.
==============================
12. ข่าวคราวคนอื่นๆ ==============================
ให้พวกเธอเอามันออกไป !
อู๋เจ้าหมิงโวยวายอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นพยาบาลยกถาดที่มีถุงเลือด และอุปกรณ์สำหรับการให้เลือดเดินเข้ามาที่เตียงคนไข้ หมอกั๋วอี้เสียนต้องหันไป บอกกับพยาบาลสาวและผู้ช่วยเหลือให้ออกไปกันก่อนด้วยภาษาที่คนทั้งสองฟัง เข้าใจ
จวบจนภายในห้องเหลือกันเพียงสามคน เขาจึงค่อยหันมากล่าวว่า
เมื่อสักครู่ฉันก็อธิบายไปแล้วไม่ใช่หรือ ...ว่าหลิงหลิงเสียเลือดไปมาก จำเป็นต้องได้รับเลือดเพื่อทดแทน
แต่เราไม่ใช่คนของกาลมิตินี้ การรับเลือดของคนที่นี่เข้าสู่ร่างกาย ก็เท่ากับให้เธอต้องผนึกเข้ากับกาลมิตินี้ไปโดยปริยาย พวกเราอยู่ที่นี่เพื่อรออะไร กันหรือ ? ทำไมถึงไม่ช่วยพาเธอกลับไปที่มิติเวลาเดิม พ่อบุญธรรมของเธอก็เป็นหมอ เขาต้องรักษาอาการของอาหลิงได้แน่...
คำพูดที่มีเหตุผลของอู๋เจ้าหมิง ทำให้หลิงหลิงที่นอนฟังอยู่ค่อยผงก ศีรษะอย่างเห็นด้วย
มันก็จริงนะ.. เวลานี้คนเจ็บจากอุบัติเหตุก็ได้รับการช่วยเหลือแล้ว พวกเราก็ควรจะกลับไปกันได้ทำไมไม่ลองรวมพลังกันดู..เผื่อจะสามารถเปิดประตู กาลมิติกลับไปเวลาเดิมของพวกเรา
หมอกั๋วอี้เสียนโน้มตัวเข้ามา แตะมือบนหลังมือเธอเบาๆกล่าวเสียง อ่อนโยน
หลิงหลิง...เธอป่วยขนาดนี้ จะเอาพลังที่ไหนมาเปิดประตูกาลมิติ..
คุณอย่าเห็นว่าฉันอ่อนแอขนาดนั้นสิ.. ก็บอกแล้วไงว่า ฉันไม่ได้ เป็นอะไรสักหน่อย จริงๆนะ..
การเปิดประตูกาลมิติอาจจะเสียพลังอย่างมากมายก็จริง แต่หาก พลังสีเหลืองและน้ำเงินรวมกันเป็นหลัก ก็อาจจะไม่ต้องทุ่มเทพลังสีแดงสักเท่าไรก็ได้
หลิงหลิงเหลียวหน้าไปทางอู๋เจ้าหมิงแล้วอดยิ้มไม่ได้ ไม่ทราบเพราะ เหตุใด พอได้ยินคำพูดของเขาที่บอกว่า หากพลังสีเหลืองและน้ำเงินรวมกันเป็นหลัก ในใจของเธอก็รู้สึกอบอุ่นและตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก
เธอไม่เข้าใจหรอกนะว่า ทั้งอาเซนธาเรียและราโอมินมีความเคียดแค้น ต่อผู้ครองพลังสีน้ำเงินเอซาลอสมากมายแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่เธอตระหนักได้ก็คือ คุณหมอกั๋วอี้เสียนเป็นคนดี ไอซาก็เป็นคนดี เธอไม่อยากเป็นศัตรูกับเขาเลย
ต่อให้เมื่อก่อนนี้เทพอสูรแห่งโปกาดอนเอซาลอสจะร้ายกาจอำมหิต เป็นจอมมารที่เป็นอันตรายต่อชาวโลกแค่ไหน แต่หากสามารถจับมือกับเขา เปลี่ยน จากศัตรูเป็นมิตรได้ ก็จะเป็นประโยชน์แก่มนุษยชาติบนโลกนี้เช่นกันมิใช่หรือ ? เธอไม่รู้ว่าความคิดของเธอจะไร้เดียงสาเกินไปรึเปล่า ไม่รู้ว่าอู๋เจ้าหมิงจะยอมรับ เขาได้สักแค่ไหน เด็กสาวเพียงรู้ว่าเธอไม่สบายใจเลย เวลาที่เห็นอู๋เจ้าหมิงเย็นชา ก้าวร้าวใส่หมอกั๋วอี้เสียน
เธอคงกลัวว่า ถ้าหากสองคนนี้เกิดการแตกหักลงมือปะทะกัน ตัวเธอที่เป็นคนกลางจะอยู่ฝ่ายไหนดี ดังนั้นพอได้ยินอู๋เจ้าหมิงพูดประโยคนั้น ออกมา จึงรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง
จริงสินะ.. ทำไมต้องพลังสีเหลืองและแดงเท่านั้นถึงจะรวมกันได้ หากว่าพลังสีเหลืองและน้ำเงินสามารถผนึกรวมกัน มันก็คงจะกลายเป็นพลังที่ ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่า ..คุณคิดว่ามันสามารถเป็นไปได้ไหมคะ ?
