Black Gun And Red Rose - กุหลาบแดงและปืนดำ - บทที่ 9
|
 |
บทที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11691462/W11691462.html
บทที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11703633/W11703633.html
บทที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11718987/W11718987.html
บทที่ 4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11728001/W11728001.html
บทที่ 5 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11751888/W11751888.html
บทที่ 6 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11770861/W11770861.html
บทที่ 7 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11795300/W11795300.html
บทที่ 8 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11817498/W11817498.html
โพสต์มาสองวัน เพิ่งสังเกตว่าลืมใส่ลิ๊งค์บทที่ที่แปด ฮ่ะๆๆๆ อายจัง >///<
-------------------------
ขอบคุณกิฟท์จากคุณรุริกะ - ขอบคุณสำหรับกิฟท์ครับ
ขอบคุณกิฟท์จากคุณกาปอมซ่า - ขอบคุณสำหรับกิฟท์ครับคุณกาปอม บทนี้ขอชานมเย็นๆ หรือกาแฟนมสักแก้วได้มั้ยเอ่ย ช่วงนี้อากาศร้อน เหงื่อออกมาก กระหายน้ำบ๊อยบ่อย
ขอบคุณกิฟท์จากคุณน้ำพรมหนำ - ขอบคุณสำหรับกิฟท์ครับ ขอบคุณสำหรับการติดตาม อยู่อ่านด้วยกันไปจนถึงตอนจบนะครับ อย่าทิ้งนักเขียนเด้อ แฮ่ๆ
ขอบคุณกิฟท์จากคุณ Psycho man - ขอบคุณสำหรับกิฟท์และกำลังใจครับอาจารย์จี งานของเพชร สถาบันผมยังไม่เคยมีโอกาสอ่านเลย สงสัยต้องหามาอ่านบ้างซะล่ะ
ปล.จริงๆ ความฝันของผมก็คือเป็นนักเขียนนะครับ เพราะไปเป็นตัวแทนคงเป็นได้แค่ตัวแทนสมาคมคนกลัวสัตว์เลื้อยคลานแห่งประเทศไทยเท่านั้น! 555+
ขอบคุณกิฟท์จากคุณใยไหมกะใบม่อน - ขอบคุณสำหรับกิฟท์ครับผม
ขอบคุณกิฟท์จากคุณกุหลาบมอญ - ขอบคุณสำหรับกิฟท์ครับ
ขอบคุณกิฟท์จากคุณ zoi - ขอบคุณสำหรับกิฟท์และการติดตามครับพี่โส้ย
ขอบคุณกิฟท์จากคุณ npuiy - ขอบคุณสำหรับกิฟท์ครับผม
ขอบคุณกิฟท์จากคุณให้เพียงเธอหมดใจ - ไม่ทิ้งช่วงนานแน่ครับ คือตั้งใจเขียนนำมาลงให้ได้ 1 ถึง 2 ตอนในทุกๆ สัปดาห์ และหลังจากบทที่สิบเอ็ดเป็นต้นไป เรื่องจะดำเนินเข้าสู่โหมดแอ็คชั่นมากขึ้นและมีบทโรแมนติกแทรกเข้ามาพอเป็นกระสัยครับ
ขอบคุณกิฟท์จากคุณสามปอยหลวง - ขอบคุณสำหรับกิฟท์ครับ//คำนับ คำนับ คำนับงามๆ
ขอบคุณกิฟท์จากคุณห้าสิบป่าย - ขอบคุณสำหรับกิฟท์และการติดตามครับ ตอนต่อไปคงลงประมาณวันอังคาร(มีคำว่า "คง" นะครับ ถ้าสมองไหลปรู๊ดปร๊าดก็อาจจะเร็วกว่านั้นหรือช้ากว่านั้นก็ได้ แหะๆ)
ขอบคุณกิฟท์จากคุณเพชรรุ้งพราย - ขอบคุณสำหรับกิฟท์ค้าบ
ขอบคุณกิฟท์จากคุณชมภัค - ขอบคุณสำหรับกิฟท์เช่นกันครับพี่ชมภัค
ขอบคุณกิฟท์จากคุณกาแฟเย็นเพิ่มช็อต - ขอบคุณสำหรับกิฟท์ครับพี่กาแฟ
ขอบคุณกิฟท์จากคุณสะเก็ดดาวเสาร์ - ขอบคุณสำหรับกิฟท์ครับ ผมมียาดมมาให้ด้วย แก้วิงเวียนและมึนงงเพราะตัวละครสำคัญอีกสองคนยังไม่ได้ออกฉากเลยครับ แอ๊ ฉะปอยอีกแว้วววว์
