The Horizon BL (Body Talk Part II) บทที่ 2
|
 |
บทที่ 2
ชินกดเปิดน้ำไล่สิ่งที่อยู่ในอ่างล้างหน้าลงท่อ เขาเงยหน้าหลับตาสูดลมหายใจลึก รู้สึกดีขึ้นก็ลืมตาหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดปาก แล้วเดินออกจากห้องน้ำ ไม่ทันพ้นประตูก็ทรุดตัวลงกองพื้น อาการเดิมกลับมาอีกจนต้องวิ่งกลับเข้าห้องน้ำอีกครั้ง โก่งคออาเจียนจนแทบจะหมดลมหายใจ ไม่มีสิ่งใดออกมาอีกแล้วนอกจากน้ำข้นสีเหลืองอ่อน ชินเปิดน้ำบ้วนปากแล้วทรุดนั่งบนขอบอ่างอาบน้ำ หลับตาหายใจเข้าออกช้าๆแล้วค่อยๆลุกขึ้นอีกครั้งเมื่อรู้สึกปกติจึงค่อยก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็ทิ้งตัวนอนบนเตียงหลับตาครู่เดียวร่างกายก็ไหวสะท้าน "ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย"
ชินเลื่อนมือมาแกะผ้าผูกเสื้อคลุมถอดออก เรือนร่างของเขาเต็มไปด้วยรอยจ้ำแดงบนคอและอกกระจายเป็นที่ๆความทรงจำเมื่อคืนกลับมาอีกครั้ง เขากำลังแตกสลาย และรู้สึกโกรธเคืองร่างกายนี้ เสียใจในสิ่งที่มันทำกับชีวิตของเขา เขาพร่ำพูดกับตัวเองจะแก้แค้น จะแก้แค้น แต่ใครคนนั้นทำให้เขาต้องรีบติดตามไป คนที่พบเจอกันเสมอ แต่มันเป็นการพบเจอของเขาเพียงฝ่ายเดียว ผู้ชายที่ไม่มีอะไรเด่น หากแต่มีท่าทางเหงาๆเป็นธรรมชาติที่ชวนมอง พวกเขามีบทสนทนาไม่มาก แค่แชร์ช่วงเวลาร่วมกันนิดหน่อย ใช้จ่ายยามค่ำคืนไปกับพลังทางเพศอันเหลือเฟือให้กันและบนเตียง ช่างประสบการณ์อันเร่าร้อนที่เขาคงไม่มีวันลืม แม้มันจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายกระนั้นก็ตาม ชินกัดริมฝีปากหลับตาเมื่อกล้ามเนื้อบางส่วนบนร่างกายส่งสัญญาณ แปลบปลาบ ชินซี๊ดปาก เขาจำได้ว่าหมอนั่นดื่มด่ำร่างกายของเขาทุกสัดส่วนไปทั้งไร้สติ เป็นผลงานของความเมาโดยตรง เหล้าและอารมณ์มักเป็นเชื้อเพลิงและเปลวเพลิงแห่งความกระหายเสมอ ผู้ชายคนนั้นกับชินจึงเคลื่อนไหวได้เองตามธรรมชาติแห่งความต้องการ แบบไม่ต้องอาศัยใจและความรัก แค่ปล่อยความรู้สึกร้อนลึกสู่ร่างกายของใครสักคน ชินจินตนาการถึงร่างกายที่โถมทับ คิดถึงความสอดคล้องของการเคลื่อนไหวของสองร่างกาย
"นายต้องกลับมาหาฉันนะ กลัวอะไรกับความตาย ฉันอยากร่วมรักกับนายอีก อยากทำมันกับนายจนชีวิตดับดิ้นไปเลย" ชินขดกายนิ่งเนิ่นนาน เสียงประตูเรียกให้ชินลืมตา ภาพโคมระย้าที่เพดานน่าสนใจกว่า ผู้มาใหม่ “โห นายเปลือยรับปีใหม่เลยหรือ” เขานั่งลงข้างชิน น้ำหนักตัวทำให้ที่นอนยุบลงจนชินรู้สึกได้ ไม่มีสุ้มเสียงใดเกิดขึ้นอีกหลังจากนั้น ไม่นานชินก็ถูกจับพลิกคว่ำหน้า เสียงลมหายใจแรงแทรกในอากาศอันเงียบงัน
