3/1
ก็องโก...ก็องโก...ก็องโกลัน
แม่พระผ่านฟ้าเทวี
ก็องโก...ก็องโก...ก็องโกลัน
เหล่าข้าปวงชายชาตรี
ก็องโก...ก็องโก...ก็องโกลัน
ขอมอบเกียรติสดุดี
ก็องโก...ก็องโก...ก็องโกลัน
ภักดีศรีศักดิ์ตลอดกาล
เสียงกลองระรัวเป็นจังหวะสลับกับเสียงขับขานบทกวีดังกังวานของชายวัยกลางคนพาให้คนฟังขนลุกซู่ แม้ลลิลดาจะไม่รู้ความหมาย แต่ก็สัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของงานประเพณี
สิ้นสุดเสียงขับขานอันเปี่ยมพลังนั้น เกิดความเคลื่อนไหวขึ้นอีกครั้งเมื่อฝ่ายชายถือชามไม้มามอบให้แก่สตรีในครอบครัวตัวเอง
นมม้าค่ะ ติลมากระซิบอธิบาย ผู้ชายจะมอบให้ผู้หญิงทุกคนในครอบครัวแทนคำขอบคุณที่ดูแลบ้านให้พวกเขา
อัมมารับชามน้ำนมสีขาวบริสุทธิ์จากหลานชายมาดื่ม สายตาผู้เป็นยายแสดงความรักใคร่ยามส่งคืนชามนั้น ก่อนที่คาชาลจะส่งต่อให้น้องสาวตน
ข้ารักพี่ น้องสาวเปรยพลางยกชามนมขึ้นดื่ม
พี่ชายส่งยิ้มอ่อนโยน ตามประเพณีของชาวทิชกูแล้ว บุรุษทุกคนต้องให้เกียรติสตรี โดยเฉพาะสตรีในครอบครัวซึ่งมีหน้าที่ดูแลบ้าน ความเป็นอยู่ ดูแลปากท้อง และดูแลลูกๆ ของพวกเขา โดยไม่มีการแบ่งแยกวัย
คาชาลอดปรายตามองหญิงสาวอีกคนไม่ได้ เจ้าหล่อนแลดูกลมกลืนไปกับพวกเขาอย่างดีภายใต้เครื่องแต่งกายพื้นเมือง ใบหน้านั้นเปื้อนยิ้มอยู่เป็นนิจอย่างคนไม่เคยเจอเรื่องทุกข์ใจ ดวงตาดำขลับของเจ้าหล่อนเปล่งประกายราวดวงดาวบนท้องนภา
ติลมาลอบยิ้มกับอาการใจลอยของพี่ชาย เธอรีบยุเจ้าของชามนมนั้นทันที
ส่งชามให้มิสสิ พี่คาชาล
ชายหนุ่มทำตามเสียงสะท้อนจากก้นบึ้งของจิตใจด้วยสติสัมปชัญญะครึ่งๆ กลางๆ ลลิลดารับมาจิบอย่างเก้อเขิน โธ่เอ๋ย ก็เขาเล่นจ้องเธอไม่วางตา ครั้นส่งคืนให้ฝ่ายชายเป็นผู้ดื่มคนสุดท้าย ริมฝีปากบางยังประกบตรงขอบชามซึ่งเธอดื่มเมื่อครู่พอดี
มิสเป็นคนในครอบครัวเราแล้วนะคะ ติลมาย้ำถึงความสำคัญ
ลมเย็นยามค่ำคืนหาได้มีผลกับเธออีกต่อไป นักท่องเที่ยวสาวรู้สึกร้อนรุ่มราวกับตนถูกบูชายัญกลางกองไฟ
..................
