เก็บแผ่นดินใจไว้ปลูกรัก 6 : ภาษีของหนุ่มในเครื่องแบบ
|
 |
บทที่แล้ว http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11881254/W11881254.html
บทที่ 6 ภาษีของหนุ่มในเครื่องแบบ
หมวดนิวหรือร้อยตำรวจโทธนัท วิชยะ เดินยิ้มตรงเข้ามาในร้านโดยมีร่างท้วมพุงกระเพื่อมของจ่าดุลเดินอาดๆ ตามหลังมา พิศงามตาวาวเป็นประกายไม่ต่างจากลูกสาวเมื่อเห็นหนุ่มในเครื่องแบบโดยลืมไปว่าสามีเพิ่งกลับมาและนอนหลับอุตุอยู่บนบ้าน ความจริงเธอไม่ได้คิดอะไรเลยเถิดกับนายตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอหมากแข้งผู้มาใหม่ในเวลาไม่ถึงสองเดือนหรอก แต่บังเอิญว่าความหล่อสะอาดสะอ้านแถมอยู่ในเครื่องแบบพอดีตัวทำให้คนมองเพลิดเพลินเจริญตาจนอยากพูดอยากคุยด้วย
แหม...ก็คนบ้านนาดีช่วงนี้แต่งตัวซกมกมอมแมม เหม็นกลิ่นเหงื่อเพราะต้องออกไปเก็บเกี่ยวข้าวเดินท่อมๆ บางคนก็เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย ไม่มีใครหรอกที่จะหน้าผ่องโดดเด่นมานอกจากพวกครู ตำรวจ แล้วก็พวกทำงานในอำเภอ อ้อ...ยังมีสาวๆ ที่ไร่นับดาวที่พอดูดีอยู่บ้าง แต่ก็ยังมีคราบบ้านนอกอยู่เต็มๆ
ต๊าย ไปไงมาไงเหรอจ๊ะหมวดสุดหล่อถึงได้แวะมาที่นี่ กินอะไรมาหรือยังคะ ถ้ายังไม่กินก็สั่งมาได้เลยค่ะเดี๋ยวพิศทำให้แป๊บเดียว
ขณะพูดก็วางมือที่กำลังหั่นหมูหยุดมองหมวดหนุ่มเพิ่งมาใหม่พร้อมกับข่าวลือว่าโสด อันนี้แหละสำคัญนักแล... ไม่ใช่ว่าคาดหวังจะจีบไว้ให้ตัวเองหรอก แต่ตามประสาของคนบ้านนอกก็อยากได้ลูกเขยเป็นข้าราชการใส่เครื่องแบบโก้ๆ ผิวพรรณดีหน้าตาดีเหมือนนักธุรกิจที่ใส่สูทถือกระเป๋าเอกสารเดินเข้าออกขึ้นลงตึกสูงหลายสิบชั้นเหมือนในละคร ถึงลูกสาวจะยังเรียนไม่จบแต่เล็งๆ ไว้สร้างความสนใจกันไว้ก่อนก็เหมือนวางรากฐานไว้มั่นคง
บังเอิญวันนี้ผมออกมาตรวจพื้นที่ครับ ผ่านมาทางนี้ท้องร้องจ๊อกๆ พอดีจ่าดุลบอกว่ามีร้านอาหารอยู่ตรงนี้ก็เลยแวะเข้ามาหาอะไรกิน มีเมนูอะไรเด็ดๆ จะนำเสนอไหมครับ
ฮู้ย เมนูเด็ดน่ะเหรอ อยากกินอะไรล่ะคะเดี๋ยวพี่จะหาให้ พิศงามพูดพลางทำไม้ทำมือ
ขณะนั้นเฟินรีบจุ่มผักลงน้ำในกาละมังอย่างลวกๆ แล้วเอาขึ้นใส่กาละมังที่ว่างก่อนจะถือเดินกลับมาหามารดาอย่างรวดเร็วผิดกับตอนถูกใช้ในคราวแรกอย่างลิบลับ
