Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ยมทูต บทที่ 12 เงามรณะ ติดต่อทีมงาน

บทที่ 11 สัญญาณจากสายลม
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11809424/W11809424.html

บทที่ 12

เงามรณะ

กลิ่นธูปที่ตลบอบอวลไปทั่วห้องสร้างความอึดอัดให้กับชายหญิงหลายคนที่กำลังนั่งพนมมืออยู่หน้าหิ้งบูชาขนาดใหญ่ ยิ่งประกอบกับเสียงบริกรรมคาถาด้วยภาษาไม่คุ้นหูด้วยแล้ว บางคนถึงกับบังเกิดความหวาดเกรงจนต้องขยับตัวเบียดผู้ที่มาด้วยกันโดยที่ดวงตานั้นยังคงจับจ้องชายวัยกลางคนที่นั่งหลับตาร่ายคาถาอยู่บนอาสนะและหญิงสาววัยรุ่นที่กำลังนอนกระสับกระส่ายไปมาอยู่กลางห้อง ขณะที่กำลังจ้องด้วยความอยากรู้อยู่นั้นทุกคนก็ต้องสะดุ้งขึ้นสุดตัวเมื่อชายคนนั้นลืมตาขึ้นพร้อมกับตวาดเสียงดังลั่น

“ออกไปจากร่างของผู้หญิงคนนี้ซะ นางผีร้าย!”

หญิงสาวหยุดอาการกระสับกระส่ายและหันไปจ้องหน้าชายผู้นั้นทันที เธออ้าปากหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งก่อนจะตอบเสียงห้วน

“ไม่”

“ถ้าไม่ออกก็ต้องเห็นดีกัน”

ชายผู้เป็นหมอผีกล่าวเสียงดังและหันไปคว้าแส้หวายขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างตัวมาฟาดลงบนพื้นเสียงดังลั่น ผู้คนที่นั่งดูต่างพากันสะดุ้งเฮือกแต่หญิงสาวที่นอนอยู่กลางห้องกลับส่งเสียงหัวเราะพร้อมกับพูด

“คิดว่าข้าจะกลัวเศษไม้นั่นหรือไอ้หมอผีสวะ”

หมอผีไม่ตอบแต่กลับหวดหวายลงไปบนร่างที่นอนอยู่เต็มแรงและนิ่วหน้าด้วยความหนักใจเพราะแทนที่ เจ้าผีร้ายจะหวาดกลัว มันกลับลุกขึ้นนั่งปรบมืออย่างชอบอกชอบใจพร้อมกับจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างท้าทาย

“ตีให้มันแรงกว่านี้หน่อยได้ไหมไอ้หมอผีกำมะลอ แค่นี้มันคันๆว่ะ”

ผู้ที่เข้ามาเฝ้าดูหลายคนเริ่มขยับถอยออกห่างในขณะที่หมอผีขบกรามแน่น เขาวางแส้ลงและหันไปหยิบโถลงยาสีดำหน้าหิ้งมาร่ายคาถา หญิงสาวมองการกระทำของเขาแล้วหัวเราะ

“ข้าสารเสกทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”

ฝ่ายหมอผีไม่กล่าวโต้ตอบอะไร เขาลืมตาขึ้นพร้อมกับเปิดโถออกและหยิบผงสีขาวละเอียดภายในออกมา เจ้าผีร้ายยื่นหน้าเข้าไปใกล้พร้อมกับร้องท้าทาย

“อยากประแป้งให้ข้าเหรอไอ้หมอผีกระจอก”

ผู้ทรงอาคมไม่พูดอะไรแต่กลับลุกขึ้นโรยผงแป้งสีขาวนวลเป็นวงรอบหญิงสาว ผีร้ายที่สิงอยู่ในร่างของเธอมองการกระทำของหมอผีด้วยความงงงันและเตรียมจะพูดคำเย้ยหยันแต่ต้องหยุดชะงักอ้าปากค้างเมื่อเห็นควันลอยคลุ้งขึ้นมาจากผงละเอียดรอบตัว เจ้าผีร้ายร้องลั่นด้วยความตกใจ

“นี่มันอะไรกัน”

“ในเมื่อไม่ยอมออกดีๆก็ต้องใช้กำลังบังคับ” หมอผีพูดเสียงเรียบ “ผงแป้งที่แกเห็นนั่นก็คือกระดูกผีตายโหงเจ็ดป่าช้า ออกจากร่างของผู้หญิงคนนี้ได้แล้วอีผีชั่ว!”

