2/2
เสียงขลุกขลักยามเช้าปลุกลลิลดาให้ลุกจากที่นอน เธอยิ้มแห้งให้แก่แม่เฒ่าชราซึ่งกำลังนั่งทอผ้า ตนคงหลับลึกและหลับสบายไปหน่อยหลังมีอาการคล้ายจะเป็นหวัดเมื่อคืน
ไร้เงาเด็กสาวที่คอยตามติดใกล้ชิดเธอ มีเพียงพี่ชายของเขากำลังเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์รูปทรงเหมือนกลอง เมื่อลงแรงตรงหนังขึงตึงนั้นก็เกิดเสียงก้องกังวาน เธอมั่นใจว่าเสียงนั้นเองที่ปลุกเธอ
เมื่อคืนเธอทั้งง่วงและเพลียจนหลับไปง่ายดายโดยไม่ทันกังวลว่าตนอยู่แปลกที่แปลกทาง ที่สำคัญยังมีชายแปลกหน้านอนร่วมห้องเดียวกัน กระทั่งตื่นมาพบสายตาของเขาคอยจับจ้องมายังตนจึงได้รู้สึกประหม่า ยิ่งเมื่อใบหน้านั้นละม้ายนักแสดงขวัญใจของเธอ
เธอเพิ่งสังเกตเดี๋ยวนี้เองว่าพี่ชายของติลมาห่างไกลจากคำว่าเด็กหนุ่ม เขาเป็นผู้ชายเต็มตัวทีเดียวที่จะทำให้ใจสตรีสั่นไหวได้ หญิงสาวควานหากิ๊บหนีบผม ก่อนกระถดตัวลงจากเตียงไปหาแม่เฒ่าเพื่อกลบเกลื่อนความเก้อกระดาก
อรุณสวัสดิ์ค่ะ อัมมา
หญิงชราพอรับรู้ความหมาย แกชูผ้าซึ่งทอค้างไว้ให้ดูพร้อมกับเอ่ยภาษาพื้นเมืองยืดยาว
คาชาล เธอจะช่วยฉันได้ไหมจ๊ะ
สองยายหลานมีทีท่าตกใจ โดยเฉพาะชายหนุ่มซึ่งแก้มร้อนซู่ขึ้นมา
ไม่มีใครบอกเธอหรือไร...ทั้งวิคเตอร์และติลมา...ว่าชายหญิงชาวทิชกูห้ามพูดจากันจนกว่าตะวันตกดิน และชายหญิงที่สามารถพูดจากันได้ต้องมีสายเลือดเดียวกันเท่านั้น หรือไม่ก็เป็นผู้ซึ่งตกลงปลงใจกันในคืน ก็องโกลัน
ประเพณีดั้งเดิมนี้มีเพื่อป้องกันคำครหาจากชนในเผ่า และยังทำให้ทั้งสองฝ่ายใช้เวลากับกิจการงานของแต่ละคนอย่างเต็มที่ หากประเพณีซึ่งมีมายาวนานกำลังสั่นคลอนด้วยการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นซึ่งไม่รู้ขนบประเพณีนี้
คุณไม่ควรพูดกับผมกลางวันแสกๆ อย่างนี้ เขาเอ่ยลอดไรฟันราวกับกลัวว่าเสียงนั้นจะรอดถึงหูบรรพชน
อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะ
มันเป็นประเพณีของพวกเรา
แต่ตอนฉันมาทุกคนก็ต้อนรับพวกเราดี
แต่ไม่มีใครพูดอะไร ไม่ใช่หรือ
ท่าทางเคร่งเครียดของเขาลบเลือนภาพหนุ่มขี้อายเมื่อคืนเสียสนิท แม้จะประหลาดใจกับประเพณีพิลึกพิลั่นนี้ หากลลิลดาก็เคารพวัฒนธรรมแต่ละท้องถิ่น เออหนอ ยังมีอีกหลายเรื่องทีเดียวที่เธอต้องเรียนรู้จากติลมา
...............
