 |
เก้าวิธีประหยัดไฟ ใครไม่ทำตัดโบนัส เฮ้ย...
อู๊ดร้องอุทานเมื่ออ่านถึงประโยคหลัง รีบดึงกระดาษที่ติดอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดูชัดๆ อีกที ตาไม่ฝาด เขียนถูกทุกคำ ตัดโบนัส แถมลงชื่อว่าคมคิดด้วย มาตรการประหยัดไฟของเจ้านายมาแล้ว!
โห! พี่คิดเอาจริงแฮะ เจ๋งที่เดินมาพร้อมกับธนัชดึงข้อความบนโต๊ะตัวเองขึ้นมาดูบ้าง เหมือนกับธนัชที่กำลังกวาดตาอ่านตัวหนังสือ
ปิดไฟและแอร์ทุกเที่ยง ใครจะทำงานตอนเที่ยงต้องทนร้อนเอา, เปิดหน้าต่างกับมูลี่รับแสงจากธรรมชาติแทนการเปิดไฟ โดนแดดเสียบ้างรับวิตามิน , ทำงานดึกไม่ว่ากัน แต่ต้องใช้ไฟเท่าที่ต้องการและคุ้มค่า เฮ้ย! ข้อหลังนี้ไม่เคลียร์ว่ะ ธนัชร้องบอกอย่างสงสัย
ก็คงหมายถึงนั่งตรงไหน ก็เปิดไฟแค่ตรงนั้นมั้ง อย่าเปิดสว่างโร่ทั้งชั้น เจ๋งอธิบาย
อู้หู! แม่เจ้าโว้ย อะไรกันเนี่ย!!! อู๊ดเจ้าเดิมอุทานขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เสียงดังลั่นปานฟ้าถล่มทลายยิ่งกว่า ทำเอาทุกคน โดยเฉพาะธนัชถึงกับปวดหู
เป็นอะไรอีกวะไอ้อู๊... ชื่อของเพื่อนสนิทกลืนหายเข้าไปในลำคอ เมื่อสองตาพลันเห็นเจ้าของร่างบางเดินเข้ามาในแผนกด้วยชุดเสื้อเชิ้ตพอดีตัวสีชมพูอ่อน กระโปรงสั้นยาวแค่เข่า รองเท้าส้นสูง แถมผมหวีเรียบ แต่งหน้า ปัดแก้ม...
มองอะไร? เพียงขวัญร้องถามทุกคน ก่อนจะส่งสายตาจิกกัดไปยังสอง หน่อที่มองเธอยังกับตัวประหลาด
แกเป็นอะไรไปเนี่ย กินยาลืมเขย่าขวดหรือไง ทำไมแต่งตัวอย่างนี้ อู๊ดถาม พร้อมกับยกมือขยี้ตาซ้ำหลายๆ ครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ตาฝาดไป
เรื่องของฉันน่า เพียงขวัญบอกปัด ขณะเดินไปนั่งประจำที่ แต่ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าหน้าก็ชักจะร้อนๆ ประหม่าอายๆ แล้วเหมือนกัน เพราะไม่คิดว่าเพื่อนร่วมงานจะอึ้งกันขนาดนี้ ก็ทุกคนเล่นมองเธอกันตาค้างไล่มาตั้งแต่ลุงยามยันแผนกอาร์ต บัญชี บุคคล แม้แต่กุกกุ๊กก็ยังงงๆ
แต่งตัวสวยๆ อย่างนี้แสดงว่ามีความรักแหง๋ๆ อู๊ดสันนิษฐาน ทุกคนพยักหน้ารับเห็นด้วย เพราะแต่งตัวสวยผิดหูผิดตาอย่างนี้มันผิดปกติมาก
เพียงขวัญนิ่งไม่ตอบ ไม่ใช่ว่าจะยอมรับหรือรำคาญ แต่เพราะเธอกำลังเจ็บ...
โอ๊ยยยย รองเท้ากัดอีกแล้ว!
