พันตะวันสาดแสงรัก 2 : เหตุผลของคนปากไว
|
 |
บทที่แล้ว http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11818036/W11818036.html
บทที่ 2
สายตาทุกคนพุ่งตรงมายังชายหนุ่มที่พูดออกมาด้วยท่าทางมั่นใจในตัวเองสูงอย่างไม่คาดฝัน
พัทธมนตะลึงงัน ตัวชาราวกับเกล็ดน้ำแข็งนับล้านลอยมาปะทะใบหน้าและเกาะติดเหนียวแน่น สีหน้าของผู้ชายที่ยืนข้างเธอยามนี้เรียบเฉย จนยากแก่การคาดเดาว่ากำลังคิดอะไรอยู่ มีเพียงมือใหญ่ที่เกาะกุมมือเธอไว้เป็นสัญญาณเตือนถึงอะไรบางอย่างด้วยการบีบมือเธอแน่น
เป็นลูกค้าโรคจิตหรือไงถึงได้ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องของคนอื่น หากคิดในแง่หนึ่งดูเหมือนว่าเขาจะช่วยเธอ แต่เขาช่วยแบบนี้... ให้ตายสิ ! เธอยิ่งจะแย่ยิ่งกว่าเดิมสิไม่ว่า
พูดอะไรออกมาน่ะโต นี่อย่าบอกนะว่าคบกับผู้หญิงมั่วซั่วไปหมด ไม่สนว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นของเล่นของใครอยู่ ผ่านใครมาบ้าง หรือถูกใครเขาเลี้ยงอยู่หรือไง
พันตะวันกระตุกริมฝีปากนิดเดียว นี่หากว่ามารดาอยู่กับเขามาตั้งแต่เล็กและเลี้ยงเขามาตลอดไม่ได้ไปอยู่กับครอบครัวใหม่เขาคงคิดว่าเป็นคำพูดแสดงความห่วงใยอย่างไม่ต้องสงสัย แต่สถานการณ์แบบนี้ทำให้เขามองว่าคำพูดนั้นเจตนาจะเหยียดหยามผู้หญิงที่ถูกเขาจับมือไว้แน่นเพื่อให้ปรามไม่ให้ออกฤทธิ์มากกว่า
เขาปรายตามองดูเธอ สีหน้าท่าทางเธอเหมือนจะเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย ! ยิ่งหลังจากจบประโยคของมารดาเขา และคงจะรวมกับประโยคของเขาด้วยแหละ แวบหนึ่งชายหนุ่มรู้สึกผิดเล็กๆ กับคำพูดซึ่งพูดออกมาเพราะอารมณ์ชั่ววูบ
การได้รู้ว่าเธอคือพัทธมน หรือ ผึ้ง คนเดียวกับผู้หญิงในจดหมายฉบับนั้น แม้ว่าเขาจะไม่เคยรู้จักกับพัทธมน เอื้ออรุณ มาก่อน แต่การที่เธอเกี่ยวข้องกับคนเขียนจดหมายซึ่งเขาได้รับมา และยังสวยคมบาดใจเขานัก แถมคนที่เขียนจดหมายเป็นเพื่อนของพ่อเขาอีก จึงผุดความรู้สึกหนึ่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน มันเป็นรู้สึกผูกพันที่เขายกขึ้นมาเอง
คงเป็นความห่ามของเขาด้วยกระมัง บวกกับความปากไว ที่ผลักดันให้พูดปกป้องเธอ แม้จะเป็นการปกป้องที่อาจทำให้คนใกล้ตัวมองเธอผิดไปจากเดิม
แต่ให้เธอมีข่าวเสื่อมเสียกับชายโสดอย่างเขาดีกว่าเป็นข่าวกับคนมีพันธะแล้วไม่ดีกว่าหรือ?