คำพูดในตอนท้าย หันไปถามเจ้าของมือเรียวใหญ่ข้างนั้นซึ่งกำลัง กุมมือเธออยู่
หมอกั๋วอี้เสียนบีบมือเธอเบาๆมองใบหน้าเธอนิ่งจนเงียบงันไป เกือบนาที ราวกับคนที่พูดอะไรไม่ออก จนคนถูกจ้องอดรู้สึกหวั่นใจไม่ได้
คุณไม่พอใจเหรอ ฉันพูดอะไรผิดไปใช่ไหม ?
เสียงหวานอิดโรยพอเอ่ยถาม จึงสะกิดคนที่จมอยู่ในภวังค์ให้รู้สึกตัว คลี่ยิ้มให้เธออย่างปลอบโยน
โง่น่า.. ฉันจะโกรธเธอเรื่องอะไร
งั้น..ทำไมคุณถึงเงียบไปแบบนั้น ฉันกลัวนะ...
ฉันขอโทษ..อืม..ก็น่าสนใจนะ ถ้าพลังสีน้ำเงินและเหลืองผนึก รวมกัน มันคงจะกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่จริงๆ... แล้วเขาก็ถอนหายใจยาว ก่อนจะเอ่ยสรุป เอาล่ะดึกมากแล้ว..เธอนอนพักเยอะๆดีกว่า ตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้เช้า จะได้สดชื่น..
ตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้เช้าจะได้สดชื่น
คำพูดนี้พอเปล่งออกมา คำพูดต่อไปก็ราวกับจะซึมหายเข้าไปใน ลำคอ หัวใจรู้สึกเหมือนถูกบีบอย่างแรง เขาอยากให้มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ที่พอตื่น ขึ้นพรุ่งนี้เช้า เธอก็จะกลับมาเป็นหลิงหลิงที่เป็นปกติคนนั้น แต่มันจะเป็นไปได้หรือ อันที่จริงสำหรับเขา..ขอแค่ตื่นขึ้นมาวันพรุ่งนี้แล้วยังเจอเธออยู่ ..ก็น่ายินดีแล้ว มิใช่หรือ ?
เธอนอนเถอะ...พวกเราไม่กวนล่ะนะ...
มันช่างยากเย็นและแสนเหนื่อยจริงๆกับการรวบรวมเรี่ยวแรงขึ้นมา เพื่อจะพูดประโยคต่อไป ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเป็นปกติที่สุด ราวกับว่าไม่มีอะไร เกิดขึ้น
ประเดี๋ยวเราจะลองปรึกษากันดูว่าจะรวมพลังกันเปิดประตูกาลมิติ อย่างไรดี ไว้ได้ผลสรุปอย่างไร พรุ่งนี้ค่อยมาบอกเธอ ..ดีไหม ?