เพียงขวัญก้มหน้ามองรองเท้าส้นสูงสองนิ้วที่เธอขุดจากใต้เตียงเอามาใส่ นี่เป็นเหตุจำเป็น เพราะผู้หญิงถ้าอยากจะสวยสง่าต้องใส่ส้นสูง และเธอก็มีคู่นี้คู่เดียวเสียด้วย ไม่ได้ใส่นานๆ คิดว่าจะสมานฉันท์กันแล้วเชียว ที่ไหนได้ กัดเสียไม่มีดี อย่างกับโกรธแค้นเธอมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ส้นเท้าของเธอเป็นรอยแดงๆ ผิวหนังถลอกเสียแล้ว นิ้วโป้งกับนิ้วก้อยก็เจ็บด้วย
ว่าไงล่ะ ใช่ไหมๆๆ ไม่งั้นไม่แต่งตัวอย่างนี้เด็ดขาด อู๊ดยังคงถามเซ้าซี้ไม่เลิก
จะคิดยังไงก็เรื่องแกเหอะ แต่ใช่ไม่ใช่มันก็เรื่องของฉัน เพียงขวัญเลยแหวใส่ ชักจะเริ่มรำคาญขึ้นมาจริงๆ เสียแล้ว คนเขากำลังวุ่นวายกับการรื้อหาปลาสเตอร์ยาในลิ้นชักมาติดส้นเท้าแท้ๆ ยังจะมาตื๊อถามกันอยู่ได้ เดี๋ยวก็เอาส้นเท้ายันให้เสียเลยนี่
โอ๊ะโอ อารมณ์เสียซะแล้ว ไม่ถามก็ได้ อู๊ดเอ่ยแซว แล้วหันหลังเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน นั่งมองเพื่อนในมาดใหม่อย่างขำๆ แบบนี้ก็ดูแปลกตาดี แต่สำหรับเขาแล้ว เขาชินกับมาดเดิมๆ ของเธอมากกว่า
เพียงขวัญหาปลาสเตอร์ไม่เจอ ไม่แน่ใจว่าหายหรือใช้ไปแล้ว เธอตัดสินใจจะเดินไปหากุกกุ๊ก เผื่อว่าเลขาฯ จะมีติดโต๊ะ แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นธนัชกำลังจ้องมองมาด้วยสีหน้าและแววตาแปลกๆ จนเธอไม่แน่ใจว่ามองอย่างนั้นมันเป็นแง่ดีหรือร้าย แต่เธอคิดว่าคนเป็นศัตรูกันคงไม่มองเธอในแง่ดีหรอก ต้องมองในแง่ร้ายแน่ๆ
ผีเข้าหรือไง?
นั่นไง...แง่ร้ายจริงๆ ด้วย
ถ้ามันขัดลูกกะตานัก ก็ไม่ต้องมอง เพียงขวัญสวนกลับ แล้วเดินกระแทกส้นเท้าออกจากฝ่ายไปหากุกกุ๊ก เธอไม่ชอบหมอนี่เลย ทำไมถึงได้ชอบพูดจากระแหนะกระแหนเธอตลอด ถึงเธอจะดูเพี้ยนที่ลุกขึ้นมาแต่งตัวสวย(?) แบบนี้ แต่บอกว่าผีเข้านี่มันไม่มากไปหน่อยรึไง ถ้าผีจะเข้า ก็ต้องระดับผีนางงามจักรวาลเลยนั่นแหละ จะบอกให้...
เพียงขวัญเดินกระเผลกไปหากุกกุ๊ก พลางสอดส่ายสายตามองหาคนที่ทำให้เธอต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง วันนี้เออีไม่อยู่เลยสักคน จะว่าไปมันก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าแคนดี้กับพายอยู่ รับรองว่าจะต้องนำทีมมาแขวะเธอแน่ๆ เค้กอยู่แค่คนเดียวก็เลยไม่กล้าแหยม ได้แต่มองเธอห่างๆ และกดโทรศัพท์ยิกๆ คงรายงานหัวหน้าแก๊ง แต่เธอไม่สนใจและไม่กลัวด้วย เธอต้องการแค่ให้เตวิชรู้ว่า...โชคดีของเขาคือเธอนี่ไง
แล้วเพียงขวัญก็ได้แต่เซ็ง เมื่อรู้จากกุกกุ๊กว่า เออีทั้งหมดบอกคมคิดไว้แล้วว่าจะไปพบลูกค้า จะกลับเข้าบริษัทหรือไม่จะดูเวลาก่อน ถ้าคุยติดพันก็อาจจะไม่เข้าบริษัท เมื่อเป้าหมายไม่อยู่ แผนที่วางไว้ว่าเตวิชจะต้องตกตะลึงที่เห็นเธอแต่งตัวสวย มันก็เปล่าประโยชน์
แต่เธอยังมีหวัง คิดว่าเย็นนี้เตวิชจะต้องกลับเข้าบริษัทแน่ๆ
วันทั้งวันผ่านไปอย่างเอื่อยเฉื่อยล่าช้า เพียงขวัญนั่งทำงานไปก็เบื่อไป อึดอัดกับชุดที่ใส่ แล้วยังรู้สึกว่าบริษัทมีบรรยากาศแปลกๆ ปกติอากาศที่เคยเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศ วันนี้กลับรู้สึกอุ่นขึ้นจนเกือบจะเรียกว่าร้อนเลยก็ได้