ผู้ทรงอาคมตวาดด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ ควันที่ลอยขึ้นมาจากแป้งหมุนวนรอบตัวหญิงสาวมองคล้ายเงาร่างคนหลายคน ชาวบ้านที่นั่งดูการไล่ผีต่างพากันนั่งตัวแข็งเมื่อเห็นเงาเหล่านั้นยื่นมือทะลุเข้าไปในตัวของหญิงเคราะห์ร้ายลากเงาดำขนาดใหญ่ออกมา มันดิ้นรนขัดขืนอย่างรุนแรงพร้อมกับร้องตะโกน

“ปล่อยข้า”  

วิญญาณผีตายโหงเหวี่ยงเงาดำนั้นลงกับพื้นและใช้เท้าเหยียบเอาไว้ เมื่อเห็นว่าผีร้ายถูกตรึงไว้กับที่แล้วหมอผีจึงหยิบมีดจากพานขึ้นมาบริกรรมคาถาก่อนจะปักลงไปที่บริเวณส่วนหัวของมัน เจ้าผีร้ายผวาขึ้นสุดตัวพร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาอย่างเจ็บปวดก่อนจะสลายหายไป ผู้ทรงอาคมจึงเก็บมีดและหยิบโถลงยาขึ้นมา ผู้คนที่นั่งดูต่างตกตะลึงอีกครั้งเมื่อเห็นผงแป้งลอยขึ้นไปในอากาศและหมุนวนไปตามอาคมที่หมอผีกำลังร่ายก่อนจะค่อยๆเลื่อนไหลกลับเข้าไปในโถตามเดิม ผู้ทรงอาคมจึงเดินกลับไปนั่งที่อาสนะและเริ่มบริกรรมคาถาจากนั้นจึงเป่าลงไปบนร่างของหญิงสาวไล่ตั้งศีรษะจรดปลายเท้าสามครั้ง ผู้ที่นั่งดูต่างชะเง้อมองด้วยความอยากรู้และส่งเสียงพึมพำด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นผู้ที่นอนอยู่เริ่มขยับตัว

“ฉันอยู่ที่ไหน”

คำถามแรกดังขึ้นหลังจากหญิงสาวลืมตาขึ้นและกวาดมองไปรอบตัว หญิงกลางคนนางหนึ่งรีบขยับเข้าไปหาพร้อมกับตอบ

“ที่นี่เป็นตำหนักของอาจารย์คงจ้ะลูก”

“ตำหนักอาจารย์คง” หญิงสาวทวนคำด้วยความงงงันขณะดันตัวขึ้นนั่ง “หนูมาที่นี่ได้ยังไง เกิดอะไรขึ้นทำไมทุกคนถึงมองหนูแบบนั้น”

เธอถามอย่างตระหนกเมื่อพบว่าตนกำลังถูกผู้ที่นั่งรายล้อมจ้องมองเป็นตาเดียว ผู้เป็นมารดารีบแตะแขนของเธอพร้อมกับอธิบาย

“หนูโดนผีเข้าอาละวาดอยู่สองวันแม่เลยพามาให้ท่านอาจารย์ช่วยจัดการให้”

“ผีเข้า? เป็นไปได้ยังไง ทำไมหนูถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย”

หญิงสาวถาม ผู้เป็นแม่ขยับจะตอบแต่ต้องชะงักเมื่ออาจารย์คงถามแทรกขึ้น

“ไม่แปลกที่จะจำอะไรไม่ได้ เอาเป็นว่าจำได้หรือเปล่าว่าสองวันก่อนไปเที่ยวที่ไหนมา”

หญิงสาวนิ่งไปเล็กน้อยคล้ายทบทวนความจำก่อนจะหันไปตอบหมอผีผู้เรืองอาคมด้วยท่าทางลังเล

“หนูไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อน”

