Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Nativity in black ........2 ติดต่อทีมงาน

ตอนที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11879946/W11879946.html

ความเดิม

“กินเธอซะ..ท่าทางเธอน่าอร่อย ตอนนี้พวกเบื้องบนไม่ได้สแกนสัญญาณแถวนี้ ทุกอย่างปลอดโปร่งใจโล่งใจ “ภูติสาวกระซิบแนะนำข้างหู


***************



“กินยังไง”

ข้าย้อนถามอย่างงงๆ มือเริ่มควานหาคู่มือการกินมนุษย์ในอกเสื้อ แต่ดูเหมือนว่ามันจะหล่นหายไประหว่างการเดินทางเสียแล้ว

“จะยากอะไร...”

ภูตสาวทำเสียงสูงเหมือนรำคาญ บินวนไปมาอยู่รอบตัว

“เห็นไหมว่าสาวน้อยคนนั้นอยู่คนเดียว ยังไม่มีใครผ่านมาแถวนี้ ก็แค่เดินเข้าไป เปิดประตูรถ แล้วลากเธอออกมา แล้วก็เริ่มงับแขนขาของเธอเสียก่อน กินสดๆแบบนั้นเลย พอเธอไม่มีแขนขาก็วิ่งหนีไม่ได้ ต่อไปก็กินสบายๆ ไม่รีบร้อน จะไปเด็ดผักหญ้าข้างทางมาแกล้มด้วยก็ได้”

ข้ากลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก แต่ไม่ใช่เพราะมีความ”อยากกิน” ขนาดนั้น ปัญหาในตอนนี้คือไม่รู้ว่าจะกินเธอคนนั้นจากส่วนใดก่อน แล้วก้างของเธอจะไม่ติดคอแย่หรืออย่างไร

“เร็วเข้า...”

เสียงคู่หูตัวน้อยลงเตือน

“ท่าทางเธอไม่น่าอร่อย”

ข้าพยายามหาเรื่องบ่ายเบี่ยง

“จะมาคำนึงถึงรสชาติอะไรในตอนนี้...เอาอย่างนี้ไหมล่ะ เดี๋ยวข้าจะไปหาเครื่องปรุงมาให้ เอา น้ำปลา มะนาว  พริกสด หอม ตะไคร้ น้ำพริกเผาเดี๋ยวจะไปจัดให้”

“ไม่ต้องยุ่งยากมากเรื่องแบบนั้นก็ได้”


“งั้นก็กินดิบๆ สดๆ เลย เลือดคงหวานซาบซ่านคอพิลึก “

ว่าพลางวีวี่ร์ก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากไปมาทำตาวาวยกมือกางออกมาเบื้องหน้าเหมือนกำลังจะตะครุบเหยื่อ แต่เพราะตัวเล็กเกินไปจึงดูน่าขันมากกว่าจะน่ากลัว

แค่เริ่มต้นก็ยุ่งยากใจแล้ว อะไรกัน...แค่การกินมนุษย์คนหนึ่งทำไมลำบ่กยากใจขนาดนี้ คู่มือก็หายไปแล้วด้วย


“ข้ายังไม่หิว..”

นั่นเป็นการพยายามหาทางออกให้กับตัวเอง แต่เจ้านายตัวน้อยเหมือนจะไม่เข้าใจและไม่ยอมแพ้ เธอบินกอดอกทำหน้าดุเสียงเข้มบอกว่า

“ไม่หิวก็ท่านต้องกิน กินตามหน้าที่ไม่ใช่เพราะความหิว”

“เอ่อ....ยังไม่ต้องรีบร้อนก็ได้นี่นา”

“ทำไมไม่กินเธอให้หมดเรื่องหมดราวแล้วกลับลงเบื้องล่างหมดหน้าที่ของท่าน”
“ข้า...คิดว่าก้างเธออาจติดคอ”

“นั่นมนุษย์นะท่าน ไม่ใช่ปลา จะได้มีก้าง”

“วีวี่ร์ ข้าคิดว่ายังไม่อยากกลับ ข้าเพิ่งขึ้นมาบนโลกมนุษย์ ต้องศึกษาหาประสบการณ์ให้เข้าใจมากกว่านี้”

ข้าพยายามอธิบายอย่างใจเย็น แต่ท่าทางคู่หูจะไม่ฟังเอาเสียเลย

“ข้าจะกลับลงไปฟ้องสภาเบื้องล่าง”

“ก็ดีแล้ว..ข้ารำคาญเจ้าเต็มที...”