เรื่องนั้นไม่สำคัญและเป็นประเด็นหลักของเรื่องที่กำลังพูดกันอยู่ไม่ใช่หรือครับ ประเด็นสำคัญคือทุกคนหาว่า ผึ้ง หายไปกับสามีของคนอื่นและยังแอบเข้ามาขโมยภาพในร้านนี้ ซึ่งผมก็ได้แสดงความบริสุทธิ์ของเธอแล้วด้วยเหตุผลที่เพิ่งบอกไป พันตะวันเอ่ยเสียงหนักแน่นยืนยัน เมื่อได้เล่นแล้วก็ต้องเล่นให้จบฉาก
ผมไม่รู้นะว่าผึ้งไปกับใครหรือเปล่า แต่เมื่อคืนนี้ผมไม่ได้ไปกับผึ้ง
ก้องกานต์เอ่ยขึ้นบ้างเป็นการย้ำให้เห็นว่าสิ่งที่ภรรยาพูดไม่เป็นความจริง หากสายตาที่จับยังพันตะวันมีความไม่พอใจแทรกซึมอยู่ พอเลื่อนสายตาไปยังพัทธมนมันก็เปลี่ยนไปเป็นความผิดหวังเต็มไปด้วยคำถาม ก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
แต่พี่ก้องก็เคยไปมีอะไรกับมันใช่ไหม ทั้งที่นังคนนี้มันไปมีอะไรกับพี่โต หรืออาจจะกับผู้ชายอีกหลายคน สกปรก เสื่อมที่สุด
ผรุสวาจาจากวิมลินในตอนท้ายเหมือนมีดแหลมแทงที่พัทธมนเต็มแรง เธอนึกเกลียดผู้หญิงสวยแต่ไร้เหตุผลกล่าวหาคนอื่นโดยไม่มีมูลคนนี้ที่สุด พร้อมกันนั้นก็โกรธผู้ชายตัวสูงที่เป็นต้นเหตุให้เธอถูกด่าจึงสะบัดมือออกจากมือเขาโดยแรง โต้กลับภรรยาของหุ้นส่วนของร้านแกลอรี่เสียงเข้มจากแรงอารมณ์ที่ร้อนระอุ
ถ้ากล่าวหาฉันอีกล่ะก็ รับรองได้เลยว่าฉันพร้อมจะเสียเงินฐานทำร้ายร่างกายคุณ
ไม่ต้องมาขู่หรอกนังผึ้ง คิดเหรอว่าฉันจะกลัว ฉันก็มีเงินจ่ายฐานทำร้ายร่างกายเหมือนกัน และฉันไม่สนหรอกว่าแกจะเป็นแฟนหรือเป็นอะไรกับพี่โตเพราะบางทีผู้หญิงก็มั่วไปทั่วได้ เพราะฉะนั้นแกจะต้องถอนหุ้นออกไปจากร้านนี้ ไปให้พ้นจากชีวิตพี่ก้อง
ฉันถอนแน่ พัทธมนสวนกลับอย่างไม่รอคิด
หญิงสาวเบนหน้าไปสบตาคมกริบของพันตะวันอย่างฝากไว้ก่อน ตาวาวเมื่อรู้สึกเหมือนเขากำลังดูมหรสพสักเรื่อง แล้วหันไปสบตาก้องกานต์ที่มีสีหน้าอึดอัด พี่ก้องคะ เพื่อตัดปัญหาทั้งหมดผึ้งขอถอนหุ้นค่ะ
ก้องกานต์เม้มปาก อึดอัดแต่พูดอะไรไม่ออก หากรั้งเธอไว้ตอนนี้รังแต่จะจุดประกายไฟให้ภรรยาสาว
แต่วิมลินยังไม่ยอมแค่นั้น แล้วเรื่องภาพที่หายไปล่ะ จะรับผิดชอบยังไง รู้ไหมว่าภาพนั้น ราคามันไม่ใช่น้อยๆ
ฉันไม่ได้ขโมยไปทำไมฉันต้องรับผิดชอบ พัทธมนโต้กลับอย่างฉุนเฉียว
แต่คนที่น่าสงสัยที่สุดคือเธอเพราะเด็กมือใหม่ในการวาดภาพอย่างเธอน่ะหลงใหลคลั่งไคล้ศิลปินดังๆ แถมฐานะทางบ้านย่ำแย่กว่าคนอื่น มีหรือจะไม่อยากได้ภาพราคาแพงๆ เป็นของตัวเอง งูพิษชัดๆ
ถึงฉันจะจนแต่ฉันก็มีศีลธรรม มีมือมีเท้าทำมาหากินเองโดยไม่ต้องไปลักขโมยของใครแม้จะชื่นชอบผลงานนั้นมากก็เถอะ พอๆ กับที่มีไม่คิดจะแย่งผู้ชายของคนอื่น
ใครจะไปรู้ล่ะ ขนาดแม่ของเธอยังชอบแย่งผัวชาวบ้านเพื่อเงินเลย
เพียะ !