อ้อ ติลมามาพอดี
เธอลุกไปหาเด็กสาวที่หอบหิ้วตะกร้าใส่แผ่นแป้งปิ้งไฟร้อนๆ เข้ามา เจ้าหล่อนผายมือเชิญเธอนั่งยังโต๊ะกินข้าวกลางกระโจม ขณะที่หลานชายก็ประคองยายมานั่งด้วยกัน ท่าทางพินอบพิเทาของเขาแลดูน่ารักในสายตาเธอ
อาหารเช้าวันนี้คือแผ่นแป้งปิ้งไฟกับนมข้นค่อนข้างเปรี้ยวรสชาติเหมือนโยเกิร์ต ลลิลดาไม่หิวนักจึงบิแผ่นแป้งกินรองท้องเล็กน้อย เธอยังมีคำถามคาใจกับติลมา
ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าชายหญิงที่นี่ห้ามพูดกันตอนกลางวัน อย่างนั้นหรือ ติลมา
ค่ะ โอ้ หนูลืมบอกมิสเสียสนิทเลย ดวงตาเรียวเบิกโตอย่างนึกขึ้นได้
แล้วถ้าฉันพูดไปแล้วล่ะ จะเป็นอะไรไหม
ไม่ ไม่หรอกค่ะ ก็มิสเป็นนักท่องเที่ยวนี่คะ แต่ชาวทิชกูเชื่อกันว่าผู้ชายหรือผู้หญิงที่ทำอย่างนั้นเป็นคนไม่ดี ติลมาอธิบายตะกุกตะกัก ว่าแต่มิสพูดกับใครหรือคะ
หญิงสาวเผลอสบดวงตาคมกล้าวูบหนึ่ง มีแววตำหนิเธอสำทับคำบอกเล่าของน้องเขา
พี่หรือ คาชาล น้องสาวถามเสียงหลง ครั้นเห็นใบหน้าพี่ชายซับสีเรื่อจึงหลุดหัวเราะกิ๊กออกมา ไม่เป็นไรหรอกค่ะมิส หนูผิดเองที่ลืมบอก แล้วพี่ก็คงไม่นำเรื่องนี้ไปบอกใคร จริงไหม พี่คาชาล
ต่อไปฉันจะระวังจ้ะ แต่เมื่อกี้อัมมาพูดกับฉัน ฉันเลยขอความช่วยเหลือจากพี่เธอ
ติลมาถามผู้เป็นยายซ้ำ แกเดินไปหยิบผ้าทอมาพันรอบเอวแขกสาว ก่อนเอ่ยบางอย่างด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
อัมมาทำให้มิสค่ะ บอกว่าเอาไว้ใส่คืน ก็องโกลัน
อะไรคือ ก็องโกลัน เหรอจ๊ะ
คืนพระจันทร์เต็มดวงค่ะ คืนพรุ่งนี้แล้วที่เราจะมีงาน... เอ่อ พี่ ช่วยแปลแทนข้าทีซี
คาชาลแทบสำลักอาหารเช้าเมื่อน้องสาวโยนภาระให้ดื้อๆ เขาไม่ตกหลุมพรางตอบน้องสาว นอกจากใช้สายตาตำหนิ
ไม่เป็นไรหรอก คาชาล เจ้าอย่ายึดติดนักเลย แม่เฒ่าชี้แนะ
แต่มันผิดประเพณี เมื่อเธอมาอยู่กับพวกเราก็ควรเรียนรู้วิถีชีวิตของพวกเรา หลานชายหลุดโต้แย้ง
ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็กำลังทำผิดที่พูดกับข้า คาชาลเอ๋ย การยึดถือจารีตประเพณีก็ดีอยู่หรอก แต่การให้ความช่วยเหลืออย่างบริสุทธิ์ใจนั้นประเสริฐที่สุดแล้วสำหรับชาวทิชกู
ชายหนุ่มประคองมือสองข้างของผู้เป็นยายหงายขึ้นจุมพิตยังปลายนิ้ว อันเป็นการปฏิบัติอย่างให้เกียรติสูงสุดแก่เพศตรงข้าม
ลลิลดามองอากัปกิริยาอ่อนน้อมนั้นด้วยความชื่นชมลึกซึ้ง เธอไม่รู้หรอกว่าพวกเขาพูดอะไรกัน แต่การกระทำเมื่อครู่บ่งบอกถึงความรัก ความเคารพที่ฝ่ายหนึ่งมีต่ออีกฝ่ายชัดเจน ราวกับเป็นภาษาสากลที่ไม่ต้องการคำอธิบาย
เอาซี แปลแทนข้าที ติลมาคะยั้นคะยอพี่ชาย