“แล้วได้เข้าไปในที่แปลกๆบ้างหรือเปล่า” อาจารย์คงถาม อีกฝ่ายนิ่วหน้า

“พวกหนูแอบไปลองของในป่าช้าของวัดร้างแห่งหนึ่ง ตอนกลางวันก็ไม่เจออะไรเพื่อนเลยนัดไปกันตอนกลางคืนอีกครั้ง ทีแรกก็ไม่เจออะไรแต่ตอนกำลังเดินผ่านเชิงตะกอนเก่าหนูเห็นเงาตะคุ่มพอจะเรียกให้เพื่อนดูมันก็พุ่งเข้ามาหาจากนั้นหนูก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย”

“เด็กสมัยนี้เล่นอะไรกันไม่เข้าท่า” อาจารย์คงพูดเป็นเชิงตำหนิ “เงาที่เห็นน่ะเป็นผีเฝ้าเชิงตะกอน ปรกติแล้วมันจะคอยเก็บน้ำเลือดน้ำหนองศพกินก่อนถูกเผาเท่านั้นไม่ค่อยกล้ามายุ่งเกี่ยวกับมนุษย์นี่คงอดอยากมานานถึงได้ออกอาละวาดสิงผู้คน นับว่ายังโชคดีที่ผีพวกนี้ไม่กินคนเป็น ไม่อย่างนั้นเอ็งก็คงไม่รอดเหมือนกัน”

สีหน้าของหญิงสาวเผือดลงด้วยความหวาดกลัว มารดาของเธอนิ่วหน้าอย่างกังวลก่อนจะถามหมอผี

“แล้วมันจะกลับมาสิงลูกสาวของฉันอีกมั้ยท่านอาจารย์”

“ข้าใช้มีดอาคมส่งวิญาณมันไปนรกแล้ว” อาจารย์คงตอบพลางหันไปหยิบขวดน้ำมาเปิดฝาและบริกรรมคาถาเป่าพรวดลงไปก่อนจะยื่นส่งให้ “แต่ระยะนี้จิตของแม่หนูนี่ยังอ่อน เอาน้ำมนต์นี่ไปดื่มและประพรมใบหน้า สามวันไปแล้วถึงจะปลอดภัย”

มารดาของหญิงสาวก้มกราบหมอผีอย่างนอบน้อมและยื่นมือไปรับขวดน้ำมนต์จากนั้นจึงเปิดกระเป๋าควักธนบัตรใบละพันสี่ห้าใบวางลงในบาตรที่วางไว้อีกด้านก่อนจะจูงบุตรสาวก้าวออกจากห้องด้วยสีหน้าโล่งใจ อาจารย์คงไม่ได้นใจที่จะมองตามแต่กับเลื่อนสายตาไปยังคนที่เหลือพร้อมกับกล่าวเสียงเรียบ

“เอ้า ใครเป็นอะไรก็ว่ามา”

หลังจากจัดการได้รับการรักษาและเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์จากอาจารย์คงเป็นที่เรียบร้อยแล้วทุกคนจึงเริ่มทยอยกันกลับ ทันทีที่คนสุดท้ายก้าวพ้นจากบ้านหมอผีผู้เรืองอาคมจึงผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและกลับเข้าไปนั่งในห้องทำพิธีอีกครั้งเพื่อนั่งสมาธิชำระจิตใจอีกทั้งยังต้องทำการท่องอาคมประจุพลังให้กับภูติผีที่ตนเลี้ยงไว้ ขณะที่กำลังร่ายคาถาอยู่นั้นบ้านทั้งหลังก็ไหวเยือกเหมือนถูกมือขนาดยักษ์โยก อาจารย์คงหยุดการท่องมนต์ทันทีเพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ภัยธรรมชาติหรือฝีมือของมนุษย์ หากแต่เป็นอาคมจากหมอผีด้วยกัน

“อยากลองดีกับข้าอย่างนั้นหรือ”

อาจารย์คงพึมพำพร้อมกับเริ่มร่ายอาคมอีกครั้ง พลันบังเกิดเสียงดังสะทือนเลื่อนลั่นคล้ายมีรถบรรทุกกำลังวิ่งดังมาจากหลังคา หมอผีผู้ทรงอาคมจึงหยิบมีดขึ้นมากวัดแกว่งเหนือศีรษะ เสียงนั้นจึงหายไป

“นึกว่าจะแน่”

อาจารย์คงพูดเบาๆขณะวางมีดลงแต่ต้องชะงักเมื่อมีเสียงต่ำทุ้มดังตอบกลับมาจากทางด้านหลัง

