Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เก็บแผ่นดินใจไว้ปลูกรัก 5 : ไกด์จำเป็นกับแขกหนุ่มผมยาว...เจ้าเสน่ห์ ติดต่อทีมงาน

บทที่แล้ว

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11876729/W11876729.html

บทที่ 5 ไกด์จำเป็นกับแขกหนุ่มผมยาว...เจ้าเสน่ห์


เช้าของวันใหม่เป็นเวลาแปดโมง อากาศของบ้านนอกปลายฤดูฝนค่อนข้างชื้น พิณไพลินกำลังก้มหน้าใช้นิ้วไล่ไปตามตัวอักษรในสมุดตารางนัดหมายของลูกค้าที่โทรมาสั่งจองขอเข้าพักจากนั้นก็เงยหน้าใช้ปากกาจดลงไปในกระดานไวท์บอร์ด วันนี้จะมีแขกเป็นผู้หญิงสองคนแจ้งความประสงค์มาเข้าพักเป็นเวลาหนึ่งคืน เธอจึงเลือกบ้านหลังเล็กถัดจากแขกหนุ่มผมยาวไปอีกหนึ่งหลัง เพราะท่าทางดิบเถื่อนไม่น่าไว้วางใจของผู้ชายคนนั้นกระมังที่ทำให้เธอไม่อยากจะจับใครไปอยู่ใกล้เขา เช่นเดียวกับที่เธอก็ไม่อยากจะเข้าไปใกล้เขาเหมือนกัน

ดวงตาคมกริบคู่นั้นคล้ายกับซุกซ่อนอะไรบางอย่างไว้ ไม่เปิดเผย แต่ก็ไม่คิดจะปกปิดกระแสบางอย่าง

นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนออกจากห้องเขาคนนั้นแล้วก็ร้อนวูบตามเนื้อตัว ให้ตายเถอะ! เธอไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนมาก่อนถึงขั้นนั้นเลย

พอจะหมุนตัวกลับมายังเคาน์เตอร์เพื่อหยิบมือถือโทรหาป้าทุมให้เตรียมทำความสะอาดโฮมสเตย์ริมน้ำสำหรับแขกสาวที่จะมาพักในคืนนี้ หญิงสาวก็สะดุ้งสุดตัวก่อนจะขยับถอยหลังไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นแขกหนุ่มเพียงคนเดียวของโฮมสเตย์และเป็นคนเดียวที่กำลังนึกถึงยืนเอามือท้าวกับเคาน์เตอร์มองเธออยู่ก่อนแล้ว

บ้าจริง! จะมาก็ไม่ให้สุ้มให้เสียง มีวิชาตัวเบาหรือยังไงนะ

“ขอกาแฟแก้วหนึ่ง” เขาเอ่ยขึ้นโดยไม่มีหางเสียง แต่น้ำเสียงทอดอ่อนในตอนท้าย

พิณไพลินเลิกคิ้ว “ที่ห้องก็มีนี่คะ”

“ผมไม่ชอบกาแฟสำเร็จรูป ขอเป็นกาแฟดำดีกว่า”

นั่นแน่ะ เรื่องมากด้วย หญิงสาวบ่นในใจแต่ปากบอกว่า “เชิญไปนั่งรอที่โต๊ะตรงระเบียงก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการให้” ว่าแล้วก็เดินตรงไปยังโต๊ะวางกระติกน้ำร้อนกับกระปุกกาแฟครีมและน้ำตาล แว่วเสียงห้าวดังลอยตามมา

“ขอบคุณมากสำหรับการดูแลเมื่อคืน ทั้งเรื่องหมอ เรื่องยา และเรื่องอาหาร”

หญิงสาวชะงักมือและเหลียวไปมอง เขายังยืนอยู่ที่เดิม เช่นเดียวกับสายตาไม่เปลี่ยนไปไหน “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณเป็นแขกนี่คะ ถ้าเราไม่ดูแล เดี๋ยวก็เสียชื่อกันพอดี”

“นั่นสินะ” เขาตอบกลับมาเสียงสูงเล็กน้อย

พิณไพลินนึกถึงแผลของเขาขึ้นมาได้จึงเอ่ยถามออกไป “แผลคุณเป็นยังไงบ้างคะ”

รอยยิ้มปรากฏตรงริมฝีปากชายหนุ่ม “เดี๋ยวมันก็หาย ขอบคุณมากที่พาคนมาดูเมื่อคืน”

