Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
A VAMPIRE STORY ติดต่อทีมงาน

ฉันนั่งอยู่ในเครื่องบินโบอิ้ง 727 สายการบินแอร์เบอร์ลิน ที่กำลังเตรียมตัวลงจอดยังสถานีปลายทางสุวรรณภูมิ หลังจากการเดินทางบนท้องฟ้าอันน่าเบื่อหน่ายกว่า 11 ชั่วโมงเต็มๆ! ความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้กลับบ้าน ปะปนคลุกเคล้ากับความเหนื่อยล้าจากการเดินทางข้ามวันข้ามเวลา ทำให้ฉันรู้สึกมึนงงกับความคิดของตัวเองพอสมควร ฉันควรจะดีใจไม่ใช่หรือ ที่ในที่สุด ก็ได้กลับบ้าน บ้าน... ที่ฉันจากไปเป็นเวลาถึง หกปี เต็มๆ และวันนี้ เป็นวันที่ฉันรอคอยมานานแสนนาน ที่ฉันจะได้พบน้องสาวฝาแฝด "เอิร์น" อีกครั้ง แต่ว่า... ฉันกลับรู้สึกเหนื่อยและอ่อนเพลียเหลือเกิน และไม่รู้สึกดีใจเป็นพิเศษ ไม่น่าเชื่อว่าการเดินทางจะส่งผลกระทบต่อร่างกายของฉันได้ขนาดนี้... ฉันช่างเป็นคนอ่อนแอจริงๆ...

เสียงประกาศจากแอร์โฮสเตส แจ้งผู้โดยสารให้คาดเข็มขัดให้เรียบร้อย และปิดอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดก่อนเครื่องลงจอด เป็นภาษาเยอรมันก่อน ตามด้วยภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ฉันต้องแอบยิ้มชื่นชมแอร์โฮสเตสคนนี้อยู่ในใจ ที่เธอสามารถออกเสียงทั้งสามภาษาได้ชัดเจน จนฉัน ที่เรียนจบด้านการวิเคราะห์การออกเสียงมาโดยเฉพาะ ไม่สามารถเดาได้ ว่าแท้จริงเธอคือคนเยอรมัน หรือคนไทย... "สงสัยจะเป็นลูกครึ่ง" ฉันบ่นพึมพำเบาๆกับตัวเอง เพื่อนบ้านที่นั่งข้างๆฉัน ฝรั่ง หนุ่ม หันมามองฉันทำหน้าสงสัยเหมือนกับว่าฉันพูดกับเขา แต่ฉันไม่ได้ตอบอะไร แค่ยิ้มให้เบาๆ อย่างที่บอก ฉันรู้สึกเหนื่อย... อารมณ์ไม่ดีเหมือนหน้าตา...

เครื่องทำการลงจอดอย่างปลอดภัย ฉันหยิบกระเป๋าเป้ติดตัว เดินลงจากเครื่อง ตรงๆไปยังเช็คอินเข้าประเทศ วินาทีนี้ต่อมความตื่นเต้นของฉันเหมือนจะทำงานอีกครั้ง... เท้าของฉันเหยียบลงบนพื้น อาณาเขตประเทศไทย... บ้านเกิดของฉัน... ที่ที่ฉันจากไปนานถึงหกปีเต็มๆ แน่นอนฉันดีใจที่ได้กลับมาอีกครั้ง ฉันดีใจที่ได้เห็นพนักงานคนไทยนั่งที่เคาน์เตอร์รอตรวจพาสปอร์ตและเอกสารเข้าประเทศ ฉันดีใจที่ได้รับการทักทายเป็นภาษาไทย ฉันดีใจที่มองไปทางไหน ก็มีแต่คนไทย(ซะส่วนใหญ่) ฉันยิ้มเบาๆให้กับตัวเอง เมื่อฉันได้กระเป๋าเดินทางคืนแล้ว ก็เดินตรงไปยังทางออก ไปยังบริเวณจุดนัดพบ ที่ฉันหวังไว้ว่าจะได้พบเอิร์น ฝาแฝดสุดรักของฉัน

