(ต่อ)
“เด็กพวกนี้ไม่ไหวเลยนะครับน้องพิม” รุจิโรจน์พูดอย่างระอากับเจ้าของร้านสาว หลังจากต้องเป็นคนจัดโต๊ะและเก้าอี้ใหม่เกือบทั้งร้าน
“มีอะไรหรือคะ” หญิงสาวถามอย่างประหลาดใจ ถ้วยคำการพูดจาของเขากับเด็กเสิร์ฟนั้นเธอไม่รู้ เห็นแต่ท่าทางว่าเขากำลังพูดและเป็นคนลงมือจัดการเอง ตอนแรกคิดว่าเพราะเขาต้องการช่วยเองเสียอีก
“ไม่มีความเป็นระเบียบ ไม่เรียบร้อย มัวแต่เล่นสนุก ให้ทำอะไรก็ยืนเฉย แบบนี้ต้องเรียกมาอบรมกันใหม่แล้วนะครับ”
“พวกเขาก็ทำงานกันดีแล้วนี่คะ” หญิงสาวแย้ง “อีกอย่างที่นี่เราก็อยู่กันแบบสบายๆ ค่ะ และตอนนี้ร้านก็ยังไม่เปิดด้วย พวกเขาอาจมีเล่นกันบ้าง แต่ถ้าเป็นเวลางานพวกเขาจะตั้งใจมากนะคะ” พูดสนับสนุนตบท้ายด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ได้หรอกครับน้องพิม แบบนี้จะเสียการปกครอง ในเมื่อเขามาทำงานแล้ว ถึงจะยังไม่เปิดร้าน เขาก็ต้องตั้งใจทำงานให้เต็มที่”
“แล้วพิมจะบอกเขานะคะ” หญิงสาวรับปากก่อนเปลี่ยนเรื่องถามเอาใจ “พี่โรจน์เหนื่อยหรือเปล่าคะ ทานอะไรมาหรือยัง”
“แค่นี้ไม่เหนื่อยหรอกครับ” เขายิ้มรับ “แต่ตอนนี้รู้สึกหิวๆ อยู่เหมือนกัน เมื่อเช้าดื่มแค่กาแฟมาเท่านั้น น้องพิมจะทำอะไรให้พี่ทานครับ”
“ข้าวต้มหมูสับค่ะ” เจ้าของร้านคนสวยบอกพลางยกถาดข้าวต้มร้อนๆ ส่งควันและกลิ่นหอมยั่วน้ำลายไปยังโต๊ะใกล้ๆ รุจิโรจน์มองตามด้วยรอยยิ้มก่อนนั่งร่วมโต๊ะกับเธอ
“น้องพิมต้องทำอะไรบ้างครับวันนี้” ชายหนุ่มถาม ระหว่างตักข้าวต้มแสนอร่อยเข้าปาก
“ช่วงเช้าวันธรรมดา ป้าจันกับป้าอุ่นจะสลับกันมาทำงานช่วยพิมในครัวค่ะ ส่วนวันเสาร์กับอาทิตย์พิมจะเป็นคนดูแลเองมีอ้อมหรือเมย์ผลัดกันเข้าไปช่วย แต่ส่วนใหญ่แล้ววันหยุดก็จะสบายๆ ค่ะ มีลูกค้าเข้ามาบ้าง แต่ก็ไม่เยอะค่ะ” หญิงสาวบอก
“แล้วคุณพัฒน์ล่ะครับ ตั้งแต่พี่เข้ามายังไม่เห็นเลย”
“พี่พัฒน์ไปธุระข้างนอกค่ะ อีกสักพักก็คงจะกลับมาแล้ว ปกติพี่พัฒน์จะไปตลาดสองช่วงคือประมาณแปดโมงกว่า กับอีกครั้งคือช่วยเย็นประมาณสี่โมงและก็เลยไปรับป้าอุ่นกับป้าจันด้วยค่ะ”
“แล้วน้องพิมล่ะครับ ปกติทำอะไรบ้าง”
“ส่วนใหญ่เวลาของพิมก็อยู่ในครัวค่ะ ตระเตรียมและจดรายการอาหารให้พี่พัฒน์ แต่ถ้าว่างก็จะดูบัญชีบ้าง แต่ก็ไม่ได้ลงลึกนะคะเพราะเรื่องนี้พี่พัฒน์เป็นคนดูค่ะ”
“แบบนี้ก็แสดงว่าน้องพิมต้องทำงานตลอดเวลาเลยน่ะสิครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ในขณะที่คนฟังยิ้มรับ
