Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หัวใจก้นครัว ๒๖-๒๗-๒๘ (แก้ไขใหม่) ติดต่อทีมงาน

บทที่ ๒๖

       “ไดอาน่าเป็นยังไงบ้าง คุณปลอดภัยแล้ว คุณอยู่กับผมแล้วนะครับ...”
เคี้ยง ส่งเสียงบอกหญิงสาวที่เพิ่งจะฟื้นจากอาการไข้ เขาค่อยๆเช็ดหน้าของหล่อนอย่างแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าหญิงสาวตรงหน้าจะช้ำไปเพราะแรงตนเอง

     ไดอาน่า มองไปที่รอบๆห้องนอนของเคี้ยงอย่างงงๆ ก่อนที่หญิงสาวจะได้สติอย่างสมบูรณ์ หล่อนยิ้มให้เคี้ยงอย่างดีใจ ก่อนที่เอ่ยถามช้าๆว่า

     “หนูนอนหลับไปกี่วันแล้วคะ เฮียเคี้ยง?”

     เคี้ยง วางผ้าเช็ดหน้าลงในอ่างก่อนจะเลื่อนไปหยิบชามโจ๊กใส่ไข่หอมกรุ่นมาแทนที่ แล้วจึงตอบว่า

       “สามวันแล้วครับ ผมเป็นห่วงคุณมากเลยรู้ไหม ทำไมคุณไม่ส่งเสียงเรียกผม ยอมยืนตากฝนอยู่ทั้งคืนที่หน้าบ้านแบบนั้น แต่ช่างมันเถอะ กินโจ๊กนี่ดีกว่า เพิ่งฟื้นไข้ กินอะไรเบาๆดีกว่านะ”

       หญิงสาวกินโจ๊กที่เคี้ยงป้อนให้อย่างว่าง่ายจนหมดชาม หลังจากดื่มน้ำเสร็จ ไดอาน่าก็บอกความรู้สึกของตนให้เคี้ยงรู้ทั้งน้ำตาว่า

      “เฮียเคี้ยง ตอนที่หนูยืนตากฝนอยู่หน้าบ้าน หนูกลัว... กลัวไปหมดทุกอย่าง แต่พอได้พบเฮีย หนูไม่เคยรู้สึกเลยว่าตัวเองกำลังกลัวอยู่ ตอนนี้หนูไม่มีใครอีกแล้ว อาปาต้องตามหาหนูแน่ๆ แต่หัวเด็ดตีนขาด หนูก็จะไม่กลับไปอีก ถ้าเฮียอยู่ที่ไหน หนูก็ขออยู่ด้วย ตอนนี้ชีวิตของหนูเป็นของเฮียคนเดียวนะจ๊ะ”

       ตอนแรกเคี้ยงพยายามจะโน้มน้าวให้ไดอาน่ากลับไปมาเก๊า ในทันทีที่หล่อนหายดี เขาอยากให้หญิงสาวมีชีวิตที่สุข สบายมากกว่าจะต้องมากัดก้อนเกลือกินอย่างไม่มีอนาคตกับเขา แต่เมื่อเห็นน้ำตาของคนที่ตนรัก หัวใจที่บินกลับมาหาเจ้าของของมันตามเดิม เขาจึงพูดอะไรไม่ออกนอกจากลูบหัวหัวของหล่อนอย่างแผ่วเบา

       “ตั้งแต่ที่เฮียจากมา ไม่มีวันไหนที่โลกจะสดใสเหมือนกับวันนี้อีกแล้ว หากจะมีสิ่งใดมาพรากเราสองคนได้ ก็คงจะเป็นความตายเท่านั้น!” ไดอาน่าพูดออกมาด้วยเสียงหนักแน่น

       เคี้ยง เอามือไปปิดปากไดอาน่าเบาๆ เพื่อไม่ให้หญิงสาวพูดแบบนี้ออกมาอีก สายตาเว้าวอนที่เต็มไปด้วยความรักของหญิงสาวตรงหน้า ทำให้จิตใจของเขาอ่อนไหวยิ่งนัก

     ไดอาน่าเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเต็มตา ก่อนที่หล่อนจะสวมกอดชายหนุ่มด้วยความรักที่มีอย่างหมดหัวใจ เคี้ยงรับรู้ถึงความรักนั้นได้ด้วยหัวใจของเขาเช่นกัน วินาทีนั้นเขารู้ดีว่าสิ่งที่เขาขาดหายไปได้กลับมาเติมเต็มตัวของมันเองโดยสมบูรณ์แล้ว ไม่มีประโยชน์ใดที่จะไปห้ามปรามมันอีกต่อไป
ทั้งสองคนจึงปล่อยให้ความรักและความปรารถนาภายในที่เฝ้ารอมานาน ทำหน้าที่ของมันเองด้วยความเต็มใจ