อย่าลามปามถึงแม่ฉัน พัทธมนบอกเสียงต่ำ ยามนี้ข้างในเหมือนมีกองไฟนับร้อยกองสุมอยู่
เธอไม่มีโอกาสได้เห็นว่าชายหนุ่มที่ยืนดูอยู่ยืดตัวตรง สีหน้าชักเคร่งขรึมขึ้นกว่าเดิม
นังผึ้ง นังหน้าด้าน แก! สุดที่ใครจะคาดคิด วิมลินเอามือล้วงกระเป๋าแล้วดึงเอาคัทเตอร์ออกมาตวัดข้อมือมุ่งหมายเป้าคือใบหน้าสวยๆ ของคู่กรณี แต่ด้วยสัญชาตญาณทำให้พัทธมนยกมือขึ้นป้องปัดไว้ คัทเตอร์คมกริบจึงกรีดลงบนเนื้ออ่อนตรงท่อนแขน
โอ๊ย !
เสียงใครต่อใครร้องอุทานกันให้ลั่นด้วยความคาดไม่ถึงจนวุ่นวายไปหมด พันตะวันก็ไม่คาดคิดว่าวิมลินจะบ้าบิ่นขนาดนี้ เขาปราดเข้าไปรั้งเอวพัทธมนถอยออกมา
น้ำปิงเป็นอีกคนที่ได้สติเร็วไม่น้อยกว่าพันตะวัน หนุ่มผมยาวรีบกรากเข้าไปกระชากข้อมือของวิมลินที่กำลังคลั่งห่างออกมาจากพัทธมน แต่ดูเหมือนว่าวิมลินจะบ้าเลือดไปเสียแล้ว เธอตวัดข้อมือไปมาพร้อมกับดิ้นรนออกจากการล็อคตัวของน้ำปิง ก้องกานต์รีบเข้าไปช่วยอีกแรง
กิรณาหน้าซีดเผือดทำอะไรไม่ถูก เข่าแทบทรุดเมื่อเห็นเลือดจากข้อมือของพัทธมน ก่อนจะหันไปบอกพนักงานของร้านให้หาผ้ามาเสียงลั่น
พันตะวันฉวยจังหวะนั้นรั้งร่างเพรียวของหญิงสาวซึ่งอยู่ในอาการตกตะลึงออกจากร้านหายไปทางด้านหลัง กิรณาหันมาอีกทีก็เห็นหลังทั้งสองคนไวๆ สาวหน้าหมวยทำอะไรไม่ถูก พอจะก้าวเท้าตามไปก็ถูกน้ำปิงร้องสั่งมา
แก้ว โทรหาตำรวจเร็ว
กิรณาอ้าปากจะบอกเรื่องพัทธมน แต่พอเห็นน้ำปิงกำข้อมือวิมลินแน่น เพื่อให้ก้องกานต์แย่งเอาคัทเตอร์ออกเธอก็ทำหน้าหวาดเสียว ละล้าละลังตัดสินใจไม่ถูก ทันใดนั้นอรุณีซึ่งกรีดร้องดังกว่าเพื่อนก็ห้ามด้วยเสียงฉุนเฉียว
จะบ้าเหรอ โทรหาตำรวจทำไม
ไม่เห็นเหรอครับว่าลูกสาวคุณป้ากำลังบ้า เธอจะฆ่าเพื่อนผมนะ น้ำปิงโต้เสียงหอบ
วิมลินกระทืบเท้าพลางดิ้นเร่า ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า
หยุดบ้าได้แล้ววิม ก้องกานต์ตวาดภรรยา เขาแกะคัทเตอร์ออกจากมือของภรรยาสาวจนได้ คุณทำอะไรลงไปรู้ไหม
วิมจะทำให้หน้ามันหมดสวย พี่ก้องจะได้ไม่หลงมัน จะได้ไม่มีใครรักมัน ได้ยินไหม ได้ยินไหม
แค่นี้ยังไม่พอใจอีกเหรอ อยากเป็นฆาตกรหรือไง ถ้าไม่หยุด ฉันจะโทรเรียกตำรวจมาลากคอเธอเข้าคุกแล้วประจานทุกเครือข่ายเน็ตเวิร์คให้มันดังไปทั่วเลย เอาไหม กิรณาดูเหมือนจะตั้งสติได้มากขึ้นจากวาจาอาฆาตของวิมลิน
วิมลินหยุดชะงักทันที อรุณีฉวยโอกาสนั้นตรงเข้าไปแกะมือสีแทนของน้ำปิงออกแล้วผลักร่างสูงผอมเพรียวของจิตรกรหนุ่มผมยาวออกห่างแทรกตัวไปโอบไหล่บางของบุตรสาวอย่างปกป้อง