อู๋เจ้าหมิงที่ยืนฟังแอบขมวดคิ้วอย่างรู้สึกไม่ไว้ใจ อีกฝ่ายดูจะ ยอมรับและเปลี่ยนความคิดตนเองอย่างง่ายดายเกินไป นั่นคงไม่ใช่แค่ต้องการ เอาใจคนเจ็บหรอกนะ
หรือว่ามันยังมีอะไรแอบแฝงซ่อนอยู่มากกว่านั้น ?
........................................
การให้เลือดถูกชะลอไว้ก่อน หมอกั๋วอี้เสียนบอกให้เธอหลับ พักผ่อน จากนั้นเขาค่อยชวนอู๋เจ้าหมิงขึ้นไปสนทนากันบนดาดฟ้าของโรงพยาบาล ซึ่งเงียบและลับตาผู้คน
คืนนี้ท้องฟ้าปิดไปด้วยเมฆหนา ไม่อาจเห็นแม้แต่ดวงดาวสักดวง แสงไฟจากที่ไกลตาทำให้เห็นร่างสูงของคนทั้งสอง แลเป็นเงาตะคุ่มอยู่ท่ามกลาง สายลมราตรี
ที่ทำไปทั้งหมด แกต้องการอะไรกันแน่..เอซาลอส ?
คำถามนี้ฉันน่าจะถามแกมากกว่านะ.. ว่าต้องการอะไรกันแน่ ... ราโอมิน ?
อีกคนซึ่งยืนหันหลังให้ ย้อนถามกลับด้วยเสียงเฉื่อยชา
อู๋เจ้าหมิงสูดลมหายใจยาวลึก ข่มสติให้เยือกเย็นที่จะกล่าวช้าๆ
อาหลิงไม่ใช่คนของกาลมิตินี้ ..สิบเอ็ดปีมันนานพอที่จะเปลี่ยนแปลง อะไรไปมากมาย นานพอที่จะทำให้คนสนิทกลายเป็นคนแปลกหน้าไปเลยก็ได้ เธอเด็กเกินไปที่จะพบกับความจริงอันเจ็บปวดและน่ากลัวเหล่านั้น..
เธอรู้...
เสียงเบาหวิวราวกับอยู่ในสายลม ตอบกลับมาสั้นๆ
อะไรนะ ?
ก่อนที่จะก้าวออกจากลูกแก้วแห่งทวารมิตินั่น เธอมีสติและรับรู้ ทุกอย่างว่าอาจต้องเจอกับอะไร ฉันย้ำถามเธอแล้ว.. แต่นายรู้ไหม ทำไมเธอยังคง ยินดีและเต็มใจที่จะก้าวออกมา
ทำไม ?
เพราะเธอเห็นว่า นายอยู่ที่นี่... ไม่ใช่สิ.. ต้องบอกว่า เพราะ อู๋เจ้าหมิงอยู่ที่นี่ต่างหาก..
คนฟังสีหน้าผนึกค้างอย่างละอายใจ ยืนซึมนิ่งไปกับที่
จริงสินะ.. ที่อยู่ในร่างนี้คือเขา...ราโอมิน ไม่ใช่อู๋เจ้าหมิง เขาแค่คิด เพียงว่าจะช่วยเหลือเธอ แต่กลับลืมเลือนไปว่าสิ่งที่มีค่าต่อเธอคืออะไร นึกไม่ถึง ว่าอู๋เจ้าหมิงจะมีคุณค่าต่อจิตใจเธอขนาดนั้น แล้วถ้าเขาส่งเธอกลับโดยที่ยังไม่ได้ คืนร่างนี้ให้กับเจ้าของที่แท้จริง เขาก็คงเท่ากับทำผิดต่อเธออย่างไม่น่าให้อภัยสินะ
นี่..นายคงไม่ได้คิดว่าฉัน...
คนที่ยืนหันหลังให้ พลันหันขวับมา กล่าวเสียงเย็นชา
ฉันคิด !
ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ฉันไม่เคยคิดจะหลอกลวงเธอ และ ไม่เคยคิดจะช่วงชิงเอาร่างนี้มาเป็นของตนเองเพื่อที่จะได้อยู่กับเธอ ..
