยากาศให้เป็นกันเองมากขึ้น เขาพบว่า ทายาทสาวของทับสนธยาเองก็น่าจะมีวัยไล่เลี่ยไม่ต่างกับเขามากนัก เขานึกในใจเมื่อสังเกตท่าทางปราดเปรียวคล่องแคล่วของหล่อนเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนสาวท่าทางเรียบร้อยกว่า
ไม่น่าเชื่อนะคะ ว่าจะมีปราสาทหลังใหญ่มาสร้างอยู่กลางผืนป่าอย่างนี้ได้ ชลกับยายปีเองยังอดประหลาดใจไม่ได้เลยค่ะ
ชลธรเอ่ยกับภูไทอย่างเป็นกันเองมากขึ้นเมื่อได้คุยกันและเริ่มรู้สึกคุ้นเคยอัธยาศัยของอีกฝ่าย ทนายภูไทเองก็เพิ่งเดินทางมาถึงก่อนหน้าเพียงวันเดียวเช่นกัน เขาบอกเล่าด้วยท่าทางประหม่าเล็กน้อยว่ารับงานนี้โดยอาศัยช่วงสืบต่อภารกิจมาจากบิดาซึ่งเป็นทนายความประจำตระกูลของคุณทวดอีกทีหนึ่ง และส่วนใหญ่ก็เป็นการติดต่อสื่อสารกันทางโทรศัพท์จากนายอาตม์ผู้ดูแลมาโดยตลอด ไม่เคยแม้แต่จะเดินทางมาถึงที่นี่เลยด้วยซ้ำ
อาจจะมือใหม่อยู่สักหน่อยนะครับ คุณปีระกา คุณชล
เห็นชลธรยกมือลูบผมเล่นอย่างใจลอย ปีระกาก็ชิงตอบแทนเสียเลย
ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เสียดายนะคะเลยไม่ได้เจอกับคุณทนายอารักษ์ คุณพ่อของคุณภูไทไปพร้อมๆกันเสียเลย
ภูไทยิ้มน้อยๆ เห็นรอยบุ๋มข้างแก้มบนผิวสีขาวสะอาดตา
ส่วนเรื่องประวัติของที่นี่เอง ผมก็พอทราบจากคุณลุงอาตม์นั่นแหละครับ ท่านจะรู้รายละเอียดมากที่สุด เพราะเป็นคนรับใช้เก่าแก่ที่ดูแลทับสนธยามาตั้งแต่แรก
แล้วคุณย่าทวด...
คุณผอบแก้ว ท่านเสียชีวิตไปเกือบสองปีแล้วครับ และในพินัยกรรมฉบับสุดท้ายก็ระบุให้ติดตามหาตัวทายาทผู้รับมรดก ซึ่งก็คือทับสนธยาแห่งนี้ ภายหลังจากนั้นก็ให้อำนาจแก่ทายาทที่จะจัดการทุกอย่างตามแต่จะเห็นสมควรต่อไป และเราเองก็เพิ่งมีโอกาสติดต่อคุณปีระกาได้นั่นแหละครับ
เสียงแหบพร่าด้วยวัยของบุรุษชราดังตอบมาจากเบื้องหลังราวกับรอคอยอยู่แล้ว ชายสูงวัยค้อมศีรษะรับอย่างนอบน้อม และเดินมานั่งอย่างสำรวมยังเก้าอี้ตัวริมสุด
ท่านทั้งสองคงมีความผูกพันกับที่นี่มา ก็เลยมีคำสั่งระบุชัดเจนไม่ให้จัดพิธีศพใดๆครับคุณปีระกา แต่ให้ฝังศพไว้ยังสุสานด้านตะวันตกของทับสนธยาแทน
ผู้ดูแลตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ปีระกาเหลือบมองนัยน์ตาแก้วกระจกข้างนั้นด้วยความรู้สึกเย็นยะเยือกในใจอย่างบอกไม่ถูก
ผมว่า เวลานี้ก็เริ่มใกล้โพล้เพล้เข้ามาทุกทีแล้ว พวกคุณเดินทางมาเหนื่อยๆ ควรจะขึ้นไปพักก่อนดีกว่าครับ เรายังมีเวลาอีก ผมให้เขาเตรียมห้องพักเอาไว้แล้ว เพราะการเดินทางกลับเข้าไปในเมืองค่อนข้างลำบากไม่น้อย
อาตม์ให้เหตุผล บัดนี้ภายนอกบานหน้าต่างกระจกเผยให้เห็นแสงตะวันเริ่มอ่อนแสงราลงเรื่อยๆ ทั้งที่ระยะทางจากกรุงเทพฯมาถึงสถานที่แห่งนี้ไม่น่าจะไกลสักเท่าใดนัก แต่การที่ต้องขับมาตามเส้นทางค่อนข้างทุรกันดาร และคนขับต้องคอยสังเกตเส้นทางมาโดยตลอด ทำให้เสียเวลาไปไม่น้อย แสงมลังเมลืองของแดดผีตากผ้าอ้อม จับปีกอาคารอีกฝั่งหนึ่งเป็นสีเหลืองจางจนคล้ายภาพสะท้อนในแดนลับแล นี่กระมังที่ทำให้คุณปู่ทวดตั้งชื่อคฤหาสน์หลังนี้ว่า ทับสนธยา?