“ก็ไม่เชิง”

หมอผีเลื่องชื่อหันไปดูทันทีและเบิกตากว้างเมื่อเห็นเงาเลือนลางของใครบางคนกำลังยืนแสยะรอยยิ้มอำมหิตโดยมีไอสีดำน่าขนลุกแผ่กระจายออกมาโดยรอบมองคล้ายอสรพิษที่กำลังเลื้อยเข้าหาเหยื่อ อาจารย์คงกระชากเสียงถาม

“แกเป็นใคร”

“อนธการ”

เงานั้นตอบด้วยน้ำเสียงต่ำน่าสะพรึงพร้อมกับปล่อยคลื่นพลังมหาศาลพุ่งออกมา แรงกดดันอันหนักหน่วงของมันทำให้ร่างของอาจารย์คงถึงกับสะท้าน มือที่กำมีดสั่นระริก เหงื่อไหลซึมออกมาจนเปียกโชกชุ่ม หมอผีผู้ทรงอาคมขบกรามแน่นก่อนจะพูดเสียงห้วน

“ข้าไม่รู้จักแก” เขาจ้องเงาลึกลับเขม็ง “มาที่นี่ต้องการอะไร”

“วิญญาณของแก”

อาจารย์คงเค้นเสียงหัวเราะและกล่าวเสียงกร้าว

“พูดน่ะง่าย ถ้าคิดว่าทำได้ก็เข้ามา”

กลุ่มพลังขนาดเท่ากำปั้นผุดออกมาจากเงาประหลาดและพุ่งเข้าใส่หมอผีผู้เลื่องชื่อทันที อีกฝ่ายรีบร่ายอาคมพร้อมกับตวัดมีดในมืออย่างรวดเร็ว มันสร้างคลื่นอากาศอันรุนแรงระเบิดกลุ่มพลังจนพินาศไปในพริบตา อาจารย์คงเหยียดยิ้มอย่างลำพอง

“ของแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก มีอะไรที่แรงกว่านี้ไหม ถ้าไม่มีข้าก็จะขอเป็นฝ่ายบุกบ้างล่ะ”  

เสียงหัวเราะกระหึ่มดังมาจากเงาลึกลับ มันขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะกล่าวเสียงเรียบ

“นั่นแค่ทดสอบพลังของแกเท่านั้น ของจริงคือนี่ต่างหาก”

ไอสีดำคืบคลานเข้าหาหมอผีผู้ทรงอาคมทันทีที่เงานั้นกล่าวจบ อีกฝ่ายรีบลุกขึ้นพร้อมกับเตรียมตั้งท่าสู้แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกจากปลายเท้า อาจารย์คงก้มหน้าลงมองและอ้าปากค้างเมื่อเห็นไอดำอีกกลุ่มกำลังกลืนกินขาของตัวเอง เขารีบใช้มีดตวัดฟันลงไปหมายจะปัดไอทมิฬออกจากตัวแต่ต้องพบกับความตระหนกเมื่อมีดอาคมถูกย่อยสลายกลายเป็นผงทันทีที่สัมผัสกับไอดำ

“นี่มันอะไรกัน”

อาจารย์คงอุทานลั่น เงาลึกลับหัวเราะเบาๆ

“อนธการ สิ่งชั่วร้ายของบรรพกาลจากส่วนลึกใต้พื้นพิภพและมันต้องการอาหารซึ่งก็คือวิญญาณของผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า” ดวงตาสีแดงดุจเปลวเพลิงทอประกาย “ข้าเฝ้าดูแกมานาน แกเป็นหมอผีที่แท้จริงซ้ำยังมีพลังแกร่งมากกว่าพวกหมอผีสวะในแถบนี้ จงดีใจเถิดที่ถูกท่านอนธการเลือก”

อาจารย์คงสบถเสียงดังขณะดิ้นรนขัดขืนไอดำที่เริ่มปกคลุมไปทั่วร่าง แม้จะพยายามร่ายอาคมป้องกันแต่ดูเหมือนจะไม่สามารถทำอะไรไอมรณะเหล่านั้นได้ เขามองเงาที่ยืนตรงหน้าพร้อมกับถาม

“แกก็เป็นหมอผีเหมือนกัน ทำไมถึงไม่ถูกกิน”

