2/1
โต๊ะไม้วงกลมนั่งล้อมรอบด้วยสมาชิกสี่คน เสียงเจื้อยแจ้วของติลมาสนทนากับน้ำเสียงทุ้มต่ำของพี่ชาย ก่อนจะเอ่ยแนะนำกับเธออย่างเป็นทางการ
คาชาล เด็กสาวชี้ยังผู้พี่
คา...ชาล... ลลิลดาลองเรียกพลางหันมองเจ้าของชื่อ
ทว่าเขากลับนิ่งเฉย ใบหน้ารูปไข่ท่ามกลางแสงตะเกียงส่องให้เห็นแก้มอมชมพูระเรื่อของเขา จมูกโด่งเป็นสันรับกับดวงตากลมโตกว่าชาวคาซานทั่วไป ส่วนผสมอันกลมกลืนจนยากจะแยกแยะระหว่างตะวันออกกับตะวันตกทำให้เขามีส่วนคล้ายดาราฮอลลีวู้ดขวัญใจเธอ นามว่า คีอานู รีฟส์ มากทีเดียว
หญิงสาวเผลอยิ้มกับตนเอง และเผื่อแผ่ไปยังหนุ่มน้อยหล่อเหลาผู้นั้นด้วย
ฉันชื่อลิลลี่จ้ะ
อีกฝ่ายยังคงนิ่งเฉย หากบางสิ่งบอกเธอว่าเขารับรู้ความหมายดี
ติลมาชวนเธอลงมือรับประทานแก้บรรยากาศเก้อกระดาก ลลิลดาชิมข้าวต้มเป็นอย่างแรก แล้วเธอก็ได้เรียนรู้ว่าอาหารของชาวทิชกูนั้นค่อนข้างหนักเนย แม้แต่ข้าวต้มของแม่เฒ่ายังต้มด้วยนมและเนย หอมมันคล้ายซุปข้นที่เธอคุ้นเคย
อร่อยมากเลยค่ะ อัมมา เธอยกนิ้วชื่นชม
ผู้ได้รับคำชมเอ่ยตอบเสียยืดยาวด้วยประโยคเดียวกับตอนเจอกันครั้งแรก หญิงสาวหน้าเหวอ หันมองล่ามข้างกาย
แกพูดเหมือนเมื่อกลางวัน พูดว่าอะไรหรือจ๊ะ
ติลมาจนปัญญาแปล เธอเอ่ยขอความช่วยเหลือจากพี่ชายซึ่งเชี่ยวชาญภาษามากกว่า หากวันนี้เขากลับปฏิบัติกับแขกอย่างห่างเหินชอบกล ผิดจากพี่ชายคนเดิมของเธอที่มีมารยาทและให้เกียรติทุกคน
อัมมาบอกว่าคุณเก่ง เป็นผู้หญิงมาเที่ยวคนเดียว น่าชื่นชม เสียงทุ้มเอ่ยตอบอย่างเสียมิได้
เออหนอ พูดได้เสียทีสินะ พ่อคุณ ลลิลดานึกเอ็นดูคนขี้อายพร้อมกับชื่นชมความสามารถทางภาษาของเขา
ขอบคุณค่ะ อัมมา ฉันก็ชื่นชมอัมมาและทุกคนที่นี่ ฉันชอบความเรียบง่ายของที่นี่มากค่ะ เธอพยักหน้าให้เขาแปล
เสียงทุ้มต่ำนั้นเอ่ยขึ้นลงเป็นทำนองยาวพรืด จบแล้วแม่เฒ่าก็ดึงเธอไปกอด หญิงสาวกอดตอบแนบแน่นเท่ากัน
มื้อเย็นวันนั้นอบอุ่นทีเดียว เมื่อสองยายหลานหยิบยื่นอาหารต่างๆ ให้เธอลิ้มลอง ลลิลดาชิมทุกอย่างอย่างละนิดละหน่อย รู้ตัวอีกทีก็อิ่มจนแน่นท้องไปหมด
...............