ฤทธิ์แรงเสน่หาของคนหล่อในเครื่องแบบช่างเร้าใจและยั่วยวนสาวน้อยวัยเรียนมัธยมปลายจนใจเต้นไม่เป็นส่ำ ปรารถนาจะเข้าไปเสนอหน้า...ไม่ใช่สิ เสนอทั้งใบหน้าและเนื้อตัวให้หมวดนิวได้เห็นว่าฉันนี่แหละหน้าตาดี อยู่ในวัยขบเผาะชวนให้หลงใหลและใฝ่หา แต่ยังไม่ทันจะวางกาละมังลงบนโต๊ะเสียงเล็กเสียงน้อยเชิงเย้าแหย่ของจ่าดุลก็ดังขึ้น
พี่ดุลก็หิวเหมือนกันนะจ๊ะน้องพิศไม่คิดจะถามกันบ้างเหรอ
แหม...ก็เห็นพี่ดุลเป็นตำรวจที่สมบูรณ์แล้วนี่จ๊ะก็เลยนึกว่าจะไม่อยากกินข้าวกินปลา ว่าแล้วก็หลุบตามองพุงกลมของจ่าดุลด้วยสีหน้าล้อเลียน
เฟินเดินผ่านหน้าจ่าดุลไปยิ้มรับหมวดหนุ่มแล้วเอ่ยเชื้อเชิญด้วยรอยยิ้มอันแสนจะบรรจงที่คาดว่าจะงามล้ำเหลือสาววัยละอ่อนใดในหมู่บ้านนาดี
หมวดนั่งก่อนสิคะ ดื่มน้ำอะไรดีคะ
ธนัทยิ้มบางๆ ก่อนจะตอบว่า ของผมเอาน้ำเปล่า จ่าจะกินอะไรก็สั่งนะครับ
ว่าแล้วก็เดินไปทรุดตัวลงนั่งถัดจากโต๊ะของชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว ตำรวจหนุ่มในเครื่องแบบหยุดสายตาที่หญิงสาวผมยาวตรงรวบไว้ข้างหลังอย่างง่ายๆ เปิดใบหน้ารูปไข่นวลเนียนผุดผาด แต่เมื่อเลื่อนสายตาไปยังชายหนุ่มอีกคนธนัทก็ย่นคิ้ว
ข้อมูลบางอย่างที่ได้รับมาทำให้หมวดนิวเขม้นมองชายหนุ่มผิวเข้มอย่างสงสัย ขณะเดียวกันอารมณ์ประสาชายหนุ่มเห็นสาวสวยที่เพิ่งเกิดขึ้นกับหญิงสาวนั่งถัดไปทำให้เขานึกเสียดาย หากว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันก็น่าเสียดายนักในเมื่ออีกฝ่ายไว้ผมยาวท่าทางเหมือนโจร
นี่ค่ะหมวด น้ำเปล่าเย็นเจี๊ยบ ดื่มแล้วสดชื่นไปทั้งวัน เฟินวางแก้วน้ำลงด้วยท่าทางกระชดกระช้อยแถมท้ายด้วยคำหยอกเอิน
ขอบใจจ้ะหนู
ชื่อเฟินค่ะ เด็กสาวรายงานตัวทันที
ฮื้อ...ไปตกถังน้ำหอมถังแห้งที่ไหนมาน่ะอีหนู ถึงได้หอมฉุยขนาดนี้ จ่าดุลท้วงขึ้นตรงๆ ก่อนเฟินจะอ้าปากพูดต่อเมื่อสังเกตเห็นดวงหน้าของเด็กสาวรุ่นหลานเนียนผ่อง กลิ่นน้ำหอมหรือกลิ่นแป้งรุนแรงโชยมาเตะจมูกจนแทบหงายหลังตกเก้าอี้
แหม...หนูก็หอมอย่างนี้ตลอดแหละ ลุงจ่าล่ะก็
พิณไพลินแกล้งกระแอมอย่างฉุนๆ ที่ดูเหมือนว่าแม่ค้ากับลูกสาวแม่ค้าจะสนใจแต่แขกผู้มาใหม่ ในขณะที่โต๊ะเธอยังไม่ได้น้ำสักแก้ว พิณจะกินวันนี้นะจ๊ะพี่พิศ แล้วน้ำน่ะ... คนมาทีหลังทำไมได้ก่อนล่ะ สองมาตรฐานนี่
ประโยคของเธอทำเอาหมวดนิวเบนความสนใจจากเฟินกับจ่าดุลไปยังหญิงสาวผมยาวดำขลับทันที ประกายตาของนายตำรวจหนุ่มวับวาวอย่างพึงใจ แต่หญิงสาวกลับขึงตาใส่เขาแวบเดียวราวกับคิดว่าเขาเป็นต้นเหตุของการลำเอียง เขายิ้มให้เธอตรงๆ เพื่อผูกไมตรีแต่ไอ้หนุ่มผมยาวดันหันมาสบตาเขาพอดี