ภูติสาวน้อยส่งเสียงอย่างไม่พอใจ ก่อนบินผละหนีไปทำท่าเหมือนจะสลายตัวหายลับไปแต่สุดท้ายก็บินกลับมาสีหน้าหน้าบอกบาปไม่รับอยู่ริมถนนใกล้ๆนั่นเอง ข้าแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น สายตายังคงจับจ้องมองไปยังเบื้องหน้า

ลองก้าวเท้าเข้าไปใกล้ แล้วหยุดจ้องมอง เธอคนนั้นหันมามอง  แล้วเริ่มมีท่าทางแตกตื่นตกใจปนหวาดกลัว ในมือยกวัตถุบางอย่างขึ้นแนบหู  นั่นคงเป็นสีงที่เคยอ่านในคู่มือว่ามันคือโทรศัพท์  เครื่องมือสื่อสารระดับต่ำย่ำแย่ ของพวกมนุษย์

แน่ล่ะ..เธอต้องกลัวข้าอยู่แล้ว แต่ว่าข้าควรจะชักจูงเธอลงไปนรกอย่างนิ่มนวลหรือกัดคอเธอดี น่าแปลกว่าเธอคนนี้ทำให้ข้ารู้สึกแปลกๆเหมือนเคยเจอกันมาก่อนอย่างบอกไม่ถูก ลองยื่นมือออกไปสัมผัสผิวของเจ้าสัตว์เลี้ยงที่ชื่อว่ารถยนต์ ผิวชองมันเย็นเฉียบเหมือนไร้ชีวิต

ปิดประตูปิดกระจกรถแน่นแบบนี้จะเจรจากันได้อย่างไร

เมื่อจ้องมองนานเข้า เธอคนนั้นยิ่งทำท่าหวาดกลัวหนักขึ้น ทำท่าเหมือนจะร้องไห้เสียด้วยซ้ำ ปากขยับไหวกับโทรศัพท์ไม่หยุดหย่อน  ทำแบบนี้จะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา

ข้าตัดสินใจยกมือเคาะกระจกรถด้านตรงข้ามคนขับแรงๆ เป็นเชิงบอกให้เปิดประตูรถออกมาเจรจากัน ข้อเสนอดีๆ.. โอกาสดีๆ.. รอเจ้าอยู่ ออกมาคุยกันเสียดีๆ

แต่ดูเหมือนจะไร้ผล เหยื่อสาวคนนั้นยิ่งทำท่าหวาดกลัวหนักมากขึ้น เอื้อมมือมาสำรวจประตูกระจกให้แน่ใจว่าปิดสนิททั้งที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด ท่าทางไม่รู้เรื่องแบบนี้คงต้องใช้ไม้แข็งกันแล้ว ข้าใช้มือแตะกระจกรถแผ่วเบา พลังอำนาจมารถ่ายเทออกไปปลดปุ่มล็อคต่าง ๆ ออกอย่างง่ายดาย กระจกรถเลื่อนลงมาได้เอง ต่อหน้าต่อตาเบิกโพลงตกใจของสาวเจ้า

“ลงมาคุยกัน”

ข้าจ้องหน้าพลางบอกด้วยหน้าดุเสียงห้วนโหดตามแบบฉบับมาตรฐานสากลในสังคมของโลกมืด

“ช่วยด้วย  ...อย่าทำอะไรฉัน อยากได้อะไรเอาไป”

หล่อนกรีดร้องเสียงดังจนข้าชักรำคาญ ปากร้องไปตัวพยายามถอยไปจนติดชิดประตูรถอีกด้านเหมือนแมวจนตรอกทั้งที่ถอยไปไหนไม่ได้อีกแล้ว ท่าทางตื่นตกใจสติแตกเต็มที่

“ฉันแจ้งตำรวจแล้ว เดี๋ยวพวกเขาก็จะมากันแล้ว ถ้าไม่หนีไปแกเสร็จแน่”

“เสร็จอะไร..”