ปีระกาคิดว่าบรรยากาศอย่างนี้ น่าจะทำให้เขียนนิยายผีๆได้ดีกว่าจะมาได้ไอเดียเขียนนิยายรักสักเรื่อง อย่างที่ตั้งใจเอาไว้แต่แรกเสียแล้ว
ชลธรพยักหน้ารับด้วยท่าทางอ่อนเพลียเต็มที หญิงสาวยกกระเป๋าสะพายและกระเป๋าถือที่ติดมาเพียงสองใบขึ้นคล้องไหล่ข้างหนึ่ง โดยมีสาวน้อยชาวบ้านหน้าตาเรียบๆเข้ามาช่วยถือของให้อย่างนอบน้อม อาตม์แนะนำว่าเป็นเด็กสาวชาวบ้านที่อยู่ถัดออกไปจากอาณาเขตทับสนธยาแห่งนี้ไม่ไกลนัก เขาเป็นฝ่ายติดต่อให้มาช่วยทำความสะอาดเพื่อรอ อาคันตุกะคนสำคัญทั้งสองนี่เอง ด้วยไม่อยากให้เห็นสภาพอันรกทึบและหม่นมัวของคฤหาสน์ที่ปราศจากผู้ดูแลทั่วไป ภายหลังจากท่านทวดของปีระกาถึงแก่อนิจกรรมไปแล้ว
ส่วนตัวผมเอง ก็พักอยู่ที่เรือนด้านนอกนั่นแหละครับ มันไม่ใหญ่โตเกินไป ถ้าหากคุณปีระกาต้องการอะไร ก็กดกริ่งสัญญาณเรียกตัวได้เลยนะครับ ส่วนสัญญาณโทรศัพท์อื่นๆอาจจะขัดข้องไปบ้าง หรือไม่ก็ใช้สิ่งนี้...
สิ่งนี้ที่อาตม์พูดถึง ก็คือ นกหวีดขนาดเล็กที่เขาล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกง ปีระกาเกือบจะหัวเราะออกไปแล้ว นึกว่าตัวเองต้องกลับไปเป็นเด็กเล่นเป่านกหวีดเหมือนในอดีตเสียอีก
เราใช้เครื่องปั่นไฟเอง บางทีถ้าไม่สะดวก ก็ใช้สัญญาณจากเสียงนกหวีดก็ได้ครับ ผมให้มะขิ่นวางเอาไว้ทั้งที่ห้องของคุณภูไท และคุณปีระกาแล้ว เผื่อฉุกเฉินอะไรก็เป่าเรียกได้เลย
แล้วมันจะดังไปไกลขนาดนั้นเลยหรือคะ คุณลุง
ชลธรไม่วายสงสัยแกมขัน อาตม์เพียงแต่ยิ้มน้อยๆ
ที่นี่เวลากลางคืนจะเงียบมากเลยครับ พวกคุณที่อยู่ในเมืองมาก่อนอาจจะรู้สึกว่าเงียบจนนอนไม่หลับเลยก็ได้ครับ เพราะฉะนั้น เสียงนกหวีดแค่นี้ ก็ดังไปไกลโขอยู่แล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อน ชาวบ้านแถบนี้จะใช้สัญญาณเสียงจากการเป่าเขาสัตว์กันครับ
อาตม์อธิบาย และเกือบจะเป่าสาธิตเสียแล้ว ดีแต่ปีระกาห้ามไว้ก่อน จากนั้นชายเฒ่าก็แนะนำรายละเอียดคร่าวๆ ก่อนนัดแนะเวลาสำหรับลงมารับประทานอาหารเย็นร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง
แล้วคนอื่นๆที่อยู่ที่นี่ล่ะคะ?