สงสัยจะเพราะกระดาษใบนี้...เพียงขวัญหยิบเก้าวิธีประหยัดไฟของเจ้านายมาอ่านดู พนักงานคงกลัวจะโดนตัดโบนัส ถึงได้ปฏิบัติตามกันอย่างเคร่งครัด หน้าต่างด้านที่มีมูลี่ถูกเปิดให้แสงแดดเข้ามา ไฟที่เคยเปิดสว่างโร่ก็เปิดหนึ่งดวงเว้นหนึ่งดวง ตรงระเบียงที่มีประตูเลื่อนบานใหญ่เคยปิดอยู่เสมอในเวลาทำงาน วันนี้ก็เปิดออกเพื่อรับลม
ที่นั่งของเธออยู่ติดหน้าต่าง แต่แดดไม่ส่องเท่าไหร่ ก็เลยเปิดมูลี่ไว้อยู่เสมอ เย็นวันนี้มีเมฆครึ้มๆ มา แดดก็ไม่ค่อยมีด้วย เธอมองนั่นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งเห็นรถยนต์สีบลอนซ์เงินเลี้ยวเข้ามาจอด หัวใจอันแห้งเหี่ยวสุดเซ็งของเธอกลับกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันที
เตวิชกลับมาแล้ว!!!
เพียงขวัญรู้สึกคึกคักขึ้นมาทันใด ก้มลงสำรวจเสื้อผ้าตัวเองว่ายังดูดีเหมือนเมื่อเช้าอยู่ไหม จากนั้นก็ทำเป็นถือแฟ้มออกมาหนึ่งแฟ้มรีบวิ่งออกจากฝ่ายไป
เฮ้ย! เพียงขวัญร้องออกมาเบาๆ เมื่อมีร่างของใครบางคนเดินเลี้ยวเข้ามาพอดี เธอรีบเบรกจนตัวโก่งอย่างกะทันหัน รองเท้าส้นสูงก็เลยพลิกเข้าให้...
คนสวยกำลังจะล้มเป็นช้างตกมันแล้ว
แต่เอ๊ะ! ตัวเธอยังลอยอยู่เลยนี่นา แถมยังอยู่ในอ้อมกอดของใครบางคนอีกต่างหาก...
ระวังหน่อยเซ่ เสียงเอ็ดดังขึ้นข้างหูไม่ดังนัก เป็นธนัชนั่นเองที่เดินมาตัดหน้า และก็เป็นเขาอีกนั่นแหละที่ใช้ทั้งสองมือฉุดรั้งดึงแขนทั้งสองข้างของเธอไว้ไม่ให้ล้มลงไปเสียก่อน
เพียงขวัญได้สติ พยายามจะยันตัวเองให้ยืนตรง แต่ก็ทำได้ลำบาก เขาเลยช่วยจับให้เธอยืนตรงๆ
เมื่อทรงกายได้เรียบร้อยแล้ว เธอก็สะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม
จะรีบไปไหน?
ก็จะไปทำงานน่ะสิ ถอยไป เพียงขวัญตอบห้วนๆ พร้อมกับตวัดมือเป็นเชิงบอกให้เขาหลีกไป เพราะทางเดินระหว่างโต๊ะมันแคบมากจนเดินผ่านได้แค่ทีละคน แถมตอนนี้เจ้าตัวก็ยังยืนขวางทางเป็นไอ้เข้ขวางคลองอีกต่างหาก ธนัชนิ่วหน้าด้วยความสงสัย เมื่อสังเกตเห็นแฟ้มที่หล่อนถืออยู่มันมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีเอกสารอะไรสำคัญเลยสักใบ มิหนำซ้ำเจ้าหล่อนยังเอาแต่เหลือบมองไปทางแผนกเออีอยู่นั่นแหละ แค่นี้เขาก็รู้แล้วว่างานที่อีกฝ่ายพูดถึงมันคืออะไร
จะไปหาเตล่ะสิ
หน้าของเพียงขวัญถอดสีไปนิดหนึ่งเมื่อธนัชรู้ทัน แต่แล้วเธอก็ชักสีหน้าใส่ทันควัน
แล้วมันเรื่องอะไรของนายล่ะ
เอ้อ จริงสิ ไม่ใช่เรื่องอะไรของฉันนี่นะ รู้สึกว่าเตจะขับรถกลับเข้าบริษัทแล้วด้วย งั้นก็รีบเชิญไปโชว์ตัวให้เตดูได้เลยว่าวันนี้เธอสวยขนาดไหน ธนัชหลีกทาง ผายมือให้แบบประชดๆ
เพียงขวัญเดินกระแทกเท้าชนธนัชไปนิดหนึ่งอย่างจงใจ นอกจากจะประชดกันแล้ว ยังรู้ทันด้วยว่าเธอแต่งตัวสวยเพราะอะไร และจะรีบไปหาใคร ราวกับว่าเขาจับสังเกตเธอตลอดเวลา
อ๋อ...ใช่สิ คนโรคจิตชอบหาเรื่องอย่างหมอนั่นก็ต้องคอยจับผิดเธออยู่แล้ว จะได้มากัด มาแขวะ มาพูดจาประชดให้สะใจอย่างนี้ไงล่ะ คิดหรือว่าเธอจะกลัว ไม่มีทางซะหรอก คนอย่างไอ้ขมสู้คนเฟ้ย!