มิสจะไปไหนหรือคะ เสียงถามของน้องสาวเรียกสายตาจากพี่ชายบนเตียงให้หันมอง
เขากำลังเอนกายสบาย หวนนึกถึงครั้งแรกที่เขาเจอนักท่องเที่ยวสาวผู้นี้โดยบังเอิญ เจ้าหล่อนคงจำเขาไม่ได้ หาก คาชาล โยซี คนนี้ไม่เคยลืม
นั่นเป็นวันแรกที่เขาลอบเข้าเมืองเพื่อตามหาพี่ชาย วิคเตอร์...เพื่อนสนิทของพี่คอยประสานงานและส่งข่าวให้เสมอ แต่ก็คลาดกันจนได้
ทว่าหน้าวัดซึ่งผู้คนนับถือในความศักดิ์สิทธิ์ เขากลับถูกต่อว่าต่อขานจากหญิงสาวคนหนึ่งได้ เสียงแหลมของเธอราวเสียงสาปแช่งของสายลมหวีดหวิว ชาวทิชกูเชื่อกันว่าหากใครได้ยินเสียงโหยไห้ของสายลมเมื่อใด เขาผู้นั้นต้องตกอยู่ใต้อำนาจลึกลับบางอย่างตลอดกาล
เขาไม่กล้าแพร่งพรายเรื่องนี้กับใคร ไม่เคยมีใครได้ยินเสียงวิปโยคนั้นมาแสนนาน ครั้งล่าสุดที่ยายเล่าให้ฟังคือวาตภัยครั้งใหญ่ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่ลางสังหรณ์บอกเขาว่าเสียงต่อว่าของแขกต่างบ้านต่างเมืองคนนี้กำลังนำพาเรื่องร้ายมาสู่ตน
เออนะ เจ้าหล่อนไม่ได้เก่งและน่ายกย่องอย่างที่ยายชื่นชม นอกจากจะเป็นผู้หญิงก๋ากั่นที่สลัดคู่รักไว้ในเมืองหลวง แล้วออกท่องเที่ยวลำพังอย่างเห็นแก่ตัว
เขาอยากจะเกลียดสตรีผู้นี้ให้สมกับที่ฟ้าส่งเธอมาสาปแช่งและตามหลอกหลอนเขา แต่รอยยิ้มจริงใจบนใบหน้าสวยคมขำนั้นเหมือนมีมนต์สะกด มันบีบหัวใจเขาให้สูบฉีดโลหิตแรง ร้อนรุ่มไปทั่วกาย
อาการประหลาดซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน จู่ๆ ก็เกิดขึ้นโดยไม่อาจควบคุม เขารู้สึกเหมือนตนเป็นคนโง่เง่าในสายตาเธอ
พี่ ข้าจะพามิสไปห้องน้ำที่ทางการสร้างไว้ ไปด้วยกันหน่อยสิ
ติลมาหมายถึงห้องน้ำสำหรับนักท่องเที่ยวซึ่งต้องเดินไปยังหน้าเขตสงวน
อากาศเย็น จะอาบน้ำทำไม
มิสจะไปทำธุระส่วนตัว ทำไมพี่ต้องตั้งแง่กับเธอด้วย เราควรดูแลคนที่เขาสนใจเรียนรู้วัฒนธรรมพวกเราเสมือนญาติคนหนึ่งไม่ใช่หรือ
ถ้าอย่างนั้นเขาก็ควรเรียนรู้ว่าอากาศแห้งและเย็นอย่างนี้ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำ
ข้าไปกับมิสก็ได้ รำคาญพี่เหลือเกิน คาชาล ถ้าพวกเจ้าหน้าที่มันแทะโลมเราก็ช่างปะไร
ประโยคสุดท้ายส่งผลให้พี่ชายลุกผึง เขาหยิบตะเกียงใกล้มือก่อนออกไปรอข้างนอก โดยมีสายตาค้อนขวับของน้องสาวไล่หลัง
...............