“ไม่ตลอดเวลาหรอกค่ะ อย่างช่วงเที่ยงก็เริ่มตั้งแต่สิบโมงถึงบ่ายสอง แต่ลูกค้าเข้าจริงๆ ก็สิบเอ็ดโมงแน่ะค่ะ ช่วงเย็นก็เปิดหกโมงจนถึงห้าทุ่ม แต่ยุ่งจริงๆ แค่หนึ่งทุ่มถึงสามทุ่มกว่าเท่านั้นค่ะ”
“ต่อไปพี่จะไม่ให้น้องพิมต้องทำงานหนักแบบนี้ และให้น้องพิมทำอาหารให้พี่ทานคนเดียวเท่านั้น” ชายหนุ่มโน้มตัวมาพูดเสียงเบาจริงจังสื่อความหมาย
เจ้าของร้านคนสวยถึงกับหน้าแดงระเรื่อเมื่อเจอคำพูดตรงๆ แบบนั้น หญิงสาวอมยิ้มซ่อนความเขินและรู้สึกร้อนผ่าว
“สัญญาไหมครับว่าจะทำให้พี่ทานคนเดียว” เขาถามย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม
“แต่นี่มันอาชีพของพิมนะคะ ไหนจะพี่พัฒน์อีก” เธออ้อมแอ้มพูดไม่เต็มเสียง
“เมื่อถึงเวลานั้นพี่จะให้คุณพัฒน์ไปทำงานกับพี่ที่บริษัท ความจริงพี่อยากให้คุณพัฒน์ไปทำงานตั้งแต่วันนี้พรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ ติดก็ตรงที่กลัวไม่มีใครช่วยน้องพิม หรือว่า...จะให้คุณพัฒน์ไปวันจันทร์นี้เลย พี่จะได้ทานอาหารฝีมือน้องพิมได้เร็วขึ้น” เขาพูดด้วยน้ำเสียงครุ่นคิดหนักใจ
“ไม่ดีหรอกค่ะ พิมกับพี่พัฒน์ยังอยากเปิดร้านอาหารอยู่ เราสองคนกำลังสนุกกับงานตรงนี้ แล้วเรื่องของพิมกับพี่โรจน์ก็ เอ่อ...” พริมาพูดติดขัด ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกดีและปลื้มเขาอยู่ไม่น้อย แต่มันก็ยังเร็วเกินไปสำหรับเรื่องที่เขากำลังพูดถึงอยู่
“ทำไมล่ะครับ หรือว่าน้องพิมไม่ได้คิดเหมือนพี่” น้ำเสียงนั้นถามอย่างน้อยใจเจือผิดหวัง
“ไม่ใช่หรอกค่ะ คือ...เรายังต้องศึกษากันอีกเยอะ พิมอยากให้พี่โรจน์มั่นใจกว่านี้”
“พี่มั่นใจครับ” เขาพูดแทรกก่อนที่เธอจะพูดจบประโยค “มั่นใจและแน่ใจมานานแล้ว นี่คงเพราะเรื่องราวในอดีตของเราสองคนที่เคยผูกพันกันมา ทำให้พี่มีความรู้สึกแบบนี้ พี่จะไม่มีวันยอมแพ้หรือสูญเสียความรักไปเหมือนในอดีตอีกแล้ว” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ในขณะที่พริมาหลบตาวูบด้วยอาการใจสั่นและตื่นกลัว เมื่อได้เห็นดวงตาคมเจิดจ้าคู่นั้น เป็นความตื่นกลัวจากจิตใต้สำนึกที่ตัวเธอก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนั้น รู้อย่างเดียวคือกลัวและไม่อยากมองดวงตาคู่นั้นเลย
เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมด้วยพัฒนะเดินเข้ามา ทำให้หญิงสาวลุกขึ้นและหันมาบอกเขา “พี่พัฒนะกลับมาแล้วค่ะ”
“สวัสดีครับคุณพัฒน์” รุจิโรจน์ทักและได้เห็นสีหน้าแปลกใจของพัฒนะ ทำให้เขาต้องรีบเสริม “วันนี้ผมว่างน่ะครับ เลยอยากมาช่วยน้องพิมที่ร้าน มีอะไรก็บอกได้เลยนะครับ วันนี้ผมตั้งใจจะมาช่วยทั้งวัน”