มนุษยธรรมต่างหาก ความจริงฉันไม่ค่อยอยากจะเข้าใกล้คุณนักหรอก “ที่ถามไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ ถ้าคุณยังรู้สึกไม่ดีฉันจะได้บอกทางให้ไปหาพี่กิ๊บที่อนามัยจะได้ล้างแผล” หญิงสาวพูดเสียงอ่อนพยายามไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอไม่ได้ห่วงเขานะ

แต่ดูเหมือนว่าตติยะจะดูออก “แล้วคุณไม่คิดจะไปส่งผมหรือ”

“ฉันไม่ว่างนักหรอกค่ะ กาแฟกี่ช้อนคะ” เธอตอบและถามขึ้นทันทีหลังจากเปิดกระปุกกาแฟ จับช้อนค้างไว้รอคำตอบ

“สองช้อน ใส่น้ำร้อนอย่างเดียวไม่ใส่น้ำตาล”

ตัวก็ดำ ยังกินกาแฟดำอีก พิณไพลินนึกค่อนอีกฝ่ายในใจพลางตักกาแฟสองช้อนพูนแล้วกดน้ำร้อนตาม ใช้ช้อนคนจนเข้ากันแล้วจึงวางลงบนที่รองนำไปจะวางลงบนเคาน์เตอร์ให้ตรงหน้าคนสั่ง แต่มือใหญ่ยาวดูแข็งแรงยื่นมารับมันก่อนที่เธอจะวางลง มือจึงแตะกันราวกับอีกฝ่ายตั้งใจไว้อยู่แล้ว มือขาวนวลรีบชักออกอย่างรวดเร็วราวกับแตะถูกไฟร้อน

ริมฝีปากหยักยกขึ้นนิดหนึ่ง ตติยะมองตามร่างเจ้าของโฮมสเตย์หยิบมือถือเดินเลี่ยงออกไปทางระเบียงบ้านไม้ซึ่งยื่นออกไปริมน้ำและหยุดที่ใต้ต้นหว้าใหญ่พลางคุยโทรศัพท์เบาๆ

เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาด ที่ผ่านมาคงจะทำงานมากไปจนไม่มีเวลาหาความสุขใส่ตัวตามประสาชายหนุ่ม ครั้งล่าสุดกับผู้หญิงที่เขาคบด้วยก็ผ่านไปเกือบปีแล้วกระมังจากนั้นการหลบพรางตัวเพราะงานจึงทำให้ห่างเหินจากการเก็บเกี่ยวความสวยงามจากสิ่งรอบตัวรวมทั้งผู้หญิง...

นึกถึงตอนนี้ก็เบ้ปากนิดหนึ่งเมื่อกาแฟรสขมจัดแตะโดนลิ้น ไม่ใช่แค่สองช้อนกระมัง น่าจะเป็นสามหรือมากกว่า ชายหนุ่มก้มลงมองแก้วกาแฟสีดำสนิท ยิ้มออกมาก่อนจะเงยหน้าไปมองคนชงที่พูดธุระเสร็จพอดี มีรอยยิ้มสมใจแทรกอยู่ในดวงหน้ากระจ่างขณะที่เดินกลับมาที่เดิม

“กาแฟคุณอร่อยมาก แต่ระวังก็แล้วกันว่าหากชงแบบนี้บ่อยๆ จะขาดทุน”

“อ้าว ขมเกินไปหรือคะ ฉันเห็นหน้าคุณเข้ม... ก็เลยคิดว่าช้อนกาแฟอาจเล็กไปเลยเพิ่มไปอีก เรื่องขาดทุนไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันคิดราคาอยู่แล้ว”

ตติยะหัวเราะเบาๆ อย่างไม่คิดจะปกปิด ก่อนจะเอ่ยชวน

“ผมอยากจะไปเดินเล่นในหมู่บ้าน”

“ฉันจะบอกทางให้ค่ะ” พิณไพลินรีบกันตัวเองไว้ก่อน แต่ตติยะทำเป็นไม่รับรู้การปฏิเสธและกันตัวออกห่างของเธอ

“คุณไปเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ”

“ฉันไม่ว่างค่ะ ต้องดูแลโฮมสเตย์”

“ผมเห็นลุงคนหนึ่งเดินป้วนเปี้ยนรดน้ำต้นไม้อยู่รอบๆ แกคงมีหน้าที่ดูแลโฮมสเตย์ใช่ไหม และผมก็ไม่เห็นว่าจะมีแขกคนอื่นที่คุณต้องไปดูแล... ยกเว้นผม” ชายหนุ่มดักคอเหมือนกับจะรู้ทันว่าเธอจะอ้างอะไรอีก

หญิงสาวเม้มปากนิดๆ แล้วหรี่ตา “คุณไม่ต้องทำงานหรือคะ”

ตติยะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ “งานเขียนผมแล้วแต่อารมณ์ ตอนนี้ไม่มีอารมณ์เขียน” ก็เขาเคยได้ยินพวกนักเขียนอ้างอย่างนี้นี่นะ ไม่ผิดถ้าเขาจะเอามาอ้างบ้าง

“เอาน่าคุณค่าน้ำมันรถ ค่าเสียเวลารวมไปกับค่ากาแฟด้วยก็ได้นอกจากค่าที่พัก”

“ฉันคิดแพงนะคะ” เธอขู่ไปอย่างนั้นเองแหละความจริงแล้วต้องการจะเลี่ยงการร้องขอแกมว่าจ้างจากแขกหนุ่มมาดเซอร์ต่างหาก

ชายหนุ่มยักไหล่เบะปาก แล้วท้าวแขนทั้งสองลงบนเคาน์เตอร์ค้อมตัวสูงๆ ไปใกล้จนคนหลังเคาน์เตอร์เอนตัวไปข้างหลัง “คิดได้เลยตามสบาย ผมมีจ่าย”

“ก็ได้ค่ะ แล้วเรื่องอาหารเช้าล่ะคะ คุณจะกินที่นี่หรือว่าไปกินในหมู่บ้าน เพราะว่าในหมู่บ้านก็มีร้านอาหารตามสั่ง แล้วแต่คุณนะคะ”

ตติยะยืดตัว มีท่าทีสนใจทันที “มีร้านอาหารด้วยหรือ น่าสน”

“แน่นอนค่ะ เป็นร้านขายของชำและเป็นร้านอาหารด้วย แต่อาจจะไม่เหมือนร้านอาหารในเมืองใหญ่ๆ”

“เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาสำหรับผมหรอก เพราะผมกินไม่ยาก เคยลุยมาทุกที่แล้ว แค่มีร้านอาหารพอให้รอดตายนี่ก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว แต่ที่พูดนี่ใช่ว่าจะไม่ชอบอาหารของคุณนะ เพียงแต่ผมตั้งใจมาอยู่นานหน่อยก็ต้องไปสำรวจลู่ทางอื่นเอาประสบการณ์บ้าง”

ฮึ อยากกินที่ไหนก็ตามใจสิไม่เห็นจะต้องมาพูดเหมือนกลัวเธอจะไม่พอใจอย่างนั้น แล้วอย่างที่เขาพูดก็น่าจะจริงอย่างไม่ต้องสงสัย หน้าตาอย่างนี้ก็น่าจะบุกลุยมาแล้วทุกที่อยู่หรอก เซอร์ จนดูเป็นเถื่อนได้ใจ แล้วดูสิปล่อยผมยาวปรกต้นคอ แล้วยังจะเสื้อแจ็กเก็ตสีดำกับแว่นดำที่เหน็บตรงคอเสื้อนั่นอีก ดูแล้วไม่น่าเสวนาด้วยสักนิด ยังกับโจรหนีการตามล่าของตำรวจ

“ทำอะไรน่ะ” พิณไพลินสะดุ้งโหยงร้องถามออกมา หลังจากก้าวถอยหลังไปเสียไกลเมื่อเห็นเขายื่นมือขึ้นสูงระดับศีรษะมาหาเธอและยังคงค้างอยู่อย่างนั้น

ชายหนุ่มถอนใจ ทำหน้ากึ่งขำกึ่งบึ้งเมื่อชักจะรู้สึกว่าเจ้าของโฮมสเตย์กลัวๆ เขาอย่างไรพิกล “คุณทำเหมือนผมจะลวนลามคุณ โอเค...ถ้าคุณไม่กลัวเจ้าตัวบนเส้นผมคุณก็แล้วไป” เขาว่าก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นยกมือกอดอก

หญิงสาวตาโต กลอกตาขึ้นข้างบน ถามเสียงตื่น

“ตัวอะไร”

“ก็แค่ผึ้งตัวสองตัวกำลังไต่เล่นเท่านั้นเอง อ้าว! สั่นหัวเดี๋ยวก็ตกลงมาต่อยเอาจมูกหรอก จมูกยิ่งโด่งๆ อยู่ด้วย” เขาเตือนในตอนท้าย

“ทำยังไงดี มันไปแล้วรึยัง”

ตติยะยิ้มนิดๆ ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปใกล้เกือบชิดร่างหญิงสาวจนเธอได้กลิ่นโรลออนกรุ่นจางๆ มาจากเรือนกายสูง ชายหนุ่มใช้นิ้วดีดมันออกพลางพูด “สงสัยตัวคุณจะหวานและหอม มันถึงมาเกาะ”