“อ๊ะ!!” ชินกัดกลีบปากล่าง เมื่อหุบเหวแคบลึกถูกรุกร้ำด้วยสิ่งแปลกปลอม บาดแผลสดถูกรบกวนจนออกอาการประท้วงจนปลาบแปลบ “นี่ นาย!!” เสียงด้านหลังชินหายห้วง ชินหันกลับมองข้ามไหล่ เห็นเพื่อนสนิทของเขากำลังมองปลายนิ้วมือตัวเองที่กำลังสั่นระริก “ขอโทษนะ ฉันทำไปแล้ว ฉันมีครั้งแรกจริงๆล่ะ” ชินห่อไหล่แนบกับที่นอนนุ่ม ส่วนเพื่อนเขาเข่าอ่อนทรุดนั่งข้างเขาอีกครั้ง
“นายทำแบบนี้ได้อย่างไร แม้ตอนนี้ฉันจะไม่ได้คิดกับนายเกินเพื่อนแล้วก็ตาม และทั้งที่คิดว่าคงไม่รู้สึกอะไรแต่การได้รู้ว่านายเอาความบริสุทธิ์ไปมอบคนอื่น ทั้งที่ฉันรอคอยมาก่อนใคร มันอดที่จะเจ็บสุดๆไม่ได้ว่ะ” ชายหนุ่มถอนใจยาวพลางเลื่อนมือมาลูบศีรษะของชิน “แต่ก็นั่นล่ะ คนๆนั้นคงมีดีกว่าฉันมากนะนายถึงทำกับเขาได้ขนาดนี้ ต่อไปเราเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆได้เสียทีนะ” “ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ ฉันไม่รู้สึกถึงตัวตนของฉันเลย เวลาเห็นเขา”ชินเริ่มร้องไห้
“บางทีนะ บางที นายอาจจะกำลังตกหลุมรักอีกครั้งก็ได้นะ ” เพื่อนของชินยิ้มพลางทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง คิดแล้วก็ให้แปลกใจทั้งที่วันนี้เป็นวันเริ่มต้นปีอย่างที่ใครต่อใครต่างพูดว่า วันปีใหม่ หากแต่...ท้องฟ้า ก้อนเมฆ อาคารไร้รสนิยม มีรสนิยม แสงแดดที่ฉาบทอท้องฟ้า และดวงตะวันที่เจิดจ้า กลับเหมือนเดิมไม่มีสิ่งใดแปลกตากว่าปีก่อนๆเมื่อมองจากตรงนี้ ชายหนุ่มก้มลงจูบเส้นผมของชิน
“ความรักที่มีรูปแบบเฉพาะตัว มีความลึกลับที่นายไม่จำเป็นหาเหตุผล ความคิดถึงที่ไม่มีวันวางวาย ร่างกายก็เหมือนจะพูดได้ราวไม่ต้องการวิญญาณ ฮึๆๆ ไม่ต้องไปตกใจกับมันมากนักหรอกหากใจของนายจะเป็นไป นายไม่ต้องกลัวหรือสับสนใดๆหรอกนะ เพราะความรักน่ะ ไม่มีเรื่องใดไม่ดี หากไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี คำแนะนำคือปล่อยหัวใจอย่ากดดันอย่าบีบคั้นตัวเอง ความรักที่มีเพื่อรักเท่านั้นโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นหญิงหรือชายนั้นน่ะ สุดยอดของนิยามนะ” ชินยันตัวลุกขึ้นด้วยความลำบาก ความเจ็บที่เต็มอณูสพางค์กายเป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถปริปากของกับเพื่อนรักได้