สองขาที่เดินจำอ้าว อยู่ดีๆ ก็หยุดชะงักลงเสียดื้อๆ ทีแรกเพียงขวัญก็จะไปหาเตวิชที่ฝ่ายเออีเลยนั่นแหละ แต่พอมาคิดดูอีกที การจะวิ่งแล่นไปหาเขาถึงที่มันจะดูไม่งาม ดังนั้นเธอน่าจะเดินไปคุยกับกุกกุ๊กก่อนดีกว่า ตรงนั้นใกล้ฝ่ายเออี รับรองว่าต้องเจอกันแน่
เอ้อ...ไม่เอา ไปที่ลิฟต์ดีกว่า ทำเป็นจะลงลิฟต์ พอลิฟต์เปิดก็ได้เจอกัน แบบนี้สิเข้าท่ากว่า ดูเหมือนเป็นความบังเอิญที่คล้ายๆ กับบุพเพยังไงยังงั้น
เมื่อได้แผนเด็ดแล้ว เพียงขวัญก็เดินเลี้ยวออกจากออฟฟิศไปที่ลิฟต์และกดปุ่มลง บังเอิญไปเจอกับกุกกุ๊กที่เดินขึ้นบันไดมาจากชั้นสี่พอดี
พี่ขม กุกกุ๊กเดินปราดเข้ามาหาอย่างตื่นเต้น เมื่อตอนเที่ยงกุ๊กเจอพี่แมนนี่ด้วยแหละ เขามาติดต่องานแถวบริษัทเรา กุ๊กคุยกับพี่เขานิดหน่อย เพิ่งรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่กับพี่ขม
เลขาฯ สาวนั้นสนิทสนมกับแมนนี่เป็นอย่างดี เพราะเคยเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน แถมยังเอกเหมือนกันอีกด้วย
บังเอิญน่ะ บังเอิญมากๆ เลย เพียงขวัญตอบแบบกว้างๆ ไม่ลงรายละเอียด เพราะมันเริ่มต้นเล่ายากเหลือเกินและคงไม่จำเป็นต้องเล่าด้วย
แล้วพี่ขมไม่รู้สึกแปลกๆ บ้างเหรอคะ กุกกุ๊กเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
ทำไมล่ะ
แหม ถึงพี่เขาจะเป็นกระเทยแปลงเพศไปแล้ว แต่เขาก็เคยเป็นผู้ชายมาก่อนนะคะ
ต๊าย!!! ฉันหูฝาดหรือเปล่าเนี่ยพาย ฉันได้ยินว่าทอมแถวนี้อยู่กับกะเทยล่ะ เพียงขวัญกับกุกกุ๊กหันหน้าไปตามเสียงแปร๋นๆ อันแสนคุ้นหู ไม่รู้ตัวเลยว่าแคนดี้กับพายโผล่มาจากมุมไหนและไม่รู้ด้วยว่าทั้งคู่มายืนแอบฟังอยู่
กุกกุ๊กทำหน้าตาเลิ่กลั่ก เมื่อสงครามน้ำลายระหว่างอาร์ตไดฯ กับเออีกำลังจะเริ่มขึ้นอีกแล้ว แถมมีจุดเริ่มต้นจากคำพูดของเธอเสียด้วยสิ
โลกเราคงตีลังกากลับหัวไปเสียแล้วเนอะพาย อยู่ดีๆ ทอมลุกมาแต่งตัวเป็นผู้หญิง ไม่รู้ว่ากะเทยที่อยู่ด้วยกันจะลุกมาแต่งตัวเป็นผู้ชายหรือเปล่า แคนดี้ยังไม่เลิกจิก ทำเอาเพียงขวัญชักจะคันมือคันไม้ขึ้นมาตงิดๆ
นั่นสิคะพี่ พายรับคำเป็นลูกคู่ แถมยังลอยหน้าลอยตาไม่แพ้กัน
พูดให้มันดีๆ นะ เพียงขวัญจ้องหน้าแคนดี้เขม็ง
อ้าว! นี่ฉันก็พูดดีๆ แล้วนะ แถมพูดถูกเสียด้วยใช่ไหมล่ะ