“เพราะข้ามีอาคมแกร่งกว่าแก” เงาลึกลับตอบด้วยดวงตาวาว “ลาก่อนอาจารย์คง”

เสียงหัวเราะแผ่วต่ำดังขึ้นเมื่อมันเห็นไอดำครอบคลุมไปทั่วร่างของอาจารย์คงและกำลังดูดกลืนแสงสีฟ้าสดที่หลุดลอยออกมา เมื่อสูบกินจนหมดสิ้นแล้วไอมรณะจึงขยับตัวอย่างเริงร่าพร้อมกับปล่อยคลื่นพลังออกมา จากนั้นมันจึงถอยห่างออกจากร่างของหมอผีผู้เลื่องชื่อเลื่อนกลับไปหาเงาลึกลับซึ่งยืนมองด้วยท่าทางพอใจ มันแสยะยิ้มออกมาอย่างโหดเหี้ยมก่อนจะก้าวออกจากห้องและมลายหายไป

คลื่นพลังอันรุนแรงที่ไอดำปล่อยออกมาหลังสูบกินวิญญาณของอาจารย์คงแผ่กระจายไปโดยรอบและกระทบกับยมทูตพสุธาซึ่งกำลังเก็บวิญญาณคนตายอยู่ในบริเวณนั้น เขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัยในขณะที่ก้อย เด็กหญิงตัวน้อยหนึ่งในวิญญาณทำนายหันหน้าไปยังทิศทางที่เป็นต้นกำเนิดของคลื่นก่อนจะเงยหน้าขึ้นถาม

“ท่านรู้สึกไหม”

พสุธาผงกศีรษะรับพร้อมกับกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ไม่ใช่พลังธรรมดา” เขาคว้าข้อมือเด็กน้อย “ไปกันเถอะ”

ทั้งคู่หายวับไปพร้อมกันและปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งภายในห้องของอาจารย์คง พสุธามองร่างไร้วิญญาณที่นอนตาเหลือกค้างอยู่กลางห้อง เสียงเรียกชื่อด้วยความแปลกใจดังมาจากอีกด้านหนึ่งของห้อง

“ท่านพสุธา” ยมทูตตนหนึ่งก้าวเข้ามาหา “ท่านมาที่นี่ทำไม”

“มีคลื่นพลังบางอย่างพุ่งมาจากบ้านหลังนี้” พสุธาตอบขณะกวาดตามองรอบตัว “เกิดอะไรขึ้นที่นี่หรือท่านจักรา”

“ข้าเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน” ยมทูตระดับสามผู้มีฉายาว่าจักราตอบ อีกฝ่ายหันมามองหน้าเขาพร้อมกับถามด้วยความสงสัย

“ท่านมิได้มารับวิญญาณของชายผู้นี้หรือ”

“เขาไม่ได้อยู่ในบัญชี ที่มานี่เพราะข้าก็สัมผัสถึงคลื่นพลังลึกลับนั่นเช่นเดียวกัน ที่น่าแปลกก็คือเมื่อมาถึงก็ไม่พบวิญญาณของเขา”

“อาจจะมียมทูตตนอื่นมารับไปก่อนหน้านั้นแล้วก็ได้” พสุธากล่าวแต่จักรากลับสั่นศีรษะ

“ข้าตรวจดูแล้ว นับตั้งแต่เช้ายังไม่มียมทูตตนใดเข้ามาในบริเวณนี้”

คำตอบของจักราทำให้พสุธาต้องขมวดคิ้ว

“ถ้าอย่างนั้นวิญญาณเขาหายไปไหน” คำพูดหยุดชะงักเมื่อก้อย เด็กน้อยที่เขาดูแลกำลังยืนจ้องอะไรบางอย่างบนพื้นใกล้ร่างของหมอผียมทูตหนุ่มจึงถาม“มีอะไรหรือ”

“มีดนั่นเหลือแต่ด้าม” เด็กน้อยตอบพสุธามองตามและทำท่าจะหยิบมันขึ้นมาแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อถูกละอองไอสีดำที่หลงเหลืออยู่พุ่งขึ้นมากระทบปลายนิ้ว

“นี่มันอะไรกัน” ยมทูตหนุ่มอุทานขณะมองไอทมิฬที่กำลังสลายหายไป “สัมผัสของมันคล้ายกับคลื่นพลังเมื่อครู่ไม่มีผิด”