      ชีวิตใหม่ ในดินแดนใหม่ ทำให้ทุกอย่างในชีวิตของเคี้ยง จะดูลงตัวมากเกินกว่าที่เขาเคยคิดฝันไว้มากนัก ด้วยพลังแห่งความรักที่พาให้ทุกสิ่งในชีวิตขับเคลื่อนไปอย่างอัศจรรย์ จึงนับว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่สุดในช่วงชีวิตของเคี้ยงเลยก็เป็นได้

       ตอนนี้ ไดอาน่า ตั้งครรภ์ได้กว่าแปดเดือนแล้ว ชีวิตใหม่ที่เกิดขึ้นจากความรักของคนทั้งสองคน ที่ร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆนานามามากมายกว่าจะมีวันนี้ วันที่ครอบครัวของเขาจะได้พร้อมหน้าพร้อมตากันเสียที ไดอาน่ามักเคยถามเขายามอยู่กันตามลำพังเมื่อเขาเข้ามาลูบท้องของหล่อนอย่างแผ่วเบา เพื่อทักทายสมาชิกใหม่ในครอบครัวที่จะมาปรากฏตัวในเร็ววันนี้ว่า

   “เฮียเคี้ยง อยากได้ลูกสาว หรือลูกชายจ๊ะ?”

       เคี้ยง เงยหน้าจากการการเอาหูของตนแนบครรภ์ของหญิงสาว ที่เขามักจะทำเป็นประจำ เมื่อไดอาน่าเล่าว่าลูกน้อยในท้องกำลังดิ้น เขายิ้มกว้างอย่างมีความสุข ก่อนจะตอบด้วยเสียงอ่อนหวานว่า

     “จะตี๋น้อย หรือหมวยน้อย เฮียก็รักทั้งนั้นแหละ คุณอย่าสงสัยเลย ทำใจให้สบายไว้ดีกว่า เฮียขอให้เขาแข็งแรงดี ก็พอใจแล้ว ยิ่งอ้วนๆขาวๆก็จะน่ารักมากนะ ว่ามั้ย”

       ไดอาน่ามองตาเคี้ยงด้วยประกายแห่งความสุข รอยยิ้มที่แสนคุ้นตาของเขา ทำให้การเผชิญความเป็นแม่ในที่ต่างถิ่นเช่นนี้ ไม่มีอะไรน่ากลัวสำหรับหล่อนเลยสักนิด ตราบใดที่หล่อนและลูกยังมีชายหนุ่มที่กำลังนอนหนุนตักหล่อน พร้อมกับร้องเพลงจีนให้ฟังอย่างแผ่วเบาอยู่ด้วยเช่นนี้แล้ว

        ตอนพักกินข้าวในช่วงเย็น เคี้ยงที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องพักพนักงาน ก็ได้ทราบเรื่องที่เขาไม่คิดว่ามันเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ เพื่อนสนิทที่ช่วยเหลือเขายามเมื่อมาถึงเมืองไทย แอบนำข่าวนี้มาบอกเขาอย่างเป็นห่วง

        “เคี้ยง พักนี้ มีคนของมิสเตอร์เดวิดมาป้วนเปี้ยนแถวโรงแรม มีหลายคนเห็นพวกมันมาซุ่มดูพวกลื้ออยู่ โชคดีที่มันไม่รู้ว่าพวกอั๊วรู้ว่ามันเป็นใคร อั๊วว่าลื้อน่าจะต้องลองกบดานเงียบๆสักพักก่อน เอาไว้ให้พวกมันตายใจว่าพวกลื้อไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ค่อยกลับมาดีกว่านะ”

        ทันทีที่ทราบข่าว เคี้ยงก็ตัดสินใจที่จะทำตามอย่างที่ได้รับคำแนะนำมา ถ้าเขาไม่อยู่ในแวดวงของคนจีนด้วยกันสักพัก ก็คงไม่มีทางที่จะตามสืบได้ เพราะตราบใดที่เขายังต้องวนเวียนอยู่ในสังคมของคนจีนแล้ว ทางที่คนของมิสเตอร์เดวิดจะตามสืบจนเจอก็ง่ายมากขึ้น แต่ถ้าหลบอยู่ในย่านคนไทยจนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดี น่าจะเป็นหนทางที่ปลอดภัยสำหรับเขา ไดอาน่า และเพ้ง ด้วยเช่นกัน

      โชคดีที่อีกไม่กี่วันก็เป็นวันสิ้นเดือน เคี้ยงและเพ้ง ขอลาออกโดยมีเพื่อนสนิทของเขาช่วยรับรองกับทางโรงแรมให้ ทำให้เขาได้รับเงินเดือนชดเชย แต่กระนั้น เพ้งซึ่งเป็นคนที่มีนิสัยชอบโวยวายเป็นทุนเดิม ก็อดบ่นออกมาไม่ได้ว่า

       “เพราะอาซ้อคนเดียว เล่นหนีมาอย่างงี้ ทำเอาทุกคนลำบากไปหมด แล้วนี่อั๊วต้องหยุดงานนานถึงไหนกันล่ะเฮีย แล้วคราวนี้เราต้องย้ายบ้านหนีกันอีกมั้ย?”