จังหวะดนตรีเร้าใจดังก้องสะท้านไปถึงก้อนเนื้อในอกให้เต้นตามจังหวะ หญิงสาวชาวทิชกูลุกขึ้นเต้นไปรอบกองไฟ บ้างจับคู่กับคู่รักตน
ลลิลดานั่งมองความสนุกสนานอยู่กับแม่เฒ่าชราและเหล่าสตรีสูงวัย กระทั่งติลมาตรงมาฉุดข้อมือเธอให้ร่วมวง
เดี๋ยวก่อน ฉันเต้นไม่เป็นหรอก ติลมา
อย่างนี้ไงคะ เด็กสาวเตะข้อเท้าสลับกับบิดสะโพกไปมา
นักท่องเที่ยวลองขยับข้อเท้าตาม แม้ยังไม่เข้ากับจังหวะแต่ก็ถูกดึงออกไปร่วมวงเสียแล้ว
ใบหน้ากระจ่างใสแหงนเงยขึ้นหัวเราะชอบใจเมื่อเริ่มจับจังหวะได้ เธอเต้นวนไปรอบกองไฟอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย โดยมีสายตาคู่หนึ่งของมือกลองคอยจับจ้องไม่วางตา
ติลมาลอบสังเกตอาการของพี่ชาย งานบูชาพระจันทร์คืนนี้พี่ของเธอคงต้องมนต์เทพีจันทราแน่แล้ว เพราะหากบุตรแห่งเทพพระอาทิตย์ประสงค์ในตัวหญิงงามคนใด เขามีสิทธิ์เพียงแค่มองจนกว่าสาวเจ้าจะรู้ตัวและเป็นฝ่ายชักชวนไปเต้นรำ งานก็องโกลันจึงเปรียบเสมือนพิธีเลือกคู่เช่นกัน
ทว่าลลิลดาไม่ทราบความเป็นมานี้ เด็กสาวคิดแผนการขึ้นมาได้ เจ้าหล่อนรีบผลุบหายไปขณะมิสกำลังเต้นรำกับกลุ่มเพื่อนของเธอ
ติลมา...
ลลิลดาหันไม่เห็นใคร รวมทั้งบริเวณที่แม่เฒ่านั่งอยู่เมื่อครู่นี้ ครั้นมองไปยังกลุ่มชายฉกรรจ์นักดนตรีจึงค่อยโล่งใจ คาชาลยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
เธอลังเลจะก้าวไปหาด้วยเกรงว่าตนจะทำผิดกฎของที่นี่อีกครา แต่เพื่อนสาวของติลมาซึ่งเดินไปชักชวนมือกลองคนหนึ่งเต้นรำ ราวกับช่วยตอกย้ำว่าสิ่งที่เธอคิดกระทำไม่ใช่เรื่องผิด หญิงสาวจึงก้าวไปหาผู้ที่ตนคุ้นเคยรองจากติลมา
คาชาล แค่เธอเรียกชื่อเขา เสียงผิวปากก็ดังทั่วทั้งวง
ชายหนุ่มหน้าแดง หัวใจหวิวโหวงและช่องท้องปั่นป่วนพิกล เมื่อคิดว่าเธอกำลังขอเขาเต้นรำ
เจ้าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธนะพวก เจ้ามองหล่อนไม่วางตา เทพีจันทราเป็นพยาน สหายคนหนึ่งเอ่ยล้อพลางถองชายโครง
ใช่... ลงว่าบุรุษจับจ้องหญิงคนใดตลอดการเต้นรำรอบกองไฟ ก็เพื่อเป็นสัญญาณให้เจ้าหล่อนรู้ตัวและมองมา หากสตรีผู้นั้นมีใจตรงกันแล้วไซร้ เธอจะชักชวนชายคนนั้นออกไปเต้นรำโดยที่อีกฝ่ายไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ บุรุษจึงต้องซื่อสัตย์ต่อทั้งตนเองและธิดาแห่งเทพีจันทรา
คาชาลก็เป็นหนึ่งคนที่นับถือและซื่อสัตย์ต่อเทพีจันทราเฉกเช่นบรรพชน มนต์ขลังของค่ำคืนก็องโกลันทำให้เขาลืมหมดสิ้นว่าลลิลดาคือชาวต่างชาติ คือเจ้าของเสียงสาปแช่งที่เขาหวาดระแวงตลอดมา
เดี๋ยวจ้ะ คาชาล เดี๋ยว... นี่เธอจะทำอะไร หญิงสาวท้วงหลังถูกพาออกไปกลางวงเต้นรำ ทว่าเสียงกลองเร่งเร้ากลบเสียงของเธอ
มือหนาแบมือตรงหน้า ลลิลดาเลิกคิ้วฉงน กระทั่งชายหนุ่มกลั้นใจรวบมือบางมาเสียเอง เธอไม่ทันได้เอ่ยอะไรก็พลันร้อนซู่ขึ้นมาสองข้างแก้ม เมื่อเขาสอดนิ้วประสานไปกับนิ้วมือเธอ
มือสองข้างของชายหญิงเกาะกุมประสานระดับอกคล้ายท่าผลักกัน หากบางสิ่งในแววตาคนทั้งสองกลับมีแรงดึงดูดประหลาดพลอยให้ลืมทุกสรรพสิ่ง ทั้งสองเริ่มขยับแข้งขา ขยับสะโพกไปตามจังหวะเพลง
ดังเหตุผลของชาวทิชกูเคยให้ไว้... ใต้จันทร์เพ็ญดวงนี้แล้ว สิ่งมหัศจรรย์ล้วนก่อกำเนิด ด้วยอำนาจแห่งเทพีจันทราทรงร่ายมนต์
ในมุมมืดห่างออกไป ติลมาปิดปากซ่อนเสียงหัวเราะสมใจ
..................
