Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เซรีญา The Dragon's Gate (13) ติดต่อทีมงาน

http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10109516/W10109516.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10161148/W10161148.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10183691/W10183691.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/06/W10737872/W10737872.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/07/W10823758/W10823758.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/08/W10933375/W10933375.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/10/W11142234/W11142234.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/10/W11146239/W11146239.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/10/W11151078/W11151078.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/10/W11205594/W11205594.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/10/W11263974/W11263974.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/12/W11453566/W11453566.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/12/W11510881/W11510881.html
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11605180/W11605180.html

###

มิวส์อีกเรื่องทำยังไงก็ไม่ยอมมา  เลยเอาเรื่องนี้ก่อนแล้วกันนะคะ T^T

###

คุณตรีพันธ์ @ เค้าก็ว่างั้นแหละ //เห็นด้วย

ทินา @ นั่นสิ งูกับนกอินทรี...

หน่าจัง @ ตูก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ - -''

คุณ chaiyanun @ กว่าจะถึงอีเวนท์นั้นคงอีกสักพักนะคะ ^^''

scottie @ แบบนี้ต้องลองอ่านต่อไปนะขอรับ :3

อมมี่ @ นาน ๆ ก็ต้องหัดเขียนตัวละครใหม่ ๆ บ้างสิเน่อ

คุณ river @ ดีใจที่ชอบค่า T^T

คุณสาวไกด์ @ ตาทัคแกก็เริ่มมีพวกฝั่งแกเหมือนกันนิ  ต้องเก่งทั้งสองฝ่ายเวลาตบกันจะได้มันหน่อย

คุณ Canossa @ ตามนั้นขอรับ...

คุณนริน @ รู้สึกเรื่องนี้จะมีเมนูนกอินทรีหม้อไฟเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นะเนี่ย

เจรามี @ พี่ก็ว่างั้นแหละ  ผงกหัวเห็นด้วย

คุณซาลาสซา @ นาน ๆ ลองเขียนตัวละครแบบนี้ก็สนุกดีนะขอรับ

พี่โร @ แบบนี้ต้องลองอ่านต่อไปขอรับ ^^

###

๑๓.

เสียงที่หลังม่านขอให้นักบวชอื่น ๆ เชิญพวกขุนนางสิปาออกไป

"ข้าต้องการเจรจากับเพียงนกไฟและสัตว์ร้ายเท่านั้น" เสียงนั้นบอก "ท่านด้วย  ชายหนุ่มสีขาว  ขอให้ออกไปข้างนอกชั่วคราว  ไม่ช้าเราคงได้เจรจากัน"

คนอื่น ๆ แปลกใจและไม่สบายใจในถ้อยคำดังกล่าว  ทว่าเมื่อเซรีมองเทรมิส  เธอก็เห็นพ่อมดเก็บคทาเงียบ ๆ  ที่จริงเขายิ้มน้อย ๆ ด้วยซ้ำ  ดวงตามีประกาย  ทำให้อดนึกค่อนขอดไม่ได้ว่าสถานการณ์แบบนี้แล้วยังนึกเล่นอยู่อีก  แต่เอาเข้าจริง เทรมิสนึกเล่นก็ยังดีกว่าเทรมิสเกร็งว่ามีอันตราย  เซรีจึงสอดดาบคืนฝัก  ขอให้คนอื่น ๆ ออกไป  แต่เพื่อความมั่นใจ  เธอจึงยังไม่ได้เก็บฟารา

ยามเงยหน้าขึ้นจะก้าวไปอีกครั้ง  หญิงสาวก็รู้สึกว่าม่านไหวนิดหน่อย  มีเสียงฝีเท้าวิ่งตึก ๆ กังวานก่อนจะเงียบหาย  คล้ายใครสักคนหลังม่านตามพวกเกจไปด้วย  แต่ครั้นเซรีไม่แน่ใจหันกลับมาทางเทรมิส  เธอกลับเห็นพ่อมดยังเฉยเหมือนไม่เกิดอะไร  พอเป็นอย่างนั้น เจ้าหญิงก็รู้สึกว่าคงวางใจได้กระมัง

เธอก้าวออกไปข้างหน้า  มีฟาราตามอยู่ด้านข้าง  สะบัดหางนิดหน่อยให้เห็นว่าเตรียมพร้อมระวัง  นักบวชหญิงสองคนเลิกม่านขึ้น   เผยให้เห็นห้องด้านหลัง   มันไม่ใช่ห้องใหญ่โตเป็นพิเศษ   มีการตบแต่งแบบสิปาง่าย ๆ  ไม่หรูหรา  ทว่าก็มีกลิ่นไม้  กลิ่นเครื่องหอมที่ชวนให้สบายใจ  กลางห้องนั้นมีเสื่อและฟูกนอนแบบสิปาปูไว้  บนฟูกเป็นร่างอ้วนใหญ่โตของผู้หญิงคนหนึ่ง