ข้าทวนคำอย่างงุนงงสงสัย พูดจาอะไรแปลกๆไม่เห็นรู้เรื่อง ก้มลงไปมองจ้องหน้าแล้วบอกด้วยเสียงดุเข้มอีกครั้ง

“ข้ามีเรื่องจะคุยกันเจ้า ออกมาคุยกัน “

 “ไม่....ไปให้พ้น.”

หล่อนหลับตาสั่นหน้ากรีดร้องไม่คิดชีวิต  แถมปาโทรศัพท์ในมือมาโดนใบหน้าของข้าอย่างจัง เจ็บไม่เท่าไรหรอกแต่พาลทำให้โมโหมากกว่า เลยก้มมุดเข้าไปในตัวของรถ เอื้อมมือไปดึงร่างเจ้าหล่อนออกมาจากรถอย่างง่ายดาย สะกดเสียงกรีดร้องให้กลืนหายไปในลำคอ ในใจนึกถึงเลือดสดๆ อันหวานซาบซ่านของพวกมนุษย์ขึ้นมาในทันทีทันใด การเดินทางผ่านกาลอวกาศทำให้ข้าเริ่มหิวกระหายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้..กินซะดีมั้ง?

  ขณะมือจับคอเสื้อของแม่สาวจอมโวยวายไว้แน่น ข้าจ้องมองลึกเข้าไปภายในเววตาคู่นั้น มันเต็มไปด้วยแววตื่นกลัวตกใจสุดขีด  แสงไฟตามถนนส่องให้เห็นใบหน้าเหยื่อสาวดูยังอายุไม่มาก แล้วทำไมออกมาเที่ยวกลางคืน กลับบ้านดึกดื่นแบบนี้ น่าจับกินเป็นอาหารว่างเหลือเกิน

แต่งานคืองาน ธุรกิจต้องมาก่อนเรื่องส่วนตัว

“อย่าโวยวายได้ไหม ข้าไม่ทำอะไรเจ้า เพียงอยากคุยด้วยเท่านั้น”

  กระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดจริงจัง หล่อนค่อยสงบลงทีละน้อย พยายามแกะมือซึ่งจับคอเสื้อออก แต่ไร้ผล เงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าน้ำตาคลอสะอื้นอ้อนวอนเสียงแผ่วโหย

“ปล่อยฉันก่อนได้ไหม...หายใจไม่ออก”

“ถ้าเจ้าสัญญาว่าจะไม่โวยวาย”

ผ่อนแรงจากการจับคอเสื้อออกเล็กน้อย พลางคาดคั้นเพื่อความแน่ใจ ตำราสอนว่าอย่าไว้ใจพวกมนุษย์มากจนเกินไป โดยเฉพาะพวกผู้หญิง

  “ก็ได้ ฉันไม่โวยวาย..ได้ๆๆ ”

พยักหน้าถี่ยิบยอมรับข้อตกลงน้ำตาคลอ

คลายมือออกจากคอเสื้อของเหยื่อสาว เธอถอยหลังออกไปพิงตัวรถ ยกมือกุมอกสีหน้าท่าทางยังคงมีแววตื่นตระหนก แต่ดูสงบลงมากแล้ว  แต่จะเริ่มต้นอย่างไรดี จะชักชวนว่า....นี่ ไปลงนรกกันเถอะ....ก็ออกดูทะ:-)ชอบกล แบบนั้นใครจะไปยอม กฏมีอยู่ว่าห้ามใช้กำลังหรืออำนาจพิเศษใดๆบังคับ

ดูเหมือนว่าเหยื่อสาวจะสังเกตสีหน้ายุ่งยากใจของข้าออก จึงเริ่มมีท่าทางผ่อนคลายลงทีละน้อย แม้ว่าสองมือยังคงจับบีบกันแน่นบิดไปมาเหมือนคนตื่นเต้นหวาดกลัวลังเลและไม่แน่ใจ

  “จะเอาอะไร”