ดูตรงๆ หน้าตาก็หล่อเข้มใช้ได้ทีเดียว แต่สายตาคู่นั้นสิมันดูจะรู้ทันจนหมวดธนัทต้องขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจ
อ้าว หนูพิณ วันนี้มากินข้าวนอกบ้านเหรอ เอ๋...พาหนุ่มมากินข้าวนี่เอง จ่าวัยเกือบห้าสิบปีทักทายเมื่อเพิ่งสังเกตเห็นหญิงสาวรุ่นลูกที่นั่งอยู่ก่อน
แขกของโฮมสเตย์ค่ะลุงจ่า พิณไพลินเน้นเสียง เขาจ้างให้พามาเที่ยวหมู่บ้าน
เธอเน้นคำว่า จ้าง ให้ชัดทีเดียวพลางหันไปมองหน้าของเฟินที่นำแก้วน้ำมาวางให้นิดหนึ่ง ทีเอามาให้เธอกับนายตั้งล่ะก็ทำหน้าราบเรียบสนิท ทีเอาไปประเคนคนในเครื่องแบบล่ะก็ยิ้มจนปากจะฉีกไปถึงหู
งั้นหรอกเรอะ นึกว่าแฟน อย่างนี้ลูกชายลุงก็ยังมีหวังสิเนี่ย
พิณไพลินทำหน้ามุ่ยขึ้นมาทันทีเมื่ออยู่ๆ จ่าดุลก็พูดจับจองตัวเธอไว้ให้ลูกชายของตัวเองหน้าตาเฉย ยิ่งเห็นสีหน้าขบขันของนายตั้งแล้วเธอก็ได้แต่เม้มปากอย่างขัดเคืองใจ
พ่อโก้ที่ว่าเป็นหมอตอนควายน่ะเหรอพี่จ่า เสียงพิศงามโพล่งขึ้นมาแล้วก็ต้องรีบสับหมูต่อเมื่อเห็นสายตาพิณไพลิน
ใช่แล้วไอ้โก้นั่นแหละ จะมีใครในเมื่อมีลูกชายอยู่คนเดียว อายุปาเข้าไปจะสามสิบอยู่แล้วยังไม่ยอมมีลูกมีเมียเป็นตัวเป็นตน ไม่เหมือนเด็กสมัยนี้เล๊ย อายุสิบสี่สิบห้ามันรู้จักมีฟงมีแฟนกันแล้ว อย่างลูกไอ้พันธ์หลานฉันนั่นไง วันก่อนก็เพิ่งไปงานหมั้นมันมา นั่นก็เรียนยังไม่จบแต่ดันท้องป่องเสียก่อน ไม่หมั้นไว้พ่อแม่ทางผู้หญิงก็ไม่ยอมอีกกลัวว่าจะขายหน้าขายตา ไม่รู้ว่าตอนเล่นสนุกกันลืมป้องกันหรือว่าใช้ไม่เป็นก็ไม่รู้นะไอ้ลูกหลานพวกนี้ แต่ก็ดี... มีลูกเร็วทันใช้ ไม่เหมือนไอ้โก้ลูกฉันกับรุ่นหนูพู่หนูพิณจะรออะไรก็ไม่รู้ โสดต่อโสดอย่างนี้ต้องจับมาแต่งงานกันเสียให้รู้แล้วรู้รอด
พิณไพลินสำลักน้ำที่กำลังดื่ม จนคนนั่งโต๊ะด้วยกันหัวเราะในลำคอก่อนจะดึงกระดาษทิชชู่ส่งให้ ประกายตาบางอย่างของนายตั้งทำเอาพิณไพลินหน้าร้อน
เอ...ก็ไหนได้ยินว่ากำลังจีบๆ กับลูกสาวกำนันเผือกอยู่ไม่ใช่เหรอ พิศงามส่งเสียงมาอีกก่อนจะได้ฤกษ์เอากระทะตั้งเตาได้
หนุ่มผมยาวผิวเข้มไม่มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจกับความเชื่องช้าของแม่ค้า ผิดกับพิณไพลินที่ชักจะเริ่มหงุดหงิดเนื่องจากต้องมาทนฟังคนสูงวัยกว่าพูดจาพาดพิงเอาซึ่งหน้า นี่ยังดีนะที่ไม่ขุดเอาเรื่องพ่อกับเรื่องย่าเธอมาพูด สรุปแล้วไม่รู้ว่าการให้ความสนใจกันระหว่างคนในสังคมชนบทมันเป็นเรื่องดีหรือว่าเป็นไม่มีความเป็นส่วนตัวกันแน่นะ?
