3/2
ฝูงแกะและแพะยืนเล็มหญ้าบนทุ่งกว้างไกลสุดสายตา ดั่งภาพสะท้อนของปุยเมฆสีขาวเป็นกลุ่มๆ บนฟ้ากว้างเบื้องบน ไร้รั้วรอบขอบชิด นอกจากจะมีผู้เฝ้าเหล่าสัตว์เลี้ยงของตนไม่ให้แตกฝูงไปไกล
ชายชาวทิชกูผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่นี้ พวกเขานั่งอยู่บนหลังม้า สายตายาวจากการเติบโตขึ้นมาท่ามกลางสถานที่โล่งกว้างคอยสอดส่องป้องกันสัตว์เลี้ยงมิให้หลงฝูง และวันนี้ก็ถึงคราวคาชาลรับหน้าที่พร้อมกับชายชาวทิชกูอีกสองคน
ร่างสูงของเขาสง่าผึ่งผายบนหลังอาชาตัวโต ทุกจังหวะเหยาะย่างระหว่างพาหนะและคนสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียว ดวงตาคมกล้าราวตาเหยี่ยวมองกราดทั่วปุยนุ่นสีขาวนั้น กระทั่งแลเลยเห็นใครบางคนในชุดสตรีชาวทิชกูกำลังมุ่งหน้าไปทางลำธารลำพัง
เขาจดจำร่างระหงได้ติดตา รูปร่างสะโอดสะองและเพรียวลมต่างจากหญิงที่นี่ จะเป็นใครไปได้นอกจากนักท่องเที่ยวสาวที่เคยต่อว่าเขาถึงสองครั้งสองครา หากบางทีก็ดูเปิดเผยจริงใจเช่นท่าทางสำนึกผิดที่ขอเขาเต้นรำเมื่อคืน
คาชาลควบม้าติดตาม เขาให้เหตุผลกับตัวเองว่าเธอเดินไปอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้เหมือนแกะหลงฝูงของเขา เป็นหน้าที่ที่เขาต้องสอดส่องดูแลให้เจ้าหล่อนปลอดภัย หาใช่ต้องการตามง้องอนเลย
เออนะ คำของยายเมื่อเช้าบ่งบอกว่าขณะที่พิษไข้กำลังรุมเร้า ท่านยังพอมีสติรับรู้เหตุการณ์ดี ท่านตำหนิที่เขาใช้กำลังฉกชิงสิ่งของจากฝ่ายหญิงอันถือเป็นการกระทำหยาบคายที่สุด ทั้งยาที่เธอให้ยังส่งผลให้อาการทุเลา
ชายหนุ่มนึกละอายใจเช่นกัน เขา...ผู้ซึ่งยึดถือแบบแผนอันดีของบรรพบุรุษในการให้เกียรติสตรี กลับกระทำสิ่งไม่สมควรเพียงเพราะความหวาดระแวงในตัวเธอคนนั้น คนที่คอยทำให้หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะร่ำไป
เขากระโดดลงจากหลังม้าพลางจับจูงมันเดินไปหาหญิงสาว ลลิลดาหันมองตามเสียงฝีเท้าสวบสาบ แล้วคิ้วเรียวก็ขมวดมุ่นอย่างไม่พอใจ
คราวนี้อะไรอีกล่ะ คิดว่าฉันเป็น สปาย หรือไง ว่าพลางแกว่งกล้องดิจิตอลไปมา ครั้นเห็นสีหน้ายุ่งยากใจของอีกฝ่ายจึงตีความต่อไป อ้อ ลืมไปว่าชายหญิงไม่ควรพูดจากันตอนกลางวัน จริงไหม ถ้าอย่างนั้นเธอคงห้ามฉันไม่ได้หรอกนะ
ลลิลดาไหวไหล่ก่อนออกเดินต่อไป หากอีกฝ่ายยังคงก้าวตามไม่ลดละ นักท่องเที่ยวสาวกำมืออย่างเหลืออด เธอตัดสินใจหันกลับไปเผชิญหน้าอีกครั้ง แต่ปะทะเข้ากับอกกว้างพอดี
อุ๊ย