ในที่สุดก็กล้าส่งเสียงถามขึ้น น้ำเสียงยังคงมีแววหวาดระแวงปนอยู่ แต่ตัวข้าเองกลับเป็นฝ่ายนิ่งอึ้ง นึกแต่จะกระทำภารกิจให้สำเร็จเสร็จสิ้นไปโดยเร็ว จนลืมขั้นตอนวิธีการที่ท่องจำมาจากโลกมืดเสียสนิท

ใจหนึ่งอยากกระโดดงับคอกินเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่ปากกลับเอ่ยออกมาอีกอย่างหนึ่งว่า

“เจ้ามาทำอะไรแถวนี้ มันไม่ใช่สถานที่ผู้หญิงจะออกมาเพ่นพ่าน”

“รถของฉันเสีย อยู่ๆมันก็ดับไปเฉยๆ”

นี่ล่ะจุดอ่อนของยานพาหนะชั้นต่ำพวกมนุษย์  มันไร้ชีวิตจิตใจ เทียบกับอาชาปีศาจของพวกโลกมืดไม่ได้เลยสักนิด  ข้าหันไปดูรถยนต์เจ้าปัญหา ลองสัมผัสดูอีกครั้ง ผิวของมันยังเย็นชืดราวสัมผัสแห่งความตาย ประสาทพิเศษลึกเร้นบอกว่ามันบาดเจ็บชำรุดเสียหาย แต่ไม่มากนัก และรู้ว่าพอจะทำให้มันกลับมาเป็นปกติได้ แต่ก็คงต้องสิ้นเปลืองพลังอำนาจซึ่งมีอยู่ในปริมาณจำกัด ถึงจะเป็นปีศาจก็ตาม เมื่ออยู่บนโลกมนุษย์ ใช่ว่าจะใช้อิทธิฤทธิ์ตามใจชอบได้ จะทำให้สมดุลกันชนระหว่างสวรรค์และนรกเสียหายไปด้วย

ลองตรวจสอบความรู้สึกของมันดู เจ้าสัตว์โลหะตัวนี้มีแต่ความเวิ้งว้าง
เยือกเย็น

ตำราปีศาจพร่ำสอนว่าความจริงแล้ว ไม่ว่าพวกเบื้องบนหรือที่เรียกว่าชาวสวรรค์ กับพวกโลกเบื้องล่าง หรือที่เรียกกันว่าชาวนรก ไม่ได้ห่วงชาวโลกมากเท่าไร ที่ห่วงคือเกรงพรมแดนรอยต่อกันชนนี้จะเสียสมดุล เกิดความเสียหาย จนทำให้เกิดสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างเบื้องบนกับเบื้องล่าง และเมื่อสงครามเกิดขึ้นแบบไร้ข้อจำกัดและเงื่อนไข ความพินาศย่อยยับจะแผ่ขยายไปหลายภพหลายมิติ  ไม่ว่าฝ่ายใดชนะ ก็หมายถึงจุดจบของจักรวาล

“มันป่วย...”  

ข้าหันหน้าไปบอกกับเจ้าของรถ เธอมองหน้าข้าเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง

“ข้าบอกว่ามันไม่สบาย..มันเลยไม่ยอมวิ่ง”

คราวนี้เธอยิ่งมองข้าหนักเข้าไปอีก มองเหมือนว่าข้าเป็นคนป่วยแทนที่จะเป็นเจ้ารถสำออยคันนั้น สีหน้าท่าทางของเธอทำให้ข้ารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที

  “ข้าทำให้เจ้าสัตว์ตัวนี้หายจากการบาดเจ็บ เป็นปกติใช้งานได้ วิ่งได้ ร้องได้  แล้วเราจะได้คุยธุระกัน”

พูดพลางเคาะฝากระโปรงรถไปมา หันไปมองหน้าเจ้าของรถเหมือนจะขอความเห็น สีหน้าท่าทางของเธอเปลี่ยนจากความหวาดกลัวมาเป็นความสงสัยและไม่เข้าใจมากขึ้นทุกที

“ซ่อมได้หรือคะ”

  น้ำเสียงที่เอ่ยถามก็แฝงแววไม่แน่ใจ ขณะจ้องมองไม่วางตา

“ทำไมจะทำไม่ได้ อาชาปีศาจในดินแดนของข้าบาดเจ็บมากกว่านี้ ข้ายังรักษามันได้ ไม่เชื่อคอยดูก็แล้วกัน”