แต่ถ้าส่งนายกับเธอกลับไป โดยที่ไม่มีอู๋เจ้าหมิง..นายไม่คิด บ้างหรือ ว่าเธอจะเสียใจแค่ไหน ?
ฉัน...
อย่าว่าแต่.. ถ้าฉันส่งเธอกลับไปที่กาลมิติเดิมตอนนี้ ก็คงเท่า กับส่งเธอไปหาความตาย...
อีกคนซึ่งยืนก้มหน้าซึมเซาสำนึกผิด พอได้ฟังต้องเงยหน้าขึ้น โพล่งถาม
หมายความว่ายังไง ?
หมอกั๋วอี้เสียนถอนหายใจยาว ใบหน้างามสง่าเงยขึ้นมองท้องฟ้า เบื้องบน กล่าวอย่างสะทกสะท้อน
การต่อสู้บนยานซาปิธัสทำให้เธอได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วฉัน ก็ไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากสิ่งที่คนพวกนั้นทำกับเธอหรือเป็นเพราะคอธมหาศาลนั่น ที่ซัดใส่เธอ แต่มัน..ก็มีผลเลวร้ายต่อร่างเลือดเนื้อของเธออย่างรุนแรง โดยเฉพาะ ระบบเม็ดเลือดของเธอถูกทำลายอย่างน่าเป็นห่วง อาการที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ของเธอตอนนี้ อาจจะเป็นสิ่งที่คนบนโลกที่นี่เรียกว่า มะเร็งเม็ดเลือด ..
มะเร็งเม็ดเลือด ?
มะเร็งเม็ดเลือดมีหลายชนิด มันเป็นโรคซึ่งวงการแพทย์ตอนที่ ฉันอยู่เมื่อสิบปีก่อนยังไม่มีทางรักษา คนป่วยอาจจะเสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว ฉันเองก็ไม่รู้..ว่าอีกสิบเอ็ดปีให้หลังคือ ณ มิติเวลานี้ มันจะมีตัวยารักษาแล้ว หรือยัง แต่อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าทางการแพทย์ยุคนี้ คงต้องดีกว่าเมื่อ สิบเอ็ดปีก่อนอย่างแน่นอน ดังนั้นถ้าเราพาเธอกลับไปด้วยสภาพร่างกายแบบนี้.. ก็เท่ากับพาเธอไปนอนรอความตายก็ได้..
เจ้าชายราโอมินหลับพระเนตรลงอย่างปวดร้าว.. ยามกะทันหัน ถึงกับไม่สามารถมีรับสั่งอะไรออกมาได้ ทั้งที่พระองค์ไม่ใช่อู๋เจ้าหมิง แต่ทำไม หนอ..หลังจากได้รับฟังคำพูดของอีกฝ่าย ในพระทัยถึงได้รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาแบบนี้
ทั้งที่สำนึกดีว่าเด็กคนนั้นเป็นเพียงร่างที่ถือกำเนิดใหม่ของร่าง พลังสีแดง หากแต่ความรู้สึกผูกพันหวงแหนที่มีต่อเธอผู้นั้น..แทบไม่ต่างอะไร กับเธอคืออาเซนธาเรียของพระองค์เลย
อยากรัก อยากปกป้อง อยากทนุถนอม..
จะว่าไป... นายก็คงอยากให้เธอตายสินะ...
หมอกั๋วอี้เสียนแค่นเสียงประชด ก่อนที่จะกล่าวต่อไปอย่างช้าๆ โดยไม่แยแสสนใจต่อสีหน้าอันเจ็บปวดของคู่สนทนาแม้แต่น้อย
เพราะนายรู้ว่านายไม่ได้มีอิทธิพลใดในจิตใจของเธอ ถ้าเธอ ตาย..แล้วพลังสีแดงไปถือกำเนิดร่างใหม่ เมื่อนั้นนายจึงค่อยได้อาเซนธาเรีย ของนายกลับคืน แต่ฉัน..ฉันจะไม่ยอมให้หลิงหลิงตายหรอกนะ นายอย่าหวัง ว่าจะร่วมมือกับอาเซนธาเรียมาฆ่าฉันได้ เพราะฉันจะไม่ยอมให้อาเซนธาเรีย กลับไปหานายเด็ดขาด..