“พักนี้ฉันมักรู้สึกแปลกๆชอบจินตนาการถึงวันโลกดับ ตะวันสลาย และตัวเองก็แหลกสลายเป็นแค่ผงธุลีน่าเสียดาย ความฝันที่ฉันเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด รู้สึกเสียดายที่ตัวเองเกิดมาดี ประสบความสำเร็จ ขึ้นมาอยู่สูงขนาดนี้ นายเข้าใจไหมมันน่าเสียดายมากๆ” ชินจับไหล่เพื่อนเขย่าเบาๆแล้วเริ่มแรง “เฮ้ มันก็แค่จินตนาการบ้าบอ กับความฝันที่ไม่จริงเท่านั้นอย่าประสาทเสียซิ” เพื่อนของฉันจับมือเขาออกจากไหล่ตัวเอง “นายไม่ต้องการฉันอีกแล้วซินะ แต่หากฉันต้องการนายตอนนี้เดี๋ยวนี้ล่ะ นาย นาย นายจะทำกำหนัดของฉันให้หายไปได้ไหม”
“อะไรนะ!” เพื่อนของชินพูดเหมือนเพิ่งได้ฟังเรื่องราวสุดประหลาดที่สุดในโลก “ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง สิ่งที่ฉันฝัน สิ่งที่อยู่ในจินตนาการ ฉันต้องการก่อนวัยอันควร เชื่อสิ ดังนั้นฉันถึงอยากใช้ร่างกายนี้ให้มันคุ้มค่า หากฉันนอนกับคนที่ไม่รู้จักได้ กับนายที่รักฉันตลอดมาทำไมฉันจะทำไม่ได้” ชินยื่นมือไปจับกลางหว่างขาเพื่อน “พอเถอะชิน!นี่มันอะไรกัน นายเพิ่งนอนกับคนอื่นแล้วนายจะให้ฉันซ้ำรอยไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้นี่นะ ไม่มากไปหน่อยหรือ นี่ถ้าฉันยังรักนายเหมือนเมื่อก่อนนายยับคาเตียงไปแล้วที่บังอาจทำแบบนี้กับฉัน” เพื่อนของเขาถอยหนีจากมือของเขา
“ฮ่ะๆๆๆ” ชินล้มตัวลงนอนขดตัวแล้วหัวเราะราวเสียสติ “ก็นายเลิกภักดีกับฉันเพื่อรักจากโสเภณีนี่นา ฉันก็เลยลองร่านจัดๆให้เหมือนโสเภณีดู เผื่อนายจะรู้สึกกับฉันเหมือนเดิม” ชินยันตัวลุกขึ้นแล้วคลานไปนั่งบนตัวของเพื่อน เสื้อคลุมที่หลุดลุ่ยเผยให้เห็นสัดส่วนในทุกซอกมุม “แค่คิดว่าฉันเป็นมัน แค่ถอดกางเกง แล้วเอาฉันให้เหมือนที่เคยเอามัน ให้ฉันเละคาเตียงอย่างที่พูด” ชินย่นคิ้ว เขากัดริมฝีปาก
“หยุดนะ หยุดพูด นายเป็นบ้าหรือไง! ชิน” เพื่อนเขาผลักชินออกจากตัวแล้วลุกขึ้น ชินหอบหายใจรัว เขาก้มหลับตาแน่นกัดปากจนซีด “นะ ฉันต้องการนายจริงๆ ก่อนที่ฉันจะ....ไม่ไหว” สองสามสุดท้ายชินพูดแผ่วเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ เขาไม่ทันจะได้เงยหน้ามองคู่สนทนา ฝ่ามือของอีกฝ่ายก็ฟาดเปรี้ยงมาเต็มใบหน้า ชินหน้าหันตามแรง เขาตะลึงน้ำตาไหลจากดวงตาที่เบิ่งกว้างโดยไม่รู้ตัว