ผู้ดูแลทับสนธยาส่ายหน้าน้อยๆ นัยน์ตารูปลูกแก้วคล้ายสั่นไหวเรืองประกายลึกล้ำอยู่ภายใน
หลังจากคุณอบ เอ้อคุณผอบแก้ว ท่านสิ้นไปแล้ว เราก็ไม่ได้จ้างคนทำงานประจำเพื่อประหยัดรายจ่าย นอกจากงานชั่วครั้งคราวเท่านั้นครับ คนที่พักที่นี่ก็มีเฉพาะผม คุณภูไท แล้วก็คุณทั้งสองเท่านั้นแหละครับ แต่ไม่ต้องกังวลนะครับ รับรองว่าไม่มีอันตรายใดๆเด็ดขาด
จากนั้นชายในชุดเต็มยศก็เดินลับสายตาออกไปอีกมุมหนึ่งของทับสนธยา
ถ้าอย่างนั้น ผมขอพาคุณทั้งสองไปที่ห้องพักก่อนแล้วกันนะครับ
ปีระกาเห็นภูไทผายมือกว้างออก ชายหนุ่มเป็นคนนำสองสาวขึ้นไปยังห้องพักชั้นบนด้วยกัน แล้วบอกสั้นๆแต่เพียงว่าเขาก็ได้รับห้องพักที่อยู่ติดกันนั่นเอง ปีระกา เป็นคนสุดท้ายที่ลุกตามไป อันที่จริงหล่อนมีสัมภาระไม่มาก และบางส่วนก็ใส่ไว้ท้ายรถยังไม่ได้นำออกมา จึงเดินตามขึ้นบันไดด้านหน้าตามไปทีหลัง ถือโอกาสสังเกตสภาพระหว่างเส้นทางเดินอันกว้างใหญ่หรูหราของอาคารหลังนี้ไปพร้อมกัน
นี่ถ้าหากต้องหลงมาเดินเพียงคนเดียว มีหวังอาจจะต้องหลงทาง โทรศัพท์กลับมาให้ยายชลช่วยตามหาตัวแน่ๆ แต่นึกอีกที... สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มีเสียด้วย เห็นจะมีก็แต่นกหวีดตัวเดียวติดตัวไว้ยามฉุกเฉินนี่แหละ เหมาะที่สุดแล้ว!
นึกในด้วยความฉงนฉงายในความยิ่งใหญ่โอฬารของมัน คิดว่าคุณหลวงอนุรักษ์ผู้นี้คงจะต้องมีทรัพย์สินมหาศาลอยู่ไม่น้อย จึงสามารถสร้างทับสนธยาให้อลังการได้ถึงเพียงนี้
และระหว่างการลุกขึ้นยืนนั้นเอง หางตาก็มองไปยังรูปวาดขนาดใหญ่สุดใจกลางห้องโถงแห่งนี้ที่กระทบใจอย่างประหลาด และคราวนี้ หญิงสาวต้องสั่นศีรษะกับตัวเองและขยี้นัยน์ตาอย่างรวดเร็ว เหมือนกับตาฝาด เมื่อมองเห็นใบหน้าคมคายของเจ้าของทับสนธยา กำลังจ้องมองมาที่หล่อน ด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยประกายแห่งชีวิต!
กลับไปเสีย ปีระกา กลับออกไปจากที่นี่ ไป!!