มาถึงบทที่ 9 ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านครับ ขอบคุณ ขอบคุณ ^^
------------------------
บทที่ 9
เมืองลำปาง,ห้างฉัตร รีสอร์ทกลิ่นเกสร
ทิวากรกำลังรู้สึกปวดขมับเมื่อเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่ฝังอยู่บนเพดานในระเบียงทางเดินหน้าห้องพักของวานิช มิตรนิรันดร์ หนุ่มตี๋คิดว่าชื่อเสียงของรีสอร์ทที่เขาดูแลซึ่งมีนักท่องเที่ยวเข้าพักแน่นที่สุดในลำปางคงถึงกาลอวสานก็คราวนี้เอง
ภาพที่เขาเห็นจากจอมอนิเตอร์ในห้องเก็บเทปวงจรปิดคือด้านหลังของชายคนหนึ่งใส่หมวกแก็ปปิดบังใบหน้า สวมแจ็คเก็ตเหมือนพนักงานส่งของ กำลังยกปืนจี้หน้าอกของวานิช มิตรนิรันดร์และบังคับให้เขาเดินเข้าไปในห้อง
ประตูปิดลง ชายคนนั้นกับวานิช มิตรนิรันดร์หายไปจากจอเกือบยี่สิบนาที ประตูก็เปิดออกอีกครั้งและวานิช มิตรนิรันดร์ก็กระหืดกระหอบคลานออกมาจากห้องด้วยสีหน้าแตกตื่น ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่ของรีสอร์ทกรูเข้ามาหาเขาในสองสามนาทีต่อมาพร้อมพนักงานรักษาความปลอดภัยอีกสองคน
ทิวากรถอนหายใจก่อนหลับตาลง ขณะนี้เป็นเวลาเจ็ดนาฬิกาของเช้าวันใหม่ เขาเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากพนักงานว่าเกิดเรื่องขึ้นที่รีสอร์ท คิดแล้วก็หงุดหงิดองค์การโทรศัพท์ที่ไม่ยอมแก้ไขสัญญาณโทรศัพท์บ้านของเขาที่ขัดข้องมาได้สองสามสัปดาห์แล้ว ลองเขาลืมเปิดโทรศัพท์มือถือหรือมันแบ๊ตหมดอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนครั้งใด เป็นไม่มีใครติดต่อเขาได้ทุกที
และมันน่าแปลกนักที่เรื่องสำคัญๆ ต้องมาเกิดขึ้นในคืนที่โทรศัพท์ของเขาแบ็ตเตอรี่หมดจนเปิดไม่ติด แถมไม่มีใครกล้าไปตามเขาที่บ้านพักตอนเกิดเหตุอีกต่างหาก ทั้งๆ ที่บ้านของเขาก็อยู่ห่างจากรีสอร์ทไปไม่ไกล ไม่อย่างนั้นเขาคงจัดการอะไรได้ถนัดถนี่กว่านี้
“ตอนนี้คุณวานิชอยู่ไหน?” ทิวากรถามหลังจากลืมตาขึ้นและหันไปมองยิ่งยอด - ลูกน้องของเขาที่คอยดูแลรีสอร์ทต่อจากเขาอีกทีเวลาเขาไม่อยู่
“อยู่ในห้องพักใหม่ที่เราจัดให้เขาครับ แต่เขาดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่” ชายหนุ่มร่างป้อมเหมือนมะขามข้อเดียวตอบ สีหน้าหนักใจ “เขาบอกว่าจะเช็คเอาท์ออกในเช้าวันนี้ให้ได้ ผมก็ได้แต่เกลี้ยกล่อมให้เขาอยู่คุยกับคุณหมิงก่อน”
“ก็เขาควรไม่พอใจนี่นะ เล่นปล่อยให้คนถือปืนขึ้นไปจี้เขาแบบนั้น” ทิวากรส่ายศีรษะ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ “เดี๋ยวเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยพลัดเมื่อคืนมาพบผมด้วย ผมอยากรู้ว่าพวกเขาปล่อยให้คนร้ายเข้ารีสอร์ทมาได้ยังไง”
“พวกเขาบอกผมแล้วครับว่าที่ปล่อยเข้ามาเพราะพวกเขารู้จักคนร้าย”
“รู้จัก?”
ยิ่งยอดผงกศีรษะ “ครับ รู้จัก และคุณหมิงก็คงรู้จักด้วย”
“ใคร?” ทิวากรขมวดคิ้ววุ่น
“คนร้ายคือคุณเฟย การ์ดของคุณเดโชครับ เขาบอกกับพวกยามว่ามาที่นี่เพื่อคุยธุระกับแขกบางคน”
“เฮ่ย” ทิวากรเบิกตาไม่เชื่อ “แน่ใจหรือ?”