ว่าพลางยืนมือไปแตะฝากระโปรงหน้าของรถอีกครั้ง หลับตากำหนดจิตปลอยพลังแห่งโลกมืดแผ่ซ่านซึมซาบลงไปรักษาอาการบาดเจ็บอย่างแช่มช้า ไม่รู้ว่าเจ้าพาหนะโลหะนี้มันทำงานอย่างไร แต่ความรู้สึกพิเศษก็รู้ว่าจะทำให้มันเป็นปกติได้ แน่นอนว่ามันทำเอาตัวข้าแทบสิ้นพลังด้านมืดไปเลยทีเดียว

“เอาล่ะ...”

ยกมือออกจากพิธีกรรมรักษาอาการบาดเจ็บให้เจ้าสัตว์โลหะตัวนี้ หันไปบอกเจ้าของซึ่งยังคงยืนกุมอกอยู่ใกล้ๆแบบคนลุ้นระทึก

“เจ้าลองขี่มันไหม่ ดูสิว่ามันวิ่งมันร้องได้ไหม”

“ขี่...เอ้อ...หมายถึงติดเครื่องใช่ไหมคะ”

“จะขับจะขี่หรือติดเครื่องอะไรก็ตามเถอะ ลองดู”

ข้าโบกมืออย่างรำคาญ ตอนนี้ทั้งหิวทั้งเหนื่อย ทำไมต้องลงแรงมาช่วยเหลือพวกมนุษย์แบบนี้ มันเพราะอะไรกัน

หญิงสาวชาวมนุษย์โลกรีบเผ่นขึ้นรถไปไม่ต้องรอให้บอกซ้ำสอง ทำอะไรง่วนอยู่พักหนึ่ง แล้วเจ้าสัตว์โลหะก็ร้องคำรนคำรามกระหึ่มขึ้นมาทันที

“ไชโย...ติดแล้ว”  

เสียงของเหยื่อสาวร้องอย่างดีใจและไม่เชื่อตัวเองว่า จู่ๆรถที่สลบก็ติดทำงานเป็นปกติได้ พวกไร้อิทธิฤทธิ์ก็เป็นแบบนี้  ยังมีหน้าหันหน้ามายิ้มให้ข้าเหมือนไม่ตั้งใจ และตัวข้าเองก็ดูเหมือนจะเผลอยิ้มออกมาเหมือนไม่ตั้งใจเช่นกัน ทั้งที่ตำราปีศาจสอนว่าเป็นปีศาจอย่ายิ้มให้มันมากเกินเหตุ ข้ามองสีหน้าท่าทางของแม่สาวคนนั้นอย่างเพลิดเพลินผ่อนคลาย รู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจอย่างประหลาด หรือข้าจะเริ่มโดนความน่ารักของเธอเล่นงานเข้าให้แล้ว

“ขอบคุณมากค่ะ”

         เธอยังหันหน้ามากล่าวกับข้าด้วยรอยยิ้ม กับภาษาฟังแล้วขัดหูอย่างไรชอบกล แต่ช่างเถอะ เรื่องนั้น

“แล้วคุณมีธุระอะไรกับฉันหรือคะ”

  “ไม่มี ไม่มีแล้ว เจ้ากลับบ้านไปเถอะ”

พูดออกมาแล้วก็งงกับตัวเอง นี่ข้ากำลังพยายามทำอะไรกันแน่ ทำไมไม่จับสาวน้อยคนนี้กินเป็นอาหารว่างเสียเลย ถ้าไม่อยากชักชวนให้ไปลงนรก ดูมันผิดวิสัยปีศาจชอบกล

นึกอะไรขึ้นมาได้ เดินไปหยิบอุปกรณ์ติดต่อสื่อสารซึ่งเจ้าหล่อนใช้ขว้างใส่หน้าเมื่อครู่ เดินไปวางมันลงเบาะด้านข้างตัวสาวน้อยคนนั้นพลางบอกว่า
“เอาแมลงตัวนี้ของเจ้ากลับไปด้วย”