คาชาลรับร่างเซถลาไปข้างหลังไว้ได้ทัน ปลายจมูกของเขาจรดหน้าผากมนพอดิบพอดี กลิ่นหอมอ่อนๆ ยังคงติดกายเจ้าหล่อนแม้จะปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตตามชาวทิชกูที่ไม่นิยมอาบน้ำนานวัน แล้วก็ให้ปรารถนาจะสูดกลิ่นหอมจากเครื่องประทินโฉมของชาวตะวันตกซ้ำอีก จนลืมความเหมาะสมว่าตนควรปล่อยมือจากเธอ
ลมหายใจผะผ่าวของเขาประชิดวงหน้า ความอบอุ่นจากร่างสูงราวกับปราการป้องกันสายลมแรงเสียดแทงผิวกาย หญิงสาวรู้สึกร้อนไปทั้งหน้า หัวใจสูบฉีดโลหิตแรง
ปล่อยนะ เสียงแหวไม่มั่นคงนัก หากก็เตือนสติอีกฝ่ายให้รู้ตัว
คาชาลปล่อยมืออย่างแสนเสียดาย พร้อมกับนึกตำหนิในการกระทำของตัวเอง ไม่รู้ทำไมกับผู้หญิงคนนี้เขาถึงได้ลืมตัวบ่อยนัก
ลมเย็นเคลื่อนมาแทนที่สัมผัสอบอุ่นนั้นพาให้สะบัดร้อนสะบัดหนาว ร่างระหงห่อไหล่เข้าหากันทันทีที่เขาปล่อยมือ
ผมขอโทษ เสียงทุ้มต่ำของเขาแผ่วเบาราวกับกลัวจะล่วงรู้ถึงฟ้าดิน
ลลิลดาสบตาคนตรงหน้าอย่างฉงน ใครเลยจะคาดคิดว่าผู้ซึ่งยึดมั่นในจารีตประเพณีซึ่งมีมาช้านานจะกล้าฝ่าฝืนกฎเกณฑ์พูดกับเธอ
ผมขอโทษที่เคยหยาบคายกับคุณ ผมไม่อยากให้คุณเอาผมมาตัดสินชาวทิชกูทุกคนว่าไม่ดี
ความหมายของเขายังกินความไปถึงเหตุการณ์วันแรกที่เจอเธอ ที่เธอผรุสวาทเมื่อเขาเหยียบผ้าพันคอของเธอโดยไม่ตั้งใจ หากหญิงสาวไม่เข้าใจปานนั้น รู้เพียงบทจะพูดเขาก็พูดได้ยืดยาว รื่นหูดีทีเดียว
ฉันมีวิจารณญาณหรอก ไม่มีทางนำเธอไปเทียบกับผู้ใหญ่ใจดีอย่างอัมมาหรือคนน่ารักๆ อย่างติลมาแน่
คาชาลเสหลบตา ใบหน้าขาวไร้ไรหนวดเคราซับสีเรื่อน้อยๆ จนคนอำหลุดหัวเราะกิ๊ก
ฉันล้อเล่นจ้ะ เมื่อเธอขอโทษฉันก็ยินดีให้อภัย เธออุตส่าห์มาพูดกับฉันกลางวันแสกๆ อย่างนี้นี่นะ
เออนะ เขาลืมระเบียบแบบแผนของชาวทิชกูเสียสนิท เพียงเห็นท่าทีหมางเมินของเธอก็พลอยร้อนรนจนต้องทำความเข้าใจให้รู้เรื่อง ชายหนุ่มวางหน้าไม่ถูกเมื่อเป็นฝ่ายกลืนน้ำลายตัวเอง
เถอะ ยายเคยบอกเองว่าการให้ความช่วยเหลือผู้อื่นสำคัญเหนือสิ่งใด แล้วเขาจะปล่อยให้เธอเดินดุ่ยไปไหนลำพังได้อย่างไร เธอเป็นนักท่องเที่ยว แต่เดิมชาวทิชกูขึ้นชื่อด้านการมีมิตรจิตมิตรใจต่อผู้มาแลกเปลี่ยนสินค้าอยู่แล้ว และหน้าที่ของพวกเขาตอนนี้คือสร้างความประทับใจให้เธอ
คุณจะไปไหน
ลลิลดาผินมองคนที่เดินมาขนาบข้าง มือหนึ่งของเขาจูงม้าตามมา
ฉันได้ยินว่ามีลำธารใสสะอาดแถวนี้เลยว่าจะไปถ่ายรูปน่ะ
ทำไมติลมาไม่มากับคุณ
ฉันบอกให้เขาดูแลอัมมาเอง ฉันออกไปคุยกับ เม็งโพ แล้วฝากยาไว้กับแกให้ทุกคนที่นี่ เลยได้รู้ว่าแถวนี้มีลำธาร
เม็งโพ หรือ หมอ ในภาษาทิชก้าคือสตรีวัยกลางคนท่าทางเหมือนแม่มดหมอผี หากมีจิตใจดีและมีความสามารถในการคิดค้นสมุนไพรรักษาโรค แกเล่าถึงน้ำศักดิ์สิทธิ์ในลำธารจนลลิลดานึกอยากเห็นกับตา