ยิ่งยอดผงกศีรษะอีกครั้ง “แน่ใจครับ มีเทปวงจรปิดจากหน้ารีสอร์ทบันทึกภาพมอเตอร์ไซค์ของคุณเฟยแล่นเข้ามาด้วย ตอนนั้นเขายังสวมชุดปกติ เพิ่งมาเปลี่ยนชุดเป็นพนักงานส่งของก็ตอนเข้ามาในห้องน้ำของรีสอร์ท เราคงจำเขาไม่ได้ถ้าเขาไม่สลบให้เราจับตัวแบบนี้”
หนุ่มตี๋สูดหายใจลึก นึกไม่ออกว่าถ้าคนร้ายที่บุกเข้าไปในห้องของวานิช มิตรนิรันดร์เป็นเฟยจริงๆ ลูกน้องหน้าเสี้ยมของแปะโชจะทำไปเพื่ออะไร แม้ทิวากรจะพอทราบอยู่บ้างว่าแปะโชมีนิสัยที่ออกจะเป็นนักเลงอยู่สักหน่อย แต่แปะโชกับเจ้าของโรงงานผลไม้กระป๋องคนนั้นก็เพิ่งเจอกันเพียงครั้งเดียว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกันได้
หรือว่าจะมี แต่เขาไม่รู้?
“ตอนนี้เฟยอยู่ที่ไหน?” ทิวากรหันมาถามยิ่งยอดผู้มีอาวุโสมากกว่าเขาหลายปี
“จับมัดอยู่ในห้องพักชั้นสี่ครับ ผมรอให้คุณหมิงมาตัดสินใจ ผมยังไม่กล้าแจ้งตำรวจ กลัวแขกคนอื่นในรีสอร์ทจะแตกตื่นและกลัวคุณเดโชจะเอาเรื่อง”
ทิวากรรู้สึกปวดหัวมากขึ้นเมื่อนึกถึงสิ่งที่ต้องสะสางให้ลุล่วงไปภายในเวลาสองสามชั่วโมงข้างหน้า แต่เขาก็มั่นใจว่าตนเองจัดการได้ ขอเพียงแต่รู้เท่านั้นว่าเฟยบุกเข้าไปสอบประวัติวานิช มิตรนิรันดร์ในห้องพักเพื่ออะไร...และทำไปตามคำสั่งของใคร
“งั้นพาผมไปที่ห้องคุมตัวเดี๋ยวนี้ สอบสวนเฟยเสร็จเมื่อไหร่ ผมจะเข้าไปคุยกับคุณวานิชเอง” ทิวากรพูดเสียงเข้ม
ทว่า ครึ่งชั่วโมงต่อมา หนุ่มตี๋ก็ต้องเดินกลับออกมาจากห้องคุมตัวพร้อมกับคำตอบที่ไม่ได้กระจ่างแจ้งไปกว่าเดิมเท่าไหร่นัก เฟยปฏิเสธที่จะตอบทุกคำถาม บอกเพียงว่าเขาเห็นวานิช มิตรนิรันดร์เป็นคนแปลกหน้า ท่าทางไม่ค่อยน่าไว้ใจ เลยมาสอบถามประวัติดูเฉยๆ เท่านั้น
แต่ทิวากรไม่เชื่อ บุคคลที่เป็นลิ่วล้อของแปะโชย่อมไม่ทำอะไรโดยพละการจากความคิดของตัวเองแน่
เขาเดินขบกรามเข้ามาอยู่ในลิฟท์ กดไปยังชั้นซูเปอร์เดอลุกซ์อีกหนึ่งชั้นที่ยิ่งยอดแจ้งว่าย้ายวานิช มิตรนิรันดร์ไปพักที่นั่น
ทิวากรหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูระหว่างลิฟท์เคลื่อนตัว เขากดโทรหาบิดา แต่สายไม่ว่าง จึงยัดโทรศัพท์กลับเข้าที่พลางคิดว่าแปะโชคงไม่ชอบใจแน่กับสิ่งที่เขากำลังจะทำกับเฟย
ลิฟท์ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีก็มาถึงที่หมาย ทิวากรเลิกคิดเรื่องต่างๆ ชั่วคราวเมื่อประตูลิฟท์เลื่อนเปิดออกและพบดวงตาหลังกรอบแว่นของวานิช มิตรนิรันดร์จ้องตอบเข้ามาพอดี
++++++++
เมืองลำปาง,ห้างฉัตร คฤหาสน์บุษบายุธ
เดโชกับพิชิตกำลังยืนคุมคนงานจัดการเรื่องปราสาทศพให้พร้อมสำหรับนำศพของพ่อเลี้ยงขึ้นมาตั้งในเย็นนี้ เมื่อโทรศัพท์มือถือของเดโชดังขึ้น เขาก็หยิบออกมาดูหน้าจอ และพบว่ามันเป็นเบอร์ที่เขาไม่รู้จัก แวบแรก เดโชนึกถึงนักฆ่า Black Gun ขึ้นมาทันที
ด้วยความระวังระไว เดโชจึงกดรับและเดินเลี่ยงไปที่มุมสงบด้านข้างคฤหาสน์ขณะยกโทรศัพท์แนบหู
แต่เสียงที่ดังออกมาขณะเดโชก้าวเดินไป กลับเป็นเสียงของเฟย ลูกน้องของเขาเอง
“นายครับ ผมถูกจับ”
“ลื้อว่าอะไรนะ?” เดโชกระซิบพร้อมกับเหลียวมองรอบกายว่ามีใครแอบฟังอยู่หรือเปล่า เขารีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นขณะถามกลับไปว่า “ใครจับลื้อหะ พูดให้รู้เรื่อง แล้วนี่ลื้ออยู่ไหน ทำไมเมื่อคืนไม่รายงานกลับมา หรือว่าลื้อโดนไอ้แว่นนั่นตลบหลัง?”