นักบวชคนหนึ่งช่วยหญิงคนนั้นให้ลุกขึ้นนั่ง  นางอ้วนมากจนเห็นได้ชัดว่าป่วยไข้  เซรีจำสิ่งที่ขุนนางสิปาเล่าให้ฟังได้จึงไม่แปลกใจ  เพียงคำนับให้  ก่อนจะทรุดกายนั่งขัดสมาธิลงบนเบาะรอง  จ้องมองคู่สนทนาโดยไม่ให้รู้สึกว่าหยาบคาย  

เธอเรียนรู้นานปีแล้วว่าอย่าดูคนที่ภายนอก  ข้างนอกล้วนหลอกลวง  ไม่มีความจริงแต่อย่างใด  เจ้าหญิงจึงมองลึกเข้าไปในดวงตายิบหยีที่ถูกก้อนเนื้อบีบบังไว้  เธอเห็นความสงบในนั้น...ความสงบอันเก่าแก่โบราณ   ความเข้าใจ  ความรู้สึกว่าไม่กลัวอะไรอีกต่อแล้ว  เต็มไปด้วยพลัง  กระนั้นก็ไม่มีความประสงค์ร้าย   ที่จริงยังมีบางอย่างคล้ายกับท่านยายใหญ่  เมตตาปรานี  มั่นคง เต็มไปด้วยสติปัญญา  เป็นผู้หญิงอย่างที่สักวันหนึ่งเซรีอยากจะเป็นให้ได้เช่นกัน

"ข้าชื่อเซรี ยีฮวาดี ทัสมุตแห่งอันเซลมา" เจ้าหญิงแนะนำตัว "นี่ชื่อเทรมิส นิ รูฮาห์  และนี่เป็นสัตว์ภูตของข้า ชื่อฟารานินา"

"คนเรียกข้าว่ามาตา" อีกฝ่ายตอบง่าย ๆ "ไม่ใช่ชื่อจริงหรอก  แต่ข้าได้ละทิ้งชื่อจริงไปแล้ว  ตั้งแต่มารับตำแหน่งเป็นมาตา"

"ท่านมาตา  ท่านทดลองพลังของเทรมิสทำไม  ต้องการอะไรจากพวกเราหรือ" เซรีถามต่อไปทันที "เหตุใดต้องจับคนโคแรนนิอิดเพื่อให้พวกเรามาที่นี่   ท่านต้องการอะไรจากเรา  และทราบข่าวของพวกเราได้อย่างไร  มีอะไรที่ข้าจะช่วยเหลือได้หรืออย่างไร"

ขณะที่ถามไปตามนิสัยเช่นนั้น   เจ้าหญิงก็ได้ยินเทรมิสหัวเราะเบา ๆ อยู่ข้างหลัง   พ่อมดวางมือลงบนไหล่ของเธอ  ครั้นแล้วตัวเขาก็ทรุดลงนั่งเช่นกัน  ฟาราที่หมอบลงแล้วตีหางปับหนึ่ง  ยื่นหัวอันใหญ่โตมาวางบนตักชายหนุ่ม  มันเป็นสัตว์ภูตของเซรีก็จริง   แต่พบพ่อมดคราวใดมักถูกเอาอกเอาใจ   เวลานี้เทรมิสก็กำลังเกาหูให้อยู่เช่นกัน

"มาตา" พ่อมดว่าทั้งยังลูบหัวเสือ "ได้โปรดให้อภัยในความตรงของเจ้าหญิงแห่งอันเซลมา   เธอเป็นคนเช่นนี้เอง"

"เทรมิส" คนโดนว่าชักไม่พอใจ

"นางเป็นคนกล้าหาญราวกับเปลวไฟ" หญิงชราหัวเราะเบา ๆ "ส่วนท่าน...สัตว์ร้ายจากแดนไกล  ท่านเป็นคนมีน้ำใจ  แต่ก็มีเวลาที่ไม่ประสงค์จะให้ใครอ่านได้เช่นกัน"

พ่อมดยิ้ม  เขาก้มศีรษะให้กับคำนั้น  ไม่ตอบอะไร

"เมื่อถูกถาม  ก็จะตอบ  ข้าทราบว่าพวกท่านมาที่นี่   เพราะที่แห่งนี้ก็สืบทอดพลังมาจากบรรพกาลเช่นกัน   แม้ว่าจะไม่รุ่งเรืองเท่ากับที่ที่พวกท่านจากมาแล้ว   ก็ยังพอทราบว่าอะไรเป็นอะไร   อีกประการหนึ่ง นับตั้งแต่ทราบข่าวว่ามีเผ่าใหม่มาอยู่ที่เกาะปีศาจ   ข้าก็ทราบว่าสักวันจะต้องมีการเคลื่อนไหว   ระยะสองสัปดาห์ที่ผ่านมานี้  กระแสพลังเปลี่ยนไปมากทีเดียว"