คล้ายเสียงพร่ำกระซิบเตือนอยู่ริมหู หรืออาจเป็นด้วยหูแว่วไปเอง หล่อนหันมองไปรอบด้าน หากก็ไม่ปรากฏวี่แววใดๆทั้งสิ้น ไม่มีแม้แต่คลื่นเฉดสีกระเพื่อมไหว กระนั้นหล่อนก็อดห่อตัวด้วยความเหน็บหนาวที่เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตานั้นไม่ได้
สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านจากหน้าต่างบานเฟี้ยมขนาดใหญ่ที่เปิดเอียงหกสิบองศาเอาไว้ มันลอยเลื่อนมากระทบผิวกายจนเย็นยะเยือก
เมื่อนั้นปีระกาเพิ่งรู้สึกว่า การติดต่อของธาม หายเงียบไปอย่างไร้ร่องรอย ตั้งแต่ตนเองได้ผ่านเข้าสู่อาณาเขตแห่งนี้
ทับสนธยา!!
*****************************
บานประตูห้องพักขนาดใหญ่เปิดกว้างออกจากกัน ภูไททนายความหนุ่มหน้าเข้มยืนยิ้มอย่างสุภาพแล้วผายมืออย่างสุภาพ เขาส่งกุญแจดอกโตที่รับมาจากอาตม์ส่งให้กับชลธร และเพื่อนสาวของหล่อนยิ้มรับตอบ ก่อนจะขอตัวกลับไปที่ห้องพักที่อยูถัดออกไปอีกฝั่งหนึ่ง
ปีระกา เบิกตาโตเมื่อมองเห็นเตียงขนาดใหญ่กึ่งกลางห้อง ประกอบด้วยเสาทองเหลืองสี่เสาแกะสลักลวดลายเครือเถาวัลย์อย่างอ่อนช้อย และคลุมด้วยมุ้งผ้าตาละเอียดยิบเนื้อนุ่มที่โยงรอบเสาทั้งสี่ด้าน ไม่ต่างกับเตียงนอนในสมัยโบราณอันแสนคลาสสิค
โอ้โฮ รู้สึกว่าพวกเรายังกะเป็นเจ้าหญิงเลยนะ
หล่อนถือโอกาสเอนกายหงายลงไปนอนกับที่นอนแสนนุ่มและหอมกรุ่น ส่วนชลธรมัวแต่คุยกับเด็กสาวที่ช่วยยกของตามขึ้นมา พอทราบแต่เพียงว่าหล่อนชื่อมะขิ่น เป็นเด็กสาวในหมู่บ้านกะเหรี่ยงที่อยู่ห่างจากที่นี่ออกไปทางทิศเหนือ
มะขิ่นต้องกลับตอนเย็นนี้แหละค่ะ แต่คุณไม่ต้องห่วงนะคะ มะขิ่นจะเตรียมอาหารไว้ให้เรียบร้อย ไม่อยากให้เย็นมาก
เด็กสาวพูดเสียงเหน่อเล็กน้อย สายตาซื่อบริสุทธิ์มีแววหวั่นไหวเล็กน้อยจนปีระกาสังเกตเห็น
แล้วเธอจะกลับยังไงล่ะ? อยู่กลางป่ากลางเขาอย่างนี้ ไกลก็ไกลออก มีรถมอเตอร์ไซค์เหรอจ๊ะ?