“ครับนาย ผมถูกมันตลบหลัง ผมประมาทเกินไป เห็นหน้าอย่างนั้นไม่นึกว่าจะสู้คน แล้วมือของมันก็นิ่งมาก ทุบลงมาทีเดียวผมสลบไปเลย ท่าทางมันจะไม่ใช่แค่นักธุรกิจธรรมดาแล้วครับ มันเอาเครื่องบันทึกเสียงไปด้วยทั้งๆ ที่ของอื่นในตัวผมอยู่ครบหมด”
เดโชบดกรามกรอดจนแก้มเต้นตุบๆ
“ลื้อได้ถามประวัติมันตามที่อั้วสั่งหรือเปล่า?”
“ถามครับ มันยืนยันว่าตัวมันชื่อวานิช มิตรนิรันดร์ มีพ่อชื่อเวโรจน์ มันมีโรงงานผลิตผลไม้กระป๋องอยู่ที่นนทบุรี ผมยังจำที่อยู่นั้นได้ครับ”
“ไหนว่ามาสิ”
แล้วเฟยก็บอกที่อยู่แห่งหนึ่งในนนทบุรี เดโชรีบสั่งให้สมองจดจำไว้เพื่อตรวจสอบในภายหลังขณะแค่นเสียงถามต่อ “แล้วลื้อไปเสียทีมันได้ยังไง?”
“ผมหลงกลมันครับ มันหลอกว่าโรคประจำตัวมันกำเริบ ผมกลัวมันตาย เลยหันหลังจะไปหยิบยาให้มัน แล้วมันก็ลุกขึ้นมา ใช้มือทุบผมจากข้างหลัง แล้วผมก็สลบไปเลย” น้ำเสียงของเฟยตรงประโยคนี้เจือด้วยความละอายเล็กน้อย “พอรู้สึกตัวอีกที ไอ้พวกคนงานในรีสอร์ทมันก็จับผมมัดไว้กับเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว ไอ้วานิชนั่นย้ายไปพักห้องไหนก็ไม่รู้ พวกมันจำได้ว่าผมเป็นลูกน้องนาย ตอนแรกไม่มีใครกล้าจัดการ มันรอจนติดต่อลูกชายคุณเล้งได้ ลูกชายคุณเล้งเข้ามาสอบสวนผมเกือบครึ่งชั่วโมงก็กลับออกไปก่อนจะให้คนพาตัวผมมาส่งที่สถานีตำรวจตอนแปดโมงเช้าที่ผ่านมา มีคนที่ชื่อยิ่งยอดเป็นคนแจ้งข้อหาว่าผมบุกรุกรีสอร์ทยามวิกาล แต่ไอ้วานิชนั่นไม่เอาความผมเลย นายว่ามันแปลกมั้ยล่ะครับ?”
เดโชหยุดเท้าเมื่อเดินมาถึงบริเวณแปลงดอกไม้ซึงปลูกดอกไม้นานาชนิดเอาไว้ละลานตา เขากวาดตามองรอบกายอีกครั้ง เมื่อพบว่าไม่มีใคร เขาก็พูดอย่างสบายใจขึ้น “แล้วนี่ลื้อใช้โทรศัพท์ใครโทรมา?”
“ผมขอยืมโทรศัพท์ของจ่าตำรวจคนหนึ่งโทรหานายครับ ผมแกล้งขอเข้าห้องน้ำ ไม่กล้าพูดต่อหน้าไอ้ยิ่งยอดนั่น ดูมันจะสนิทกับลูกชายคุณเล้งทีเดียว นายจะให้ผมทำอย่างไรต่อครับ?”
“ลื้อบอกพวกมันไปว่าไง?”
“ผมตอบพวกมันไปว่าผมทำเพราะอยากตรวจสอบประวัติของไอ้วานิชด้วยตัวเอง ไม่มีเจตนาอื่น และไม่มีคนอื่นเกี่ยวข้องด้วยทั้งนั้น ผมไม่มีวันทำให้นายแปดเปื้อนแน่ครับ”
เดโชเหยียดยิ้ม “โอเค เข้าใจล่ะ ตอนนี้จ่าเจ้าของโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆ ลื้อรึเปล่า?”
“เฝ้าอยู่หน้าห้องน้ำครับ”
“เอาโทรศัพท์ไปให้เขา แล้วบอกว่าอั๊วขอพูดด้วย”
“ครับ” เฟยรับคำสั้นๆ เสียงฝีเท้าของเขาดังลอดเข้ามาในโทรศัพท์ ไม่ถึงสิบวินาที เสียงของจ่าแก่ๆ คนหนึ่งก็ดังขึ้น
“ฮัลโหลครับ?”