กล่าวจบหันกายเดินผละออกมาได้สองก้าวราวกับนึกอะไรขึ้น มาได้ สองเท้าพลันชะงักเหลียวหน้ากลับมากล่าวเสียงทุ้มหนัก
ไม่ว่านายจะคิดยังไงก็ตาม..หลิงหลิงก็จำเป็นต้องได้รับเลือด ในคืนนี้ ต่อให้การกระทำนี้จะทำให้เธอถูกผนึกไว้ในกาลมิตินี้ตลอดไป ฉันก็ จำเป็นต้องทำ เพราะฉัน..ยังอยากเห็นเธอลืมตาตื่นขึ้นมามีชีวิตต่อไปในวันพรุ่งนี้ ถ้านายอยากขัดขวางสิ่งที่ฉันจะทำ..ก็มีเพียงทางเดียว คือข้ามศพฉันไปก่อน...
เอซาลอส..
เสียงเรียกหาเบาหวิวปนเสียงทอดถอนหายใจยาวราวอ่อนล้า สะกดฝีเท้าที่เพิ่งก้าวออกมาได้สองก้าวต้องชะงักอีกครั้ง เมื่ออู๋เจ้าหมิงหมุนตัว กลับมา สีหน้าท่าทางยะโสตีรวนในตอนแรกก็สลายหายไปแทบหมดสิ้น หลงเหลือ เพียงแววสะทกสะท้อนและสำนึกเสียใจ กล่าวด้วยน้ำเสียงราววิงวอน
นายต้องช่วยเธอให้ได้... เพราะฉันก็ไม่อยากเสียเธอไปเหมือนกัน..
หมอกั๋วอี้เสียนหันกลับไปเพ่งตามองอีกฝ่ายอย่างเงียบงัน ในใจ บังเกิดความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย เพราะเขารู้ดี แม้ร่างนั้นจะเป็นอู๋เจ้าหมิง แต่ คำพูดและความรู้สึกทั้งหมดที่แสดงออกมาเวลานี้ ย่อมเป็นของอีกคน
........................................
เมื่อพวกเขาทั้งสองกลับเข้ามาในวอร์ด ระหว่างเดินผ่านหน้า เคาน์เตอร์พยาบาล หมอกั๋วอี้เสียนก็แจ้งความประสงค์เรื่องที่ขอให้เอาเลือดไปให้ กับคนป่วยห้อง 236 อีกครั้ง พยาบาลคนที่เอาเลือดจะเข้าไปให้เมื่อสักครู่ ชะโงก มองไปทางข้างหลังของพวกเขา อดถามไม่ได้
อ้าว..แล้วคนไข้ล่ะคะ เธอไม่ได้ออกไปกับพวกคุณหรอกหรือ ?
อะไรนะ ?
เมื่อตะกี้ฉันจะเข้าไปวัดไข้ แต่ไม่เห็นคนไข้อยู่ในห้องน่ะค่ะ ก็เลย นึกว่าออกไปกับพวกคุณ
อู๋เจ้าหมิงยืนฟังอย่างงงๆ เพราะไม่เข้าใจภาษาที่ทั้งหมดคุยกัน
เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ ?
หลิงหลิงหายตัวไป
หา...อะไรนะ ?
คนไข้หาย... ทุกคนจึงแยกย้ายกันตามหาทั่ววอร์ด ตามห้องต่างๆ ตามระเบียงตึกใกล้ๆ ผ่านไปกว่าสิบห้านาที ก็ยังหาไม่เจอ อู๋เจ้าหมิงกลับไปที่ ห้องอีกครั้ง เห็นหมอกั๋วอี้เสียนยืนมองกระป๋องใส่น้ำออกซิเจนที่ยังตีพองปุดๆ อย่างครุ่นคิด
หาเธอเจอมั้ย ?
เฮอะ.. ถ้าเจอ นายก็คงเห็นเธอนอนอยู่บนเตียงแล้ว..
