สรุปเรื่องย่อความเดิม
เจ้าชายอาซิคาลอส (พระเชษฐาของเจ้าหญิงอาเซนธาเรีย) แห่งจักรวรรดิเมลาเนียล พร้อมด้วยนายทหารราชวัลลภคนสนิททั้งสี่คือ มากัส ลูเปอร์เซียส จาริโอเธอรัสและ ฟิเกอรัส ได้ออกเดินทางมากับยานซาปิธัสเพื่อออกตามหาร่างพลังของผู้ครอบครอง คอสมิคคิวปัสตีสีแดง (อาเซนธาเรีย) เพื่อนำกลับคืนสู่เมลาเนียล ซึ่งในการเดินทาง ครั้งนี้ก็ยังมีเจ้าหญิงไอบิริน (พระขนิษฐาของเจ้าชายราโอมิน) แห่งจักรวรรดิเอลลาโก พร้อมด้วยราชองครักษ์สองคนคือจีฮาน กับอามิล ตามเสด็จมาด้วย ซึ่งจุดประสงค์ ของฝ่ายเอลลาโกก็คือตามหาร่างพลังของผู้ครอบครองคอสมิคคิวปัสตีสีเหลือง (ราโอมิน) เช่นกัน
ทั้งหมดเดินทางมาถึงปี ค.ศ. 2155 (ซึ่งเป็นปีที่กองทัพโปกาดอนบุกเข้ามายึดครอง ดาวโลกไว้สำเร็จ) พวกเขาได้ตามร่องรอยจากประตูกาลเวลา จึงทราบว่ามีการย้อน กาลมิติไปสู่อดีต ดังนั้นจึงเปิดทวารกาลมิติจากปี 2155 มายังปี 2012 (รีไรท์ใหม่ ปรับเวลาเปลี่ยนจากของเดิมคือปี 2011 เป็น 2012 ค่ะ) จากนั้นก็ได้ส่งยานสำรวจ ย้อนเวลาไปก่อนหน้านั้นอีก 7 ลำ แต่ละลำตั้งเวลาย้อนกาลมิติห่างกันลำละ 11 ปี
ผลจากการทุ่มเทความพยายามในการรื้อค้นอดีตในครั้งนี้ ยานลำที่เจ็ดก็พบเบาะแส ของผู้ครองพลังทั้งสอง เจ้าชายจึงมีรับสั่งให้มากัสและลูเปอร์เซียสไปนำหนุ่มสาวเจ้า ของร่างที่ถือกำเนิดใหม่ของผู้ครองพลังทั้งสอง (นั่นก็คืออู๋เจ้าหมิงและหลิงหลิง) กลับขึ้นมาบนยานซาปิธัสซึ่งจอดรออยู่ ณ ปี 2012
การหายไปของคนทั้งสองทำให้ทุกคนข้างหลัง (บนโลก) เข้าใจว่าพวกเขาได้เสียชีวิต ภายใต้กองเพลิง ขณะเดียวกัน เมื่อร่างของอู๋เจ้าหมิงและหลิงหลิงถูกนำตัวหลุดพ้น จากกาลมิติเดิม ทวารกาลมิติของปี 2012 ก็ล็อคปิดสนิททันที คนบนยานซาปิธัสทุกคน จึงถูกขังอยู่ภายในปี 2012 ไม่สามารถกลับไปยังกาลเวลาเดิมที่พวกเขาจากมา นั่นคือ ปี 2155 ได้อีก ผลจากการปิดล็อคตัวของทวารกาลมิติยังทำให้ยานสำรวจที่ถูกส่งย้อน เวลาไปอดีต 7 ลำดังกล่าว สามารถกลับมาได้เพียง 5 ลำ อีก 2 ลำหายสาปสูญไปกับ กาลมิติ และนายทหารคนสำคัญที่หายไปกับยานสองลำนั้น ก็๋คือ อามิล (ราชองครักษ์ ของเจ้าหญิงไอบิริน) กับ อิซัส (นายทหารช่างฝ่ายเมลาเนียล มือขวาคนสนิทของจาริ โอเธอรัส)