เดโชยกมือลูบคางพลางพูดว่า “ผมเดโชนะ คุณรู้ใช่มั้ยว่าผมเป็นใคร?”
ปลายสายคำรับเบาๆ มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเพราะในอำเภอห้างฉัตร มีบุรุษชื่อเดโชที่กล้าพูดกร่างกระด้างกับตำรวจอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น เขารีบกล่าวต่อด้วยเสียงห้วนสั้นเช่นเดิม “ถ้ารู้ว่าผมคือใคร งั้นรีบเอาโทรศัพท์ไปให้ตำรวจยศที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่บนโรงพักในตอนนี้ให้ผมคุยหน่อย คุณคงรู้ว่าผมกำลังพูดถึงเรื่องอะไร”
ยี่สิบนาทีต่อจากนั้น เดโชก็เจรจากับสารวัตรคนหนึ่งได้ถึงข้อหาที่จะแจ้งกับเฟย สารวัตรผู้นั้นรับปากว่าเฟยจะไม่ต้องถูกดำเนินคดีใดๆ นอกจากโดนปรับเงินจำนวนเล็กน้อยเมื่อเดโชเสนอขนมเค้กบรรจุเงินสดสองแสนบาทให้หนึ่งก้อน มันอาจเป็นจำนวนเงินที่มากไปหน่อยสำหรับการจ่ายใต้โต๊ะในคดีบุกรุกซึ่งไม่มีใครบาดเจ็บนอกจากตัวผู้บุกรุกเอง
แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน มันจะเป็นจำนวนที่เล็กน้อยมากสำหรับการได้ตัวเฟยกลับคืนมาสืบถามอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างการสอบประวัติวานิช มิตรนิรันดร์ในห้องพัก ตามปกติแล้ว เดโชรู้ดีว่าเฟยไม่ใช่คนที่จะถูกทุบสลบหรือโดนตบตาได้ง่ายๆ การที่เป็นการ์ดคุ้มกันเขามาหลายปีช่วยยืนยันได้ดี
นั่นแสดงว่าวานิช มิตรนิรันดร์มีอะไรแอบแฝงอยู่ภายใต้ภาพพจน์นักธุรกิจจริงๆ
หลังวางสาย เดโชยืนทอดสายตามองพุ่มดอกไม้ที่สูงระดับเอวทางขวามืออย่างไม่หายหงุดหงิด แม้จะเบาใจไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างทิ่มแทงใจตลอดเวลา
เขาทราบว่าที่รู้สึกอย่างนี้ก็เพราะการกระทำของทิวากร ลูกชายของไอ้เล้ง ทิวากรน่าจะโทรมาหาเขาก่อนที่จะส่งตัวเฟยให้ตำรวจ ทำแบบนี้มันเห็นเขาเป็นหัวหลักหัวตอหรือไง
ยิ่งคิดเดโชก็ยิ่งหงุดหงิด พาลให้นึกไปถึงสายตาของรัมภาที่เฝ้ามองทิวากร สายตาแบบนั้น ดูก็รู้ว่าลูกสาวของเขาคงแอบชอบลูกชายไอ้เล้ง เดโชแทบจะทนไม่ได้ที่เห็นรัมภาเที่ยวเดินตามไอ้หนุ่มนั่นต้อยๆ ในงานเลี้ยงอาหารรับรองแขกในงานศพเมื่อคืน
เดโชสัมผัสถึงอารมณ์ที่เรียกว่าจงอางหวงไข่ มันทำให้เขานึกไม่ชอบขี้หน้าทิวากรขึ้นมาดื้อๆ ทั้งที่เมื่อก่อนก็นึกเอ็นดูในฐานะหลานชาย แต่ตอนนี้ชักไม่ใช่เสียแล้ว
แต่ขณะนั้นเอง เสียงฝีเท้าที่ย่ำมาตามทางเดินด้านหลังก็สลายความคิดของเขา เดโชหันกลับไป และร่างของพิชิตก็ก้าวปราดๆ เข้ามาหยุดยืนด้านหน้า ในมือยังคงถือโทรศัพท์เอาไว้ทั้งที่วางสายจากบุตรชายไปแล้ว
“เฮียโช รู้ข่าวหรือยัง เมื่อกี้อาหมิงเพิ่งโทรมาบอกอั๊ว – ”
“ - เรื่องไอ้เฟยลูกน้องอั๊วโดนจับที่รีสอร์ทใช่มั้ย?” เดโชสวนขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ต้องการบอกว่าเขากำลังไม่พอใจมาก
“เฮียรู้แล้ว?” พิชิตเบิกตาถาม
เดโชชูโทรศัพท์ในมือให้ดู “ลูกน้องอั๊วมันก็มีสมอง มันคงไม่อยากให้อั๊วรู้เรื่องเป็นคนสุดท้ายล่ะมั้ง ไอ้ตี๋ลูกลื้อมันแสบมากนะ อาเล้ง จับลูกน้องอั๊วส่งตำรวจไม่ถามอั๊วสักคำ ถามมันหน่อยสิว่ายังเคารพแปะมันอยู่บ้างมั้ย”