"แก...แอนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ชั้นอยู่นี่!!!!" เสียงตะโกนที่คุ้นหูดังมาจากทางด้านขวาใกล้ๆกับบริเวณทางออกของผู้โดยสารขาเข้าที่เชื่อมกับจุดนัดพบ ฉันยังไม่ทันได้หันไปมองเจ้าของเสียงเรียกเต็มที่ ร่างนั้นก็ตรงรี่กระโดดเข้ากอดชั้นอย่างไม่เกรงใจฝูงชน แรงกระทบที่ฝาแฝดของฉันตรงรี่เข้าหาฉัน ทำให้ฉันขาอ่อนและเสียการทรงตัวล้มลงกับพื้น กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ถูกเหวี่ยงไปด้านข้าง กระทบนักท่องเที่ยวสองคนที่กำลังเดินผ่านมาพอดี กระเป๋าเป้ที่ฉันจะพายที่ไหล่ขวา ไหลตกกระทบพื้นพร้อมๆกับสะโพกของฉัน

"โอย..." ฉันสงเสียงร้องคราง มือพยายามจับสำรวจบริเวณที่ตกกระทบพื้น
"แก... ขอโทษ เป็นไรป่าว ชั้นไม่นึกว่าแกจะ... อ่อนแอขนาดนี้" เอิร์นกล่าวขณะที่ทรงตัวยืนขึ้น และยื่นมือช่วยดึงแขนฉันให้ลุกขึ้น นักท่องเที่ยวที่อยู่ข้างๆฉันหยิบกระเป๋าเดินทางส่งให้ฉันคืน พร้อมบ่นพึมพำอย่างไม่ค่อยเป็นมิตรนักเป็นภาษาที่ฉันไม่เข้าใจ แล้วก็เดินจากไป

ฉันหันกลับมายังน้องแฝดของฉัน ที่ยืนเอามือกอดอกอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก และดูเหมือนจะหงุดหงิดเล็กน้อย ฉันมองกลับ แต่ไม่ได้พูดอะไร... ทำให้เธอต้องเป็นฝ่ายเปิดประเด็น

"ของฝาก??"

ฉันยิ้มเบาๆให้กับเหลือเกินของฝาแฝดฉัน แต่ก็รู้สึกดีใจ ที่เอิร์นยังมีนิสัยขี้เล่นไม่เปลี่ยนไปจากเดิม

"เอิร์น... ชั้นเหนื่อยมากเลยแก... พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกทีได้มั๊ย"
"อืม ก็ได้ มา จะพาไปขึ้นรถ"

ฉันค่อยๆเดินตามเอิร์นไปยังที่จอดรถ ที่ค่อนข้างไกลพอสมควร เอิร์นพยายามเล่าเรื่องเพื่อนๆของเธอให้ฟัง เรื่องแฟน เรื่องงาน เรื่องแม่ ฉันรู้สึกล้าเกินกว่าที่จะตั้งใจฟังรายละเอียด แต่ก็ปล่อยให้เธอพูดต่อไป ปกติเอิร์นเป็นคนพูดมากอยู่แล้ว เธอคงไม่รังเกียจ ที่จะต้องเล่าอีกครั้งตอนที่สมองฉันทำงานดีกว่านี้

กลับมาถึงห้องคอนโดชานเมืองที่เราซื้อไว้สำหรับเป็นที่พักเวลาเข้ากรุงเทพ ที่นี่เป็นที่ที่พักของเอิร์นซะส่วนใหญ่ เธอทำงานเป็นนักเขียนโปรแกรมให้กับบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่ฉันจำชื่อไม่ได้แล้ว ส่วนแม่ของฉันหลังจากเกษียณราชการ ก็พักอยู่ที่บ้านที่ต่างจังหวัด ฉันไม่ได้สังเกตดูความเปลี่ยนแปลงในห้องมากมายนัก ความรู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งทวีเพิ่มขึ้นอย่างที่ฉันอธิบายไม่ถูก ฉันวางกระเป๋าเดินทางและเป้ลงบนพื้น เดินไปยังโซฟา บอกกับเอิร์นว่าของฝากอยู่ในกล่องสีส้มในกระเป๋าเดินทาง แล้วล้มตัวลงนอน...