เด็กสาวที่มุ่นมวยผมเอาไว้อย่างเป็นระเบียบส่ายศีรษะตอบ
ส่วนใหญ่ที่นี่เราใช้ม้ากันมากกว่าค่ะ พี่มินอ่องพี่ชายของมะขิ่นจะมารับเองค่ะ
มะขิ่นตอบช้าๆพยายามให้ชัดที่สุดและไม่พูดมากความ ท่าทีเช่นนั้นปลุกสัญชาตญาณนักเขียนขี้สงสัยให้ปีระกา แต่ยังไม่ทันจะลุกขึ้นจากเตียง สาวน้อยบ้านป่าก็วางกระเป๋าลงกับโต๊ะไม้สักข้างๆแล้ว เจ้าตัวก็รีบยกมือไหว้อย่างอ่อนช้อยแล้วถอยกลับออกมา ปล่อยให้ชลธรยืนนิ่งอยู่หน้าประตูด้วยความสงสัย สหายสาวของปีระกา หันกลับมาและก็เห็นแม่นักเขียนตัวดี หนุนหมอนนอนหลับนัยน์ตาพริ้มอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว หล่อนถอนหายใจแผ่วเบาอย่างขันแกมเอ็นดู แล้วจึงนั่งลงข้างๆ
ยายปีเอ๊ย แค่มาถึงก็หลับปุ๋ยซะแล้ว นึกว่าจะชวนลงไปเดินเล่นข้างล่างซะหน่อย สงสัยไม่ต้องแล้วดีกว่า
แค่รำพึงเบาๆ ปีระกาก็สปริงตัวลุกขึ้นทันที อย่างว่องไว
ไหน? ใครมานินทาว่าหลับ แอบฟังสัมภาษณ์เด็กมะขิ่นนั่นอยู่ตลอดละไม่ว่า แต่พอลืมตาอีกที เด็กนั่นก็แวบไปซะแล้ว
หล่อนพูดทั้งที่นัยน์ตายังหลับพริ้ม แล้วไม่รอให้เพื่อนสาวพูดต่อ
แต่ปีไม่ลืมนะ เมื่อกี้ที่บอกว่าว่าจะชวนเราไปเที่ยวข้างนอกใช่ไหม เอาสิ ดีกว่านอนอยู่เฉยๆรออาหารเย็นอย่างเดียว เดี๋ยวเซ็งตาย!
งั้นก็ไปกันเหอะ
ปีระกาลืมตาแป๋ว แล้วหรี่ตาเล็กน้อย
แล้วไม่คิดจะชวนทนายหนุ่มรูปหล่อไปเป็นเพื่อนด้วยรึไงจ๊ะ
เท่านี้ก็เห็นชลธรหัวเราะแก้ขวยเขิน ใบหน้าแดงจัดขึ้นมาทันที เดาได้เลยว่า ความประทับใจแรกพบ ของสาวออฟฟิสอย่างชลธร กำลังจะเริ่มงอกงามในไม่ช้า...
บ้า พูดบ้าๆ เขาก็ยุ่งกับงานของเขาอยู่น่ะสิ จะไปชวนทำไม เราไปกันเถอะ พูดมากจริงๆนะยายปีนี่
แสร้งหัวเราะกลบเกลื่อนเพื่อนตัวดีที่ชอบทำหน้าทะเล้นรู้ทัน แล้วจึงยื่นมือออกไปทำทีเป็นฉุดอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น ปีระกาแสร้งนิ่วหน้าเล็กน้อย ยื่นมือจับมือชลธรแล้วเหนี่ยวตัวเองตามขึ้นมา ใบหน้าใสสะอาดราวเด็กน้อยมีเม็ดเหงื่อซึมเล็กน้อย
ที่จริงในห้องนี้ก็ร้อนเหมือนกันนะ นึกว่าอยู่กลางป่าแล้วอากาศจะเย็นซะอีก
หญิงสาวเดินผ่านเตียงขนาดใหญ่ เปิดประตูกระจกออกมายังระเบียงห้องที่ยื่นออกไป โดยมีชลธรเดินตามมาด้วย ทันทีเมื่อประตูระเบียงเปิดกว้างออก ลมเย็นจากธรรมชาติยามบ่ายจึงพัดเข้ามาปะทะคลายความร้อนอบอ้าวลงได้บ้าง ปีระกาเกาะราวระเบียง มองเห็นแนวระเบียงห้องหลายสิบห้องที่สร้างต่อเป็นแนวยาวตลอดชานด้านหลังออกไปจนจรดปีกตึกริมสุดสายตา ซึ่งเป็นส่วนของหอคอยด้านใดด้านหนึ่งของทับสนธยาอันคดเคี้ยววกวนราวเขาวงกต ความคิดยังล่องลอยไปถึงภาพวาดประมุขของคฤหาสน์ ที่ยังตรึงอยู่ในความรู้สึกไม่อาจคลี่คลาย แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่อยากพูดให้เพื่อนสาวคนสนิทรู้สึกกังวลใจไปด้วย
หล่อนรู้ดีว่าชลธร มีนิสัยค่อนข้าง ขวัญอ่อน อยู่ไม่น้อยแม้ว่าภายนอกจะดูร่าเริง ในขณะที่ปีระกาเองยังค่อนข้างทะมัดทะแมงมากกว่า บางที การเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับฆาตกรรม สยองขวัญมาหลายเรื่อง ก็ทำให้หล่อนมองสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เป็นสิ่งที่น่าสนใจใคร่รู้มากกว่าจะเกิดความหวั่นกลัว
ปีระกาเชื่อว่าหล่อนตาไม่ฝาดแน่ๆ ภาพวาดหลวงอนุรักษ์วนาดรที่คล้ายจะกระพริบตาได้เอง! แต่ปัญหาก็คือ จะสืบเรื่องรูปวาดนี้จากใคร?