พิชิตหน้าเจื่อนไปทันทีที่ได้ยินพี่ชายร่วมสาบานกล่าวอย่างนั้น แต่เขาก็ยังอดแก้ต่างแทนบุตรชายไม่ได้ “ใจเย็นน่าเฮีย อาหมิงบอกว่าไอ้เฟยมันบุกเข้าไปในห้องพักของลูกค้าที่รีสอร์ท ถ้าไม่จับดำเนินคดีประเดี๋ยวเรื่องนี้หลุดออกไปเข้าหูนักท่องเที่ยวในภายหลัง รีสอร์ทจะเสียชื่อหมด แค่นี้ก็ถือว่ารีสอร์ทเสียเครดิตความน่าเชื่อถือไปเยอะแล้ว”
“เฮอะ รักษาชื่อเสียงรีสอร์ท แต่ไม่ไว้หน้าอั๊วเลยเนี่ยนะ” เดโชสั่นศีรษะ ยัดโทรศัพท์เก็บเข้ากระเป๋าเสื้อด้านใน
“ถ้าอาหมิงทำให้เฮียไม่สบายใจ อั๊วก็ต้องขอโทษด้วย อาหมิงอียังเด็ก – ”
เดโชโบกมือให้พิชิตหยุดพูด “ไม่ต้องแก้ตัวแทนลูกลื้อหรอก อาเล้ง ถ้าลื้อรับปากว่าจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก อั๊วก็จะไม่ถือสามัน”
พิชิตรีบผงกศีรษะ “ครับเฮีย อั๊วรับปาก อาหมิงจะไม่มีวันทำแบบนี้อีก”
“ดี ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน” เดโชพูดจบก็หมุนตัวกลับหลัง ทำท่าจะเดินออกมา แต่พิชิตก็โพล่งถามขึ้นว่า
“แล้วการสอบประวัตินายวานิชของไอ้เฟยเป็นยังไงบ้างเฮีย?”
เดโชหยุดเท้า เขาหัวเราะในลำคอเสมือนว่าสิ่งที่พิชิตถามก็น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว เขาชำเลืองมองกลับไปที่ใบหน้าด้านที่มีรอยแผลเป็นของพิชิต และกล่าวเสียงขุ่น
“เล่นไอ้เฟยจนสลบขนาดนี้ ไอ้หมอนั่นคงไม่ใช่นักธุรกิจธรรมดา อั๊วว่ามันไม่น่าไว้ใจ ลื้อควรจับตาดูมันไว้ให้ดี มันบอกว่าจะมาติดต่อธุรกิจกับลื้อไม่ใช่รึ?”
พิชิตเม้มริมฝีปาก พูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง เขาแปลกใจตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่เดโชให้เขาหลอกถามหมายเลขห้องพักของวานิช มิตรนิรันดร์จากทิวากร พิชิตทำตามที่เดโชสั่งเพราะคิดว่าเดโชคงจะส่งคนไปคอยติดตามดูนักธุรกิจแปลกหน้า เขาไม่คิดเลยว่าพี่ชายร่วมสาบานจะลงมือทำอะไรรวดเร็วอย่างนี้
ความเงียบผ่านไปอึดใจใหญ่ ก่อนที่คำพูดจะหลุดออกมาจากปากของพิชิตได้ในที่สุด “เฮียคิดว่ามันเป็นใคร ถึงไม่น่าไว้ใจแบบนั้น?”
บุรุษนัยน์ตาดุหันหน้ากลับไป เขาก็ไม่รู้ว่าวานิช มิตรนิรันดร์ควรจะเป็นใคร เขาไม่แน่ใจว่านักธุรกิจที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนคนนั้นจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับนักฆ่า Black Gun หรือไม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเฟย ทำให้เดโชมั่นใจว่าเขาควรจับตามองวานิช มิตรนิรันดร์ทุกฝีก้าว
“ไอ้เด็กที่ลื้อขอชีวิตเอาไว้ ลื้อจำได้มั้ย อาเล้ง?” เดโชเอ่ยออกมาเสียงเรียบ เขาต้องการจะดูปฏิกิริยาของพิชิตเสียหน่อยเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
พิชิตเดินเข้ามายืนด้านข้างเดโช “เฮียคงไม่คิดว่าเด็กคนนั้นเติบโตขึ้นมาเป็นไอ้วานิชนั่นอีกหรอกนะ?”