เขาจ้องด้ามมีดก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังศพของอาจารย์คงอีกครั้งพร้อมกับพึมพำด้วยสีหน้าตระหนก

“อนธการ”

“ท่านว่าอะไรนะ” จักราถามด้วยความแปลกใจ พสุธาอธิบายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“พลังชั่วร้ายจากบรรพกาล มันเคยสร้างความเลวร้ายให้กับทุกชีวิตบนโลกมนุษย์จึงถูกผู้ทรงคุณธรรมทั้งสี่ทิศขังไว้ใต้พื้นพิภพ”

“ถ้าอย่างนั้นไอดำเมื่อครู่อาจจะไม่ใช่อนธการที่ท่านกล่าวถึงก็ได้”

จักรากล่าวแต่พสุธากลับส่ายหน้า

“อนธการต้องการกลับขึ้นมาบนโลกตลอดเวลา และอัคนีเล่าให้ข้าฟังว่าเมื่อไม่นานมานี้ได้เคยสู้กับมันมาแล้ว โชคดีที่ได้วิญญาณดิบชื่อโป้งคอยช่วยจึงสามารถขับไล่มันกลับลงดินไปได้”

เขาหันไปมองร่างของอาจารย์คงพร้อมกับพูดอย่างเคร่งขรึม

“นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ข้าต้องรีบไปรายงานให้ท่านสัตตภูมิได้ทราบ ส่วนท่าน” พสุธาเลื่อนสายตากลับไปที่จักราอีกครั้ง “เตือนยมทูตทุกตนให้ระวัง อย่าได้เข้าใกล้ไอดำประหลาดหรือคลื่นพลังที่ไม่รู้จักเป็นอันขาด เพราะอนธการสามารถกลืนกินยมทูตได้เช่นเดียวกัน”

เขามองยมทูตจักราด้วยสายตาดุดันดุจเป็นการกำชับก่อนจะหันไปดึงมือก้อย แล้วทั้งคู่ก็อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว

*/*/*/*/*/*

จากที่เคยแจ้งไว้ในกระทู้นิยายเรื่องเซ็นซูว่าจะชะลอเขียนเรื่องยมทูต ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากบก.ท่านหนึ่ง และกรุณาแนะนำว่าให้เขียนจนจบเพื่อนำเสนอผู้ใหญ่ ถึงจะยังไม่แน่นอนแต่ก็เป็นข่าวดีสำหรับมูนนี่ ดังนั้นจึงสามารถลงนิยายเรื่องนี้ให้ผู้อ่านทุกท่านได้จนถึงระยะหนึ่งค่ะ

มาคุยกันค่า ^0^

ทำไมบทนี้มันน่ากลัวผิดปรกติล่ะครับนี่?
ยิ่งตอนต้นๆยังกับคนละเรื่องกันเลย
จากคุณ : Psycho man  
- อืม ถ้าว่ากันตามพล็อตแล้ว เรื่องนี้จะออกแนวหนักค่ะ คือเป็นแฟนตาซีทำลายล้าง แต่ถ้าบทไหนมีเจ้าโป้งออก เนื้อหาก็จะเบาลงนิดนึง แต่บทต่อๆไปจะน่ากลัวมากกว่านี้นะคะ

มาแล้วอีกนิ้ว
จากคุณ : scottie  
- เดี๋ยวมาจนครบแหละค่ะ แหะๆ

ไม่ได้มาอ่านเสียนาน เกือบจะลืมแล้วเชียวว่าอ่านถึงไหน = ="
ปล.คุราม่าของเก๊า -3-~
จากคุณ : AMA-chun  
- ขอโทษค่า >/|\< แต่คุราม่า มูนนี่ชอบมากนะคะ

ชี้จ๋าาาาเค้ารอตะเองอยู่นะ
จากคุณ : Tyra
- อีกสองบทเขาก็มาแล้วค่ะ

วันนี้ปิดท้ายด้วยกินรีค่ะ วาดไว้นานแล้วเพิ่งมาค้นเจอตอนน้ำท่วมนี่เอง เกือบยี่สิบปีแล้วมั้ง ><

 
 

จากคุณ : Moony_Lupin
เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 12:53:45




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com