แสดงว่าอายุมากแล้วสินะ คุณน่ะ ตติยะเย้าเธอพลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่มหลังจากนั่งเงียบฟังคนอื่นสนทนากันมานานพอสมควร
ถ้าอายุยี่สิบสามถือว่าอายุมากล่ะก็ คุณก็เป็นปู่ของความแก่เลยสิ เธอตอกกลับอย่างไม่ยอมแพ้เพราะจำจากบัตรประชาชนเขาตอนมาลงทะเบียนเข้าพักว่ามีอายุประมาณสามสิบกว่า
ถึงคราวที่หนุ่มผมยาวจะสำลักน้ำบ้าง จริงสิ เขาอายุสามสิบสอง ห่างกับเธอเก้าปี ถ้าเธอแก่เขาก็เป็นปู่ของความแก่ ตติยะก้มหน้าลงส่ายหน้าไปมา นี่เขาไม่เคยรู้สึกขำอย่างปรอดโปร่งใจอย่างนี้มาก่อนนานเท่าไหร่แล้วนะ
****************
เพราะมีโทรศัพท์เรียกตัวเนื่องจากมีงานด่วนรออยู่พอกินข้าวเช้าเสร็จอย่างเร่งรีบเต็มไปด้วยการเอาใจใส่ของแม่ค้าและลูกสาวแม่ค้าอย่างเห็นๆ แล้ว ธนัทก็ยิงคำถามใส่จ่าดุลทันทีหลังจากเข้ามานั่งในรถยนต์แล้ว
ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอครับจ่าดุล
เมียของไอ้เติ้งครับ แล้วนั่นก็ลูกสาวของมัน เพราะกำลังสนใจกับการหักพวงมาลัย จ่าดุลเลยไม่ได้ใส่ใจกับคำถามนัก
ธนัทส่ายหน้า สายตายังจับอยู่ที่ชายหญิงสองคน ไม่ใช่ ถ้าสองคนนั้นผมก็ถามไปแล้วสิว่าแม่ค้าคนนั้นชื่ออะไร แต่นี่ผมหมายถึงผู้หญิงผมยาวๆ คนที่นั่งกินข้าวกับผู้ชายตัวดำผมยาวที่นั่งข้างๆ โต๊ะเราน่ะ
อ๋อ...โอ๋...นั่นน่ะเหรอ จ่าดุลเหลียวไปมองหนุ่มผิวเข้มผมยาวที่ยังกินข้าวอย่างสบายอารมณ์กับหญิงสาวนิดเดียว
นั่นน่ะคือหนูพิณ เป็นลูกสาวของนังอร อยู่ไร่นับดาวนอกๆ หมู่บ้านทางไปโรงงานรับซื้อมันของนายไตรภพครับ บ้านนี้มีแต่ผู้หญิงทั้งบ้านเลย เก่งๆ กันทั้งนั้น
เก่งยังไงเหรอ นายตำรวจชักสนใจมากขึ้น
ก็เก่งตั้งแต่รุ่นแม่แล้ว นางอรแม่ของหนูพิณหาเงินเลี้ยงลูกสาวสองคนจนเรียนจบปริญญาตรีหลังจากที่ผัวตายตั้งแต่เด็กแล้วมั้ง ทั้งๆ ที่ญาติฝ่ายผัวก็ไม่ได้กระจอกงอกง่อยแต่เป็นคนกรุงเทพฯ และรวยเสียด้วย แต่เห็นว่าฝ่ายนั้นไม่ยอมรับนางอรเพราะเห็นเป็นคนบ้านนอกก็เลยไม่ได้ช่วยเหลืออะไร พอลูกสาวคนโตที่ชื่อพู่เรียนจบก็ดูแลไร่ต่อจากแม่ ส่วนคนเล็กก็คือหนูพิณคนเมื่อกี้นั่นแหละดูแลโฮมสเตย์
ธนัทพยักหน้า ตาเป็นประกายเพียงแค่ได้ยินเรื่องราวของหญิงสาวที่เพิ่งพบเจอ
แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะ เป็นคนในหมู่บ้านนาดีหรือเปล่า เขาถามถึงชายอีกคน