คาชาลเสหลบดวงตาสุกสกาวซึ่งจับจ้องมายังตน พลางเอ่ยเรียบเรื่อย ก็องโกลัน เป็นงานบูชาเทพีจันทราทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง ก็องโก คือเสียงกลอง ลัน แปลว่าพระจันทร์ ชาวทิชกูทุกคนจะมารวมตัวกันหน้ากองไฟเพื่อร้องรำสรรเสริญเทพีจันทรา
หญิงสาวฟังเพลิน นึกสนุกไปกับงานที่เขาพูดถึง ช่างเป็นโชคดีของเธอเหลือเกินที่มีโอกาสได้อยู่ร่วมงานสำคัญ
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเข้าใจเป็นอันดีและไม่ไถ่ถามอะไรต่อ ชายหนุ่มจึงขอตัวจากทุกคน เขาถือกลองออกไปด้วยซึ่งก็คงนำไปซ้อมกับกลุ่มเพื่อนด้วยกัน ความกระตือรือร้นของชาวทิชกูต่องานคืนวันมะรืนนี้ส่งผลให้นักท่องเที่ยวสาวพลอยตื่นเต้นเช่นเดียวกัน
...............
วิถีชีวิตของสตรีชาวทิชกูยังล้าหลังอยู่มากในความคิดเห็นของลลิลดา พวกเธอเหล่านั้นมีหน้าที่หุงหาอาหาร ดูแลกระโจมที่พักอาศัย ทอเสื้อผ้า และเลี้ยงดูลูกๆ ขณะที่ฝ่ายชายนั้นมีหน้าที่ดูแลฝูงสัตว์เลี้ยงเพียงอย่างเดียว
ติลมาพาเธอแวะเยี่ยมเยียนยังกระโจมต่างๆ ส่วนมากอาศัยอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ โดยฝ่ายชายต้องแต่งงานเข้าครอบครัวฝ่ายหญิง และสตรีผู้มีอายุมากที่สุดมีอำนาจสิทธิ์ขาดในครอบครัวนั้นทุกประการ ชายชาวทิชกูจึงถูกกฎเกณฑ์ของสังคมบังคับกลายๆ ให้มีภรรยาได้เพียงคนเดียว อันเป็นวิธีอันแยบยลนักในความคิดเธอ
ชาวทิชกูบางคนนั้นสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีจากนโยบายเตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวของรัฐบาล หากสูงวัยขึ้นมาหน่อยอาจพูดได้ทั้งภาษาจีนและรัสเซียตามท้องถิ่นที่พวกเขาเคยรอนแรมแลกเปลี่ยนสินค้า
หญิงสาวรับฟังประสบการณ์ต่างๆ และไม่ลืมหยิบลูกอมซึ่งเธอพกติดตัวมาด้วยแบ่งปันแก่เด็กๆ ก่อนกลับ ก่อนที่ตนจะได้รับอ้อมกอดน้อยๆ แทนคำขอบคุณ
ข้อสังเกตอย่างหนึ่งถึงจำนวนเด็กผู้ชายน้อยนิดของที่นี่ ได้รับคำตอบจากสตรีลูกดกคนหนึ่งว่าเด็กชายเมื่อเริ่มเดินได้จะถูกเลี้ยงดูหรือคอยช่วยงานผู้เป็นพ่อตลอดช่วงเวลากลางวัน พวกเขาจะถูกเชือกแขวนโยงให้คุ้นชินกับการนั่งบนหลังม้า วิ่งเล่นกับฝูงแกะฝูงแพะ ได้ฟังเท่านี้ลลิลดาก็นึกต่อต้านประเพณีพรากแม่พรากลูกนี้เหลือเกิน
หากแม่ได้รับรู้รับฟังจะว่าอย่างไรนะ แม่ที่หลงกินน้ำใต้ศอกนายทหารตระกูลดังอย่างพ่อด้วยความไม่รู้ว่าท่านมีภรรยาอยู่แล้ว ครั้นเรื่องทราบถึงหูแม่สามี แม่จึงต้องอุ้มท้องลูกสาวคนเดียวหนีจากย่าซึ่งไม่ยอมรับในตัวแม่และเธอ โดยที่พ่อไม่อาจทัดทานความต้องการของทั้งมารดาและภรรยา