พิณไพลินเหลือบมองตาคนพูด ทันได้เห็นประกายตาประหลาดกึ่งๆ ระหว่างเย้ากับล้อเลียนภายใต้ใบหน้าคล้ามคม เธอรีบผละเดินไปยังเคาน์เตอร์ หยิบกุญแจแล้วเดินออกมา

“เชิญค่ะคุณตั้ง”

“คุณรู้จักชื่อผม แต่ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”

หญิงสาวตอบโดยที่ยังสาวเท้าไปยังโรงรถไม่หันมาหาคนพูด “พิณไพลินค่ะ เรียกสั้นๆ ว่าพิณ”

“อ้อ...เมื่อคืนตอนที่พูดเรื่องรถ ผมได้ยินคุณพูดถึงพี่สาว แล้วเธอไปไหนล่ะ”

“พี่พู่ดูแลงานในในไร่นาค่ะ”

ตติยะพยักหน้ารับรู้ “แยกกันดูแลว่าอย่างนั้นเถอะ ผมขับให้ไหม” เขาเอ่ยถามในเมื่อเธอเปิดประตูรถกระบะสี่ประตูเข้าไปนั่ง แต่หญิงสาวส่ายหน้า

“ไม่เป็นไรค่ะ”

ชายหนุ่มยักไหล่ ก้าวขึ้นไปนั่งเคียงข้าง รู้สึกผ่อนคลายที่สุดในรอบหนึ่งสามเดือนที่ผ่านมา เขาถือโอกาสสำรวจรอบไร่นับดาวเมื่อรถเริ่มเคลื่อนออกจากโรงรถและแล่นไปตามถนนดินเกรดเรียบ สองข้างทางเป็นต้นผลไม้เตี้ยๆ ที่เขามองเห็นคือฝรั่ง ละมุด ชมพู่ ถัดจากนั้นเป็นต้นข้าวโพดผืนใหญ่เขียวขจี พอรถแล่นออกมาเลียบกับแนวรั้วลวดหนาม ตติยะก็ให้ความสนใจกับอาณาเขตภายในรั้วลวดหนามที่มองเข้าไปเห็นอาคารขนาดใหญ่ ลานซีเมนต์ขนาดใหญ่กว้างขวางสองลานกินเนื้อที่ประมาณเกือบสองไร่ ลานหนึ่งมีกองข้าวเปลือก ในขณะที่อีกลานหนึ่งคาดว่าเป็นมันสำปะหลังตากแห้งกองอยู่หลายกอง ไกลออกไปมีโรงเรือนไม่ใหญ่ไม่เล็กมีรถเกี่ยวข้าวจอดอยู่หนึ่งคัน

“ตรงโน้นเป็นเขตที่ดินของใครเหรอ ท่าทางจะรวยไม่ใช่เล่น”

หญิงสาวมองตาม “บ้านของนายไตรภพ”

ประกายตาของตติยะวาบขึ้นโดยที่พิณไพลินไม่มีโอกาสได้เห็น “นายไตรภพที่ว่านี่เป็นคนแถวนี้หรือ”

พิณไพลินเหยียดริมฝีปาก “ไม่ใช่หรอกค่ะ เขาเป็นนายทุนที่มาซื้อที่ดินชาวบ้านแถวนี้ ที่ดินบางส่วนก็มาจากการให้กู้เงินแล้วโกงเอาหน้าด้านๆ”

ชายหนุ่มย่นหัวคิ้ว หันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนขับสาว ใบหน้าเนียนใสทำให้เขาถือโอกาสมองนานกว่าที่ควรจะมอง

“อย่าบอกว่าที่ดินคุณโดนโกง” เขาเดา

“ไม่ค่ะ แต่ก็ถูกกวนใจด้วยการมาขอซื้อ ทั้งที่เราแสดงเจตนาแล้วว่าไม่ขาย” เมื่อการพูดคุยเฉียดเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่กรุ่นๆ อยู่ในใจ พิณไพลินก็เริ่มจะไหลออกมาราวกับระบายอารมณ์

“แต่ถ้าคุณไม่คิดจะขาย เขาก็ไม่น่าจะทำอะไรได้”

“คุณไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า” เพราะน้ำเสียงราบเรียบเหมือนกับไม่เห็นว่าเป็นเรื่องหนักหนานั่นกระมังที่ทำให้พิณไพลินหงุดหงิดในใจนัก พอถึงทางโค้งเข้าหมู่บ้านเธอจึงหักพวงมาลัยอย่างรวดเร็วจนตติยะต้องทบทวนว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังไม่ดีที่ทำให้สาวหน้าใสแสดงออกถึงความไม่ชอบใจนายทุนไตรภพได้ถึงเพียงนี้

มันมีอะไรมากกว่าที่เขารู้มาหรือ?