ติลมาเหล่มองร่างสูงโปร่งในความมืดของพี่ชาย เธอและพี่ยืนรอแขกพิเศษทำธุระส่วนตัวภายในห้องน้ำซึ่งสร้างใกล้ทางเข้าเขตสงวน ไว้รับรองนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ทางการไม่กี่คนซึ่งมีหน้าที่สังเกตการณ์ชนเร่ร่อนว่าปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดีหรือไม่
วิถีชีวิตของพวกเขาต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกฎเกณฑ์สังคม กลายเป็นมนุษย์ประหลาดที่ใครๆ ต่างมาเยี่ยมชม ตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล
ชาวทิชกูผู้รักสันติ...มีชีวิตอยู่กับการปศุสัตว์และแลกเปลี่ยนสินค้าตามแต่ละท้องถิ่นที่พวกเขาเดินทางไป บางกลุ่มลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของพวกเขา แต่ก็ถูกปราบปรามหนักจาก นายพลวายู้ค ครั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีใหม่ๆ ที่เหลือถูกกวาดต้อนมาอยู่รวมกันในเขตที่ทางการจัดให้ สร้างความเจ็บแค้นและบาดหมางจวบจนปัจจุบัน หากทุกอย่างถูกฉาบหน้าไว้ด้วยความสงบนิ่งอันเป็นวิสัยดั้งเดิมของชาวทิชกู
นานครั้งจึงจะมีนักท่องเที่ยวสักคนสนใจเข้ามาเรียนรู้วิถีชีวิตของพวกเขา...เช่นหญิงสาวก๋ากั่นคนนั้น ชาวทิชกูให้เกียรติแขกของตนเสมอ เว้นแต่ครั้งนี้ที่คาชาลไม่สบายใจ และท่าทางผิดปกติของเขาก็สร้างความประหลาดใจแก่น้องสาวเช่นกัน
พี่เป็นอะไรหรือ พี่ไม่ชอบมิสหรือ ติลมาถาม เสียงเบาเท่ากระซิบ
เออนะ แล้วทำไมหัวใจเขาต้องพลิกคว่ำพลิกหงายยามรับฟังคำถามสุดท้ายนั้นด้วย
เปล่า เจ้าอย่ายุ่งน่า ติลมา ดูแลอัมมาให้ดีเถอะ
พี่พูดแปลก ทำตัวแปลกๆ
คาชาลเหลือบมองไปทางสำนักงานของเจ้าหน้าที่รัฐอัตโนมัติ แล้วค่อยโล่งใจเมื่อไม่เห็นใคร พวกมันคงอู้งานอย่างเคย
ข้าจะบอกอัมมาให้หาเมียให้พี่ พี่จะได้แยกไปอยู่กระโจมครอบครัวอื่นเสียที ตามประเพณีของชาวทิชกู ฝ่ายชายต้องแต่งเข้าครอบครัวฝ่ายหญิง ข้าไม่ชอบวิธีที่พี่มองมิสเลย อยากให้ย้ายไปเสียวันนี้พรุ่งนี้
เจ้าไล่พี่แท้ๆ ของเจ้า เพียงเพราะนักท่องเที่ยวที่มาอยู่กับเราเจ็ดวันเท่านั้นเรอะ
พี่จะทำให้พวกเราทั้งหมดสูญเสียเกียรติเพราะต้อนรับแขกไม่ดี
ชายหนุ่มลอบถอนใจ เขาจะอธิบายกับน้องสาวอย่างไรดีว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังนำพาเรื่องร้ายมาสู่ตัวเขา ใจคอเขาถึงได้หวิวโหวงยามสบตาพราวระยับราวดวงดาวบนฟากฟ้าของเธอ
ติลมาก้าวเร็วไปหานักท่องเที่ยวสาวซึ่งเพิ่งเสร็จธุระส่วนตัว เธอปล่อยผมยาวคลอไหล่ ไอน้ำเกาะพราวใบหน้าพาให้หนาวสั่นเมื่อลมเย็นพัดมา
บอกแล้วว่าอย่าอาบ
น้องสาวขึงตาใส่พี่ชายที่ซ้ำเติมแขกพิเศษด้วยภาษาพื้นเมือง ลลิลดาเฝ้าแต่นึกอยากกลับกระโจมเร็วๆ จนไม่ทันสนใจสองพี่น้อง แต่เหมือนคนถือตะเกียงนำทางจะเดินช้ากว่าขามา
คาชาลสาสมใจลึกๆ ที่ได้ให้บทเรียนแก่คนอวดดีเสียบ้าง หลังเธอจามหลายครั้งติดกัน โอ้ เทพีจันทราเท่านั้นที่มองเห็นว่าเขาซ่อนรอยยิ้มท่ามกลางแสงรำไร
จากคุณ |
:
ภาพิมล (thezircon)
|
เขียนเมื่อ |
:
13 มี.ค. 55 10:29:47
|
|
|
|