เดโชเหยียดยิ้มบนมุมปาก “ไม่มีอะไรยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้นี่”
“ไม่มีทางแน่ครับเฮีย เด็กคนนั้นไม่เคยรู้ว่าพ่อแม่ของตัวเองเป็นใคร และอีกอย่าง – ”
“ - แต่ลื้อดูหน้ามันสิ เหมือนไอ้นิเทศอย่างกับแกะ”
“แต่หน้ามันก็ไม่มีรอยแผลเป็นที่เฮียทำนะ อั๊วขอยืนยันว่าเด็กคนนั้นไม่มีวันรู้ตัวตนว่าพ่อแม่แท้ๆ คือใคร อั๊วกำชับคนที่เลี้ยงดูมันเป็นอย่างดี”
เดโชหมุนกายมายืนจ้องตาพิชิต
“อั๊วไม่เคยสนใจถามเรื่องนี้ แต่ตอนนี้อั๊วชักอยากจะรู้แล้วว่าเมื่อยี่สิบสี่ปีก่อน ลื้อเอาเด็กคนนั้นไปให้ใครหะ อาเล้ง?”
พิชิตไม่หลบสายตา เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาอันแข็งกร้าวของพี่ชายร่วมสาบานเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดไม่ใช่เรื่องโกหก
“อั๊วเอาไปให้ญาติที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับอาหยง ผัวอีเป็นหมัน มีลูกไม่ได้”
“ที่ไหน?”
“พัทยาครับ”
“แล้วหลังจากนั้น?”
“เราไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยหลังจากที่เด็กคนนั้นอายุสามขวบ อั๊วคิดว่ามันคงดีที่สุดที่จะรักษาระยะห่างเอาไว้ และทางฝั่งญาติอาหยงก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาเหมือนกัน พวกเขาสบายใจมากกว่าที่ไม่ได้รู้ว่าพ่อแม่ของเด็กคนนั้นเป็นใครชื่ออะไร อั๊วบอกเพียงแต่ว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกคนงานที่ถูกฆ่าตายเพราะแอบขนไม้เถื่อนไปขาย เขาคงจะมีชีวิตที่ดีกว่าถ้าได้ไปอยู่พัทยา”
เมื่อพิชิตพูดจบ เดโชก็ไม่พูดอะไรอีก เขาคิดว่าเปอร์เซ็นต์ที่วานิช มิตรนิรันดร์จะเป็นนักฆ่า Black Gun ปลอมตัวมาน่าจะฟังดูดีกว่าลูกชายของนิเทศกลับมาล้างแค้นให้ผู้เป็นพ่อแม่ เดโชตัดประเด็นที่ว่าเขาจะคิดผิดทิ้งไปแล้ว เขาเชื่อว่าสายตาของเขามองคนไม่เคยพลาด
แต่ที่เดโชยังคิดไม่ออกก็คือ ถ้าเป็นอย่างนั้น - ถ้าวานิช มิตรนิรันดร์เป็นนักฆ่า Black Gun จริงๆ มันจะมาที่นี่เพื่ออะไร?
หรือว่ามันจะมาเพื่อลงมือฆ่าเป้าหมาย?
แต่ว่ามันก็ยังไม่ได้ติดต่อยืนยันการรับงานอย่างเป็นทางการไม่ใช่หรือ?
และเมื่อคืน เขาเห็นลูกสาวไอ้พ่อเลี้ยงไกรศักดิ์เฝ้ามองวานิช มิตรนิรันดร์ไม่วางตา แต่ไม่ใช่สายตาแบบเดียวกับที่รัมภามองทิวากร มันเป็นสายตาของความสงสัยใคร่รู้ เหมือนมีบางอย่างติดค้างในใจและวานิช มิตรนิรันดร์คือคนเดียวที่จะสามารถปลดเปลื้องความสงสัยนั้นทิ้งไปได้...อะไรทำนองนั้น
แต่แล้วความคิดของเดโชก็มีอันสะดุดลงอีกครั้ง
“นายครับ เกิดเรื่องอีกแล้วครับ!” เสียงของคนงานคนหนึ่งตะโกนโหวกเหวกมาตามทางเดิน ดึงสายตาของเขาและพิชิตหันไปมอง
“มีอะไร?” พิชิตถามเมื่อพบว่าผู้ที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาคือคนงานจากไร่ผลไม้ที่ตนเองดูแลอยู่
“ไอ้กบิล – ลูกชายของพ่อเลี้ยงกำธรมันยกพวกมาอีกแล้วครับ ตอนนี้พวกผมกันตัวมันอยู่หน้างาน”
“มันต้องการอะไร?” เดโชถาม ขยับเท้าก้าวมาข้างหน้า เขาไม่เชื่อว่าบุตรชายผู้ขึ้นชื่อเรื่องการเป็นนักล่าผู้หญิงของพ่อเลี้ยงกำธรจะตั้งใจมางานศพตั้งแต่ดวงอาทิตย์ยังอยู่กลางท้องฟ้าแบบนี้แน่