*****************

“วันนี้เจ้าของโฮมสเตย์นับดาวออกจากไร่ได้ ว่ายังไงจ๊ะพิณ จะเอาอะไรจ๊ะ”

พอเห็นพิณไพลินลงจากรถเดินเข้ามาในร้านตามด้วยชายหนุ่มแปลกหน้าพิศงามก็ร้องทักทายมาจากโอ่งน้ำข้างบ้านตามประสาของแม่ค้าและเป็นคนบ้านเดียวกันก่อนจะย้ายร่างเจ้าเนื้อในชุดเสื้อลายเนื้อบางพลิ้วมาหาทางคนทั้งสองพลางสะบัดมือไล่น้ำไปมาพร้อมกับปรายตามองไปยังชายหนุ่มตัวสูงๆ ผิวคล้ำแต่ดูเนียนสะอาดหล่อคมสันผิดกับคนแถวนี้ที่ผิวจะหยาบกระด้างเพราะกรำงานตากแดด

“แขกของโฮมสเตย์เขาอยากมาเที่ยวชมหมู่บ้านนาดีของเราจ้ะ แต่แวะมากินข้าวก่อน พี่พิศมีอะไรบ้างล่ะจ๊ะวันนี้” พิณไพลินพูดพลางเดินนำไปยังโต๊ะม้าหินอ่อนภายในร้านที่มีหลังคามุงกระเบื้อง และทรุดตัวลงนั่งลง

“วันนี้มีแต่อาหารตามสั่งจ้ะ ส่วนก๋วยเตี๋ยวหม้อน้ำยังไม่เดือดเลย เอาอะไรดีล่ะจ๊ะ แหม...เดี๋ยวนี้มีบริการพาแขกเที่ยวด้วยตัวเองเลยเหรอ แต่ก่อนไม่เห็นมีเลย”

“ปกติไม่มีหรอกจ้ะพี่พิศ พอดีช่วงนี้ยังไม่มีแขกมาเข้าพัก อีกอย่างเขาก็บอกว่าจะจ้างเป็นพิเศษ พิณเห็นว่าเขาจ้างเยอะก็เลยรับ” หญิงสาวเน้นคำว่า ‘จ้างเยอะ’ จนเจ้าของใบหน้าคล้ำคมเข้มหรี่ตา

“ผมบอกเหรอว่าจ้างเท่าไหร่”

พิณไพลินส่ายหน้ายิ้มนิดๆ ทำหน้าเจ้าเล่ห์หน่อยๆ “ฉันก็บอกแล้วไงว่าจ้างเยอะ ถ้าและต้องจ่ายวันต่อวันด้วย ถ้าแปะโป้งไว้วันหลังก็มาเองก็แล้วกัน”

ความจริงหญิงสาวไม่ได้คิดถึงเรื่องเงินอะไรเลย เพียงแต่อยากให้แขกได้รับความพอใจและประทับใจบ้าง อีกอย่างเมื่อมาคิดอีกแง่หนึ่ง การที่เขาเป็นนักเขียน ได้ชมได้เห็นวิถีชีวิตของชุมชนบ้านนาดี เขาอาจจะมีแง่คิดดีๆ แล้วเขียนออกมาให้คนทั่วไปได้ตระหนักถึงความสำคัญของระบบเกษตรกรรมบ้าง

“งั้นผมขอเช่ารถ”

“เสียใจด้วยค่ะ ฉันไม่อยากเสี่ยง กลัวคุณเอารถข้ามไปขายฝั่งโน้น เดี๋ยวนี้แก๊งลักรถยิ่งกำลังอาละวาดด้วย แถมล่าสุดยังได้ยินว่ามันเอามาขึ้นเรือแถวนี้ด้วย”

ตติยะมีสีหน้าครุ่นคิด กำลังจะเอ่ยปากพูดแต่พิศงามส่งเสียงมาก่อน

“ว่าไงจ๊ะ จะสั่งอะไรสั่งได้เลย จะได้ทำให้”

“ผมขอ...กระเพราหมูไข่ดาวไม่สุกครับ คุณเอาอะไรสั่ง เต็มที่ วันนี้ผมขออนุญาตเลี้ยงเผื่อจะลดราคาค่าพาชมหมู่บ้านบ้าง” ชายหนุ่มสั่ง ตอนท้ายลดเสียงเจาะจงพูดกับคนนำทาง