ก็ไหนบอกว่าอาการเธอสาหัส ..แล้วนี่ยังมีแรงเดินออกไป ข้างนอกได้ยังไง ?
นั่นสินะ...เธอคงไม่มีแรงเดินออกไปได้ไกล.. นอกเสียจาก...
หมอกั๋วอี้เสียนพึมพำถึงตอนนี้พลันฉุกใจคิด อู๋เจ้าหมิงก็ราวกับ นึกบางอย่างขึ้นมาได้พร้อมกัน ใบหน้าคมคายถึงกับซีดเผือด ในหัวใจรู้สึก เย็นเฉียบราวกับปกคลุมด้วยน้ำแข็ง
ทั้งสองไม่มีใครพูดอะไรอีก หมอกั๋วอี้เสียนโบกมือไปข้างหน้า เบาๆ เรียกพลังจากผลึกไตรคอสมิคสีน้ำเงินในตลับคอสมิค เปิดประตูมิติ ตำแหน่งขึ้นเบื้องหน้าทันที ดังนั้นเมื่อพยาบาลผลักประตูเข้ามาในห้องเพื่อ รายงานเรื่องที่ยังหาไม่เจอคนไข้ ร่างของคนทั้งสองก็ได้ลับหายเข้าไปใน เงามืดแห่งทวารมิติไปเสียก่อนแล้ว
ด้วยอาการป่วยของหลิงหลิงเวลานี้คงไม่มีแรงเดินออกไป ไหนได้ไกลอย่างแน่นอน แต่หากว่าแค่เดินสองสามก้าวโดยมีเสาน้ำเกลือ ต้นหนึ่งคอยค้ำยันตัวเองไว้ก็ว่าไปอีกเรื่องหนึ่ง
พวกเขาทั้งสองจึงแทบมั่นใจว่า เธออาจจะฉวยโอกาสตอน อยู่ลำพังภายในห้อง แอบใช้ตลับคอสมิคเปิดประตูมิติไปหาพวกเขาบน ดาดฟ้าตึก ระหว่างตลับคอสมิคของเธอกับอู๋เจ้าหมิงสามารถจับสัญญาณ เชื่อมต่อถึงกัน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าเธอล่วงรู้ได้อย่างไรว่าเขาอยู่ ที่ไหน
เพียงแต่เมื่อครู่อู๋เจ้าหมิงลองใช้ตลับคอสมิคของเขาหา สัญญาณของเธอแต่ไม่พบ ตอนแรกก็นึกว่าตลับของผลึกสีแดงอาจมีปัญหา ต่อเนื่องมาจากการต่อสู้บนยาน แต่ตอนนี้เขาชักไม่แน่ใจแล้ว
บางที..เธออาจเจตนาปิดสัญญาณตนเองเพื่อซ่อนพิกัด ตำแหน่งของเธอกับเขาก็ได้ ?
เพราะอะไรหรือ ?
เขาไม่กล้าคิดต่อ...
บนดาดฟ้าของตึกสูงห้าชั้น มีลานโล่งว่างแค่ไม่ถึงหนึ่งในสี่ส่วน ที่เหลือถูกยึดพื้นที่โดยแท้งค์น้ำทรงกลมขนาดใหญ่หลายใบและเสาอากาศ จานดาวเทียมบดบังสายตาจนดูรก ชายหนุ่มทั้งสองพอก้าวออกมาจากเงาดำ แห่งทวารมิติ ก็รีบแยกย้ายกันออกค้นหา
หลิงหลิง...
อาหลิง...
ไม่มีเสียงขานตอบใดใดจากเงามืดรอบๆกาย หากแต่กลาง สายลมเหน็บหนาวของราตรี อยู่ๆก็มีเสียงไอโขลกๆดังขึ้น
อาหลิง...
อู๋เจ้าหมิงซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด รีบพุ่งปราดไปยังทิศต้นเสียงอย่างรวดเร็ว สายตาพอกวาดมอง ค่อยเห็นว่าใต้เงามืดของผนังซีเมนต์ที่ก่อขึ้นสูงเพื่อกั้น หม้อแปลงไฟฟ้า มีร่างเล็กแบบบางผู้หนึ่งนั่งซุกตัวจนห่อคู้อยู่บนพื้น ข้างๆมี เสาน้ำเกลือ แขวนขวดพลาสติกห้อยโยงไว้กับหลังมือของเธอ
อย่ามาแตะต้องฉัน...