ใจเย็นๆ นะวิม อย่าใช้อารมณ์ ไม่อย่างนั้นจะเป็นข่าวใหญ่ เดี๋ยวพ่อจะพลอยเสียชื่อเสียงไปด้วย
อรุณีให้เหตุผลพร้อมยกหน้าตาและเกียรติของธานีผู้เป็นสามีที่มีตำแหน่งเป็นถึงข้าราชการระดับชำนาญการพิเศษในกรมหนึ่งขึ้นมาเพื่อลดดีกรีร้อนของบุตรสาวให้คลายลง วิมลินยังเดือดปุดๆ แต่เมื่ออรุณีลูบหลังลูบไหล่และรั้งจะพาออกจากห้องนั้นวิมลินก็จำใจยอม กระนั้นก็ยังไม่วายหันไปออกคำสั่งเสียงกร้าวกับสามี
กลับบ้านค่ะพี่ก้อง เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง
ก้องกานต์ถอนใจยาว แต่ก็ยอมเดินตามไปแต่โดยดี ทิ้งสายตาเหนื่อยล้าให้กิรณาแวบเดียวก่อนจะหันไปสบตากับน้ำปิงที่มีสีหน้ามึนตึง
พอคล้อยหลังก้องกานต์หนึ่งในหุ้นส่วนของร้าน รักภาพ แล้ว กิรณาก็เบิกตากว้างเมื่อนึกอะไรได้
เฮ้ย ยัยผึ้งถูกผู้ชายคนนั้นเอาตัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้
*******************
พัทธมนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะถูกทำร้ายด้วยฤทธิ์รักแรงหึง แต่วันนี้เธอเห็นแล้วว่ามันเกิดขึ้นกับเธอจริงๆ เพราะหลักฐานปรากฏชัดจากเลือดสีแดงสดที่ไหลตามแขนไปสู่ง่ามมือส่งกลิ่นคาวไปทั่วรถของลูกค้าหนุ่มซึ่งเป็นคนขับ
นี่ก็อีก... เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ จำได้แต่ว่าทำงานอยู่เชียงใหม่ อยู่ๆ ก็ยื่นมือมายุ่งเกี่ยวข้องเมื่อวิมลินใส่ร้ายเธอ เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อวิมลินทำร้ายเธอเขายังลากเอาเธอออกมาโดยฉวยโอกาสที่คนอื่นกำลังวุ่นวาย
หญิงสาวครางออกมา สีหน้าเหยเก มองคนขับสลับกับเหลือบแลท้องถนน เอ่ยถามเสียงเครือสั่นเพราะความปวดที่เริ่มกระหน่ำ
นี่คุณจะพาฉันไปไหน
โรงพยาบาล
พัทธมนหลุบตามองแผลของตัวเอง คำถามที่เปล่งออกมาไม่เกี่ยวกับแผลสักนิด คุณทำแบบนี้ทำไม
เจ็บมากไหม อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว เขาตอบไปอีกทาง
ฉันถามว่าคุณทำแบบนี้ทำไม หญิงสาวถามย้ำ จ้องเสี้ยวหน้าด้านข้างไม่วางตา อาการปวดตุบๆ ยังรุมเร้า
พันตะวันชำเลืองดูคนถามนิดหนึ่ง ผมช่วยคุณไง
ช่วย? ช่วยตรงไหนกัน
ก็ช่วยไม่ให้คนเข้าใจว่าคุณพาสามีชาวบ้านเขาไปกกกอดทั้งคืน และก็เป็นหัวขโมยไงครับคุณผึ้ง เขาเรียกเธอด้วยชื่อเล่นแถมยังลงท้ายอย่างสุภาพ แต่น้ำเสียงบวกกับรอยยิ้มที่พัทธมนเห็นจากด้านข้างต่างหากบอกเธอว่าเขาไม่ได้ยินดียินร้ายหรือสนใจกับผลของการกระทำของตัวเองเท่าใดนัก
แล้วจะมายุ่งกับเธอทำไม ในเมื่อเธอกับเขาก็เพิ่งเห็นหน้ากันเพียงครั้งแรก แถมยังเป็นเพียงลูกค้าเท่านั้น !