       ไม่มีเสียงตอบจากชายหนุ่มข้างกายของเพ้ง เพราะเขากำลังใช้ความคิดวางแผนการณ์สำหรับทุกคนครอบครัวอย่างรอบคอบที่สุด

        เคี้ยงพาเพ้งมาหาข้าวกินแถวเยาวราช พร้อมกับตั้งใจที่จะมาหาซื้อรังนก ไปตุ๋นให้ไดอาน่ากินเพื่อบำรุงทั้งตัวหล่อนและลูกน้อย แม้ว่าจะแค่เดือนละครั้ง แต่นี่ก็เต็มที่ที่เขาจะสามารถทำให้ได้ เพราะยังต้องเก็บเงินเอาไว้ใช้จ่ายในสิ่งจำเป็นอีกหลายอย่าง

       ขณะที่นั่งกินข้าวมันไก่ที่ร้านกัน เพ้งก็อดพูดมากกับเคี้ยง ตามนิสัยปากเสียของเขาไม่ได้ว่า

  “สงสาร ไดอาน่า อีจังเลยเนอะเฮีย ถ้าลองยังอยู่ที่มาเก๊า แล้วแต่งงานแต่งการไปจนท้องไส้ขนาดนี้ คงได้กินโสม เป๋าฮื้อ หูฉลาม รังนก ทุกมื้อแน่ๆเลย คงไม่ต้องมารอกินแค่เดือนละครั้งแบบนี้ นี่ละน้า... อยู่ดีๆไม่ว่าดี สม!”  

     เพ้งพูดไปเรื่อยตามประสาเด็กหนุ่มคะนองปาก โดยไม่ได้เขาสนใจว่าคำพูดของตนจะไปทำร้ายจิตใจของเคี้ยงมากน้อยสักแค่ไหน เจ้าตัวยังคงคีบเนื้อไก่ชิ้นใหญ่ขาวนุ่มจิ้มน้ำจิ้มเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจะตั้งพุ้ยข้าวมันในถ้วยจนหมด เมื่อเขาจะอ้าปากสั่งข้าวถ้วยใหม่ จึงได้สังเกตอาการของชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะนึกได้แล้วเอ่ยว่า

     “โธ่เฮีย! อย่าทำหน้าอย่างนี้สิ อั๊วขอโทษ อั๊วไม่ได้ตั้งใจว่าไดอาน่า อีหรอกนะ อั๊วก็เป็นห่วงอี ห่วงหลานเหมือนกัน กินข้าวเถอะ ข้าวเหลืออยู่เต็มถ้วยเลย จะว่า...ไปอั๊วว่า เดี๋ยวซื้อข้าวมันไก่ ไปฝากไดอาน่าดีกว่า อร่อยดีนะ เดี๋ยวมื้อนี้ อั๊วเลี้ยงเอง” เพ้งพูดเอาใจเคี้ยงที่กำลังครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา

      เมื่อเห็นว่าน้องชายเพียงคนเดียวของตนสำนึกได้ในคำพูดของตน เคี้ยงจึงยิ้มขึ้นมาได้บ้าง ก่อนจะสำทับว่า

      “ลื้อก็กินเยอะๆนะ ดูสิ ผอมลงไปตั้งเยอะ ไม่ต้องห่วงอั๊วหรอก แค่ลื้อกินอิ่มนอนหลับ เฮียก็พอใจแล้ว”

    แล้วสองพี่น้องจากแดนไกลก็ก้มหน้าก้มตาจัดการข้าวมันไก่ตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับว่าอาหารมื้อนี้เป็นอาหารจากเหลาราคาแพงก็ไม่ปาน

      “เฮีย คืนนี้อั๊วไม่เข้าบ้านล่ะนะ เดี๋ยวจะไปร้องเพลงกับเพื่อนๆซะหน่อย นัดพวกมันไว้แล้ว เงินเดือนออกทั้งทีต้องฉลองซะหน่อย” เพ้ง บอกชายหนุ่มที่ในมือถือถุงใส่รังนกตากแห้งกับถุงใส่ห่อข้าวมันไก่ ที่เดินข้างกันมา ให้รู้ไว้ ขณะที่เดินกลับมาด้วยกัน

       “อย่าเมามากนักนะ แล้วเรื่องเงินๆทองๆ ก็อย่าฟุ่มเฟือยให้มันมากนักล่ะ ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าเราจะได้ออกหางานกันอีกครั้ง อย่าลืมล่ะ อาเพ้ง” เคี้ยงสำทับ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง

      ทั้งสองพากันเดินเข้ามาในตรอกย่านตลาดเก่า เพื่อลัดออกไปทะลุยังถนนอีกฝั่งเพื่อขึ้นรถเมล์กลับ ร้านค้าทั้งสองข้างปิดเงียบในยามค่ำคืนแบบนี้ มีเพียงไฟสลัวๆที่บางร้านเปิดทิ้งไว้ที่หน้าร้านเท่านั้นเอง ที่ปลายตรอกมองเห็นรถราที่วิ่งขวักไขว่อยู่ไม่ไกลมากนัก

       ขณะที่กำลังเดินไปนั้น เคี้ยงก็เห็นว่ามีคนกำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่ ไม่นานนักก็มีคนล้มลงกับพื้นส่งเสียงร้องดัง ก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้าไปซ้ำฝ่ายที่ล้มลงอีกครั้ง เคี้ยงก็วิ่งเร็วขึ้นพร้อมกับตะโกนเสียงดัง

      “เฮ้ย! ทำอะไรวะ!”

       เมื่อเคี้ยงวิ่งไปถึงที่เกิดเหตุ อีกฝ่ายก็วิ่งหนีออกไปที่ถนนใหญ่อย่างชำนาญทาง จึงเหลือแค่คนเจ็บที่นอนร้องครวญครางอยู่ เพ้งที่วิ่งตามพวกนั้นไปก็วิ่งกลับมาบอกว่า

      “เฮีย พวกมันหายไปแล้ว มันคงเป็นคนแถวนี้ อะไรวะ วิ่งไวอย่างกะกรด”

       “เพ้ง ลื้อมาช่วยกันอุ้ม อาเจ็กนี่ไปเรียกรถไปส่งโรงพยาบาลก่อนเถอะ ดูสิ เลือดออกเต็มไปหมดเลย” เคี้ยงสั่งการอย่างเร่งรีบ เพราะตอนนี้คนเจ็บที่ถูกแทงบาดเจ็บนอนอยู่ที่พื้น เริ่มร้องครางเบาเสียงลง จนดูเหมือนว่าอาการจะน่าเป็นห่วง

       กว่าจะหารถรับจ้างพาชายชราที่บาดเจ็บไปส่งถึงโรงพยาบาลได้ ก็ใช้เวลานานจนเคี้ยงต้องคอยตบหน้าชายผู้นั้นเบาๆไม่ให้หมดสติไปเสียก่อน

       เสียงร้องครางเบาต่ำอย่างน่าเป็นห่วง แม้ว่าโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดจะไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุเท่าใดนัก แต่การจราจรในช่วงสิ้นเดือนนี้ก็แสนจะติดขัด จนทำให้สองพี่น้องเริ่มใจเสียไปกับอาการของชายชราตรงหน้า

      ทันทีที่ไปถึงโรงพยาบาลเรียบร้อย แพทย์และพยาบาลรีบพากันมาปฐมพยาบาลชายชราที่ดูเหมือนว่าตอนนี้ใกล้จะหมดสติไปเสียแล้ว ในช่วงของความชุลมุนที่กำลังเกิดขึ้นก่อนที่จะนำผู้ป่วยเข้าไปยังห้องฉุกเฉินนั้น

      เพ้งเดินเข้ามาดึงตัวตัวเคี้ยงให้หลบทาง ก่อนที่จะค่อยๆลากชายหนุ่มที่กำลังตกใจและเป็นห่วงในอาการของชายชรา แล้วฉุดให้เขาออกไปทางประตูหน้าของโรงพยาบาล แต่แล้วเคี้ยงก็สลัดมือของเพ้งที่กำลังฉุดตนเองให้เดินตามมานั้นออกไป แล้วบอกกับเพ้งด้วยเสียงเคร่งเครียดว่า

       “ถึงเราจะพาอาเจ็กมาถึงโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วก็จริง แต่ถ้าเกิดไม่มีใครเป็นเจ้าของไข้ แล้วใครจะยอมรักษาแกล่ะ อาเพ้ง ยังไงเฮียก็ต้องไปดูแน่ใจกับตาก่อนว่า อาเจ็กได้รักษาแล้วจริง เฮียถึงจะยอมกลับ เพ้งอย่ามาห้ามเฮียเลย!”

     แล้วเป็นไปตามที่เคี้ยงคาดไว้จริงๆด้วย เพราะเมื่อทั้งคู่ไปถึงหน้าห้องฉุกเฉิน ก็พบว่ามีพยาบาลกำลังขานชื่อ เรียกหาผู้ที่นำชายผู้นั้นมาส่งโรงพยาบาลอยู่หลายครั้งแล้ว ทันทีที่เขารับเป็นผู้นำส่ง ก็ได้รับแจ้งจากแพทย์ว่า