“ทั้งที่ปีใหม่แท้ๆ ทั้งที่ฉันตั้งใจจะมาสวัสดีปีใหม่กับนายคนแรก แต่มันกลับเป็นแบบนี้นายมันบ้า แค่นอนกับผู้ชายสักคนนายก็สติหลุดขนาดนี้เลยหรือชิน ขอเลยนะ อย่าพูดถึงคนที่ฉันรักแบบนั้นอีก ช่วยจำใส่กระโหลกเน่าๆของนายด้วยว่าคนๆนั้นจะเป็นอะไรก็ช่าง ฉันก็จะรักตลอดไป โอเค๊? เข้าใจนะ” เพื่อนของชินทรุดตัวกับพื้นหน้าเตียงที่ชินนั่งหมดแรงอยู่ แม้น้ำตาไหลไม่หยุด ทว่าใบหน้าขาวซีดนั้นกลับไร้ความรู้สึกราวหน้ากากโนห์ของอันเลื่องชื่อของญี่ปุ่น
“เอาเป็นว่าเราเจอกันในงานเลี้ยงของบริษัทฯคืนนี้ก็แล้วกัน ฉันกลับก่อน” เพื่อนของชินลุกขึ้นยืนถอนใจก่อนจะเดินออกจากห้อง ชินค่อยยกมือขึ้นลูบแก้ม “เมื่อก่อนแม้จะสักนิดที่อาจทำให้ฉันเจ็บตัวนายไม่เคยแม้จะคิด แต่วันนี้เพื่อคนอื่นนายตบฉันซะหน้าหันเลยไอ้บ้า” ชินหัวเราะทั้งน้ำตา ทว่าพักเดียวเขาก็เลื่อนมาจากแก้มมาที่ปาก ปิดแน่นแล้วรีบโดดลงจากเตียงเข้าห้องน้ำ อาเจียนอย่างแรงอีกครั้ง โก่งคอขย้อนของเก่าออกมาแต่ละครั้งความรุนแรงนั้นแทบจะทำให้ศีรษะหลุดออกมากลิ้งหลุนแทบเท้า ชินหอบตัวโยน
“เมาค้างอะไรนักหนาแค่ไวน์สองขวด”เขายันแขนกับขอบอ่างล้างหน้าสะบัดศีรษะอย่างแรง แต่กลับเซเกือบเสียหลักล้มหากคว้าขอบประตูห้องฝักบัวไม่ทัน ชินย่นคิ้วใบหน้าบิดเบี้ยวก่อนจะร้องออกมา “นายไม่เข้าใจซินะว่าหากฉันต้องตายไปวันนี้นายเป็นคนเดียวที่ฉันรู้สึกติดค้างที่สุด ฉันอาจรักคนอื่น แต่นายเป็นคนเดียวที่ฉันอยากตอบแทนก่อนที่ชีวิตจะแหลกสลาย นี่แหละที่กระโหลกเน่าๆของฉันคิดได้ นายมันไม่รู้อะไรสักอย่าง” ชินเงยหน้าปล่อยโฮ ออกมาอย่างไม่เก็บกัก
คณินเดินผ่านล๊อบบี้ของคอนโด บริเวณโดยรอบยังมีร่องรอยการเฉลิมเมื่อคืนที่ผ่านมาและมีวี่แววจะต่อวันนี้อีกวันในตอนค่ำ พนักงานกับผู้พักอาศัยกลุ่มหนึ่งกำลังตบแต่งสถานที่เพิ่มเติมและซ่อมแซมบางส่วนที่เสียหายจากฝีมือใครสักคนที่อาจเมาจัด มันเต็มพิกัดไปหน่อยเลยพังสิ่งที่ประดับใกล้มือ มีคนเข้าทักทายสวัสดีปีใหม่กับคณินแต่มันก็เสมือนภาพยนต์ขาวดำที่ไร้เสียงด้วยระบบล้าสมัย คณินเองก็คล้ายกับพนักงานบนเครื่องบินหรือพนักงานบริการตามสถานที่ต่างๆที่เอาแต่ค้อมศีรษะส่งยิ้มโดยอัตโนมัติเพราะหน้าที่หากแต่ข้างในไร้ความรู้สึกกับรอยยิ้มที่ส่งออกไป ก้าวเข้าไปในลิฟท์เงยหน้ามองไฟกระพริบเปลี่ยนชั้น จู่ๆก็ให้สงสัยเขากลับมาถึงที่นี่ได้อย่างไร ไม่นานประตูลิฟท์เปิดเมื่อถึงชั้นที่ต้องการ คณินเดินเหม่อไปที่ห้องตัวเอง เสียบการ์ดเปิดประตูแล้วเดินตรงไปที่ห้องนอน