“ของพิณเอาข้าวผัดก็แล้วกันค่ะพี่พิศ”

“ได้เลย รอสักครู่นะจ๊ะ ว่าแต่พ่อหนุ่มทำงานอะไรเหรอ”

“งานเขียนน่ะครับ” ตติยะตอบเหมือนไม่เป็นเรื่องสำคัญนัก พลางคิดในใจว่าหากเป็นร้านอาหารในเมืองร้านนี้คงไปไม่รอดแน่ เพราะปากคนทำคุย มือหยุดค้าง แถมยังหันหน้ามาคุยด้วย ใช่ว่าปากคุยมือทำไปด้วยเสียเมื่อไหร่

“ไปไงมาไงถึงได้มาเที่ยวที่โฮมสเตย์ยัยพิณได้ล่ะ แถวนี้มันห่างไกลจากที่เที่ยวที่คนชอบไปเที่ยวกันนะ ปกติก็เห็นแต่พวกเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการจากที่อื่นมาดูงานเป็นคณะ ไม่ค่อยจะเห็นพวกแขกมาเดี่ยวๆ ซักที ก็อย่างว่าแหละนะ บ้านเราจะมีอะไรให้ดูนอกจากสวนผักสวนครัวและก็ทุ่งนากันเล่า ยังมีดีอยู่นิดตรงที่โฮมสเตย์อยู่ริมน้ำ แต่ก็ยังไม่น่าจะมีคนมาเที่ยวอยู่ดีนั่นแหละ”

คราวนี้ดีหน่อยที่ขณะพูดแม่ค้าร่างอวบก็เดินไปเปิดตู้เย็นภายในตึกที่เปิดเป็นร้านขายของชำ ค้นหาอะไรกุกกักสักพักก็หอบเอาคะน้า ผักบุ้ง ผักชี ออกมาวางบนโต๊ะด้านหนึ่งซึ่งเป็นที่เตรียมของสดก่อนปรุง

พิณไพลินพอจะรู้หรอกว่าน้ำเสียงอย่างนั้นปนไปด้วยพยายามการตอกย้ำให้เห็นว่า โฮมสเตย์ของเธอไม่เห็นจะน่าเที่ยวตรงไหน แต่เธอไม่สนใจหรอก ในเมื่อมันเป็นความชอบส่วนตัวของเธอกับแม่และพี่สาว อันเกิดจากความหวังว่าสถานที่แห่งนี้จะให้ประโยชน์และแนวคิดอะไรกับคนที่มาบ้าง

“แล้วพ่อหนุ่มเขียนอะไร เขียนนิยายเหรอ เห็นลูกสาวมันชอบอ่านเหลือเกินนิยาย เคยเปิดอ่านดู โฮ้ย! มันมีแต่นิยายโป๊พระเอกนางเอกเอากันทั้งเรื่อง เปิดมาไม่ทันไรพระเอกรู้จักนางเอกวันแรกได้นางเอกแล้ว แม๊! อย่างนี้ลูกสาวเรามันก็อ่านได้ ยังนึกอยู่เลยว่าเดี๋ยวนี้นิยายมันเป็นอย่างนี้ไปหมดแล้วเหรอ ยิ่งกว่าเรื่องเสียวที่แฟนพี่เคยอ่านแล้วซุกไว้ใต้เตียงอีก”

พิศงามพูดแล้วก็หันมาพยักหน้ากับพิณไพลิน หญิงสาวทำหน้าไม่ถูก ไม่กล้าแม้กระทั่งจะสบตากับนายตั้ง เธอได้ยินเสียงห้าวเอ่ยถามลอยๆ เป็นเชิงชวนแม่ค้าคุยว่า

“แล้วนี่แฟนพี่ไปเกี่ยวข้าวเหรอครับ ถึงไม่เห็น” ตติยะไม่ตอบคำถามของพิศงามเพราะคิดว่าเจ้าตัวได้ร่ายยาวแล้วคงไม่ต้องการคำตอบ แต่ทำทีเป็นถามเรื่อยเปื่อย

“ฮู้ย-ย-ย ยังไม่ตื่นหรอกจ้ะ และก็คงอีกนานเพราะว่าเมื่อคืนมาจากกรุงเทพก็ดึกแล้ว แถมมาถึงยังมาชวนเล่นกิจกรรมอีกต่างหาก” พูดสองแง่สองง่ามแล้วแม่ค้าก็หัวเราะเสียงแหลมอย่างชอบใจ