"เกาะปีศาจอย่างนั้นหรือ...หมายถึงเกาะมังกรขาว" เซรีถาม "เผ่าใหม่ที่ท่านพูด  หมายถึงพวกโคแรนนิอิด  เขาอพยพมาอยู่ที่นี่ได้เกือบเจ็ดปีแล้ว"

"และทุกคนต่างคิดว่าเขามาถึงที่นี่ด้วยความบังเอิญ   หรือไม่ใช่" หญิงชราถามต่อไป "ข้าเดาว่าพวกเองก็คิดอย่างนั้น  เข้าใจเอาว่ามาที่นี่เพียงเพราะมันเคยมีประตู"

"หมายความไม่ใช่บังเอิญหรือ" เจ้าหญิงไม่แน่ใจ

"ไม่ใช่หรอก  เป็นสัญชาตญาณที่นำทางกลับมา" นักบวชอธิการ "ข้าได้ฟังมา  ราชินีของเผ่านั้นเป็นคนไม่มีสี...หรือไม่ใช่   เป็นงูที่ไม่ทนแสงตะวัน   ข้าจะบอกท่าน  นานมาแล้ว หัวหน้าภิกษุณีของที่นี่ก็เป็นเช่นนั้น   พวกนางเป็นคนไม่มีสีสืบทอดกันมาหลายรุ่น  จนกระทั่งทุกอย่างล่มสลาย  และไม่มีตำแหน่งหัวหน้าภิกษุณีอีกต่อไป"

...

เมื่อออกมาจากเรือนของนักบวชอธิการแล้ว  เกจก็ขออนุญาตขุนนางสิปาปลีกตัวออกไป   เขาขอนักบวชที่ดูแลว่าจะเดินเล่น   ได้หรือไม่   นางก็ว่าตามสบายเถิด  แต่อย่าจากไปไกลนักเพราะที่นี่กว้างใหญ่   อาจหลงทางได้โดยไม่ทันรู้ตัว

ชายหนุ่มไม่ค่อยแยแสการหลงทางเท่าไร   เขาเพียงคิดว่าอาจได้เบาะแสของวิเทน  และรู้สึกสนใจที่แห่งนี้   ถึงอย่างไรเขาก็ใช้เวลาสำรวจถ้ำงูน้ำที่เกาะอันเซลมาอยู่หลายปี   แม้จะไม่มีอะไรเหมือนกันเลย   แต่กลิ่นและบรรยากาศที่นี่กลับมีบางอย่างคล้ายถ้ำแห่งนั้น  ลึกลับ เก่าแก่โบราณ  เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่รู้มากมาย

ชายหนุ่มเดินไปท่ามกลางอาคารหินและไม้  เขาจงใจเลือกทางที่ร้างคน  เพราะอยากสำรวจอะไร ๆ ตามลำพัง  เขามองรูปสลักและการประดับตบแต่งต่าง ๆ  มองทางเดินหินที่เต็มไปด้วยตะไคร่   ลานหญ้าและลานหินทั้งใหญ่และเล็กซึ่งอยู่ระหว่างอาคาร   ครั้นแล้วระหว่างที่มองอะไรเพลินเช่นนั้น  ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงหวือดัง

เขาสะดุ้งเร่งถอยวูบ  หินก้อนหนึ่งเฉียดใบหูไปจนรู้สึกถึงสายลมและความร้อนได้  หินกระทบผนังดังปึก  ตกลงกลิ้งบนพื้นดิน  ชายหนุ่มรีบชักดาบหันขวับกลับไป

เมื่อแรกเกจไม่เห็นคน  แต่ครั้นเงยหน้าขึ้นจึงเห็นว่าเป็นเด็กหญิงคนนั้น...ยายเด็กเถื่อนเมื่อคืนที่ฝังเขี้ยวลงแขนเขาจนได้เลือด  เธอยืนจังก้าเขม้นมองมาจากริมชายคาไม่ได้หนีหาย  ดูคล้ายกับแมวป่าดุร้ายทีเดียว

"เฮ้ย  เจ้าทำอะไร" ชายหนุ่มร้อง

'ข้าไม่ชอบเจ้า  ข้าไม่เคยเห็นนาคาผู้ชาย' เด็กนั่นตอบให้เขาได้ยินจริง ๆ   ก่อนจะเงื้อหินในมือขึ้นมา