เสียงไฟแตกปะทุดังเบาๆ ท่ามกลางค่ำคืนเงียบสงัด งานบูชาเทพีจันทราสิ้นสุดลงเมื่อย่างเข้าวันใหม่ ชายฉกรรจ์ตีกลองจนฝ่ามือบวมแดง และหญิงสาวเต้นรำจนเหนื่อยล้า ครอบครัวใหญ่ต่างแยกย้ายกันกลับกระโจม บางคู่หนุ่มสาวหลบไปพลอดรักใต้แสงจันทร์
หนึ่งในนั้นคือคู่เต้นรำใหม่ที่ยังคงนั่งเล่นอยู่ข้างกองไฟ ลลิลดาใช้กิ่งไม้เขี่ยฟืนซึ่งค่อยๆ มอดลง โดยมีคาชาลนั่งปั้นหน้าไม่ถูกด้วยความเก้อกระดากอยู่ข้างกัน
ว่าไง ทำไมเธอถึงชวนฉันเต้นรำล่ะจ๊ะ
คุณต่างหากชวนผม เขาอ้อมแอ้มตอบ
ฉันน่ะหรือ ฉันเพียงแต่จะถามถึงติลมาเท่านั้น แต่เธอก็ดึงฉันออกไปกลางวง หญิงสาวเอ่ยกลั้วหัวเราะ
ราวกับถูกตบฉาด คาชาลหน้าม้าน นี่เธอกำลังเล่นตลกอะไรกับเขาอีก แล้วเขาก็หน้ามืดพอที่จะคิดเข้าข้างตัวเอง
เออนะ เขาช่างโง่งมเหลือเกินที่ไปหวังอะไรกับคนต่างชาติต่างภาษาซึ่งไม่เข้าใจวัฒนธรรมของพวกเขา ชายหนุ่มแทบกลั้นใจตายหลบหนีการเสียศักดิ์ศรีนี้
มีอะไรที่ฉันไม่รู้อีกหรือเปล่า ลลิลดาถามอย่างลังเล เธอสัมผัสได้ถึงกายสั่นเทิ้มของผู้ที่นั่งห่างไปช่วงแขน
คุณไม่ควรขอผมเต้นรำ ไม่สิ คุณไม่ควรเดินมาหาผม มันเป็นประเพณีที่ผู้ชายไม่อาจปฏิเสธผู้หญิงที่ชวนเขาเต้นรำได้ และเขาจะต้องเต้นกับผู้หญิงคนนั้นไปชั่วชีวิต
ประโยคสุดท้ายของเขาแหบแห้งทีเดียว คาชาลหันมองนักท่องเที่ยวสาว แววตัดพ้อและต่อว่าฉายชัดในดวงตาคมกล้าคู่นั้น
ลลิลดารู้สึกผิด คนซื่อตรงและยึดมั่นในประเพณีอย่างเขาย่อมต้องลำบากใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทั้งยังส่งผลกระทบต่ออนาคตสืบไป
ฉันขอโทษ คาชาล ฉันไม่รู้เลย
ท่าทางก้มหน้าคอตกของอีกฝ่ายลดอุณหภูมิอารมณ์ชายหนุ่มลง จะโทษเธอฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก ต้องโทษคนมีหน้าที่อธิบายแต่กลับหายไปจากงานอย่างน่าสงสัย เขาเริ่มเอะใจกับพฤติกรรมของน้องตน
ทว่าร่างเจ้าเนื้อของติลมาวิ่งพรวดพราดหน้าตาตื่นมาพอดี พี่ชายผุดลุกยืนเตรียมต่อว่า หากเด็กสาวยกมือห้ามไว้เสียก่อน
อัมมา... อัมมาตัวร้อนจี๋เลย พี่คาชาล เสียงเอ่ยปนเหนื่อยหอบ
นักท่องเที่ยวสาวไม่เข้าใจความหมาย หากคำเรียกบุคคลที่พอจับใจความได้ก็ส่งผลให้เธอรีบวิ่งตามสองพี่น้องไป