***************************************************************


ฉันตื่นขึ้นมาอีกที มองนาฬิกาแสดงเวลาบ่ายสามโมง ฉันหลับไปนานถึงสิบกว่าชั่วโมงเลยหรือนี่!? ฉันพยายามนึกย้อนกลับไป เมื่อวานเอิร์นรับฉันจากสนามบินตอนห้าทุ่ม และกว่าเราจะเดินทางมาถึงห้องพักก็ประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ แสดงว่าฉันหลับเป็นตายด้วยความเหนื่อยกว่าสิบห้าชั่วโมงเต็มๆ! เอิร์นสังเกตเห็นฉันตื่น ทักทายอย่างร่าเริงแจ่มใส ฉันพยายามยิ้มทักทายกลับ แต่ไม่สามารถทำได้เต็มที่... ฉันยังรู้สึกเหนื่อย และล้า... แม้ว่าจะได้หลับอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม และที่สำคัญ... ฉันรู้สึกหิวเหลือเกิน... ฉันตรงเข้าไปยังห้องน้ำ อาบน้ำ บางทีฉันอาจจะรู้สึกดีขึ้น

อาบน้ำเสร็จ ฉันหยิบเสื้อผ้าของเอิร์นมายืมใส่ชั่วคราว เนื่องจากเสื้อผ้าส่วนใหญ่ของฉันเหมาะกับอากาศอันหนาวเย็นของยุโรปมากกว่าอากาศร้อนชื้นแบบเมืองไทย ฉันและเอิร์นเดินออกจากห้อง ลงลิฟต์ไปยังด้านล่าง ตั้งใจจะไปยังร้านอาหารปากซอยเพื่อหาอะไรกิน ด้านนอกของตึก แดดต้นเดือนกุมภาพันธ์ของกรุงเทพแผ่รังสีความร้อนอย่างไร้ความปราณี เนื่องจากการไม่เคยชินกับแดดจ้าเป็นเวลาหกปี ทำให้ฉันต้องหรี่ตาลง ฉันเดินข้างๆเอิร์นออกจากตึก ทันใดนั้น ร่างกายของฉันที่กระทบกับแสงแดดทำให้ฉันต้องร้องกรี๊ดออกมาอย่างเสียงดังเนื่องจากความรู้สึกร้อนเหมือนถูกเผา... ฉันรีบวิ่งกลับเข้ามาหลบในร่มทันที... เอิร์นมองฉันอย่างแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง... ฉันและเอิร์นทั้งคู่เงียบสักพักหนึ่ง บรรยากาศรอบๆเราทั้งสองคนเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยความมึนงง เอิร์นดูเหมือนจะสรุปเหตุการณ์ได้เร็วกว่าฉัน  

"กระแดะ!" เอิร์นพูดประชดแกมๆล้อเล่น

ฉันยิ้มให้กับเอิร์นเบาๆ ยังงงกับตัวเองไม่หายอยู่ดี

ฉันพยายามอีกครั้ง... อาจจะจริงอย่างที่เอิร์นว่า กระแดะ ทำเป็นรับแดดเมืองไทยไม่ได้... ฉันค่อยๆเดินออกจากร่มใต้ตึก ไปยังด้านนอกที่แสงแดดส่องจ้าอีกครั้ง ทันทีที่ผิวของฉันสัมผัสกับแสงแดด ร้อน... ร้อนมาก... ร้อนจนผิดปกติ... ฉันพยายามให้กำลังใจกับตัวเองว่า ฉันต้องปรับตัวเข้ากับแสงแดดที่ร้อนเป็นไฟของเมืองไทยให้ได้ ร้อนเผาเลาญเป็นไฟ... ร้อนจนผิดปกติ ฉันเริ่มหายใจไม่ถนัด ดูเหมือนว่าความร้อนกำลังจะฆ่าฉัน!! อีกครั้ง ฉันวิ่งกลับเข้ามาในร่มอีกที หายใจหอบ เหงื่อตก ตัวฉันสั่นด้วยความกลัวและช็อค และเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจกับร่างกายของตัวเอง... เอิร์นรีบวิ่งเข้ามาหาฉันทันที ร้องด้วยความตกใจ

"แอนนนน ไปอะไรรึเปล่า!? หน้าแกซีดมากๆเลย ถ้ายังปรับตัวเข้ากับแดดไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรนะ กลับไปรอที่ห้องก็ได้ เดี๋ยวชั้นไปซื้อกับข้าวคนเดียวก็ได้"

"อืม... โทษทีแก... ชั้น ไม่ไหวจริงๆ..."

"ไม่เป็นไร แกกลับไปรอที่ห้องซะ เดี๋ยวชั้นไปสั่งอะไรมาให้กิน แกอยากกินอะไร?"