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ไม่เคยเห็นหน้า คงจะเป็นแขกของโฮมสเตย์นั่นแหละ แต่แขกอะไรปล่อยเนื้อปล่อยตัวยังกับโจร ดีไม่ดีอาจจะเป็นหนึ่งในพวกลักรถยนต์ที่หนีมาตามที่ทางกรุงเทพฯ ประสานงานมาก็ได้นะครับ
ความเห็นลอยๆ แบบไม่จริงจังติดจะขบขันของจ่าดุลทำให้หมวดธนัทพลอยคิดตามไปด้วยจนโยงไปถึงคดีที่เขาดูแลอยู่และได้รับการติดต่อประสานงานจากทางกรุงเทพฯ ให้ติดตามความเคลื่อนไหวของแก๊งลักรถยนต์ที่เคยมีการนำรถลงเรือไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน รอยยิ้มผุดขึ้นบนริมฝีปากของนายตำรวจหน้าหยก
ถ้าเราอยากรู้ว่าหมอนั่นเป็นอย่างที่เราคิดหรือเปล่า เราก็ต้องคอยติดตามความเคลื่อนไหวทุกระยะ ซึ่งคนที่จะให้คำตอบเราได้ก็คือ...
ใครครับ? ความซื่อหรืออะไรก็สุดจะเดาทำให้จ่าดุลยังไม่รู้เท่าทันความหมายของหมวดชั้นสัญญาบัตร
เราอยากรู้อะไรเราก็ต้องเข้าไปหาคนที่อยู่ใกล้ตัวคนนั้นในเวลานั้นสิจ่า และคนนั้นก็คือ น้องพิณ
********************
นายตั้ง ใจตรง กินข้าวเคี้ยวช้าๆ ราวกับว่าจะให้มันแหลกละเอียดจนละลายในปากเหมือนโฆษณาขนมนมเนยในทีวี ท่าทางละเลียดกินทำเอาพิณไพลินกระวนกระวายแกมหมั่นไส้
ฉันต้องรีบกลับไปดูแลโฮมสเตย์นะคะคุณตั้ง เพราะฉะนั้นกรุณากินเร็วกว่านี้ได้ไหม แล้วนี่คุณไม่รีบไปเขียนงานของคุณหรือไง เธอยกเรื่องงานเขามาอ้างเพื่อเร่งเวลา นึกค่อนในใจว่ากินข้าวยังกับผู้ดี
งานของผมต้องการข้อมูล เร่งมากไม่ได้หรอก รอให้มั่นใจข้อมูลพร้อมชัดเจนและเชื่อถือได้ผมถึงจะเริ่ม เขาบอกด้วยรอยยิ้มที่หญิงสาวเห็นแล้วต้องขมวดคิ้ว
นายคนนี้ทำตัวเหมือนมีลับลมคมใน ไอ้ที่คิดๆ และแอบกลัวกันอยู่จะเป็นจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้สิ ยิ่งนึกถึงตอนที่เขาควักเงินออกมาจ่ายเป็นค่ามัดจำที่พักแบบไม่อนาทรร้อนใจเหมือนกับได้เงินมาง่ายๆ ก็ชวนให้สงสัย แต่ก็น่าคิดอีกแหละว่าหากมีเงินเยอะทำไมยังแต่งตัวมอซอทั้งที่คนส่วนใหญ่หากมีเงินเขามักจะแสดงให้คนอื่นเห็นทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการขับรถยนต์คันใหญ่ การแต่งกายดูดีราคาแพง
ดูเหมือนคนถูกมองจะล่วงรู้ เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับเธอและเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามองอะไร
ถ้าคุณยังโยกโย้ ฉันจะไม่พาคุณมาอีกไม่ว่าจะจ้างเท่าไหร่ พิณไพลินขู่แก้เก้อเมื่อถูกจับได้ว่าแอบมอง