ยังไม่ทันที่เพียงขวัญจะได้ตอบโต้อะไร ประตูลิฟต์ก็เปิดออก แล้วคนที่ปรากฏตัวก็คือคนที่เธอรอคอยอยู่ทั้งวันนั่นเอง เตวิชเห็นสาวๆ ของบริษัทมายืนออกันอยู่ถึงสี่คนก็ยิ้มจางๆ ให้ทุกคน สีหน้าดูเหนื่อย คิ้วค่อนข้างยุ่งเหมือนกำลังกลุ้มใจ
เพียงขวัญหันไปยิ้มหวานส่งให้เมื่อเขามองมายังเธอ ในใจก็นึกตื่นเต้นที่สุดว่าเขาจะพูดกับเธอว่ายังไงบ้าง จะชมว่าสวยหรือน่ารักหรือเปล่าหนอ...
ทว่า...เตวิชมองเธอแค่แวบเดียวก็ละสายตาไปทางแคนดี้ต่อ
พี่แคนดี้ครับ ผมมีปัญหาเรื่องงานอยากปรึกษาครับ เตวิชเดินตรงไปหาแคนดี้และพาย จากนั้นคนฝ่ายเดียวกันทั้งสามคนก็เดินเข้าสำนักงานไป ทิ้งให้เพียงขวัญยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความผิดหวัง โดยไม่ได้กล่าวทักทายอะไรกันเลยสักคำ
พี่ขม กุ๊กขอโทษนะคะที่ถามแบบนั้น พี่แคนดี้ก็เลยได้ยินหมดเลย กุกกุ๊กพูดเสียงอ่อย
ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เพียงขวัญโบกมือเป็นเชิงบอกว่าไม่ให้คิดมาก เธอคะยั้นคะยอให้สาวรุ่นน้องเข้าออฟฟิคไปก่อน ส่วนตัวเองก็สงบสติอารมณ์อยู่ตรงนี้สักครู่ กุกกุ๊กพยักหน้ารับแบบซึมๆ แล้วรีบเดินกลับเข้าสำนักงานไป
เพียงขวัญหันมองไปภายในสำนักงาน มองจากตรงนี้เธอไม่เห็นใครเลยสักคน และก็ไม่มีใครสนใจเธอด้วย แม้แต่คนที่เธอรอตั้งแต่เช้าก็ดูจะไม่กระตือรือร้นกับสิ่งที่เธอทำเพื่อเขาเลยสักนิด นึกถึงสายตาของเตวิชที่มองเธอแล้วมันช่างน่าน้อยใจนัก เธอแน่ใจว่าเขาต้องเห็นเธอเป็นคนแรก เพราะเธอหันหน้าไปทางเขาก่อนใครเพื่อน แต่เธอไม่สวยสะดุดตาชวนให้เขาเอ่ยทักทายเลยหรืออย่างไร...
สองตาก้มมองตัวเองในชุดกระโปรง ชุดที่อุตส่าห์ฝืนใจสวมใส่ รองเท้าที่ยอมถูกมันกัดเพื่อให้ตัวเองดูดี ลงทุนตื่นแต่เช้ามาแต่งหน้าทำผม นี่เธอคิดอะไรอยู่ถึงต้องมาแต่งตัวแบบนี้ เพื่อให้ผู้ชายคนหนึ่งที่เธอปลื้มได้เห็น แล้วสุดท้ายมันได้อะไร ถึงเขาจะเห็น แต่ก็แค่มองผ่านๆ ไม่ถาม ไม่ทัก ไม่สนใจ ไม่กระตือรือร้นอันใดกับเธอเลยสักนิด แถมยังเดินผ่านหน้ากันไปด้วยท่าทีเฉยเมยอีกต่างหาก
นี่เป็นเธอจริงๆ หรือที่ทำเรื่องเพี้ยนๆ แบบนี้ เธอแต่งตัวอย่างนี้ให้มันได้ประโยชน์อะไร?
จากคุณ |
:
inmost
|
เขียนเมื่อ |
:
13 มี.ค. 55 16:11:31
|
|
|
|
 |