"ไม่รู้ดิ แก อะไรก็ได้ ชั้นหิวมากๆเลย"

"อืมๆ ไปๆ ไปรอที่ห้อง แกดูท่าทางไม่ค่อยสบายเท่าไหร่... อะไรว๊า...กลับมาจากเมืองนอกแล้วไม่ถึกเหมือนเมื่อก่อนเลย..." ประโยคสุดท้ายดูเหมือนว่าเอิร์นจะบ่นพึมพำแล้วก็เดินออกไป ตรงไปยังร้านอาหารหน้าปากซอย ฉันหันหลังกลับ เดินตรงไปยังลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังห้องพัก ก่อนลิฟต์ปิด ฉันสังเกตเห็นยามรักษาความปลอดภัยของคอนโดมองฉันอย่างแปลกๆ ฉันไม่สนใจ...

มาถึงในห้อง ฉันค่อยๆนั่งลงที่โซฟา... ฉันรู้สึกอ่อนเพลียอย่างบอกไม่ถูก ความร้อนจากแสงแดดที่ฉันได้รับยังทำให้ฉันใจสั่นไม่หาย แปลก... แปลกเหลือเกิน... ฉันรู้สึกเหมือนบางอย่างผิดปกติไป ผิดไปอย่างมากๆ!!

ฉันนั่งรอเอิร์นด้วยความหิวอย่างมหาศาล กว่าครึ่งชั่วโมงแล้วเอิร์นยังไม่กลับมา ฉันเริ่มรู้สึกโมโห... โมโหหิว... ดีจัง อย่างน้อยนิสัยเดิมของฉันก็ยังไม่เคยเปลี่ยน

ทันใดนั้น เสียงกุญแจไขที่ประตูห้อง เอิร์นกลับมาพร้อมถุงต้มยำอะไรสักอย่างร้อนๆ กับกับข้าวอื่นๆถุงเล็กๆอีกสองสามอย่าง ฉันรีบช่วยจัดแจงอาหารวางบนโต๊ะทันที เมื่อเราทั้งสองพร้อมที่จะรับประทานอาหารแล้ว ฉันรีบเป็นฝ่ายเปิดงานทันที

"กินละนะ!!" ฉันร้องบอกเอิร์นก่อนลงมือตักกับข้าว... ลังเลใจเล็กน้อยว่าเลือกใช้คำถูกต้องหรือเปล่า เนื่องจากไม่แน่ใจว่าก่อนกินข้าวต้องพูดเป็นภาษาไทยว่าอะไร แต่ความลังเลไม่อาจหยุดยั้งความหิวโหยกระหายของฉัน

กับข้าวอย่างแรกที่ฉันเลือกดูเหมือนจะเป็นผัดผักรวมมิตรใส่เนื้ออะไรสักอย่าง ฉันไม่สนใจ วินาทีนี้ ฉันกินทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหมู ไก่ วัว หมา แมว เอ๊ย... ไม่ใช่สิ สองอย่างหลังนี่ ขอละไว้ดีกว่า ฉันตักกับข้าวผสมกับกับข้าวในจานของฉัน ตักเข้าปาก... ฉันต้องรู้สึกผิดหวังกับรสชาติของอาหารอย่างมาก อาหารไทยที่ฉันไม่ค่อยจะได้กินตอนที่เรียนอยู่ที่ประเทศเยอรมัน แต่เนื่องจากความหิวจัด บังคับให้ฉันกลืนอาหารลงไป ไม่สำเร็จ...! ฉันบังคับตัวเองให้กลืนอาหารลงไปไม่สำเร็จ ที่แย่ไปกว่านั้น รสชาติที่น่าขยะแขยงของอาหารทำให้ฉันต้องบ้วนอาหารทิ้งออกมาจากปาก ฉันสังเกตเห็นอาหารตกลงไปใจจานกับข้าวจานอื่นๆ... ไม่มีเวลาได้ขอโทษเอิร์น ฉันวิ่งเข้าไปอาเจียนต่อในห้องน้ำ บ้วนปาก เอาอาหารที่เล็ดลอดเข้าไปในระบบร่างกายออกให้หมด... ฉัน... งง กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวฉันเอง.... ฉัน... คนที่ปกติแล้วกินมากกว่าคนอื่นๆใดในโลก... คายอาหารทิ้งทันทีที่พยายามกลืนลงท้อง...  

สักพักเมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้ว ฉันค่อยๆเดินออกมาจากห้องน้ำ... เอิร์นดูเหมือนจะ "อิ่ม" เธอกวาดอาหารที่แทบจะไม่ได้แตะ ทิ้งลงในถังขยะ... เอิร์นไม่ได้พูดอะไร แต่ดูเหมือนไม่ค่อยพอใจ... ไม่ค่อยพอใจมากเลยทีเดียว

ฉันช่วยเอิร์นเก็บกวาดจานที่อยู่บนโต๊ะ และช่วยล้าง... เราทั้งสองต่างเงียบอีกครั้ง ฉันทำลายความตึงเครียดโดยการเปิดบทสนทนาเล็กๆ

"ขอโทษนะเอิร์น... ชั้น... "

"ช่างเหอะ ชั้นเข้าใจว่าแกยังไม่ชิน..."

ฉันสบสายตากับฝาแฝดของฉัน... สายตาของเอิร์นบ่งบอกถึงความกังวลและเป็นห่วงเล็กน้อย ฉันถอนหายใจเบาๆ

"ชั้นต้องออกไปข้างนอก อาจจะกลับดึก แป้ง เพื่อนร่วมงานของชั้นชวนไปฉลองงานงวันเกิด ชั้นอาจจะกลับประมาณตีสอง ตีสาม แกอยู่คนเดียวได้นะ?"

ฉันพยักหน้าตอบรับทันที ต้องการแสดงให้เอิร์นเห็นว่า ฉันโตแล้ว เป็นผู้ใหญ่พอที่จะดูแลตัวเองได้...

"ถ้ามีอะไร ก็โทรเข้ามือถือละกัน..."

ฉันพยักหน้าตอบรับอีกครั้ง ฝึนตัวเองให้ยิ้มเบาๆ เพื่อผ่อนคลายความกังวลของน้องสาวฝาแฝด


เอิร์นออกจากห้องตอนหกโมงกว่าๆ เธอไม่ได้พูดอะไรมากมายนัก เหมือนๆกับฉัน แต่การพูดคุยในกรณีของฝาแฝดบางครั้งก็ไม่จำเป็น เอิร์นดูเหมือนจะอ่านความรู้สึกของฉันออก แม้ว่าฉันจะไม่ได้เจอเอิร์นมาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม เหมือนๆกับฉัน ที่สัมผัสความรู้สึกของเอิร์นได้เช่นกัน ฉันค่อยๆเปิดกระเป๋าเดินทาง จัดเก็บข้าวของมากมายมหาศาลให้เข้าที่เข้าทาง นำเสื้อผ้าบางตัวลงตะกร้าสำหรับซัก ความรู้สึกหิวทรมานยังคงอยู่ ฉันพยายามนึกถึงสิ่งที่อยากกิน... แต่ทุกครั้ง ที่ฉันนึกถึงภาพอาหาร ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม อาหารไทย อาหารฝรั่ง ทำให้ฉันรู้สึกอยากอาเจียนมากพอๆกัน... ฉันล้มตัวลงนอนบนโซฟาอีกครั้ง ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่ม ยังเร็วเกินไปที่จะเข้านอน ฉันไม่รู้สึกง่วงนอน แต่ฉันหิว... ความรู้สึกหิวที่ปนๆกับความรู้สึกกระหาย... แต่เมื่อคิดถึงอาหาร ทำให้ฉันต้องข่มตัวเองให้หลับอีกครั้ง... ฉันหวังว่า พรุ่งนี้เช้า... ทุกอย่างจะดีขึ้นกว่าเดิม ทุกอย่างจะเป็นปกติ...

ฉันตื่นขึ้นมา... ฉันดีใจที่ฉันประสบความสำเร็จในการบังคับตัวเองให้หลับ แม้ข้างนอกจะยังมืดอยู่ก็ตาม แต่...ให้ตายเถอะ... อาการหิวของฉันยังอยู่... มันช่างทรมานเหลือเกิน... ฉันทนไม่ไหว มองนาฬิกา เที่ยงคืนกว่าๆ... ฉันเดินไปเปิดตู้เย็น ว่างเปล่า ดูเหมือนว่าเอิร์นจะไม่ได้ซื้ออะไรมาเก็บไว้ในตู้เย็น ฉันเดินไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา พยายามนึกว่า ฉันสังเกตเห็นร้านเซเว่นอีเลฟเว่นแถวไหนใกล้ๆ ฉันเดินออกจากห้อง ลงลิฟต์ ออกจากตึก พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้นึกถึงภาพอาหาร... ฉันวางแผนไว้ว่า ฉันจะซื้ออะไรก็ตามที่กินได้ หลับตา ปิดจมูก และยัดเข้าปาก... เพื่อให้ไอ้อาการหิวทรมานนี่หายไป...