คุณอยากกลับไปดูแลโฮมสเตย์ของคุณหรือว่ากลัวผมกันแน่ พิณ เขาเรียกเธอสั้นๆ ฟังดูสนิทสนมจนคนถูกเรียกรู้สึกแปลกพิกล ด้วยความฉงนจึงลองหยั่งเชิงดู
แล้วทำไมคุณถึงคิดว่าฉันจะกลัวคุณล่ะคะ คุณทำอะไรผิดมาอย่างนั้นหรือ
หนุ่มโย่งผิวเข้มวางช้อนลง ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ไม่รู้สิ หน้าตาผมมันเถื่อนๆ เกินไปมั้ง ไม่ได้หล่อสะอาดมีเครื่องแบบเหมือนนายตำรวจคนเมื่อกี้จนสาวน้อยสาวใหญ่เอาอกเอาใจ ว่าพลางบุ้ยปากไปยังโต๊ะที่จ่ากับหมวดนั่งอยู่แต่บัดนี้ไม่มีสองร่างนั้นแล้ว
ฉันไม่ใช่คนบ้าผู้ชายในเครื่องแบบ อย่ามาเหมารวม
แล้วไป อย่างนี้ค่อยมีหวังหน่อย
พิณไพลินเม้มปากหน้าตึงกับประโยคหลังของเขาที่ไม่อาจแปลเจตนาไปทางอื่นใดได้อีก แต่ในเมื่อคนพูดใช้น้ำเสียงราบเรียบไม่มีท่าทางหัวงูออกมาหญิงสาวจึงทำเป็นเฉยเสียและไม่ต่อความ ฝ่ายนั้นจึงตั้งท่าจะกินข้าวต่อไปอีกจนคนรอได้แต่ทำหน้าเมื่อย
เฟิน เฟิน ขอกาแฟให้พ่อหน่อยลูก
เสียงห้าวๆ ของผู้ชายที่ดังมาจากภายในบ้านทำให้คนที่กำลังก้มหน้าจะเอาข้าวเข้าปากชะงักนิดหนึ่งก่อนจะส่งเข้าปากเคี้ยวช้าๆ
หนูชงไม่เป็นนี่พ่อ เสียงเฟินตอบเล็ดลอดออกมาไม่เบานัก หลังจากนายตำรวจกลับไปแล้วเฟินก็กลับเข้าบ้านคงจะไปนั่งเล่นอินเตอร์เน็ตอย่างที่มารดาค่อนเอา
อะไรกัน มันจะไปชงยากอะไร ถามแม่ดูก็ได้ พ่ออาบน้ำก่อน
แม่! แม่! พ่อขอกาแฟแก้วนึง
พิศงามซึ่งกำลังแกะกระเทียมร้องตอบไปด้วยสีหน้าระอาบุตรสาว มันจะอะไรกันนักกันหนาน้านังเฟินนี่ พ่อแกเพิ่งมาทั้งทีจะดูแลหน่อยก็ไม่ได้ เงินทองเขาก็หามาให้กินให้ใช้ไปโรงเรียนวันละสองสามร้อย น่าเบื่อจริงๆ มีลูกก็เหมือนมีเจ้านายมาใช้พ่อแม่ยังกับเป็น( ^o^ )มัน ฉันจะมีไว้ทำไมนะ รู้อย่างนี้เอาแต่ผัวไม่ต้องมีลูกดีกว่า
บ่นยืดยาวแล้วพิศงามก็ย้ายร่างอวบท้วมหายไปทางครัวหลังบ้าน
ทำข้าวผัดให้ด้วยนะจานนึง ประโยคนี้เสียงผู้ชายคนเดิมสั่งผู้เป็นเมีย
จ้า พี่เติ้ง เพราะไม่ได้อยู่แบบคู่ผัวตัวเมียกันมานาน พิศงามจึงเอาอกเอาใจเติ้งเป็นอย่างดี
ไม่ถึงห้านาทีเติ้งก็เดินออกมาตรงส่วนที่พิศงามกำลังทำกับข้าว พร้อมกับแก้วกาแฟในมือ สายตาเหลือบมาลูกค้าชายหญิงที่นั่งอยู่ พอเห็นเป็นลูกของอรวรรณก็เอ่ยทักทาย
อ้าว พิณ วันนี้มากินข้าวนี่เหรอ
จ้ะพี่เติ้ง หญิงสาวตอบสั้นๆ พลางคลึงแก้วน้ำในมือเล่นอย่างไม่รู้จะทำอะไรดีกว่านั้น คนถามเขม้นมองชายหนุ่มอีกคนอย่างไม่เกรงใจด้วยความสงสัย