        “คนไข้เสียเลือดไปมากครับ ตอนนี้สลบไปแล้ว หากทิ้งไว้อาจจะเกิดอาการช็อคได้ และดูเหมือนคนไข้จะมีอาการของโรคหัวใจแทรกอยู่ด้วย หมอจำเป็นต้องนำคนไข้เข้ารักษาตัวในห้อง ไอซียู ทันทีครับ แต่ตอนนี้ เราเองก็ยังไม่สามารถติดต่อกับญาติคนไข้ได้ คุณที่ผู้เป็นนำคนไข้มาส่ง จำเป็นที่จะต้องรับเป็นเจ้าของไข้ไปก่อน ทางโรงพยาบาลจึงจะเริ่มลงมือทำการรักษาได้ ไม่ทราบว่าคุณมีความสะดวกในเรื่องนี้ไหมครับ”

      จากนั้นพยาบาลที่เตรียมมาจดประวัติของคนไข้ก็ได้แจ้งกับเคี้ยงว่า

      “หากคุณประสงค์จะขอเป็นเจ้าของไข้ชั่วคราวก่อน ต้องนำเงินสดมาวางไว้เป็นหลักประกันและบัตรประชาชนด้วยค่ะ”

      แม้ว่าทั้งเคี้ยงและเพ้งพอจะฟังภาษาไทยที่หมอและพยาบาลได้แจ้งแก่เขารู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ทั้งคู่ก็เข้าใจตรงกันว่ามันมีความหมายว่าอย่างไร จนทั้งคู่ต้องปรึกษากันเป็นภาษาจีนเบาๆพอให้ได้ยินกันสองคนว่า

      “เฮีย อั๊วว่าเรื่องนี้มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว เราไม่ใช่คนไทยนะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นมา เฮียจะรับผิดชอบไหวเหรอ ตอนนี้เราก็ตกงาน แล้วเฮียยังมีลูกเมียที่ต้องดูแลอีกนะ” เพ้ง เริ่มเตือนด้วยน้ำเสียงโวยวายตามนิสัย

    เคี้ยง เงียบไปอย่างใช้ความคิดอยู่ไม่กี่อึดใจ ก่อนจะค่อยๆบอกเพ้งด้วยเหตุผลจากใจของเขา

     “อาเพ้ง เฮียเข้าใจที่ลื้อเตือนนะ แต่เราพาอาเจ็กมาถึงที่นี่แล้ว ชีวิตแกอยู่ในมือเรา จะรอดหรือจะตายก็ขึ้นอยู่กับเราแล้ว จะให้เฮียทำใจจืดใจดำ คงไม่ได้หรอก”

      เพ้ง ขัดขึ้นมาอย่างหัวเสียที่พี่ชายของตนไม่ฟังคำทัดทานเลยว่า

      “ช่างปะไรละเฮีย เดี๋ยวเขาก็ติดต่อญาติของอาเจ็กแกได้เองล่ะ แต่ถ้าเราช่วย เราจะลำบากนะ เฮียก็รู้ว่า ‘เรา’ ในที่นี้มีใครบ้าง?”

      เคี้ยง ค่อยๆเรียบเรียงคำพูดของเขาอย่างช้าๆ หมายจะทำให้เพ้งเข้าใจว่าทำไมเขาจึงต้องช่วยชายชราด้วยเหตุผลอะไร เรื่องราวในอดีตที่ค้างคาใจเขามาแสนนานถูกเปิดเผยจากใจอีกครั้งว่า

      “เฮียเข้าใจ แต่ทำไมรู้ไหม อาเพ้ง ผู้ชายคนนี้ทำให้เฮียนึกถึง อาปาไง ถ้าอาปายังอยู่ก็คงจะรุ่นราวคราวเดียวกับอาเจ็กละมั้ง อาปาจากพวกเราไปทั้งๆที่พวกเราไม่มีโอกาสทำอะไรให้อีเลย แล้วถ้ากลับกันล่ะ ถ้าหากอาปาของเรายังอยู่ แล้วเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่ไม่มีใครอยากจะช่วยอี เพราะกลัวว่าตัวเองจะเดือดร้อน แล้วถ้ามันสายไปแล้ว กว่าที่เราจะรู้ข่าว กว่าที่เขาที่เขาจะติดต่อเราได้อย่างที่ลื้อว่า มันจะเป็นยังไง?”

        เคี้ยงยิ้มน้อยๆให้น้องชายตรงหน้าทั้งน้ำตา เมื่อยามที่เขานึกถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาคราใด เขาลูบหัวอาเพ้งที่เงียบไปอย่างเบาๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาพยาบาลที่ยืนรอการตัดสินใจจากเขาอยู่

      เคี้ยง ล้วงเข้าไปหยิบซองเงินเดือนทั้งหมดที่เขาเพิ่งได้รับมา พร้อมกับพาสปอร์ตที่พกติดตัวอยู่ ยื่นให้พยาบาล พร้อมกับเอ่ยเป็นภาษาไทยอย่างชัดเจนที่สุดที่เขาจะพูดได้ว่า

       “ผมขอเป็นเจ้าของคนไข้เอง ช่วยรีบรักษาเขาเถอะครับ!”