ภายในห้องที่เงียบสงัดราวสุสาน ชายหนุ่มยืนทอดสายตามองเตียงนอนตัวเองพลางจินตนาการว่าตรงหน้าเป็นหลุมฝังศพ ร่างกายแน่นิ่งไร้ไหวติงอยู่ใต้ดินเปียกชื้น เหน็บหนาว ไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็นสิ่งใดอีกแล้ว เงียบมาก มืดมาก คณิตตัวสั่นขึ้นมาแบบไม่ตั้งตัว นั่นคือ“ความตาย”หรือ? ความตายที่เป็นดั่งหุบเหวมืดดำเวิ้งว้างไม่สามารถคะเนถึงทางออก คลุมเครือราวสายหมอก ไม่รู้จะประชิดตัวเมื่อใด ช่างน่ากลัวจับใจ
คณินพร่ำบอกตัวเองขณะทอดตัวนอนหากติดโรคมาเขาคงได้อยู่กับแม่อันเป็นที่รักที่สุด ดีแล้ว ดีที่สุด ทว่าใบหน้าที่ย่นยับด้วยอารมณ์ซุกหน้ากับหมอน หัวใจหดตัวบีบรัดจนแทบฉีกขาด คำพูดที่ดังในหัวอกกระโกนซ้ำๆ ไม่น่าเลย ดวงจิตจึงหวนไห้อย่างเสียดาย “ช่วยด้วย” คณินยื่นมือออกไปในความมืด ใครสักคนอาจเป็นแม่หรือใครสักคนตรงหน้า อยู่ตรงนี้ โอบกอดร่างกายดั่งลูกนกอ่อนแอของเขา ช่วยด้วยซิ อาจปลอบโยนด้วยคำพูดก็ได้ อ้อมกอดก็ไม่เห็นเป็นไร ช่วยรับฟังสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยนะ คำต่อคำคงพร่างพรูจากปากอันสั่นระริกพร้อมหยาดน้ำตาของเขา คณินผุดลุกขึ้นนั่งหอบหายใจในความมืดสลัว คำพูดของใครสักคนซึ่งเขาไม่คิดใส่ใจ แต่วันนั้นอาทิตย์เจิดจ้าจนแสบตา ประโยคนั้นผุดทิ่มตำราวปลายเข็มที่ปลายนิ้ว คณินกุมมือซึ่งครั้งหนึ่งทำสิ่งน่าอายเมื่อคิดถึงในเวลานี้ไว้ที่อก จริงหรือหากน้ำแข็งไม่ไปไหนความอ่อนโยนของสายลมในฤดูร้อนที่สวยงามเขาคงไม่มีวันเอื้อมถึง...
น้ำอุ่นจากฝักบัวไหลลงชะโลมกายที่เหนื่อยล้าของคณิน หากแต่เขาหาได้รู้สึกผ่อนคลายใดๆไม่ ร่างโปร่งยืนนิ่ง มือเอื้อมหยิบสบู่ยาที่ซื้อติดมือจากร้านสะดวกซื้อมาบีบใส่อุ้งมือ ประคองกล้ามเนื้ออ่อนขึ้นลูบไล้ คณินกัดปากแค่นหัวเราะในสายน้ำ นี่เขาเชื่ออย่างโง่งมงายจริงๆหรือว่ามันจะฆ่าเชื้อโรคที่ได้รับมาจนสิ้นซาก คณินขำจนต้องหัวเราะตัวโยนราวจะคลั่ง หลังออกมาจากห้องน้ำก็ทิ้งลงนอนจมฟูกหนาทั้งที่เปียกปอน หยดน้ำเกาะเส้นผมทำให้ลีบติดใบหน้าขาวซีด ชายหนุ่มดึงผ้านวมหนามาห่มตัวกลมคล้ายดักแด้รอเกิดใหม่ ดวงตาปรือปรอยจับแน่นที่ภาพนอกผนังกระจก อาคารหรูหรามากมายเรียงตัวไม่เป็นระเบียบน่ารำคาญตาภายใต้ท้องฟ้าที่เริ่มกระจ่างด้วยสีส้มนวล เมฆเทาลอยคว้างเคว้ง การต้อนรับปีใหม่ยังคงมีควันหลงกระจัดกระจายในที่ต่างๆจนถึงเช้านี้ซินะ แต่สำหรับซากเน่าอันผลพวงของความประมาทตรงนี้ ทุกวินาทีนับจากนี้ไม่มีอะไรให้เฉลิมฉลองอีก ทุกลมหายใจเข้าออกต่อแต่นี้คงมีแต่เงามืดดำเฝ้าจับตาคอยเวลา ดังนั้นเมื่ออรุณรุ่งมาเยือนดั่งเคยทุกวัน เขาก็ไม่อยากลืมตาด้วยรู้สึกกลัวชีวิตจะกลืนกินไปอีกวัน ทุกกริยามีความตายคอยไล่ตะปบดั่งแมวกระหายเหยื่อหนูชะตาขาด