คราวนี้สายตาของสาวน้อยนางนั้นจับจ้องมองมาอย่างแปลกใจ ไม่มีแววหวาดกลัวอีกแล้ว สัญชาตญาณของเธอคงบอกว่า ข้าไม่ได้มีอันตรายกับเธอ ขณะต่างฝ่ายต่างงุนงงเงียบงันอยู่นั้นเสียงสัตว์โลหะก็แผดเสียงจนแสบแก้วหูใกล้เข้ามา แล้วมาวิ่งวนเวียนอยู่รอบๆ รถ สาวน้อยมีสีหน้าท่าทางทางตกใจกลัวขึ้นมาอีกครั้ง


มนุษย์ตัวผู้หกตัวกับรถขนาดจิ๋วสามตัว ซึ่งมีดวงตาสว่างจ้าเพียงข้างเดียว แต่ละตัวมีมนุษย์ขี่หลังสองคนซ้อนกันมาแบบไม่มีความสงสารเจ้าสัตว์กลจักรตัวน้อยเลยสักนิด พวกมันทั้งสี่คนจอดรถตัวเล็กขวางทางรถตัวใหญ่เอาไว้ มนุษย์พวกนี้ท่าทางยินดีจนเกินกว่าเหตุ พวกมันคนหนึ่งใช้อุปกรณ์บางอย่างที่น่าจะเรียกว่าไฟฉายส่องเข้าไปทางกระจกหน้ารถ แล้วหันมาส่องหน้าข้าอย่างไม่มีมารยาท

“โอ๊ะโอ....สวยเสียด้วย”

มนุษย์คนแรกลงมาจากรถคันจิ๋ว ในมือของมันดาบเล่มยาวติดมือมาด้วย พวกนี้คงเป็นเคนคนกลุ่มแรกที่ข้ามีโอกาสเห็นบนโลกมนุษย์ แน่นอนว่าพวกมันน่าจะจัดเป็นพวกของโลกมนุษย์ เพราะท่าทางชั่วจนน่าเอาวิญญาณติดกระเป๋าไปฝากเพื่อนๆในโลกเบื้องล่าง

“มาคุยอะไรกันแถวนี้ครับเพ่....ขอคุยได้ไหม”

เสียงพวกมันร้องถามแล้วพากันหัวเราะชอบใจและเริ่มลงมาจากรถคันจิ๋ว ตรงเข้ามาอย่างยิ้มย่องผ่องใสถ้วนทั่วทุกตัวคน  พวกนี้ยังอายุไม่มาก โตไม่เต็มที่..แต่ท่าทางเลวเกินอายุ ข้าเห็นสาวน้อยนางนั้นปิดกระจกรถอย่างรวดเร็ว เสียงสัตว์ตัวใหญ่คำรามกระหึ่มแต่มันวิ่งไปไหนไม่ได้เพราะคนพวกนั้นพากันล้อมหน้าล้อมหลัง บางคนกระโดดขึ้นไปบนหลังคารถ

พวกมันคนหนึ่งใช้ด้ามมีดเคาะกระจกหน้ารถอย่างแรงหลายครั้ง จนน่ากลัวว่าเจ้าสัตว์รถตัวนี้จะบาดเจ็บ

“น้องสาวจ๋า..เปิดประตูรถให้พวกพี่เสียดีๆ..ไม่งั้นพวกพี่ๆจะพังรถของน้องนะจ๊ะ”

เออ...พวกนี้ก็สุภาพเหมือนกัน ข้าคิดในใจอย่างผิดหวัง นึกว่าจะชั่วๆ เสียอีก มาพูดดีแบบนี้คงไม่ใช่เดนมนุษย์อย่างที่คาดหวังไว้ตอนแรกเสียแล้วถ้าชั่วจริงๆ ก็อาจมีรางวัลให้ แต่แบบนี้เห็นท่าต้องเปลี่ยนใจเสียแล้ว

“ไปห่างๆให้พ้นหูพ้นตาได้ไหม....”

ข้าคำรามใส่พวกมนุษย์อย่างเสียความรู้สึก นึกว่าจะชั่วได้ใจกลับมาพูดเสียเพราะจนน่าผิดหวัง

“อะไรกันพี่ชาย...”