      กว่าที่เคี้ยงจะกลับถึงบ้านฟ้าก็เกือบจะสว่างแล้ว เขาเฝ้ารอการรักษาชายชราที่ตนพามาส่งอย่างเป็นห่วงที่หน้าห้องไอซียู จนเมื่อหมอและพยาบาลออกมาแจ้งว่าการรักษาผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เมื่ออาเจ็กคนนั้นอาการปลอดภัยแล้ว เขาจึงออกมาจากโรงพยาบาลด้วยความโล่งใจ

      เคี้ยงเผลอหลับไปจนเกือบๆเที่ยง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็กุลีกุจอจะไปอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานตามความเคยชิน แต่เมื่อลุกขึ้นมานั่งจึงนึกได้ว่าไม่ต้องไปทำงานที่โรงแรมอีกแล้ว อีกทั้งเงินเดือนเดือนล่าสุดกับเงินชดเชยที่ได้มาก็นำไปวางเป็นเงินประกันในการรักษาอาเจ็กที่โรงพยาบาลหมดแล้ว เขากำลังคิดว่าจะบอกไดอาน่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าอย่างไรดี

      เมื่อไดอาน่าที่ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที เดินอุ้ยอ้ายถือชามยาจีนที่เขาชอบดื่มเป็นประจำมาให้ เคี้ยงจึงตัดสินใจบอกความจริงทั้งหมดให้เธอได้รู้

        “เฮียทำถูกแล้วล่ะจ้ะ เรามาอาศัยบ้านนี้เมืองนี้อยู่ ไม่เคยได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินนี้เสียที ลำพังเราเองก็เป็นคนตัวเล็กๆเพียงคนนึงเท่านั้น ที่จะทำให้ได้ก็คงจะเป็นคนดีมีน้ำใจต่อคนไทย เสมือนเป็นญาติชาวจีนของเราเอง ถ้าเป็นหนู หนูก็จะทำอย่างเฮียเหมือนกัน”

       ไดอาน่าให้กำลังใจคนรักอย่างจริงใจในการกระทำอันน่านับถือของเขา แต่เมื่อหล่อนเห็นเคี้ยงยังคงเห็นความลังเลบางอย่างในสายตาของเคี้ยง หล่อนจึงเอื้อมมือไปลูบหลังชายหนุ่มเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ แล้วกล่าวเสริมออกไปอีกว่า

       “เรื่องเงินเดือนก็ช่างมันเถอะจ้ะ ได้ช่วยชีวิตคนได้หนึ่งคน ดีกว่าเราเอาไปใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย กินเหล้าหรือเล่นการพนันจนหมดไป เราเองก็พอจะมีเงินเก็บเงินออมอยู่บ้าง ถ้าเราใช้จ่ายอย่างประหยัดหน่อย คงพอให้เราอยู่ไปได้อีกสักพัก เอาไว้เรื่องคนของอาปาซาลง เราค่อยมาคิดหาทางกันอีกทีดีกว่านะจ๊ะ เฮียเคี้ยง”

      เคี้ยง มองภรรยารักของตนด้วยความนับถือในจิตใจอันงดงามของหล่อน แม้ว่าอายุจะเพียงยี่สิบต้นๆเท่ากับอาเพ้ง แต่ความคิดความอ่านช่างแตกต่างกันมากมายนัก คำปลอบโยนที่ให้กำลังตนในคราวนี้ ทำให้ความรู้สึกไม่แน่ใจในการกระทำของเมื่อคืนนี้ มลายหายไปสิ้น

      เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย เคี้ยงก็เข้าไปในครัวเพื่อลงมือตุ๋นรังนกด้วยตนเองอย่างตั้งใจ เมื่อไดอาน่าเดินเข้ามายืนดูใกล้ๆ เขาก็บอกกับหล่อนอย่างอารมณ์ดีว่า

     “โชคดีที่เมื่อคืนอาแปะร้านขายรังนก อีแถมรังนกมาให้ ขอบคุณที่อั๊วไปช่วยอีตุ๋นยาให้ซิ้ม พอซิ้ม หายดีแล้วอีเลยแถมรังนกมาให้ ไม่รับก็เกรงใจ รังนกนี่ถึงมันจะบำรุง แต่กินมากไปมันก็ไม่ดีนะ”

       ไดอาน่า หัวเราะเบาๆอย่างรู้ทัน ที่ชายหนุ่มคิดไว้ หล่อนสังเกตเห็นเคี้ยง ตุ๋นรังนกจนหมดถุง คงมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอยู่ด้วย หล่อยจึงแกล้งเปรยอย่างคนไม่รู้ทันว่า

       “งั้น เฮียก็ตักใส่ปิ่นโตเอาไปฝากอาเจ็กที่โรงพยาบาลด้วยสิจ๊ะ คนเพิ่งฟื้นได้กินของบำรุงบ้างก็คงจะดี หนูเองกินแค่ถ้วยเดียวก็อิ่มแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะใกล้คลอดหรือยังไงนะ พักนี้ไม่ค่อยอยากอาหารสักเท่าไหร่เลยจ้ะ”