คุณบอกว่าช่วยฉัน ทั้งๆ ที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นน้องสาวคุณอย่างนั้นเหรอ คุณมีเจตนาอะไรกันแน่ บอกฉันมาตรงๆ ดีกว่า
นั่นเป็นน้องสาวคนละพ่อ และผมก็ไม่ได้สนิทกับพวกเขา เขาแก้
จะอะไรก็ช่างเถอะ แต่เธอก็เป็นน้องสาวคุณไม่ใช่เหรอ จะบอกให้นะ ฉันไม่ชอบคนนิสัยแย่ ไร้เหตุผลอย่างน้องสาวคุณ
ผมไม่รู้หรอกนะว่าสิ่งที่เขาพูดมาจริงหรือไม่จริง เพราะคุณคงรู้อยู่แก่ใจ แต่ที่ผมพาคุณมาเพราะมีบางอย่างที่อยากถามคุณ และบางทีเราอาจมีเรื่องให้พูดกันยาวก็ได้
คุย...คุยเรื่องอะไร พัทธมนถามพลางขมวดคิ้ว ก่อนจะทำหน้าเหยเก
ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่เลี้ยวหัวรถเข้าไปในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ตัดบทว่า ถึงโรงพยาบาลแล้ว ทำแผลเสร็จเราค่อยคุยกัน
พัทธมนถอนใจยาวหวังจะไล่ความมึนตื้อกับกรุ่นโกรธออกไป แต่มันก็ยังไม่หาย ช่างเถอะ! ตอนนี้ขอให้ได้ทำแผลก่อนเถอะ เธอคิด
หลังจากทำแผลแล้วพันตะวันก็จ่ายเงินให้เธอเสร็จสรรพ พัทธมนจะเอาเงินให้เขาแต่ชายหนุ่มไม่รับ หากแต่ดันไหล่เธอเพื่อจะพาไปที่รถโฟวีลสี่ประตูสมรรถดีเยี่ยมพร้อมกับบอกว่า
ไปคุยกันที่รถดีกว่า
คุณมีอะไรจะพูดตรงนี้ดีกว่า ฉันจะได้กลับบ้าน ส่วนคุณก็กลับไปเอารูปที่ร้านที่เลือกไว้เสีย
คุณจะไม่กลับไปด้วยกันเหรอ พันตะวันถาม
ฉันขอถอนหุ้นกับพี่ก้องไปแล้วทำไมต้องกลับไปอีก ถึงฉันจะไม่มีงานการเป็นหลักเป็นแหล่งมั่นคงนอกจากงานวาดรูปขาย แต่ฉันก็ไม่คิดจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ฉันไม่สบายใจหรอกนะรู้ไว้เสียด้วย อย่างดีถ้ากลับไปก็คงจะไปเอารูปที่ฉันวาดเท่านั้นเอง
หญิงสาวย้ำคำว่า ที่ฉันวาด เป็นการบอกว่าเธอไม่ต้องการเอารูปที่ไม่ใช่ของตัวเอง จากนั้นก็หมุนตัวจะเดินจากไปแต่พันตะวันคว้าข้อมือข้างที่ไม่เจ็บของเธอไว้
เดี๋ยวผมไปส่ง
พัทธมนตีหน้าเหม็นเบื่อ เบื่อมนุษย์อย่างวิมลิน รวมทั้งเบื่อตัวเองด้วย และก็กำลังจะเบื่อชายหนุ่มคนนี้ที่ดูจะรั้งเธอไว้โดยที่ยังไม่ชัดเจนในเหตุผลเสียจริง
ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้อง คุณนี่ยังไงนะ จะวุ่นวายกับฉันไปทำไม กลับไปเอาภาพที่ร้านดีกว่า เธอย้ำอีก
ช่างรูปภาพมันเถอะ ผมบอกว่าจะไปส่งก็ต้องไปส่งสิ คุณห้ามปฏิเสธ เพราะผมอยากทำในฐานะเพื่อนมนุษย์ คุณยังเจ็บอยู่ อีกอย่างไหนๆ เราก็มารู้จักกันแล้ว จะรู้จักกันให้มากกว่านี้ก็ไม่เห็นแปลก พูดจบก็จับมือเธอตรงไปยังรถเปิดประตูแล้วดันให้หญิงสาวเข้าไปนั่งปิดประตูเรียบร้อย จากนั้นเดินอ้อมไปสตาร์ตรถ
บอกทางผมมาสิ บอกให้ถึงบ้านเลยนะเพราะถ้าผมเห็นคุณลงไปเดินท่อมๆ อีกล่ะก็ผมก็จะขับตามจนเห็นคุณเข้าบ้านนั่นแหละ