ทุกวันเวลานาทีช่างทรมานด้วยคำถาม คำตอบที่อยากได้รับก็คล้ายจะกลั่นแกล้งให้ช้าเชื่องลงจนหนืดหน่วงสักสิบเท่าตัว สิ่งที่อยู่ตรงกลางระหว่างการเริ่มต้นและจบสิ้นคือการดำรงชีวิตไปอย่างชะตามืดบอด ความหวาดกลัว ได้ถูกปล่อยให้ไหลตามแนวสันหลังตลอดทั้งคืนและวัน นี่คือหนทางของปีศาจที่เล่นกับความรู้สึกอย่างสุดคาดเดา
ชายหญิงวัยกลางคนโบกมือให้ลูกชายคนเดียวก่อนจะลับหายไปในช่องสำหรับผู้โดยสารขาออก ชินลดมือที่โบกตอบลงแล้วหันหลังเดินกลับออกมาจากประตูทางออก มือถือในกระเป๋าสูทสั่นจึงหยิบขึ้นมารับ ปลายสายทำให้เขายิ้มได้อย่างแท้จริงในเช้านี้ "สวัสดีปีใหม่จ๊ะ คนสวย เมื่อวานหรือ? โอ๋ๆอย่าเพิ่งโกรธพี่ซิคะ ที่นัดไว้น่ะไม่ลืมหรอกจ๊ะ แต่พี่น่ะติดงานด่วนมากๆ เข้าใจนะจ๊ะที่รักว่าสิ้นปีต้องเคลียร์งานปีเก่าให้หมด ไม่งั้นปีใหม่มายุ่งตายเลย พี่ฝากข้อความไว้ในมือถือแล้วนี่คะ ไม่ได้รับหรือคะ พี่โทรไปนะแต่สายไม่ว่างเลย แต่พี่มั่นใจว่าคนสวยมีเหตุผลพอที่จะไม่โกรธ งั้นวันนี้ให้พี่ชดเชยดีไหมล่ะ ตอนนี้อยู่สนามบินส่งพ่อกับแม่ไปเปิดสาขาที่เนอเธอร์แลนด์น่ะ ไม่เป็นไรจ๊ะ มันเช้ามากน้องตื่นไม่ไหวหรอก ท่านเข้าใจจ๊ะ งั้นเดี๋ยวเราเจอกันนะ งานเลี้ยงของบริษัทคืนนี้น้องเตรียมตัวนะคะ พี่ชายจะไปรับตอนหนึ่งทุ่ม" ชินจูบโทรศัพท์ก่อนเลิกสาย เขาหย่อนโทรศัพท์กลับกระเป๋า แต่มือถือก็สั่นอีก ถอนใจพรืดแล้วกดรับสาย "ฉันรักนายก็ตรงนี้ล่ะ เพื่อนรัก” ชินยิ้มพร้อมเงยมองท้องฟ้า เขาชอบสีจัดจ้านยามไร้ปรากฏการณ์ใดๆทางลมฝน สีครามช่างเข้ากันได้ดีสีขาวของก้อนเมฆที่ลอยฟ่องเกลื่อนโดยทั่วไป “อืม ฉันคงไม่เข้าออฟฟิศไปดูรายงานสรุปประจำปีแล้วนะ ฝากทำงานอีกแล้วล่ะ ขอโทษนะ อืมเมื่อคืนวานฉันทำผิด สัญญากับคนรักว่าจะไปฉลองสิ้นปีแต่กลับไปนอนกับคนอื่น วันนี้ชดเชยน่ะ เข้าใจคำว่าชดเชยนะ โอเค แล้วคืนนี้เจอกันที่งานบริษัท" ชินยิ้มกว้างขณะกดรีโมทรถ เปิดประตูแล้วหย่อนตัวลงนั่ง "แล้วล่ะจะไปไหนต่อ ไม่เป็นไร ไม่อยากพูดก็ได้" ชินวางสายแล้วสตาร์ทรถแล้วขับออกมาจากลานจอดรถ มุ่งหน้าไปตามทางไฮเวย์สายเข้าเมือง