       เคี้ยง ยิ้มให้ไดอาน่าอย่างจนมุม เขารู้ว่าหล่อนรู้ว่าเขาทำไปเพื่ออะไร แต่ด้วยความเกรงใจที่มีต่อลูกและเมีย ทำให้เขาต้องรอให้หล่อนเป็นฝ่ายเอ่ยปากอนุญาตขึ้นมาก่อน แต่ก็ไม่วายเป็นห่วงในสุขภาพของหล่อนด้วยเช่นกัน จึงสำทับด้วยเสียงจริงจังว่า

      “ไม่อยากก็ต้องฝืนกินเข้าไปบ้างนะคุณ ถ้าอยากกินอะไรพิเศษก็บอกเฮีย หรือจะใช้อาเพ้งไปหาซื้อมาก็ได้นะ เจ้านั้นมันรู้จักของอร่อยๆเยอะแยะ ถึงมันจะดื้อ แต่มันคงไม่กล้าขัดคำสั่งอาซ้อหรอกนะ”

      ไดอาน่ายิ้มน้อยๆแทนคำตอบ ทั้งเคี้ยงและไดอาน่า ต่างก็แปลกใจต่อหนูน้อยสมาชิกใหม่ที่กำลังจะมาเยือน เพราะตั้งแต่ตั้งท้องมา ไดอานาแพ้ท้องด้วยการอยากจะกินแต่อาหารไทยมากมายหลายอย่าง แต่อาหารจีนที่คุ้นปากกลับเบื่อหน่าย ถึงขั้นเหม็นจนต้องไปอาเจียนในบางครั้งด้วยซ้ำ จนเคี้ยงและเพ้งถึงกับเอ่ยปากว่า ลูกคนนี้คงอยากจะเป็นคนไทยมากกว่าคนจีนเหมือนพ่อกับแม่แน่นอน

         เมื่อเคี้ยงไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาล เพื่อถามถึงอาการของคนไข้ ก็ได้รับแจ้งว่า ทางโรงพยาบาลสามารถติดต่อกับญาติของอาแปะได้เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งเขายังได้รับเงินที่วางค้ำประกันไว้พร้อมพาสปอร์ตคืนมาอีกด้วย และนางพยาบาลประจำห้องฉุกเฉินได้แจ้งข่าวเพิ่มเติมกับเขาว่า

        “ทางญาติของคนไข้ ต้องการย้ายคนไข้ไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลอื่นค่ะ ตอนนี้เรากำลังจัดการดำเนินเรื่องอยู่ ถ้าคุณจะรอเยี่ยมคนไข้ก็เชิญนะคะ ที่ห้อง ๕๐๖”

      ระหว่างที่รอลิฟต์อยู่ อาเจ็กก็ถูกเข็นออกมาจากลิฟต์อีกตัว เขายืนลังเลมองดูขบวนคนที่มาเคลื่อนย้ายชายชราผู้นั้นอย่างไม่แน่ใจว่าจะเข้าไปแสดงตัวดีหรือไม่ แต่แล้วเมื่อมีนางพยาบาลคนหนึ่งจำเขาได้ จึงบอกกับอาเจ็กที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ แล้วก็มีชายวัยกลางคนในชุดซาฟารีสีเข้มเดินเข้ามาตามเขาให้เข้าไปคุยกับอาเจ็กที่นอนยิ้มกว้างมองมาที่เขาอย่างขอบคุณ

       “พ่อหนุ่มเองน่ะเหรอที่ช่วยชีวิตฉันไว้ ขอบใจมากๆนะ อุตส่าห์เอาเงินตัวเองมาค้ำประกันชีวิตคนแก่คนหนึ่งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ช่างมีน้ำใจประเสริฐจริงๆ ฉันไม่รู้จะตอบแทนพ่อหนุ่มได้อย่างไร เจ้าสมัคร เอานามบัตรข้าให้เขาไปทีซิ แล้วขอที่อยู่ที่ติดต่อได้ไว้ด้วย อย่าพลาดนะเอ็ง!”

       แม้ว่าเคี้ยงจะไม่เข้าใจเรื่องราวที่อาเจ็กเอ่ยมาเป็นภาษาไทยทั้งหมด แต่น้ำเสียงที่ออกคำสั่ง ก็ดูเฉียบขาดและมีอำนาจในตัวอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าจะตอบเป็นภาษาไทยอย่างไรถึงจะถูก จึงได้แต่ยิ้ม และยื่นปิ่นโตใส่รังนกให้ ก่อนจะค่อยๆรวบรวมความกล้าพูดเป็นภาษาไทยอย่างช้าๆและพยายามให้ชัดเจนที่สุดว่า

      “ผมดีใจที่ อาเจ็ก...เอ๊ย!...คุณ ไม่เป็นอะไรแล้ว ผมตุ๋นรังนกมาฝาก เพิ่งฟื้นมาควรจะบำรุงเสียหน่อยนะครับ”