และเพื่อหลีกหนีจากพ่อซึ่งหวังได้ตัวบุตรสาว แม่จึงตัดสินใจพาเธอไปอยู่กับเพื่อนเก่ายังต่างแดนหลังคลอด วิชาชีพพยาบาลของแม่เป็นที่ต้องการของผู้คนที่นั่น กระทั่งท่านได้พบรักใหม่กับนายแพทย์คนหนึ่ง
ลลิลดาเชื่อว่าตนได้รับความเข้มแข็งมาจากผู้เป็นมารดา เธอจึงยืนหยัดได้จวบจนทุกวันนี้ แม่ผู้ไม่เคยยอมให้ใครมาพรากลูกตัวเองไป แม้แต่พ่อแท้ๆ ของเธอ
ยิ่งเติบโตผ่านโลกมานานเท่าใด เธอยิ่งตระหนักถึงภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของ แม่ รวมทั้งหน้าที่เดียวกันของสตรีในอีกซีกโลกหนึ่ง หญิงสาวนึกถึงประสบการณ์ชีวิตใหม่เอี่ยมนี้ เธอคงได้ถ่ายทอดไปถึงมารดา
................
วิคเตอร์มาพร้อมกับคณะทัวร์กลุ่มใหม่ในวันที่สามของการใช้ชีวิตร่วมกับชาวทิชกูของลลิลดา แต่ทุกคนดูจะใจจดใจจ่อกับงานที่กำลังจะมีขึ้นคืนนี้เสียมากกว่า หญิงสาวจำต้องผละจากการทดลองสวมชุดประจำเผ่าอย่างสนุกสนาน เพื่อฝากจดหมายถึงพี่ชายกับไกด์หนุ่ม
ติลมายิ้มปลาบปลื้มลับหลังกับผู้เป็นยาย เมื่อหวนนึกถึงร่างระหงภายใต้ชุดของเธอซึ่งสวมใส่ได้พอดี ยิ่งเมื่อรัดเอวด้วยผ้าทอฝีมือแม่เฒ่าแล้ว เผยให้เห็นรูปร่างกลมกลึงสง่างาม
คืนนี้ มิสของเธอต้องสวยที่สุดในงานเป็นแน่ ใบหน้าผิวพรรณของมิสแตกต่างจากชาวตะวันตกทั่วไปอย่างที่ตนเคยพบเจอ มิสบอกว่าเธอเป็นคนไทย...ประเทศไทยที่มิสว่าอยู่ใต้ลงไปจากประเทศจีน ด้วยเหตุนี้มิสจึงมีส่วนละม้ายคล้ายพวกเรามากกว่าชาวตะวันตก
อยากให้มิสขอพี่คาชาลเต้นรำจัง อัมมา เด็กสาวเปรยกับยายอย่างคนช่างฝัน
แม่เฒ่าหัวเราะในลำคอ สุดแท้แต่มนตราแห่งเทพีจันทราจะดลบันดาล
พี่คงอึ้งไปเลยตอนเห็นมิสในชุดพวกเรา ข้าเฝ้าภาวนาให้มิสอยู่กับพวกเราที่นี่ตลอดไป
ติลมาเอ๋ย ทุกคนต่างมีวิถีชีวิตของตัวเองทั้งนั้น
อัมมา ท่านล่วงรู้ดวงชะตาผู้คนมากมาย ช่วยบอกหลานผู้โง่เขลาหน่อยเถิดว่าคำอธิษฐานของข้าจะมีวันเป็นจริงไหม
แสงจันทร์ย่อมเคียงคู่แสงตะวันเท่านั้น
ใครเล่าคือแสงตะวันของมิส
หญิงชราสั่นศีรษะ เธอแพร่งพรายความลับของท้องฟ้าไม่ได้ นอกจากเฝ้ามองความเป็นไปของผู้คนใต้แผ่นฟ้าผืนนี้
ข้าบอกเจ้าทุกอย่างแล้ว จงตรองดูให้ดีเถิด หลานข้า
ติลมามีสีหน้าสลดลง เธอไม่เคยเข้าใจคำปริศนาของยายเลย ตรงกันข้ามกับเพื่อนร่วมเผ่าที่นับถือยายของเธอ
แม่เฒ่ามองตามหลานสาวกำพร้าที่ลุกออกไปพลางทอดถอนใจ ติลมานั้นไร้เดียงสา มองโลกในแง่ดีและง่ายดายเกินไป
แสงจันทร์ย่อมเคียงคู่แสงตะวันเท่านั้น
เธอได้ให้คำตอบทั้งหมดไว้ในประโยคนั้นแล้ว ที่ใดมีรัก มีความอบอุ่นมอบให้แล้วไซร้ จันทราย่อมเคียงคู่ ณ ที่แห่งนั้น ประดุจดวงจันทร์ที่ส่องสว่างด้วยความรักจากเทพพระอาทิตย์
...............