“ลำบากคุณโรจน์แย่เลยนะครับ” เจ้าของร้านหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเกรงใจ แต่ลึกลงไปนั้นคือความลำบากของตัวเขาเอง
“ไม่ลำบากเลยครับ ผมเต็มใจช่วย...เดี๋ยวพี่เข้าไปรอในครัวนะครับน้องพิม” รุจิโรจน์หันไปบอกพริมาและเดินเข้าไปในครัวก่อนเจ้าของร้าน
พัฒนะหันมองน้องสาวด้วยสีหน้ามีคำถาม แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรออกไป น้องสาวก็ตอบเสียก่อน
“อย่างที่พี่โรจน์บอกน่ะค่ะ เขาว่างเลยอยากมาช่วย ยังไงเขาก็มาแล้ว ให้ช่วยหยิบจับอะไรเล็กๆ น้อยๆ แล้วกันนะคะ”
“พี่รู้นะว่าคุณโรจน์เขาต้องการอะไรถึงได้มาช่วยที่ร้านแบบนี้” พี่ชายพูดด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย ในขณะที่พริมายิ้มขำกับอาการหวงน้องที่นานๆ จะกำเริบสักครั้ง
“อย่าตีค่าความดีของเขาในแง่ร้ายแบบนั้นสิคะ พี่พัฒน์มาเหนื่อยๆ นั่งพักก่อนดีกว่าค่ะ”
“พี่ไม่ห้ามหรอกนะ ถ้าพิมจะสนิทกับเขา เพราะพี่เชื่อในสายตาของพิม แต่พี่อยากเตือนว่าอย่าให้เกิดปัญหาขึ้นละกัน สองสามครั้งที่เขามาที่ร้านเรามันพอจะบอกอะไรๆ ได้อยู่แล้วว่าเขาเป็นคนยังไง” พี่ชายพูดทิ้งท้ายให้คิดก่อนจะเดินเข้าไปในเคาน์เตอร์เพื่อจัดการกับรายการที่เพิ่งไปซื้อมา ปล่อยให้น้องสาวทำหน้าเง้าเมื่อพี่ชายแสดงความไม่ชอบหน้ารุจิโรจน์ออกมาอย่างชัดเจน
แต่สิ่งที่พี่ชายเตือนก็ไม่ผิดไปนัก เพราะผู้ช่วยมือใหม่สร้างปัญหาให้กับเธอไม่น้อย อย่างแรกคือการไปช่วยเธอในครัว งานเล็กๆ น้อยๆ อย่างการล้างและจัดเรียงผักถูกหยิบยื่นให้เป็นงานแรก ซึ่งมันไม่น่าจะมีปัญหาแต่ก็เกิดปัญหาขึ้นจนได้
“ปกติอ้อมเข้ามาช่วยงานน้องพิมบ่อยมั้ย” ชายหนุ่มสอบประวัติเด็กเสิร์ฟ ท่าทางคล่องแคล่วที่เข้ามาช่วยพริมาในครัว ในระหว่างที่แม่ครัวสาวเดินออกไปข้างนอก
“หนูมาช่วยช่วงเที่ยงค่ะ ส่วนช่วงเย็นหนูจะไปเสิร์ฟ เพราะพี่พิมมีป้าอุ่นกับป้าจันช่วยอยู่แล้ว”
“แล้วในครัวยุ่งกันหรือเปล่า”
“ก็ยุ่งนะคะ แต่พี่พิม ป้าอุ่นกับป้าจันจัดการได้อยู่แล้วค่ะ แถมวันไหนที่พี่แสงมาเป่าขลุ่ย ในครัวยิ่งไม่ยุ่งเลยค่ะ เพราะมีพี่แสงคอยช่วย”
“เขามาบ่อยเลยหรือ” รุจิโรจน์ถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับให้เป็นปกติ
“ก็เข้ามาช่วยทุกวันที่มาเป่าขลุ่ยนะคะ ป้าจันกับป้าอุ่นก็ชอบ เพราะพี่แสงคล่องงาน ไม่น่าเชื่อเลยว่าเดี๋ยวนี้ผู้ชายจะเก่งงานครัว” อ้อมพูดชมโดยไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าของคนฟังว่ากำลังคุกรุ่นด้วยความโกรธ