“แฟนกลับจากทำงานที่กรุงเทพฯ เหรอครับพี่พิศ” ตติยะเรียกพิศงามตามพิณไพลิน

“ใช่แล้วค่ะ เขาไปทำงานรับเหมาก่อสร้างกับบริษัทของนายไตรภพ แรกๆ ก็ให้งานในนาเสร็จก่อน แต่หลังๆ นี่เห็นว่างานดีเงินดีก็เลยไปนานเลยส่งแต่เงินมาให้ใช้จ่ายในครอบครัวรวมทั้งเป็นค่าทำนาเกี่ยวข้าว เดี๋ยวนี้อะไรๆ มันก็ต้องเงินทั้งนั้น ใช้แรงงานไม่ไหวหรอก ถามพิณดูก็ได้ถ้าไม่เชื่อ ลองไปบอกชาวบ้านมาลงแขกเกี่ยวข้าวสิ ใครเขาจะอยากมาให้เหนื่อยในเมื่อใช้เงินจ้างวันเดียวหรือสองวันก็เสร็จ พอเสร็จแล้วก็ไม่ต้องไปช่วยงานคนอื่นให้เมื่อย”

“อ้อ...แสดงว่าเงินคงดีจริงๆ ถึงได้มีบ้านหลังใหญ่ รถปิคอัพสวยๆ และเปิดร้านขายของกับร้านอาหารได้”

“ก็ดีแหละจ้ะ ได้มาทีละแสนสองแสน”

จะถามจะคุยกันไปถึงไหนนะ พิณไพลินนึกค่อนในใจเมื่อเห็นพิศงามเพลินกับการคุยและตอบคำถามชายหนุ่มที่เพิ่งพบกันวันแรก ผ่านไปเกือบห้านาทีก็เห็นแต่ทำท่าคว้าโน่นคว้านี่ คว้าแล้ววางไว้ที่เดิม พอได้พูดก็จับขึ้นมาโบกประกอบคำพูดไม่เห็นวี่แววว่าจะได้เริ่มประกอบอาหารเสียที ส่วนคนหน้าดำผมยาวนี่ก็ชวนคุยดีเหลือเกิน ตอนที่นั่งรถมานี่ก็ทีหนึ่งแล้วถามซอกแซกเกี่ยวกับนายไตรภพทำยังกับว่าจะสืบรายละเอียดถึงฐานะทางการเงิน

เอ๊ะ! หรือว่าวางแผนจะปล้น! คิดถึงตอนนี้หญิงสาวก็ตาโตก่อนจะขมวดคิ้วลอบสังเกตชายหนุ่มถี่ถ้วนจนชักจะกลายเป็นจับผิดกลายๆ

ผิดกับพิศงามที่ชักจะเริ่มถูกชะตากับหนุ่มหน้าคมผิวคล้ำที่ยิ่งมองไปยิ่งหล่อผิดกับผัวหน้าแหลมจมูกแบนที่นอนอยู่บนบ้าน

“พี่พิศ วันนี้เราจะได้กินข้าวไหมจ๊ะ” พิณไพลินเอ่ยเตือน

“อ๋อ...ได้กินสิ ได้กิน แหม...ก็พ่อหนุ่มสุดหล่อเขาถามนี่ พี่ก็ต้องตอบสิ ว่าแต่ชื่ออะไรเหรอจ๊ะ” แม่ค้าร่างอวบหันมาถามอีก

“ผมชื่อ ตั้ง ครับ”

“อ๋อ...คุณตั้ง ถ้าอยู่ที่นี่นานๆ ก็มากินข้าวที่นี่ได้นะจ๊ะ” พอหยอดไว้แล้วก็เผอิญหันไปเห็นสีหน้าเคร่งของพิณไพลิน พิศงามจึงตั้งท่าจะเอาจริงด้วยการหยิบเอาหมูในถุงพลาสติกออกมาวางบนเขียงใหญ่หยิบมีดมาลงมือหั่น ปากก็ส่งเสียงบอกลูกสาวเสียงอ่อนหวาน

“เฟิน เฟิน เอาผักนี่ไปล้างให้แม่หน่อยซิลูก” ผ่านไปครึ่งนาทียังไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดๆ จึงเพิ่มระดับเสียงมากกว่าเดิม

“เฟิน”

“...”