มันเรื่องอะไรที่เขาต้องทำอย่างนั้น พัทธมนกระแทกลมหายใจ ก่อนจะบอกทางอย่างไม่เต็มใจนัก ก็ดีเหมือนกัน รถฟรีใครจะไม่ชอบ ถ้าเขาจะทำอะไรเธอก็คงไม่พามาทำแผลที่โรงพยาบาลหรอกกระมัง
พันตะวันเคลื่อนรถออกได้สักพักก็กล่าวทำลายความเงียบว่า เมื่อกี้คุณว่าตัวเองไม่มีงานเป็นหลักเป็นแหล่งมั่นคง แล้วไม่อยากจะมีงานการเป็นหลักแหล่งบ้างหรือ
พัทธมนทำเสียงฮึในลำคอก่อนจะหันไปมองคนขับเอ่ยเสียงเยาะ ทำไมคะคุณมีงานดีๆ มีเงินเดือนงามๆ ให้ฉันเหรอ
ถึงจะคิดว่าคนพูดๆ ไปอย่างนั้นเอง แต่แน่นอนว่ายามนี้ที่เจอปัญหาประดังประเดเข้ามา เธอย่อมให้ความสนใจอยู่บ้าง อย่างที่วิมลินว่านั่นแหละ เธอมีฐานะไม่ดียิ่งกว่าใครเพื่อน เรียนจบปริญญาตรีมาได้ก็บุญแล้ว
เขาหันมายิ้มขำนิดหนึ่ง ก็แล้วแต่ว่าคุณชอบงานแบบไหน ถ้าชอบงานสบายๆ อยู่ในห้องแอร์เย็นๆ ไม่ต้องตากแดด อยู่ในตัวเมือง และเงินเดือนหนึ่งหมื่นขึ้นล่ะก็ คุณก็คงไม่สนใจงานนี้หรอก แต่ถ้าคุณสามารถที่จะตากแดดตากลมบ้างเป็นบางวันหรือหลายวัน อยู่ในอำเภอที่ไม่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกไปกองรวมกันไว้ แถมเงินเดือนไม่กี่พันบาท แต่มีข้าวกินฟรี ที่อยู่ฟรี อากาศก็ดีล่ะก็ รับรองว่าคุณคงจะสนใจงานนี้แน่
หญิงสาวมีท่าทีสนใจทันที งานอะไรคะ
ลูกจ้างในหน่วยงานของรัฐบาล
ที่ไหน
ผมเคยบอกคุณไปแล้วตอนอยู่ในร้าน... หน่วยจัดการต้นน้ำขุนดง จังหวัดเชียงใหม่
พันตะวันเหลือบมาเห็นแววตาของหญิงสาวเป็นประกายแวบหนึ่งพอดี
เงินเดือนเท่าไหร่คะ นั่นไงล่ะ ไม่มีใครหรอกที่จะไม่สนใจเรื่องเงินเดือน
แปดพันบาท พอตอบไปแล้วทั้งรถก็ตกอยู่ในความเงียบ พันตะวันจึงบอกว่า
มันอาจจะดูน้อย แต่ถ้าเทียบกับเงินเดือนหมื่นกว่าบาทและอยู่ในกรุงเทพฯ ล่ะก็ คุณจะมีเงินเหลือเก็บมากกว่าอีก ที่สำคัญบรรยากาศที่หน่วยผมสวยมาก ช่วงปลายปีนางพญาเสือโคร่งจะออกดอกบานสะพรั่งซึ่งก็ใกล้แล้ว เหลืออีกไม่ถึงเดือน วิวสวยเหมาะสำหรับคนชอบวาดรูปนะจะบอกให้ เสาร์อาทิตย์หยุดงานก็ไปวาดรูปไว้ขายเป็นรายได้พิเศษอีกต่างหาก
แล้วเรื่องที่คุณว่าจะพูดกับฉันล่ะ พัทธมนไม่ได้ต่อในเรื่องที่กำลังพูดอยู่แต่ถามถึงอีกเรื่องที่ยังค้างคา
พันตะวันยักไหล่พร้อมกับขยับยกริมฝีปาก ก่อนจะร่ายยาว เรื่องนั้นน่ะเหรอ อืม... จะเริ่มยังไงดีล่ะ ผมก็เรียบเรียงไม่ค่อยถูกด้วยสิ แต่เอาแบบสั้นๆ คือ... พ่อผมเพิ่งเอาจดหมายที่มีคนๆ หนึ่งเขียนจดหมายถึงคุณเมื่อนานมาแล้ว เขาบอกประมาณว่าจะมอบภาพให้คุณ ซึ่งเสียใจด้วยที่ผมไม่รู้ว่าภาพนั้นอยู่ที่ไหน คนที่จะให้รายละเอียดกว่านี้คือพ่อผม
อะไรนะ?