แดดแรงทำให้ต้องหยิบแว่นกันแดดมาสวมก่อนจะยื่นมือไปกดเครื่องเล่นเพลง ลำนำเนื้อเพลงอันอ่อนหวานในถ้อยคำผ่านสุรเสียงของหนุ่มนักร้องนั้นช่างช่วยไม่ได้จริงๆที่ความคำนึงเก่าในคืนก่อนจะย้อนกลับมาอีกครั้ง ความเจ็บป่วยเรื้อรังทำให้เขาเริ่มสงสัยจนต้องไปพบแพทย์ และเมื่อนั้นเองที่รับรู้ว่าได้ถูกสุขภาพและร่างกายที่รักปานชีวานี้ทรยศหักหลังอย่างไร้ปราณี เขาไม่รู้ว่าพวกมันยอมพ่ายแพ้ให้โรคร้ายเข้ามาครอบครองเสียแต่เมื่อใด คำพูดและรายงาน ฟิล์ม และการสแกนต่างที่หมอขยายผลออกมามันทำให้โลกตรงหน้าของเขาดับวูบหาย มีแต่หัวใจเท่านั้นที่พร่ำพรรณาอย่างอาดูร เขาอายุเพียงเท่านี้ อนาคตทางการงานธุรกิจอันใหญ่โตของครอบครัว ไหนจะบริษัทในเครือมากมายที่กำลังเจริญ ไหนเล่าจะพ่อแม่อีก ลูกชายเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นความหวัง เหมือนเฝ้าคอยต้นอ่อนที่กำลังเติบโตอย่างดีใจแต่แล้วรากกลับเน่าปลายโคนอย่างสิ้นหวังที่จะเยียวยา ชินกดคันเร่งเมื่อใบหน้าของคนรักแวบเข้ามาในหัวอก อีกไม่นานเขาก็กำลังจะลงเอยด้วยกันอย่างไม่เสียแรงที่ผู้ใหญ่แนะนำ แต่สิ่งนี้และทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะไม่มีอีกแล้ว นั่นสินะไม่เหลือแม้เถ้าธุลีของเขา แค่ประโยคสรุปด้วยความหายห้วงหัวใจนี้ประโยคเดียว เขาก็หลุดหายไปจากโลกที่กำลังยืนอยู่ เขาไม่รู้เลยว่าสรรพสิ่งรอบตัวเคลื่อนไหวต่อไปอย่างไร ณ เวลานั้นโลกของเขาเงียบหนวก ร่างเปล่าว่างเดินเลื่อนลอย มองผู้คนที่ผ่านไปมาแล้วยิ่งเงียบเหงากับตัวเอง ขณะคิดว่าทุกคนรอบตัวเขาต่างมีวันใหม่รอคอยเสมอ แค่นั้นอาการใจสลายก็แล่นกระแทกหัวใจซ้ำไปซ้ำมา จนช้ำชอกกลายเป็นแค้นเคืองโชคชะตา เขาควรจะอยู่ต่อได้อีก อายุเพียงเท่านี้เอง ทำไมชีวิตกลับกลายเป็นต้องเศร้าเช่นนี้นะ ชินกำหมัดแน่น ได้ซิได้เลย อยากให้เป็นอย่างนี้ใช่ไหมชะตาชีวิต ก็ได้เขาจะสนุกกับมันให้เต็มที่ ร่างกายที่ดีนี้รักษาไว้ก็มีแต่จะเน่าเปื่อยผุผัง จะดีกว่าไหมหากเขาพามันไปหาความสุขเสียให้เต็มเปี่ยม
เขาไปในสถานบันเทิงเพื่อหาความสนุก หากแต่ท่ามกลางผู้คนที่สนุกสนานเขากลับยิ่งเศร้าโศก ด้วยว่าผู้คนรอบตัวเขาหาความสุขจากที่นี่ได้อย่างแท้จริง แต่ความทุกข์ก็เหมือนจะจูงมือเขาไปพบใครสักคนในนั้น ในวันเฉลิมฉลองเขากลับนั่งคนเดียว ดวงตาหลุบต่ำ ไม่สนที่จะดื่มกับใครนอกจากตัวเอง ชินรู้สึกคุ้นตากับภาพนั้น เขายิ้มแล้วเดินเข้าไปหา