รอซักครู่นะจ๊ะ วันนี้พี่เติ้งจะไปไหนหรือเปล่า พิศงามถามขณะหยิบจานมาใส่ข้าวผัด
ว่าจะไปบ้านนายไตรภพหน่อย เผื่อนายเขามีอะไรจะปรึกษาหรือให้ช่วยอะไร เติ้งพูดเพื่อให้คนฟังรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญของนายทุนใหญ่ในหมู่บ้านนาดีซึ่งน้อยคนนักที่จะได้เข้าไปคลุกคลีตีโมงด้วย ฝ่ายพิศงามก็ดูจะชอบไม่น้อยที่สามีได้ใกล้ชิดกับคนรวยจากเมืองกรุงที่มาตั้งแหล่งรับซื้อมันสำปะหลังและข้าวอยู่ที่นี่
จริงสิพี่ แล้วอย่าลืมบอกนายไตรภพด้วยนะว่าต้นเดือนหน้านี้เขามีงานถวายสังฆทาน จะมีชาวบ้านจากหลายๆ อำเภอมาทำบุญกัน เผื่อนายเขาอยากจะทำบุญด้วยการตั้งโรงทานใหญ่
ได้สิแล้วจะบอกให้ นายไตรภพแกทำอยู่แล้วแหละ ดีไม่ดีอาจจะพาครอบครัวทางลูกสะใภ้จากกรุงเทพฯ มาด้วยก็ได้
จริงด้วย เอ๊า ได้แล้วจ้ะข้าวผัด
หลังจากรับข้าวผัดจากมือเมียแล้ว เติ้งก็ปรายตาไปทางชายหน้าเข้มที่หันไปสบตากันพอดี กระแสบางอย่างจากดวงตาคมกริบคู่นั้นคงไม่มีอิทธิพลอะไรกับคนที่ไม่มีชนักปักหลัง แต่เพราะรถยนต์ของคนอื่นที่ตัวเองเพิ่งเอามาจอดไว้ในโกดังของนายไตรภพทำให้ระแวงไปทั่วและอดคิดมากไม่ได้ และความคิดก็ผลักดันให้ไม่อยากนั่งกินข้าวที่โต๊ะจึงหมุนตัวเข้าไปนั่งกินข้าวในครัวด้านในแทน แต่กระนั้นก็ยังแอบสังเกตชายแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นในหมู่บ้านนาดีจนกระทั่งสองหญิงชายลุกออกจากร้านไปนั่นแหละจึงได้ขับรถเครื่องไปที่บ้านของนายไตรภพ
****************
ในท้องทุ่งนาเหลืองอร่าม เสียงรถเกี่ยวข้าวสองสามคันครางกระหึ่มไปทั่วทั้งที่อยู่ห่างไกลกันเกือบหนึ่งกิโลเมตร ในขณะที่นาของพู่ชมพูเพิ่งจะกินข้าวเช้าเสร็จ พู่ชมพูก็ทำหน้าที่จัดการเก็บถ้วยชาม เหลือบมองดูคนขับรถที่เริ่มพูดมากขึ้นกว่าเดิมแล้วหญิงสาวก็ได้แต่ค่อนแคะในใจ
นึกว่าจะไม่กินข้าว แน่จริงก็งอนให้ตลอดรอดฝั่งเลยซี้ เธอจะได้ไม่ต้องเปลืองข้าว
รถใครน่ะพี่พู่ เหมือนรถไร่ของนายไตรภพเลย
เสียงของไข่ทำให้พู่ชมพูละสายตาจากตะกร้าที่เพิ่งลำเลียงกล่องพลาสติกลงไปเป็นใบสุดท้ายแล้วเบนสายตาไปเพ่งมองรถสี่ประตูสีดำที่แล่นมาจอดริมทางใต้ต้นประดู่ก่อนจะยืดตัวลุกขึ้น อารมณ์เบิกบานที่เพิ่งเกิดและซ่อนเร้นอยู่ลึกๆ จางหายไป
ผู้บ่าวมาเหรอ เสียงห้าวของพันดุลลอยมาเข้าหู
นี่ก็อีก! ยังจะมีหน้ามาทำเสียงกวนอารมณ์ อุตส่าห์อารมณ์ดีขึ้นมาแล้วเชียว