ขึ้นม้าสิ คาชาลเสนอแนะ ก่อนเก้อไปเมื่ออีกฝ่ายจ้องตอบอย่างแปลกใจ คุณขี่ม้าเป็นหรือเปล่า เอ้อ มันไกลจากนี่พอสมควร
ลลิลดานิ่งไปนิดหนึ่ง ความคิดซุกซนของเธอไพล่ไปคิดว่าเขากำลังล่อลวงตนไปแก้แค้นหรือเปล่า ก่อนจะโคลงศีรษะกับจินตนาการไม่เข้าท่าของตนประสาคนมองโลกในแง่ดี
เธอปีนขึ้นหลังม้าอย่างคล่องแคล่วพลางหลิ่วตาอวดความสามารถกับชายหนุ่ม หากเจ้าอาชาพ่วงพีสีน้ำตาลดูจะรู้ใจเจ้านายของมันดี มันสะบัดคอแรงจนคนนั่งไม่ดีเกือบหงายผึ่ง โชคดีที่เจ้าหล่อนยึดสายบังเหียนไว้ได้ทัน เรียกเสียงหัวเราะกังวานจากผู้ซึ่งสงบปากสงบคำมาตลอด
หญิงสาวค้อนเคือง แต่แล้วก็อดหัวเราะตามไม่ได้ อารมณ์ของเธอแจ่มใสพอกับท้องฟ้าที่นี่เลยทีเดียว
..................
ตรองให้ดีเถิด คาชาล สักวันพวกเราอาจดับสูญไปจากผืนแผ่นดินนี้ แต่ถ้าเรายังอยู่ในใจคนคนหนึ่ง ก็นับว่าคุ้มที่เกิดมา
ถ้อยความของยายกินใจความลึกซึ้ง บ่งบอกว่าท่านรับรู้ความเป็นไปภายใต้การปกครองของรัฐบาลนายพลวายู้คดี พวกเขากำลังถูกบีบให้มีชีวิตตามกระแสโลก ทำงานให้หนักเพื่อความเจริญของบ้านเมือง
ชาวทิชกูผู้รักสงบ เลี้ยงชีวิตด้วยปศุสัตว์เล็กๆ ถูกบีบบังคับทั้งทางตรงและทางอ้อมมานานปี กระทั่งเกิดการรวมตัวลับๆ ระหว่างชาวทิชกูดั้งเดิมที่ย้ายไปทำงานในเมืองหลวง กับชาวทิชกูบางส่วนที่เล็ดลอดอยู่ตามพรมแดนระหว่างประเทศ
หนึ่งในนั้น คือ...พี่ชายของเขาซึ่งไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร
ดวงตาคมกล้าทอดมองร่างระหงใช้มือวักน้ำขึ้นมา เธอดมและดื่มอย่างไม่รังเกียจ ก่อนหันมาเบ่งกล้ามอวดเขา
ความสดใสของเธอเปรียบดังลำธารใสเย็นแห่งนี้ พลอยขับความกลัดกลุ้มดั่งพิษร้ายออกจากจิตใจผู้เฝ้ามอง
คำพูดของยายก้องในโสตประสาท หากเขาสามารถอยู่ในใจคนคนหนึ่งได้ ก็นับว่าคุ้มที่เกิดมา
ลำธารนี้ไหลมาจากไหนหรือจ๊ะ คาชาล เธอถามพลางกดชัตเตอร์ ไม่รู้เลยว่าเสียงหวานยามเอ่ยชื่อฝ่ายตรงข้ามทำให้คนฟังอิ่มเอมเพียงไหน
มีตาน้ำผุดห่างจากตรงนี้ไปทางทิศตะวันออกหลายไมล์ครับ แต่ชาวทิชกูรุ่นหลังไม่มีโอกาสได้เห็นอีกแล้ว เพราะพวกเขาไม่เคยท่องไปตามที่ต่างๆ เหมือนบรรพบุรุษ
แล้วเธอล่ะ เคยเห็นไหม ลลิลดาชวนคุย
เธอชอบภาษาอังกฤษของเขา แม้รูปประโยคไม่ถูกต้อง แต่การหยุดคิดก่อนพูดและความพยายามสื่อสารนั้นน่าชื่นชม
ไม่ครับ อัมมาเล่าว่าผมเกิดตอนพวกเราพักกันที่นั่น น้ำจากตาน้ำอุ่นกว่าอุณหภูมิปกติ อัมมาเคยใช้น้ำเช็ดตัวให้ผม แต่หลังจากนั้นเราก็ท่องไป ไม่ได้กลับไปที่นั่นอีกเลย กระทั่งถูกตีกรอบให้อยู่แบบนี้