เสียงอ่อนล้าปนสะอื้นตวาดเบาๆออกมาแทบทันทีที่มือของเขา ยื่นเข้าไปสัมผัสแขนอันร้อนรุ่มด้วยพิษไข้ของเธอ คนฟังแม้รู้สึกเจ็บปวดและ ไหวหวั่นในใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ยังพยายามทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อาหลิง..เธอเป็นอะไรไป ? ฉันอาหมิงไง.. เธอเงยหน้าขึ้นมองฉันสิ
หากคำปลอบโยนดูเหมือนไม่เป็นผล มือเรียวเล็กสะบัดออกมา ผลักไสมือที่ยื่นเข้าไปหมายช่วยประคองอย่างชิงชัง
ไม่.. คุณไม่ใช่อาหมิง.. ฉันรู้ ..คุณไม่ใช่อาหมิง.. คุณคือราโอมิน ต่างหาก คุณหลอกลวงฉัน..
แล้วเพราะอ่อนล้าจนแทบไร้เรี่ยวแรง แรงผลักที่ราวกระทำใส่ กำแพงหนา จึงสะท้อนกลับใส่ตนเองจนผงะแทบหงายล้มไปเสียเอง พลันอีก ร่างหนึ่งก็ถลันเข้ามายื่นแขนเข้ารับประคองไว้ หลิงหลิงพอเหลียวหน้าไปเห็น ว่าอีกฝ่ายคือหมอกั๋วอี้เสียน จึงผวาเข้าฟุบกันอกของเขาร้องไห้จนตัวโยน
บอกฉันสิ.. อาหมิงถูกคนพวกนั้นฆ่าตายแล้วใช่ไหม ?
หลิงหลิง.. อย่าร้องไห้
ฉันได้ยินพวกคุณคุยกันหมดแล้ว ทำไมคุณถึงต้องปิดบัง ฉันเรื่องอาหมิงด้วย ?
งั้นหรือ...เธอได้ยินหมดแล้วหรือ ?
หมอกั๋วอี้เสียนถึงกับนิ่งซึมไปด้วยความสะท้อนใจ กระชับวง แขนโอบรัดเธอแน่นกว่าเดิมอย่างไม่รู้ตัว เค้นเสียงตนเองถามอย่างยากเย็น
ถ้าอย่างนั้น... เธอก็คงรู้เรื่องอาการของเธอแล้วสินะ..
ฉันไม่สนอีกแล้ว..
ทำไมถึงพูดแบบนี้.. ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็ต้องเข้มแข็ง และมีชีวิตต่อไปนะหลิงหลิง โลกของเธอไม่ได้มีอาหมิงแค่คนเดียวเสียที่ไหน ..เธอยังมี...
คำว่า ฉันอีกคน.. ราวถูกกลืนลับหายเข้าไปในลำคออย่าง ขมขื่น ก่อนจะเปล่งเสียงกล่าวต่อไป
พี่ชายของเธอ..มาซาอิ ไง ? เธอไม่อยากกลับไปหาพี่มาซาอิ ของเธอแล้วหรือ ?
พี่มา..ซา..อิ...
เด็กสาวครางปนสะอื้นออกมาเบาๆอย่างนึกได้ อาการสะอึก สะอื้นเพิ่งสงบลง แต่แล้วก็พลันส่งเสียงไอรุนแรงออกมาอีกครั้ง ไอจนพ่นเลือด แดงฉานออกมาเปียกชุ่มเต็มอกเสื้อของเขา
หลิงหลิง..
อาหลิง...
สองคนโพล่งเรียกชื่อเธออย่างตกใจ เมื่อเห็นร่างเล็กผู้นั้นฟุบ แน่นิ่งไปเสียแล้ว
..
.
จากคุณ |
:
ธีตภากร
|
เขียนเมื่อ |
:
25 มี.ค. 55 13:43:05
|
|
|
|