ชายหนุ่มส่ายหน้าช้าๆ ผมบอกได้แค่นี้ แต่ถ้าคุณอยากรู้ละเอียดก็คงต้องไปกับผม เพราะจดหมายนั้นอยู่บ้านผมที่เพชรบูรณ์ ซึ่งผมก็จำเนื้อความไม่ได้ อธิบายลักษณะลายมือก็ไม่ถูกเสียด้วยว่าสวยหรือไก่เขี่ยขนาดไหน อ้อ...จำได้อีกอย่างหนึ่งคือคนนั้นเขียนขึ้นต้นว่า ผึ้ง ลูกรัก แล้วก็ลงชื่อว่า กิตติ เอื้ออรุณ
หญิงสาวเบิกตากว้าง สีหน้าบอกว่ายังจับต้นชนปลายไม่ถูกกับเรื่องที่ได้ยิน กิตติ เอื้ออรุณ
พันตะวันพยักหน้า ใช่ เขาเป็นพ่อคุณหรือเปล่า
ไม่ พัทธมนส่ายหน้า ปฏิเสธเสียงเบา แต่ตาเป็นประกายที่พันตะวันอ่านไม่ออก ดูคล้ายกับมีความยินดีและเศร้าสร้อย
อ้าว แต่คุณชื่อผึ้ง ชื่อจริงชื่อพัทธมน แถมยังนามสกุลเดียวกับคนเขียนจดหมายฉบับนั้น
คนนามสกุลซ้ำกันมีถมเถไปคุณไม่รู้หรือ เยอะแยะไปที่คนนามสกุลเหมือนกันแต่ไม่รู้จักกัน และคุณรู้ไหมว่านักวาดภาพสีน้ำมันที่มีชื่อเสียงไม่น้อยเขาชื่ออะไรนามสกุลอะไร พัทธมนหยุดนิดหนึ่งแล้วจึงพูดต่อ เขาชื่อกิตติ เอื้ออรุณ
พันตะวันขมวดคิ้ว นักวาดภาพสีน้ำมันชื่อกิตติ เอื้ออรุณ งั้นเหรอ งั้นเขาก็เป็นพ่อของคุณน่ะสิ พ่อคุณเป็นนักวาดภาพสีน้ำมันมีชื่อเสียง
แต่แม่ฉันบอกว่าเขาไม่ใช่พ่อ แต่เป็นคนที่นามสกุลซ้ำกันเฉยๆ และฉันก็ไม่เคยเห็นหน้าเขาด้วย ยิ่งชายหนุ่มพูดพัทธมนยิ่งสับสน
อ้าว มีอย่างนี้ด้วยเหรอ ชายหนุ่มอุทานอย่างแปลกใจ นึกอยากรู้ยิ่งขึ้นไปอีกว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่นอน
พัทธมนขบริมฝีปาก ท่าทางครุ่นคิดรู้สึกมึนไม่น้อยไปกว่ากัน เมื่อครั้งยังเด็กเธอเคยถามแม่ว่าพ่อเป็นใคร เพราะที่บ้านไม่มีรูปพ่อ ไม่เคยแม้แต่จะพูดถึง แต่คำตอบที่ได้รับคือ แกมันลูกไม่มีพ่อ ไม่ต้องถามหาเลย
และเมื่อโตขึ้นพอที่จะได้รู้จักชื่อและนามสกุลของนักวาดภาพสีน้ำมันที่เสียชีวิตไปแล้ว เธอก็ถามมารดาอีกครั้ง แต่คำตอบก็คือ
เขาไม่ใช่พ่อแก แค่คนนามสกุลเหมือนกันเฉยๆ จะอยากรู้ไปทำไมกันนะในเมื่อฉันมีปัญญาเลี้ยงแกโตมาได้จนขนาดนี้