นี่หรือเปล่านี่ทำให้แสงตะวันลำพองตัวว่าสนิทกับพริมาแถมยังบอกอีกด้วยว่าหญิงสาวเอาใจใส่เป็นอย่างดี
“แล้วน้องพิมล่ะ เขายินดีที่จะให้มัน...เอ่อ ให้เขาเข้ามาในนี้หรือเปล่า ไม่เกะกะแย่เหรอ” เขาถามและรีบเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกแสงตะวันเสียใหม่กันถูกสงสัย
“ไม่เห็นพี่พิมจะพูดอะไรนี่คะ อ้อมคิดว่าพี่พิมต้องยินดีอยู่แล้วค่ะ เพราะพี่แสงทั้งเก่งทั้งใจดี ใครๆ ก็รักพี่แสง อย่างบอย อ๊อด นั่นก็มองพี่แสงเป็นไอดอล พี่ตา พนักงานบัญชีหน้าเคาน์เตอร์ ก็ปลื้มๆ พี่แสงอยู่ ยิ่งป้าจันกับป้าอุ่นด้วยแล้ว ชอบพี่แสงแบบสุดๆ ไปเลยค่ะ ขนาดบอกว่าถ้าลูกยังไม่แต่งงานจะเชียร์ให้พี่แสงจีบ” อ้อมพูดพลางหัวเราะคิกคักไปด้วย
“ทุกคนปลื้มมันได้ แต่น้องพิมไม่มีทางปลื้มหรือชอบมันหรอก” รุจิโรจน์พูดเสียงเครียดพร้อมทั้งกำผักบุ้งที่อยู่ในน้ำจนช้ำ ในขณะที่อ้อมมัวแต่แยกคะน้าในอ่าง ทำให้ไม่ทันสังเกตน้ำเสียงและสรรพนามที่เขาใช้เรียกแสงตะวัน
“แต่ก็ไม่แน่นะคะ พี่แสงเป็นคนดี นิสัยก็ดี หน้าที่การงานก็ดี เหมาะกับพี่พิมดีออกค่ะ”
“ฉันบอกว่าไม่มีทางก็ไม่มีทางสิ แล้วมันก็ไม่เหมาะกับน้องพิมด้วย” รุจิโรจน์กัดฟันพูดและโดยไม่รู้ตัว เขาก็คว้าแขนของอ้อมมาบีบจนเด็กสาวถึงกับหน้านิ่วด้วยความเจ็บ
“จำไว้ว่าน้องพิมกับมันไม่มีทางคู่กันได้ คนที่เหมาะสมกับน้องพิมที่สุดคือฉัน ฉันคนเดียวเท่านั้น จำไว้!” พูดพลางบีบแขนเล็กๆ นั้นแรงขึ้น จนอ้อมถึงกับร้อง
“โอ้ย! โอ้ย! พี่เป็นอะไรไป ปล่อยนะ หนูเจ็บ”
“อะไรคะ เกิดอะไรขึ้น” พริมาร้องถามและก้าวพรวดเข้ามาในครัวด้วยสีหน้าตื่นๆ เมื่อเห็นรุจิโรจน์บีบแขนอ้อมจนแน่น และเห็นสีหน้าของเด็กเสิร์ฟบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บ
“อะไรกันคะพี่โรจน์ ปล่อยอ้อมก่อนค่ะ มีเรื่องอะไรกันคะ” หญิงสาวรีบตรงเข้าระงับเหตุพร้อมแยกทั้งสองออกจากกัน อ้อมรีบซุกหลังเจ้าของร้านสาวทันทีด้วยสีหน้าตื่นกลัวตกใจ
“พี่คนนี้เขาบ้าไปแล้ว จู่ๆ ก็มาบีบแขนอ้อมแล้วก็พูดขู่ด้วย” เด็กเสิร์ฟฟ้องเสียงสั่น
“อะไรกันคะพี่โรจน์” พริมาหันไปถาม
“เด็กคนนี้พูดไม่รู้เรื่องและชอบพูดไร้สาระ” เขาบอกเสียงเข้ม ความโมโหยังกรุ่นอยู่ จนพริมาต้องหันไปกระซิบบอกอ้อมให้ออกไปก่อน และไม่จำเป็นต้องบอกซ้ำ อ้อมก็เดินออกไปโดยดี
.....................................................
จากคุณ |
:
latics1
|
เขียนเมื่อ |
:
24 มี.ค. 55 15:43:08
|
|
|
|