เรื่องทุกอย่างก็เริ่มต้นและจบในคืนนั้น ทำนองเพลงที่เปิดในรถกำลังเล่นท่อนที่มีเปียโนนำ ชินขยับแว่นกันแดดขึ้นคาดผม ใช่สินะเพราะเมาจนครองสติไม่อยู่ คนๆนั้นถึงกอดจูบเขา เขาที่ต้องการกรีดร้องอยู่แล้วจึงปลดปล่อยเสียงกรีดรอ้งนั้นด้วยร่างกายที่ตอบสนองอย่างบ้าคลั่งไม่หยุดยั้ง การต่อกรกับเซ็กส์อย่างดุเดือดทำให้ชินลืมเรื่องราวกรีดใจได้หมดสิ้น ความเจ็บทรมานแทบปริขาดที่อีกฝ่ายรุกล้ำฝังตัวแนบแน่นเคลื่อนไหวดุดันอยู่ร่างกายของเขานั้นช่างเป็นช่วงเวลาที่ลืมไม่ลง ชินเอารถเลียบข้างทางแล้วเหยียบเบรคเร็ว ตัวของเขาถลาไปข้างหน้า ใบหน้าเกือบกระแทกกับพวงมาลัย เขาหลับตาแน่นซบใบหน้ากับท่อนแขนที่วางบนพวงมาลัย ท่อนเพลงกลับมาที่ดนตรีที่มีเปียโนอีกครั้ง ชินหายใจถี่ อา...ใช่สินะ เขาทำรักได้เหมือนคีย์เปียโน จะเรื่อยริน จะร้อนแรง จะช้าเชื่อง จะรัวเร็ว ล้วนทำให้ผู้สัมผัสเคลิบเคลิ้มในเพลงรัก ชินเงยหน้าขึ้น เขายังคงเสียใจกับโรคภัยที่เป็น ไม่ได้คิดทรยศคนรัก ไม่ได้รักหล่อนน้อยลง แต่ให้ตายเถอะ เขาทำอะไรลงไป และมันกำลังย้อนกลับมาให้เขาซาบซ่านกระสันอย่างไม่ปล่อยวาง ก็แค่อยากทำลายตัวเองให้ย่อยยับไปกับวันคืนที่แสนเศร้าเท่านั้น..แต่การณ์กลับเป็นว่า ตอนนี้เขาคิดถึงริมฝีปาก เรียวนิ้วมือ ร่างกายรุมร้อนของหมอนั่นจนทรมานแทบทนไม่ไหว อยากพบ อยากอยู่ในอ้อมกอดร้อนแรงนั้นอีกครั้ง ชินหายใจหอบ และเริ่มรู้สึกถึงอาการป่วย เขายื่นมืออันสั่นเทาไปหยิบถุงยาในคอนโซลรถ
เปิดถุงเทยาออกมาใส่ปากแล้วตามด้วยน้ำที่เปิดดื่มจากขวด ชินเงยหน้าพิงกับพนักด้านหลังหลับตาพักใหญ่ก่อนเมื่อรู้สึกดีขึ้น จึงลืมตา ทันทีเปิดเปลือกตาทั้งแสงสว่างไสวและท้องฟ้าสีครามก็จัดเจนตรงหน้า ชินวางแขนบนพวงมาลัยแล้วเกยคางบนท่อนแขนนั้น ดวงตาเลื่อนลอยมองเมฆก้อนใหญ่น้อยเคลื่อนไหวตามแรงลม ชินวาดภาพในฝันภู่กันในจินตนาการแต่งแต้มทุ่งหญ้าเขียวขจี สายลมโบกไล้ลูบยอดอ่อนจนไหวเอน ณ ที่ใดสักแห่งบนโลก เขาจะทอดกายนอนบนตักคนที่ปรารถนาจะอยู่ด้วยในช่วงชีวิตที่เหลือ ท่ามกลางสายลม แดดจ้า กลิ่นไอดิน ยอดหญ้า จุมพิต ร่วมรัก เร่าร้อน สุดท้ายที่ความความตาย คงดีไม่น้อยไม่เลย หัวใจเขาเกิดคำถามเล็กๆ...สวรรค์ครับ บนนั้นเป็นอย่างไรกันหรือครับ ผมอยากรู้...
แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 55 19:05:43
จากคุณ |
:
vannessia
|
เขียนเมื่อ |
:
14 มี.ค. 55 19:02:52
|
|
|
|