คำตอบนั้นทำให้เลิกสนใจในความเกี่ยวข้องเรื่องนามสกุล แต่การชอบวาดรูปบวกกับเหตุผลยามรู้ว่าตัวเองมีนามสกุลเดียวกับนักวาดภาพสีน้ำมันผลักดันให้อยากเรียนทางด้านศิลปกรรม เธอก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ชื่นใจทั้งที่เขาคนนั้นไม่ได้รู้จักเธอเลยแม้แต่น้อย
ฉันอยากเห็นจดหมาย และก็...อยากเจอคุณพ่อคุณด้วย ท่านน่าจะให้รายละเอียดเธอมากกว่าคนที่นำข่าวมาบอก
ตามผมไปเอาที่เพชรบูรณ์สิ พันตะวันบอกง่ายๆ เกิดความยินดีอย่างประหลาดที่อีกฝ่ายให้ความสนใจ
หรือไม่ก็ไปทำงานกับผม เราจะได้ตามสืบเรื่องนี้กันว่าภาพนั้นอยู่กับใคร ที่ไหน เขาไม่อยากบอกว่าพ่อเขาเป็นนักดื่มตัวยง ขืนบอกไปเดี๋ยวเธอจะถอยห่าง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากให้แม่สาวคนตรงหน้าเดินมาหาเขา ด้วยเหตุผลที่เขานำมาบอกเธอ
จอดตรงหน้านี่แหละค่ะ
เมื่อพันตะวันจอดรถหน้าทาวเฮาส์แห่งหนึ่ง พัทธมนก็หันมาถามเสียงเรียบ
ฉันขอนามบัตรคุณได้ไหมคะ
อีกฝ่ายยิ้มไม่รีรอเลยที่จะรีบล้วงเอากระเป๋าเงินออกมาแล้วหยิบนามบัตรส่งให้หญิงสาวอย่างกระตือรือร้น
เรียกผมว่าโตก็ได้ เขาเอ่ยลอยๆ เมื่อเห็นเธอก้มอ่านนามบัตร
บางทีฉันอาจจะติดต่อคุณกลับไปค่ะ ฉันขอตัวเข้าบ้านก่อนนะคะ
ผมจะรอคุณติดต่อกลับ เบอร์โทรผมตามนั้น
พัทธมนไม่ตอบรับเธอก้าวลงจากรถ พันตะวันเคาะนิ้วกับพวงมาลัยอยู่เกือบนาที รอดูจนเห็นว่าร่างเพรียวเปิดประตูเดินเข้าไปข้างในจึงได้ออกรถ
หญิงสาวไม่ได้รู้ตัวเลยว่าปากกาที่เสียบไว้กับกระเป๋ากางเกงยีนด้านหลังเลื่อนหลุดลงเบาะรถ มันไม่ใช่ปากการาคาแพงถึงขนาดที่เจ้าของรถจะนำกลับมาคืน...
****************** ตอบเมนต์ค่า คุณห้าสิบป่าย ส่งบทที่ 2 มาแล้วนะคะ คุณPsycho man อย่าว่าแต่ผู้หญิงสมัยนี้เลยนะคะที่น่ากลัว ผู้ชายก็น่ากลัวเหมือนกัน 555 คุณน้ำพรมหนำ คนเขียนก็คิดถึงหัวหน้าสนเหมือนกันค่ะ รายนั้นเขาเรียบเรื่อย ส่วนนายโตต้องรอลุ้นกันต่อไปค่ะ ^ ^
ขอบคุณกิฟจากคุณห้าสิบป่าย คุณidakok คุณGTW และพี่ษาค่ะ ระยะนี้เป็นช่วงเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนเขียน อาจมาอัพห่างๆ หน่อยนะคะ
จากคุณ |
:
สายธาร/กนกนารี
|
เขียนเมื่อ |
:
21 มี.ค. 55 06:13:52
|
|
|
|