แต่ผลร้ายที่เกิดจากการจาบจ้วงเส้นชะตากรรม ปรับเปลี่ยนอนาคตโลกไม่ได้หมดอยู่ เพียงแค่นี้ เพราะสิ่งที่ทุกคนคาดคิดไม่ถึงก็คือ เอซาลอสเจ้าผู้ครองพลังสีน้ำเงิน ก็ได้ แอบติดตามขึ้นมาบนยานซาปิธัสของพวกเขาด้วย แล้วก็ได้ลอบดำเนินการบางอย่าง อย่างเงียบๆ เพื่อช่วยเหลือหนุ่มสาวชาวโลกทั้งสอง
เจ้าชายอาซิคาลอส มีรับสั่งให้ทำทุกวิถีทาง เพื่อจะดึงร่างพลังคอสมิคคิวปัสตีออกมา จากหนุ่มสาวชาวโลกทั้งสอง แต่สุดท้ายแล้ว พระองค์ก็ทำได้แค่ดึงร่างพลังของผู้ครอง พลังสีเหลืองเท่านั้น เจ้าชายราโอมินทรงขอให้จาริโอเธอรัสเก็บพลังแห่งจิตวิญญาณ ของอู๋เจ้าหมิงออกมาชั่วคราว เพื่อที่พระองค์จะขอยืมร่างของอู๋เจ้าหมิงไปพบและอำลา พระขนิษฐา (ไอบิริน) อีกทั้งบอกความจริงบางอย่างต่อเจ้าชายอาซิคาลอส
ความจริงที่ว่า.. ผู้ครองพลังทั้งสีเหลืองและแดงจะไม่มีวันสามารถกลับคืนสู่จักรวรรดิ เมลาเนียลและเอลลาโกได้อีกแล้ว เพราะทั้งสองได้สิ้นสุดหน้าที่ทางด้านนั้น การที่ เวลานี้ร่างพลังของทั้งสองยังดำรงอยู่ ก็เพียงเพื่อจัดการกับภารกิจบางอย่างบนดาวโลก เป็นภารกิจที่ต้องดำเนินไปตามลิขิตแห่งชะตากรรม แล้วเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ร่างพลัง แห่งราโอมินและอาเซนธาเรีย ก็จะสลายตัวไปหมดสิ้นความทรงจำทุกอย่างที่เคยมี ไม่ว่ากับผู้ใดทั้งสิ้น จะหลงเหลือไว้ก็แต่ผู้ครองพลังคนใหม่ที่เป็นของดาวโลกดวงนี้ เท่านั้น
ความจริงที่ได้รับรู้ สร้างความรู้สึกเสียใจแก่ทุกคน โดยเฉพาะเจ้าชายอาซิคาลอส เพราะนั่นหมายถึงความหวังและความพยายามทุกอย่างที่พวกเขาเดินทางไกลข้าม จักรวาลมาสูญสลายกลายเป็นความว่างเปล่า แต่ขณะที่ทุกคนยังเคว้งคว้างและ สับสนว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี .. จะลงมือเดินต่อไปข้างหน้า ดึงดันที่จะนำร่างพลัง ของผู้ครองพลังสีแดงกลับเมลาเนียลต่อไป หรือจะวางมือเดินทางกลับเมลาเนียล มือเปล่า เจ้าชายเอซาลอส..ผู้ครองพลังสีน้ำเงินก็พลันปรากฏพระองค์ขึ้น ลงมือ เข้าช่วงชิงร่างของเด็กสาวชาวโลกนามหลิงหลิงผู้นั้นออกมาจากห้องปฏิบัติการ