เธอไม่ชอบหรือจ๊ะ คนฟังจับน้ำเสียงขมได้
ผมอยากให้คุณได้ท่องไปกับเรา ขี่ม้ารอนแรมไปบนทุ่งกว้าง บ้างก็กางกระโจมอยู่อาศัยกันแต่ละครอบครัว มันอิสระ ได้พบสถานที่และผู้คนใหม่ๆ แลกเปลี่ยนสินค้ากับผลผลิตของพวกเรา เขาเล่าด้วยความภาคภูมิ คุณเห็นข้าวของในบ้านผมไหม มันคือสิ่งที่สะสมมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ ชาวทิชกูรุ่นหลังไม่อาจหาเองได้ นอกจากรอรับของตกทอด หรือไม่ก็ของบริจาคสร้างภาพจากรัฐบาล
ผู้พูดค่อนข้างมีอคติกับรัฐบาลทีเดียว ลลิลดาสัมผัสได้ถึงความอึดอัดจากการถูกจำกัดสิทธิ์ของเขา แล้วก็คิดว่าตนคงได้นำเรื่องนี้ไปหารือกับพี่ชาย
ว่าแต่ทำไมตอนนี้เธอถึงพูดกับฉันได้ล่ะ มีข้อยกเว้นอะไรที่ฉันไม่รู้อีกหรือเปล่า หญิงสาวถามคำถามคาใจ
ท่าทางเอียงคอน่ารักนั้นส่งผลให้ก้อนเนื้อในอกของชายหนุ่มตีลังกา ใบหน้าคมสันซับสีเรื่อ
เปล่าครับ แต่คุณเป็นนักท่องเที่ยว...คงไม่เป็นไร
คุยกับเธอวันนี้ทำให้ฉันได้รู้อะไรเพิ่มอีกมากมายเทียว
คาชาลเผลอจ้องตอบรอยยิ้มหวานด้วยสายตาพร่าพราย เมื่ออีกฝ่ายเลิกคิ้ว เขาจึงกระแอมก่อนอธิบาย
การที่ชายหญิงชาวทิชกูไม่ได้รับอนุญาตให้พูดกันเวลากลางวัน เพราะบรรพชนเชื่อว่าความรู้สึกเหล่านั้นจะพาเราละเลยหน้าที่การงานของตน ความเสน่หาเป็นสิ่งที่ห้ามได้ยากยิ่ง มันคงจะดีกว่าหากเราเก็บไว้และรอจนกว่าจะถึงคืนก็องโกลัน...
เมื่อสุภาพสตรีขอชายใดเต้นรำแล้ว ก็เท่ากับเธอยินยอมให้เขาได้ร่วมกระโจม ร่วมชีวิตตลอดไป
ลลิลดาอยากหัวเราะขัน เธอกับเขากำลังทำผิดประเพณีอยู่นี่ไง หากประโยคสุดท้ายซึ่งราวกับเขาจงใจเอ่ยช้า...ชัดนั้น ค่อยๆ ซึมซับสู่กลางใจเธอ
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะจ๊ะว่าเขาจะยอมเต้นรำกับเรา ในเมื่อไม่ได้ตกลงกันไว้ก่อน หญิงสาวทำใจกล้าถามข้อสงสัย
แค่มองตาก็รู้ครับ เมื่อไม่ได้พูดกัน ความสุขของหนุ่มสาวคือการได้ลอบมองคนที่ตนรักบ้าง แล้วแปลคำพูดหลากหลายจากแววตานั้น มันเป็นสัญชาตญาณ...ของมนุษย์ทุกคน
ดวงตาคมกล้าไม่ยอมหลบตาเช่นทุกทีจนผู้มองสบเก้อไปเอง แก้มสาวร้อนซู่ เธอรู้สึกถึงอิทธิพลของบุรุษเพศคราวนี้เอง
ฉันว่าฉันพอเข้าใจแล้ว
ธรรมเนียมปฏิบัติของแต่ละชนทุกมุมโลกล้วนแตกต่างตามความเชื่อซึ่งสืบทอดต่อกันมา แต่ทุกประเพณีล้วนมีความดีเป็นที่ตั้ง แม้ในกลุ่มชนที่ถูกเหยียดว่าไม่มีศาสนาก็ตาม
หากหนุ่มสาวชาวทิชกูสามารถสื่อสารความนัยผ่านทางสายตา บัดนี้เธอเข้าใจแล้วว่าการสานสัมพันธ์หาใช่ทำได้เพียงการพูดจากันเสมอไป
..................