พลัน เดโชก็จดจำได้ถึงสายตากรุ้มกริ่มที่กบิลมองลูกสาวของเขา นัยน์ตาของบุรุษผมสีดอกเลาเป็นประกายกร้าวกว่าเดิมเมื่อเขาคิดว่าตนเองพอจะรู้แล้วว่ากบิลมาที่นี่เพื่ออะไร
“มันบอกว่าจะขอพบคุณหนูรัมภาครับ” คนงานตอบ เป็นไปอย่างที่เดโชคิดจริงๆ
“พบทำไม?” พิชิตถาม นึกถึงบทสนทนาที่ควรถูกเรียกว่าบทเจรจาระหว่างอิทธิพลท้องถิ่นที่เกิดขึ้นเมื่อคืน พ่อเลี้ยงกำธรพยายามจะขอผูกมิตรกับเรณูโดยไม่ปิดบังว่าต้องการขอเบิกทางขน ‘ของ’ ข้ามพื้นที่ห้างฉัตรโดยจะมีส่วนแบ่งพิเศษปันให้ในทุกๆ เที่ยวที่ต้องใช้เส้นทางสัญจรผ่านซึ่งเรณูปฏิเสธไปในขั้นแรก แต่เจ้าพ่อแห่งเกาะคาบอกว่าให้เวลาคิดอีกสามวันแล้วจะกลับมาเอาคำตอบ
ส่วนฝั่งลูกชายนั้นก็เที่ยวมาทำเจ้าชู้ยักษ์ใส่ลูกสาวทั้งสองคนของตระกูลบุษบายุธ โดยเฉพาะรัมภาที่ดูจะเข้าตามันมากกว่าริสาเล็กน้อย
“ไอ้กบิลมันว่ามีของกำนัลมามอบให้คุณหนูรัมภาครับนาย” “ของกำนัล?” พิชิตขมวดคิ้ว “อย่าให้มันเข้ามาเด็ดขาด เดี๋ยวอั๊วจะออกไปคุยกับมันเอง” “ครับ พวกผมไม่มีทางให้พวกมันเข้ามาป่วนคุณหนูรัมภาอยู่แล้ว” คนงานค้อมศีรษะรับคำสั่งก่อนจะหันหลังวิ่งกลับไปทางเดิมด้วยความรวดเร็ว
เดโชหันมาพยักหน้าให้พิชิต เขาเองก็ไม่มีวันให้รัมภาไปยุ่งเกี่ยวกับคนอย่างลูกชายไอ้กำธรเช่นกัน แต่เดโชรู้ตัวว่าสามารถโล่งอกได้ระดับหนึ่งเพราะจากการสังเกตเมื่อคืน ลูกสาวของเขาไม่ได้มีท่าทีสนใจไอ้กบิลเลยแม้แต่น้อย
เดโชกับพิชิตพากันออกเดินจากแปลงดอกไม้ตรงไปที่สวนหย่อมหน้าคฤหาสน์ ตอนแรกเดโชเดินนำหน้า แต่พอเดินมาได้ครึ่งทาง โทรศัพท์มือถือของเขาก็กรีดร้องขึ้นอีกครั้ง เขาปล่อยให้น้องชายร่วมสาบานเดินแซงหน้าไปขณะล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาดู
คราวนี้ผู้ที่โทรมาคือเรณู
เดโชชะงักฝีเท้า เรณูยังคงอยู่ในคฤหาสน์กับรัมภา ไม่เห็นจะต้องโทรศัพท์มาหาเขาเลย อยู่ห่างเพียงแค่นี้เดินออกมาคุยกันก็ได้
“มีอะไร อาเจิน?” เขาถามหลังกดปุ่มรับสาย
เสียงของเรณูเบาราวกระซิบ “มันตอบมาแล้ว เฮียโช มันตอบมาแล้ว”
“ใคร? ตอบอะไร?”
เรณูตอบ เสียงเบายิ่งกว่าเก่า “ไอ้นักฆ่า Black Gun มันส่งอีเมล์แจ้งมาแล้ว มันปฏิเสธงาน มันรู้ว่าอั๊วโกหก!”
เดโชหัวเราะในลำคอ รอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นบนริมฝีปาก มันเป็นคำตอบที่เขาคาดคิดอยู่แล้ว การปฏิเสธงานของไอ้นักฆ่าตัวตนลึกลับนั่นทำให้อะไรหลายอย่างชัดเจนขึ้นในจิตใจของเขา
“งั้นหรือ?” บุรุษนัยน์ตาดุก้าวเท้าเดินต่อไปอีกครั้ง “มันไม่ทำก็ช่างหัวมันสิ ตอบกลับไปด้วยให้มันไปตายซะ เพราะหลังจากนี้ อั๊วจะจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยมือของอั๊วเอง!”
++++++++
แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 55 20:26:21
แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 55 22:20:00
แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 55 22:14:46
จากคุณ |
:
ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค
|
เขียนเมื่อ |
:
16 มี.ค. 55 21:28:03
|
|
|
|