แล้วชื่อของธามก็วูบขึ้นมาอีกครั้ง
ธามอยู่ไหน? ธาม?
ลองร้องตะโกนเบาๆในใจ เหมือนทุกครั้ง และธามจะต้องปรากฏเสียงของเขาให้รู้ว่าอยู่ข้างกายเสมอ ไม่เคยห่างหายไปไหน
ทว่าบัดนี้ ไม่มีสัญญาณใดๆปรากฏทั้งสิ้น เหมือนธามมลายหายไปกับอากาศธาตุเรียบร้อยแล้ว ทันทีเมื่อย่างเหยียบเข้าสู่อาณาเขตแห่งนี้...
แต่ไม่เป็นไร คนอย่างปีระกาจะต้องรู้ให้แน่ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่งั้นเรื่องไม่มีวันจบแน่ๆ!!
หญิงสาวหันกลับมาหาชลธรที่เดินตามออกมาด้วย แล้วพยักหน้า
ปีว่าตอนนี้พวกเราลงไปข้างล่างกันได้แล้วล่ะ
************************
ก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่วัน...
ขณะที่นิตยสาร ยอดเยาวมาลย์ อยู่ในมือของร้อยตำรวจเอกคมจักร จักษุราช นายตำรวจแผนกสืบสวนสอบสวนคดีฆาตกรรมเรื่องสำคัญ ที่กำลังคร่ำเคร่งกับการสืบสวนเรื่องราวอย่างหนัก นิตยสารฉบับเดียวกันก็ปรากฏอยู่ในอุ้งมือของ มันด้วยเช่นกัน
มือที่จับพลิกหนังสือแต่ละหน้า เมื่อเริ่มต้นอ่านบทสำคัญของกุหลาบอาเพศ บทล่าสุด อย่างรวดเร็วและอ่านทวนซ้ำหลายครั้งหลายหนด้วยความประหลาดใจมิใช่น้อย
มันรู้ได้ยังไงกัน?
เนื้อหาในนิยายเรื่องนั้น แทบจะเลียนแบบวิธีการสังหารของมันทุกกระเบียดนิ้ว ราวกับนักเขียนนิยายสาวหน้าใหม่ผู้นั้น คอยสะกดรอยติดตามมันไปด้วยตั้งแต่แรกเริ่ม ตราบจนกระทั่งลงมือสังหารเหยื่อ!!
เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
มือข้างที่กำขอบหนังสือกดลึกจนแทบจะฉีกปลายกระดาษนิตยสารให้ย่อยยับคามือ ระหว่างไล่สายตาไปตามแต่ละตัวอักษร เพื่อหาข้อผิดพลาดที่ควรจะเกิดสักอย่าง
แต่ให้ตายเถอะ! ไม่มีจุดใดเลยที่แตกต่างจากวิธีการที่มันจัดการกับเหยื่อ แม้แต่สักส่วนเสี้ยว เหมือน นัง ปีระกา คนนั้น จะเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจของมันไม่มีผิด!