เธอตวัดสายตามองก่อนจะก้มลงหยิบตะกร้าขึ้นมาถือเตรียมจะเดินไปที่รถแต่คนที่ก้าวลงจากรถส่งเสียงมาก่อนราวกับว่าเธอจะหนีหายไป
ว่ายังไงจ๊ะหนูพู่ รถเกี่ยวข้าวมีปัญหาเหรอ สนใจจะเปลี่ยนเป็นรถของนายภพไหมล่ะจ๊ะ รับรองว่าคิดราคาพิเศษ ไม่แพงเลย ไร่ละเก้าร้อยเท่านั้นเอง คิดค่าขนให้อีกเที่ยวละแปดร้อย ถูกสุดๆ เป็ด ลูกน้องของนายไตรภพส่งเสียงถามมาพร้อมกับท่าเดินกวนๆ
อะไรนะ! ไร่ละเก้าร้อย เนี่ยเหรอถูก รู้ไหมว่ารถคันเล็กมีคนคอยถือกระสอบข้าวเขาเกี่ยวกันไร่ละห้าร้อยเท่านั้นเอง รวมรถขนก็ไม่เกินไร่ละหกร้อยห้าสิบ ถามหน่อยว่าระหว่างหกร้อยห้าสิบกับเก้าร้อยอันไหนถูกกว่ากันไม่ทราบ ขนาดไม่คิดค่าขนนะยังแพงกว่าเกือบครึ่ง คิดค่าขนเข้าไปอีกมันจะตกไร่ละเท่าไหร่ ขูดรีดชาวบ้านกันเกินไปแล้ว
อ้าวน้องพู่ เราก็มีค่านายหน้าด้วยไง อย่างพวกเราก็เป็นนายหน้าหางานให้นายไตรภพก็ต้องมีส่วนแบ่งด้วยใช่ไหมล่ะ แต่จะว่าไป...ถึงจะแพงยังไงก็ยังดีกว่าไปหาคนมาเกี่ยวข้าวนะ สมัยนี้มีแรงงานหรือเปล่าล่ะ รอไปเถอะ ไก่ คู่หูของเป็ดเสริมขึ้นมาอีก
ถึงไม่มีคนมารับจ้างเกี่ยวข้าวก็ไม่ควรคิดราคารถเกี่ยวข้าวแพงขนาดนี้ อย่างนี้เขาเรียกว่าฉวยโอกาสแล้วได้ยินหรือเปล่า
ถ้าอย่างนั้นก็เกี่ยวเองซี้ เกี่ยวเองเลย รับรองว่าไม่เสียเงินซักบาท ถูกดี ว่าแล้วเจ้าสัตว์ปีกทั้งสองก็หัวเราะลั่นอย่างสาสมใจที่เยาะเย้ยหญิงสาวได้
พู่ชมพูเม้มปากแน่นอย่างโมโห แต่คนที่ยืนนิ่งขึงและระงับอารมณ์ยิ่งกว่าพู่ชมพูคือพันดุล จนถึงวันนี้นายไตรภพก็ยังไม่เลิกเอารัดเอาเปรียบชาวบ้านอยู่ และหากเขาเดาไม่ผิดดูเหมือนว่านับวันจะพยายามผูกขาดเรื่องเทคโนโยลีเกี่ยวกับเกษตรกรรมของชาวบ้าน เขารู้ว่าสมัยนี้ต้องใช้เทคโนโลยี แต่ถ้ามันแพงเกินไปจนเหมือนรีดเลือดกับปู แล้วคนทำการเกษตรจะเหลืออะไรเล่า
*****************
ตอบเมนต์ค่ะ คุณ Psycho man ความจริง เด็กสาวในหมู่บ้านชนบทที่สายธารเคยเห็นแรงกว่านี้นะคะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมหรือการเลี้ยงดู ส่วนนายตั้งก็เป็นผู้ชายในนิยายที่พยายามทำให้มีเรื่องสนุก ก็อาจจะมีน่าหมั่นไส้ไปบ้าง ^ ^
คุณห้าสิบป่าย ถ้ามีลูกสาวแล้วพยายามสั่งสอนความรู้สึกนึกคิดดีๆ ตั้งแต่เด็กก็อาจช่วยได้ค่ะ
ขอบคุณกิฟจากคุณ Psycho man กับคุณกุหลาบมอญนะคะ
แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 55 06:05:05
จากคุณ |
:
สายธาร/กนกนารี
|
เขียนเมื่อ |
:
27 มี.ค. 55 06:04:38
|
|
|
|