“เฟิ้น ได้ยินไหมแม่เรียกน่ะ หยุดเล่นก่อนไม่ได้รึไงไอ้อินเตอร์เน็ตน่ะ จะเล่นให้มันได้ผัวเรอะไง หา!” คราวนี้เสียงแหลมดังลั่นบ้านเลยทีเดียว

พิณไพลินสบตาคมกริบที่หันมาสบกับเธอพอดี มีรอยยิ้มติดที่มุมปาก

อึดใจก็มีเสียงเดินกระแทกส้นมาตามพื้นซีเมนต์ แรงได้ใจอย่างไม่น่าเชื่อจนคนได้ยินคิดว่าเจ้าของส้นคงเจ็บไม่น้อย ตติยะเห็นเด็กสาวผิวผุดผ่องวัยประมาณสิบหกปีสวมกางเกงขาสั้นจู๋กับเสื้อรัดรูป หน้าตาออกไปทางอาหมวยแต่ใบหน้านั้นหงิกงอริมฝีปากบนเชิดขึ้นจนเกือบถึงจมูกเดินไปหาพิศงาม

“แม่ทำไมต้องใช้เฟินตอนที่กำลังการบ้านด้วยนะ อาจารย์ยิ่งสั่งงานเยอะอยู่ด้วย”

ว่าแล้วก็หยิบกาละมังที่อยู่ในชั้นด้านล่างขึ้นมาวางอย่างกระแทกกระทั้นบนโต๊ะแล้วจับผักคะน้าขึ้นมาทิ้งลงในกาละมังอย่างไม่อินังขังขอบเพื่อเป็นการระบายอารมณ์ที่โดนขัดจังหวะการเล่นแชทกับหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่เธอกำลังใช้เสน่ห์มารยาล่อหลอกและต้อนให้เข้าหัวใจอย่างไม่ต้องมีชั้นเชิงมาก

“อ้าวๆ เบาๆ หน่อยสิ เดี๋ยวก็ช้ำหมดหรอก ผักช้ำๆ ใครเขาจะอยากกินล่ะ ฮ่วย อีนังเฟินนี่”

พิศงามเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดเบาๆ เวลาโมโหพิศงามจะเปลี่ยนสภาพจากแม่ที่แสนหวานกลายเป็นนางยักษ์ขมูขีได้ทันที

“ไม่อยากกินก็ไม่ต้องกินสิ” ลูกสาวตอบ

“เฟิน” พิศงามจับแขนลูกสาวแล้วขึงตาใส่อีกฝ่ายจนตาแทบถลนออกมานอกเบ้า ก่อนจะพยักพเยิดไปทางโต๊ะที่ลูกค้าสองคนนั่งมองมาอยู่ แต่ลูกสาวสะบัดแขนออกทำเสียงฉุนเฉียว

“อะไรเล่าแม่”

“เกรงใจลูกค้าบ้างสิ” นอกจากไม่สนใจแล้วเฟินยังไม่มองไปทางลูกค้าเป็นการต่อต้านมารดา ได้แต่หยิบกาละมังแล้วเดินอ้อมโต๊ะไปทางโอ่งที่ตั้งเรียงรายอยู่ ยังไม่ทันจะวางกาละมังลงรถกระบะของตำรวจคันหนึ่งก็แล่นเข้ามา เฟินตาโตหยุดดูพอเห็นร่างสูงกะทัดรัดในชุดเครื่องแบบตำรวจเปิดประตูข้างคนขับออกมาหัวอกหัวใจสาวน้อยก็พองโตร้องกรี๊ดกร๊าดออกมา

“อุ๊ย! หมวดนิว หมวดนิวมา”

****************
ขอบคุณทุกท่านที่ทั้งติดตามอ่านและให้กิฟค่ะ

คุณกุหลาบมอญ ขอบคุณมากค่ะ สายธารมาลงที่นี่ด้วยทำให้รู้จักคุณกุหลาบมอญอีกท่าน ดีใจมากค่ะ

คุณPsycho man เรื่องแต่งงานเนี่ย สมัยหนึ่งช่วง 15 ปี ก่อน คนแถวบ้านสายธารเขาแต่งเพราะพ่อแม่จับให้แต่ง เนื่องจากคนที่มีมูลมีมัง (มรดก ที่ดิน) เขาก็อยากให้ลูกชายแต่งกับลูกสาวบ้านนั้น ทั้งที่ลูกสาวอายุยัง 13-14 ปี สงสัยว่าจะไม่รู้จักความรักด้วยกระมัง ^ ^
พูดเรื่องปลาเข๋ง ปลาข่อ สูดปาก อยากกิน

คุณห้าสิบป่าย ส่งบท 5 มาแล้วค่า

คุณปันฝัน ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ ได้รับแล้ว หัวใจพองโต

ขอบคุณกิฟจากคุณกุหลาบมอญ คุณPsycho man และคุณนวลน้ำผึ้งค่ะ

จากคุณ : สายธาร/กนกนารี
เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 07:11:09




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com