เกจหลบทันที  เขาเองใช่ว่าไม่รู้จักการปีนป่าย ถึงอย่างไรก็เติบโตในเรือที่ไม่รู้ว่ามีกี่ชั้นต่อกี่ชั้น  ชายหนุ่มคว้ารูปสลักชายคาที่มีมากมาย  เหวี่ยงกายเหยียบขึ้นไป  ชั่วพริบตาเดียวก็ถึงตัวเด็กหญิง  จับตัวไว้ได้ก่อนจะหนี   ยามเด็กดิ้นรน  เขาก็บิดแขนกลับไพล่หลังทันที

"ขว้างข้าทำไม"

'ข้าไม่ชอบเจ้า' เด็กดิ้นอาละวาด 'ปล่อยข้า  ปล่อย'

เขาไม่ยอมปล่อย  กลับเร่งลากเธอลงจากหลังคา  ยามเข้าไปอยู่ในที่ลับตาคนแล้วจึงกดเด็กหญิงติดกับกำแพงไว้  เอาเถอะ เขาไม่สนใจแล้วว่าตนได้ยินเธอเพราะอะไร

"พวกเจ้าจับคนโคแรนนิอิดมา" เขาว่า "เขาอยู่ที่ไหน  พาข้าไป"

'ไม่รู้!'

"ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้าย  แต่พวกเจ้าเอาคนของข้ามา  ข้าก็ต้องตามคืน" เกจชักระอาใจ "ปัดโธ่ อยู่เฉย ๆ ไม่ได้หรือไง  ดิ้นไปทำไม  ข้าไม่ได้ทำอะไรเจ้าเลย"

'ไม่จริง โกหก เมื่อวานเจ้ายังทำร้ายข้า'

"ก็เจ้ามาด้อม ๆ มอง ๆ ข้าทำไม" ชายหนุ่มถอนใจ  เขาสงสัยว่าขืนใช้กำลังต่อไปอย่างนี้คงไม่มีประโยชน์เป็นแน่  อีกอย่างหนึ่ง  ถึงแม้เด็กคนนี้จะดูหยิ่งและเถื่อนเกินกว่าจะน่าสงสาร  เกจก็ทราบเรื่องราวของเธอมาแล้ว  เขาคิดว่าคนที่ผ่านชะตากรรมแบบนั้นได้  อย่างน้อยก็ควรให้ความเคารพตามสมควร

"ดิ้นมากแขนก็ช้ำแล้ว  เห็นไหม" หัวหน้าโรงปลูกพืชบอกขณะรวบแขนเธอมาตรงหน้า "ทายาหน่อยปะไร  แล้วเลิกแยกเขี้ยวดุร้ายเสียที"

เด็กหญิงชะงักนิดหนึ่ง   เกจจึงเอายาแก้ฟกช้ำมาทาให้   เขาทาไปแล้วก็สงสัยว่ายายเด็กนี่คงเถื่อนกว่าที่ตนคิดหลายเท่า  เพราะบนแขนขามีแต่ริ้วรอย  แสดงให้เห็นว่าเที่ยวตะลอนไปตามที่ต่าง ๆ โดยไม่สนใจความสวยความงามอะไร  เขาชอบใจเด็กอย่างนี้  ยามทายาให้เสร็จแล้วจึงนั่งยองลงให้ใบหน้าเสมอกัน

"ไม่อาละวาดก็ไม่เจ็บแล้วใช่ไหมเล่า" ชายหนุ่มวางมือลงบนศีรษะของเธอด้วยคิดถึงน้องสาว "ทีนี้มาพูดดี ๆ กันสักที"

เด็กหญิงมองหน้าเขา  วูบหนึ่งดวงตาคล้ายจะมีความแปลกใจ

แต่อีกวูบหนึ่ง ความแปลกใจก็กลายเป็นความเถื่อนอย่างสัตว์ป่าทันที   เธอกางกรงเล็บข่วนหน้าเกจดังควาก  แทบจะเกี่ยวตาเขาหลุดออกมา  ระหว่างที่คนถูกข่วนร้องด้วยความตกใจ  ยายตัวดีก็เร่งเผ่นไป

แต่ยามชายหนุ่มสะบัดหน้า  ลืมตาได้อีกครั้ง   ปาดหลังมือเช็ดเลือดที่ไหลซิบออกมา   เขาก็เห็นว่าเด็กนั้นไม่ได้ไปไหน  เธอหลบอยู่หลังกำแพงอาคารไม่ห่างนัก  มองมา  เกจเห็นอย่างนั้นแล้วก็โกรธไม่ลงอย่างไรไม่ทราบ  เขารู้สึกคล้ายเจอแมวป่า  มันไม่ยอมเชื่องโดยง่าย  แต่กลับอยากรู้อยากเห็น  สนอกสนใจ

"เอาเถอะ  ข้าหาเองก็ได้" ชายหนุ่มบอก "ใครจะอยากเสวนากับเด็กดุร้ายอย่างเจ้ากัน"

...

จากคุณ : ลวิตร์
เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 20:09:31




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com