ภาพหญิงสาวในชุดพื้นเมืองสีขาวหม่น รัดเอวด้วยผ้าทอสีขาวผืนใหม่ สะท้อนจากกระจกเงา ลลิลดารู้สึกเหมือนตัวเองสวมใส่ชุดยูกาตะ ต่างแต่ว่าชุดของชาวทิชกูนั้นสั้นกว่าและมีกางเกงผ้าขายาวอยู่ข้างใน
เธอผลักฉากกั้นออกหลังแต่งตัวเรียบร้อย พลางหมุนตัวให้แม่เฒ่าและติลมาชื่นชมผลงาน เด็กสาวลุกไปกอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่บัดนี้กลายเป็นชาวทิชกูเต็มตัวด้วยความยินดี
ผมของมิส เจ้าหล่อนชี้ยังผมยาวซึ่งถักเปียไว้ของลลิลดา สื่อความหมายว่าให้ปล่อยสยายเหมือนของตนเอง
หญิงสาวปฏิบัติตามอย่างสนุกสนาน ไหนๆ ก็มาเพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมของพวกเขาแล้ว วันนี้จึงถือเป็นประสบการณ์พิเศษของเธอ
เรือนผมดกดำเป็นลอนอ่อนๆ สยายเต็มแผ่นหลัง ขับความหวานละมุนให้แก่ใบหน้าสวยเก๋ ติลมาตะลึงมองอย่างชื่นชม จนผู้เป็นยายลุกไปหยิบหมวกขนสัตว์มาเสียเอง
ลลิลดาค้อมตัวให้แม่เฒ่าสวมให้ หมวกสีขาวแลดูนุ่มฟู มีพู่ห้อยลงมาสองข้างแก้ม อันเป็นเครื่องประดับในงานสำคัญ ก่อนแกจะรวบร่างระหงไปสวมกอดบ้าง
สตรีต่างวัยทั้งสามคนผลัดกันช่วยแต่งตัว เรียบร้อยดีแล้วก็ได้เวลาออกไปรวมตัวกับทุกคนยังลานรอบกองไฟ เสียงเป่ากระเพาะสัตว์ของฝ่ายชายดังหวูดเหมือนเสียงสัญญาณเชิญชวน ชาวทิชกูทุกคนมีสีหน้าแช่มชื่น ราวกับงานที่พวกเขากรำมาตลอดประสบความสำเร็จก็คราวนี้
ลลิลดาพลันนึกได้ว่าตนลืมกล้อง เธอพยายามบอกติลมาหากเด็กสาวกลับรั้งเธอนั่งลงยังครึ่งวงกลมฝั่งสตรี แม่บ้านหลายคนจดจำเธอได้ต่างดึงเธอไปกอดพร้อมกับชื่นชม
ความโกลาหลเล็กๆ นั้นเรียกสายตาชายหนุ่มจากฝั่งตรงข้ามให้หันมอง แสงไฟจากกองฟืนส่องให้เห็นดวงหน้างดงามกระจ่างชัดดั่งจันทร์เพ็ญ
คาชาลรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปยังคืนวันที่ตนนอนมองพระจันทร์ กระหายใคร่รู้ความลับซึ่งสืบทอดมากับตำนาน เทพพระอาทิตย์ และ เทพีจันทรา ตั้งแต่ครั้งบรรพชน จนไม่อาจถอนสายตา
จากคุณ |
:
ภาพิมล (thezircon)
|
เขียนเมื่อ |
:
17 มี.ค. 55 11:27:32
|
|
|
|