คาชาลจูงม้ามาหยุดยังบริเวณที่เขาขี่ม้าตามหญิงสาวมา ลลิลดานึกรู้ถึงความลำบากใจของเขา หากชาวทิชกูคนอื่นทราบว่าเขาหายไปลำพังกับตน เธอกระโดดลงจากหลังม้าโดยไม่รอให้เขาเอ่ยวาจา
ขอบใจนะจ๊ะ วันนี้ฉันได้รูปสวยๆ เต็มเลย
ถ้าคุณชอบถ่ายรูป ผมจะพาไปดูสถานที่สวยๆ อีก เขาเสนอด้วยความภูมิใจในถิ่นฐาน
จริงเหรอ ฉันคงเขียนหนังสือได้สักเล่มแน่ หลังจากได้ข้อมูลมากมายจากเธอ
ถ้าคุณเขียน ผมขอให้คุณเขียนด้วยข้อมูลจากเราเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องลวงโลกที่สร้างขึ้นมาให้พวกเราเป็นมนุษย์โบราณสายพันธุ์ประหลาดอย่างที่เขาพูดกัน
ฉันรู้ คาชาล ขอให้เชื่อในสติปัญญาฉันเถอะว่าฉันแยกแยะถูกผิดได้ และฉันก็จะไม่เขียนอะไรทั้งนั้น นอกจากรับรู้และจดจำด้วยสมองของฉันตลอดไป
ชายหนุ่มประหวัดไปนึกถึงคำสอนของยาย เขาอยากมีค่าพอให้เธอจดจำในฐานะมิตรคนหนึ่ง ไม่ใช่เป็นเพียงบุคคลอันน่าลบเลือนจากความทรงจำ
ความปรารถนาแรงกล้านั้นเคียงคู่มากับความต้องการหลุดพ้นจากการถูกกดขี่ มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่เขาเพิ่งเคยสัมผัส ความต้องการเอาชนะ เป็นหนึ่งเดียวในใจใครสักคน
ตั้งแต่เติบโตเข้าสู่วัยรุ่นหนุ่ม ชีวิตของเขาหมกมุ่นอยู่กับการพยายามเดินตามรอยเท้าพี่ อุปนิสัยเอาจริงเอาจังกับงานและความห่วงพะวงถึงยายและน้องสาว ทำให้เขามองเมินการใช้ชีวิตร่วมกับสตรีสักคน
แต่ทำไมกับหญิงสาวต่างชาติคนนี้ถึงมีบางสิ่งพิเศษดึงดูดเขาเข้าไป มันเริ่มจากอคติ ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นความสนใจในความกล้าหาญ ดื้อรั้นของเธอ จากที่เฝ้าจับตาด้วยความหวาดระแวงกลับกลายเป็นคอยมองตามเธอด้วยความห่วงใย เมื่อไรที่ได้ชิดใกล้ เขาก็หวังทำตัวให้เธอประทับใจ เพื่อเธอจะแบ่งรอยยิ้มและคำชมมาให้เขาบ้าง อย่างที่มีให้ยายและน้องของเขาเป็นประจำ
การปฏิเสธความรักนับเป็นบาปของบุตรพระอาทิตย์ หรือเขา...เจ้าของนามอันมีความหมายว่า พระอาทิตย์ จะต้องคำสาปเช่นเดียวกับบรรพบุรุษ
เทพพระอาทิตย์และเทพีจันทราไม่อาจเวียนมาบรรจบกันตลอดกาล
จากคุณ |
:
ภาพิมล (thezircon)
|
เขียนเมื่อ |
:
24 มี.ค. 55 10:59:30
|
|
|
|