คาชาลทรุดนั่งบนเตียงของผู้เป็นยายพลางใช้หลังมืออังหน้าผาก สีหน้าเขาไม่สู้ดีเมื่อหันมาเอ่ยบางสิ่งกับน้องสาว ก่อนติลมาจะหายออกจากกระโจมไป
เกิดอะไรขึ้น อัมมาเป็นอะไรหรือ คาชาล
ลลิลดากุมมือแม่เฒ่าด้วยความเป็นห่วง หลังหลานชายผละไปเตรียมก่อฟืน ไอร้อนจากผิวหยาบกร้านนั้นบ่งบอกว่าพิษไข้สุมอยู่ในกาย
แกมีไข้นี่นา แล้วนั่นเธอจะทำอะไร
เตรียมต้มยา ติลมากำลังไปขอสมุนไพรจากเม็งโพ
เม็งโพ คือใคร เธออยากรู้อยู่หรอกแต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ หญิงสาวค้นหายาจากกระเป๋าเดินทางตน
ขอน้ำหน่อยเถอะจ้ะ ฉันมียาลดไข้มาด้วย ขอแรงเธอประคองแกขึ้นมาที
อีกฝ่ายทำหูทวนลมอย่างน่าหมั่นไส้ ลลิลดาค้อนเคืองพลางเดินไปตักน้ำจากหม้อเล็กเสียเอง พอดีกับที่ติลมากลับเข้ามาพร้อมสมุนไพร เธอจึงบอกให้เจ้าหล่อนช่วยประคองผู้เป็นยาย
เด็กสาวปฏิบัติตามงกๆ เงิ่นๆ เธอเชื่อในเจตนาดีของมิส อีกซีกโลกที่มิสมาคงมียารักษาโรคดีกว่าที่นี่แน่ ทว่าคาชาลไม่ไว้ใจ เขาฉวยโอกาสแย่งชิงยามาจากคนต่างถิ่นได้สำเร็จจนเธอเซเซ่ด ส่งผลให้อุณหภูมิความโกรธของลลิลดาพุ่งขึ้นทันที
คาชาล ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบฉัน แต่ทำอย่างนี้มันเกินไปหน่อยนะ หล่อนเอ่ยอย่างเหลืออด ยายของเธอไม่สบายและฉันก็พยายามช่วย ฉันไม่รู้ว่าเธอระแวงฉันเพราะอะไร แต่ฉันขอยืนยันว่าฉันมาที่นี่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ชายหนุ่มตะลึงงันหลังถูกต่อว่าเสียงแข็ง ตั้งแต่เกิดและเติบโตมาเขาไม่เคยถูกบิดามารดาหรือยายตำหนิเลยสักครั้ง แต่กลับถูกสตรีผู้นี้ต่อว่าถึงสองครั้งสองคราภายในไม่กี่วัน ใบหน้าหล่อเหลาระเรื่อขึ้นด้วยความอับอาย
ถ้าเธอไม่เชื่อล่ะก็ ส่งมาสิ ฉันจะกินให้ดู
ลลิลดายื้อแย่งมาจนได้ เธอฉีกพลาสติกก่อนกระดกยาเม็ดหนึ่งเข้าปากแล้วดื่มน้ำตาม ท่ามกลางความตกตะลึงของสองพี่น้อง
หญิงสาวหันไปเอ่ยเสียงหวานกับคนป่วยให้ค่อยๆ กลืนยา ราวกับบุรุษอีกคนเป็นอากาศธาตุ ติลมาลอบมองสีหน้าเจื่อนของพี่ชาย แล้วก็ได้กลั้นยิ้มจนเมื่อยแก้มไปหมด
จากคุณ |
:
ภาพิมล (thezircon)
|
เขียนเมื่อ |
:
20 มี.ค. 55 11:03:10
|
|
|
|