      อาเจ็ก หัวเราะเสียงดังลั่นอย่างชอบอกชอบใจ รวมถึงทุกคนในขบวนนั้นต่างพากันหัวเราะในคำพูดของเขากันใหญ่ จนชายหนุ่มเริ่มหน้าเสีย เพราะเขาไม่แน่ใจว่าตนเองพูดภาษาไทยผิดไปหรือไม่ จนมือที่ถือปิ่นโตอยู่สั่นจนเห็นได้ชัด จนเมื่ออาเจ๊กยื่นมือมารับปิ่นโตไปจากเขาด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับพูดปลอบใจชายหนุ่มที่กำลังใจเสียอยู่ว่า

      “เอาล่ะ ขอบใจนายมากนะพ่อหนุ่ม ไม่ต้องทำหน้าเหยเกแบบนั่น นายไม่ได้พูดอะไรผิดหรอก ไม่ต้องตกใจไปหรอก ฉันเป็นคนไทย ไทยแท้ๆเสียด้วย เลยไม่คุ้นกับคำที่นายเรียก อะไรนะ...อาเจ็ก ฮะฮะฮ่า ก็ยังดีที่ไม่เรียกอาแปะเลยนะ ขอขอบใจนายอีกครั้ง ทั้งๆที่ไม่ใช่ญาติโยมอะไร แต่นายก็ยังเป็นห่วงว่าฉันเมื่อฟื้นขึ้นมาจะเป็นอย่างไรบ้าง ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นเพียงอาเจ็กธรรมดาๆคนหนึ่งในสายตาของนายก็ตามที หวังว่าเราคงได้พบกันอีกนะ ฉันคงต้องไปก่อนนะ เดี๋ยวลูกเมียที่รออยู่ที่โรงพยาบาลโน้น เขาจะเป็นห่วงเสียก่อน”

      เคี้ยง ยกมือไหว้ทำความเคารพอาเจ็กที่กำลงถูกเข็นผ่านเขาไปอย่างช้าๆ เขามองขบวนคนเหล่านั้นจนลับสายตาไป ก่อนที่ชายในชุดซาฟารีคนเดิม เดินเข้ามาสอบถามที่อยู่ของเขาอย่างละเอียดเสียจนเขาอดแปลกใจไม่ได้ว่า ต่อไปจะเกิดผลดีหรือผลร้ายตามมากันแน่

      เมื่อชายผู้นั้นจากไปแล้ว เคี้ยงก็เดินกลับมาขึ้นรถเมล์ที่ป้ายด้วยความงุนงงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อยู่ไม่หาย ในมือของเขามีนามบัตรเล็กๆถือ เขานั่งลงที่ที่นั่งในบ้ายรถเมล์แล้วค่อยๆอ่านชื่อในนามบัตรนั่น อย่างไม่เข้าใจบางคำในนั้นมากนัก เคี้ยงค่อยๆสะกด ตามคำที่อยู่ในนั้นอย่างช้าๆว่า

       ‘หม่อม...เจ้า...สัก...สิรา สิรา...วะระ...กาน (หม่อมเจ้า ศักดิ์สิรา สิราวรกาญจน์)’


       “โอ้โห!...จริงๆเหรอ เฮีย ที่เล่ามาเนี่ย!” อาเพ้งอุทานเสียงดังตามนิสัย เมื่อได้ฟังเรื่องราวที่เคี้ยงเล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น หลังจากเขาที่หายไปเถลไถลอยู่เป็นสัปดาห์นับจากวันที่เกิดเรื่องขึ้น

       เคี้ยงชะโงกออกมาจากในครัวมามองหน้าไดอาน่า ที่นั่งอมยิ้มอย่างขบขันอยู่ที่โต๊ะกินข้าว เพราะทั้งสองคนคาดเอาไว้แล้วว่าหากเพ้งรู้เรื่องจะต้องตื่นตูมตามประสา เคี้ยงที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัวก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า เพ้งดูจะอยากรู้เรื่องราวของอาเจ็กคนนั้นมากกว่าเขาเสียอีก เพ้งรีบตะโกนบอกเคี้ยงที่กำลังวุ่นวายอยู่ในครัวว่า

      “เฮีย เดี๋ยวอั๊วมานะ อั๊วจะไปถามอาแปะหน้าปากซอยว่า คำว่า หม่อมเจ้า เนี่ย หมายถึงอะไร แล้วพวกอีรู้จักนามสกุลของอาเจ็กบ้างมั้ย”

       ยังไม่ทันที่ เคี้ยงจะตะโกนสวนออกมาจากในครัวให้เพ้ง รีบไปรีบมา เพราะได้เวลาอาหารเย็นแล้ว เพ้งก็หายไปพร้อมกับจักรยานประจำบ้านอย่างไม่เห็นฝุ่นเลยทีเดียว

จากคุณ : Awork
เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 01:03:32




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com