ฉันค่อยๆเดินไปตามถนนในซอย ที่แม้จะไม่ดูเปลี่ยวนัก แต่ในเวลาเที่ยงคืนกว่าๆแบบนี้ นานๆจะมีรถยนต์ผ่านมาสักคัน ที่ทางเดินฝั่งตรงข้าม ฉันเห็นร่างคนๆหนึ่งเดินมาในทิศทางที่สวนกับฉัน แสงไฟบริเวณที่บุคคลคนนั้นเดินอยู่ ดูเหมือนจะเสีย ทำให้บริเวณนั้นค่อนข้างมืด เมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้ร่างนั้นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย ฉันเพิ่งสังเกตเห็นว่าร่างนั้นหยุดอยู่กับที่... และดูเหมือนว่ากำลังจะข้ามถนน ทุกอย่างดูเหมือนว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร แม้บริเวณนั้นจะค่อนข้างมืด... แต่ท้องถนนแทบจะไม่มีรถผ่านมา

แต่ว่าในช่วงพริบตาเดียว ดูเหมือนเทพเจ้าจงใจกลั่นแกล้ง จังหวะที่บุคคลนั้นอยู่กลางถนนนั้น รถยนต์คันหนึ่งขับมาด้วยความรวดเร็ว ชนเข้าที่บุคคลคนนั้นท่างกลางความมืด ร่างผู้เคราะห์ร้ายกระเด็นจากจุดเกิดเหตุประมาณเกือบสามเมตร ลอยไปชนกับต้นไม้ข้างทางที่เหมือนมีแสงไฟสว่างกว่า เจ้าของรถยนต์ดูเหมือนจะรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาชะงักพักเล็กๆ และเมื่อสังเกตเห็นฉัน เขารีบขับหนีไปทันที!!! ฉันพยายามจำเลขทะเบียนรถ แต่ให้ตายเถอะ... ฉันมองไม่เห็น... ภายในพริบตาเดียวรถเก๋งสีดำคันนั้นก็หายลับตาไป นอกจากฉันแล้ว... ณ ที่แห่งนี้ไม่มีใคร ฉันรีบวิ่งไปยังผู้บาดเจ็บ เขายังไม่ตาย!!! แต่ดูเหมือนจะไม่รอด... ร่างของผู้เคราะห์ร้ายดิ้นชักอยู่บนพื้น นองไปด้วยเลือด... เลือด... ฉันตกใจทำตัวไม่ถูก ฉันไม่รู้จะช่วยเหลือเขาอย่างไหร่... ฉันไม่ได้พยายามตะโกนให้ใครช่วย... เนื่องจากฉันไม่คิดว่าจะมีใครได้ยิน... ณ ที่แห่งนี้ ณ จุดๆนี้ มีแต่ถนนทางผ่านที่ว่างเปล่า ไม่มีบ้านผู้คน ไม่มีร้านค้า ไม่มีใครสักคน นอกจากฉัน และผู้เคราะห์ร้ายที่นอนชักปางตายและนองไปด้วยเลือด...  

เลือดที่... หอม...เย้ายวน... เลือดที่... กระตุกต่อมกระหายที่คอของฉัน... ที่ส่งสัญญาณมายังบริเวณฟันเขี้ยวทั้งสองข้าง

ร่างกายที่แปลกประหลาดของฉันดูเหมือนจะแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ของเหลวสีแดงที่ไหลออกมาจากร่างผู้เคราะห์ร้าย... ด้วยความไม่คาดฝัน ฉันกัดลงที่คอของชายผู้นั้น ปลิดชีวิต ปลดปล่อยเขาจากความทรมาน...

ในขณะเดียวกันนั้น ความหิวแสนทรมานที่ฉันเคยมี... หายไป

จากคุณ : myladyannbook
เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 23:58:41




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com