หลิงหลิงตื่นขึ้นมาด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าตนเองอยู่บนยานของฝ่ายโปกาดอน เธอจึงใช้พลังจากตลับคอสมิคเปลี่ยนร่างเป็นอาเซนธาเรีย ช่วยเหลือเจ้าชายเอซา ลอสต่อสู้กับฝ่ายเมลาเนียล นั่นถึงกับทำให้เจ้าชายอาซิคาลอสทรงเจ็บปวดพระทัย ถึงที่สุด แต่ในช่วงคับขัน ไม่มีเวลาที่ใครจะอธิบายปรับความเข้าใจอะไรต่อกันได้เลย การต่อสู้ที่ลุกลามจนกลายเป็นการปะทะกันอย่างดุเดือด แม้แต่เจ้าชายราโอมินเอง เพื่อปกป้องเด็กสาวชาวโลกผู้นั้น พระองค์ก็ทรงโจนเข้าไปช่วยเหลือผู้ครองพลังสี น้ำเงินต่อสู้กับพวกของเจ้าชายอาซิคาลอส
และเวลานั้นเอง เมื่อพลังยิ่งใหญ่ทั้งสามประสานร่วมใจกัน คทาแห่งฮัสเรย์ของอาเซน ธาเรีย ก็ระเบิดก้อนแสงสีขาวของปรากฏการณ์ไทเอลย่าออกมา ดูดเอาร่างของผู้ครอง พลังทั้งสามหายวับไปจากยานซาปิธัส ทิ้งความพังพินาศบนยานขนาดมหึมาลำนั้นไว้ ข้างหลัง แล้วก่อนที่ยานพระที่นั่งขนาดใหญ่ที่มีเทคโนโลยีสูงสุดของกาแลกซี่ลำนั้น จะสูญเสียการควบคุม ยานเล็กลำหนึ่งซึ่งเจ้าชายเอซาลอสทรงลอบเตรียมไว้เพื่อพา หลิงหลิงกลับดาวโลก ก็ถูกควอนตันมายังลานกว้างแห่งนั้น มีเพียงเจ้าชายอาซิคาลอส กับลูเปอร์เซียสเป็นเพียงสองคนที่ทันขึ้นไปบนยาน ก่อนที่ยานเล็กจะถูกวาร์ปออกจาก ยานแม่ซาปิธัสซึ่งสูญเสียการควบคุมลอยเคว้งคว้างอยู่กลางห้วงอวกาศ
เจ้าชายอาซิคาลอสและลูเปอร์เซียสบนยานเล็ก ต่างก็พอคาดเดาชะตากรรม ของยานแม่ได้ แต่พวกเขาก็เชื่อในฝีมือของจาริโอเธอรัส ว่าจะสามารถกอบกู้ ยานซาปิธัสให้กลับฟื้นคืนมาได้อีกครั้ง ทั้งสองจึงตกลงใจว่าจะลงไปรอการ ติดต่อกลับมาของทุกคนบนยานแม่ที่บนดาวโลก แต่ระหว่างนั้นเอง.. พวกเขา ก็เริ่มรู้สึกตัวว่าชะตากรรมของพวกเขาก็หาได้ดีกว่าคนอื่นๆไม่ เมื่อพบว่าในยาน เล็กหาได้มีแต่พวกเขาเพียงสองคน แต่ยังพกติดเจ้าหญิงไอบิรินที่ขึ้นตามมาด้วย
เห็นทีว่า การอยู่รอคอยการติดต่อกลับของคนจากยานแม่บนดาวโลก คงส่อเค้า ความวุ่นวายที่จะตามมาในชีวิตขององค์รัชทายาทหนุ่มแห่งเมลาเนียลเป็นแน่ เพราะทรงรู้ดีว่าเจ้าหญิงจอมยุ่งองค์นี้กับลูเปอร์เซียสราชวัลลภหนุ่มผู้เย็นชาของ พระองค์คนนั้น อดีตเป็นไม้เบื่อไม้เมากันแค่ไหน....
..
......
ผู้เขียนขออนุญาตโพสต์ต่อจากตอนเก่าซึ่งจบเรื่องราวบนยานซาปิธัส แล้วมาเริ่มต่อ เรื่องราวบนดาวโลกกันนะคะ อาจจะรีโพสต์ตอนเก่าที่เคยโพสต์ไว้นิดหน่อย แต่ถือว่าเป็น การอ่านทวน หวังว่าคงไม่เสียเวลาสำหรับคนที่เคยอ่านแล้วมากเนอะ ^^'
เรามาเริ่มเรื่องราวต่อจากนั้น.. กันเลยนะคะ 1...2...3..
Open !
.
จากคุณ |
:
ธีตภากร
|
เขียนเมื่อ |
:
20 มี.ค. 55 18:32:41
|
|
|
|