โดยเฉพาะเหยื่อรายล่าสุดที่อุตส่าห์คิดว่าจัดการกับ นังกรรณิการ์ตัวแสบ ไปแล้วอย่างหมดจดสวยงาม และปราศจากร่องรอยหลักฐานที่ตำรวจจะสาวมาถึงตัว
อันที่จริงมันควรจะเป็นฆาตกรรมที่สมบูรณ์แบบ สมกับการวางแผนและการรอคอยมาเนิ่นนานหลายปี เพื่อให้เป็นคดีตัวอย่าง ที่ตำรวจไม่อาจปิดคดีได้สำเร็จ!!
ถ้าหากว่า...
ไม่มีนังนักเขียนจอมจุ้นคนนั้นมาเป็นเสี้ยนหนามเสียก่อน!
เทพธิดาพยากรณ์อย่างนั้นหรือ? หึหึ
มันอ่านคำชมเชยที่โปรยอยู่บนปกหนังสืออีกเล่มหนึ่งข้างตัว แล้วขว้างหนังสือทั้งเล่มลงไปบนพื้นด้วยอารมณ์โทสะ ที่ไม่มีทางออก
ไม่มีทางออก!
คนอย่างมัน ไม่สมควรจะต้องมาพลาดท่าเสียที ให้กับผู้หญิงตัวเล็กๆที่ไม่มีทางสู้อะไรได้เลยคนนี้ ยกเว้นว่ามัน มีดีอะไรบางอย่าง
ที่ยังไม่อาจล่วงรู้ได้ในขณะนี้
ความสงสัย มีมากยิ่งกว่าความหวั่นระแวงหรือหวาดกลัว คนอย่างมันไม่เคยหวาดกลัวต่อสิ่งใดๆอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อตัดสินใจจะฆ่าพวกมันทั้งสี่คนในตระกูลอาชาวีรชัยให้หมดสิ้นทั้งตระกูล!
แต่ความสงสัยนี่แหละที่เปรียบเสมือนเสี้ยนเล็กๆคอยทิ่มตำระคายเคือง จนอยากจะดึงออกมากำจัดให้หมดสิ้นไปพร้อมกันด้วย
ฆาตกรในเงามืด เกร็งมือวางยอดเยาวมาลย์ฉบับล่าสุดลงกับโต๊ะ แล้วเอื้อมไปยังแจกันแก้วที่วางอยู่ข้างๆ มือของมันหยิบช่อกุหลาบสีขาวสะอาดที่ปักเอาไว้ขึ้นมาหมุนเล่นระหว่างการครุ่นคิดหนักหน่วง
ปีระกา...
มันรำพึงกับตัวเองเบาๆ
เห็นทีว่ากุหลาบขาวดอกนี้ ฉันจะต้องนำไปมอบไว้ให้กับเธอด้วยตัวเองเสียแล้ว!!
************************
ตอบเพื่อนนักอ่านครับ
คุณHermosa : เรื่องนี้มีส่วนผสมของนิยายสไตล์กอธิค เลยอิงอาศัยฉากเป็นบ้านหรือปราสาทโบราณไปด้วยครับ แต่รับรองว่าไม่ใช่แนวพิมานภูตแน่นอนครับ
คุณแก้ว : ไม่รู้ว่าพระเอกจะตามไปทันหรือเปล่านะครับ ลุ้น ลุ้น...
คุณscottie : เพิ่มบุคคลน่าสงสัยเข้ามาเรื่อยๆครับ
คุณไก่ :อีกสักไม่กี่ตอน จะมีบทคุณยี่สุ่น (หรือกรรณิการ์) อีกทีครับ คอยลุ้นนะครับว่าจะรอดหรือไม่รอด
คุณปุ้ย : ผมเองก็กลัวเหมือนกันครับว่าปมจะเยอะไป แต่เขียนไปเขียนมาก็อดใส่เข้าไปไม่ได้ทุกทีเลยครับ
คุณนวลน้ำผึ้ง : ใจตรงกันเลยครับ ทั้งสวย เซ็กซี่ และมีบุคลิกเป็นพี่ใหญ่ของตระกูลที่กุมอำนาจทุกอย่างไว้ในมือเบ็ดเสร็จ...
ขอบคุณทุกท่านด้วยครับ
หมอกมุงเมือง
จากคุณ |
:
สามปอยหลวง
|
เขียนเมื่อ |
:
11 มี.ค. 55 16:56:53
|
|
|
|