พวกมันหันมาพูดเพราะทันที สองสามคนเดินตรงมาพร้อมมีดดาบในมือด้วยท่าทางมั่นใจ

“พี่ชายนั่นล่ะต้องเป็นฝ่ายไป ไม่งั้นเจ็บตัวนะพี่ชาย”

ว่าพลางเจ้าคนหนึ่งก็ยื่นดาบมาจ่อบริเวณลำคอของข้า แต่เรื่องแบบนี้มันปกติมากสำหรับสังคมของโลกมืด และแน่นอนว่าไม่ว่าใครก็คงไม่ชอบใจนักกับการกระทำแบบนี้

ข้ายกมือขวาขึ้น ชูนิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางให้พวกมันเห็นชัดๆ พลางบอกเสียงเรียบๆว่า

“นับหนึ่งถึงสาม ถ้าพวกเจ้าไม่ไปให้พ้นหน้าข้า พวกเจ้าจะเจ็บตัวหนักทุกตัว”

เสียงพวกมันหัวเราะครืน เหมือนได้ยินเรื่องอันสนุกสนานเสียเต็มประดา คนอยู่ด้านขวามมือของข้าเงื้อไม้ขนาดท่อนแขนขึ้นเหนือหัวแล้วฟาดลงมาเต็มแรง

เสียงดังโผละ...เสียงสาวน้อยร้องกรี๊ดพอได้ยินจากด้านในรถ เจ้ามนุษย์พวกนี้ไม่รู้เลยหรืแอย่างไรว่าอาวุธเพียงแค่นี้จะมีปัญญาทำอะไรข้าได้ ไม้ท่อนนั้นจึงหักเป็นสองท่อนคามือเจ้าของซึ่งมีสีหน้าเปลี่ยนไปแบบไม่เชื่อตัวเอง เสียงหัวเราะชะงักค้าง

“หนึ่ง”

ข้าแค่นเสียงแบบคำรามในคำคอ ลดนิ้วกลางและนิ้วนางลง เหลือนิ้วชี้นิ้วเดียวให้พวกมันเห็น  คนพวกนั้นเริ่มมองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจ แต่มีคนท่าทางกล้าบ้าบิ่นที่สุดคนหนึ่งจับด้ามมีดเล่มยาวไว้แน่นแล้วพุ่งเข้ามาแทงปลายดาบหมายระดับอกชองข้าเป็นเป้าหมาย

ประกายสีดำเส้นยาวสายหนึ่งพุ่งมาทางด้านข้างอย่างรวดเร็วราวเป็นคมมีดแห่งความมืด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านั่นเป็นวีวี่ร์ซึ่งแอบซุ่มดูเหตุการณ์อยู่อย่างเงียบๆ ตอนนี้คงทนไม่ได้ในการออกมาละเล่นลงไม่ลงมือเพื่อความสนุกสนานตามนิสัยของเธอ ปีกบางใสของภูตน้อยตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นคมมีดแสนคมกริบจากนรก ตัดผ่านข้อศอกของวัยรุ่นอารมณ์ร้อนคนนั้นขากออกจากร่างแบบไม่รู้ตัว

“สอง”

ข้ายกนิ้วกลางขึ้นคู่กับนิ้วชี้  ขณะวัยรุ่นแขนขาดแบบไม่รู้ตัวเริ่มพบแล้วว่าชิ้นส่วนของตัวเองขาดหายไป เสียงแผดร้องโหยหวนเหมือนสัตว์ในอเวจี ตอนได้รับทุกขเวทนาสาหัสสากรรจ์ พวกเพื่อนๆ เริ่มพากันถอยหลังและกระโดดขึ้นคร่อมเจ้าสัตว์รถคันเล็ก ไม่เว้นแม้แต่เจ้าคนแขนขาดซึ่งตอนนี้กลายเป็นคนสติแตกไปแล้ว ลืมกระทั่งแขนของตัวเองซึ่งวางทิ้งอยู่บนพื้น

“สาม”

ข้ายกนิ้วนางขึ้นรวมทั้งหมดเป็นสามนิ้ว ครบเวลาที่กำหนดไว้พอดี เจ้ารถจิ๋วทั้งสามตัวกรีดร้องสนั่นผสมกับเสียงตะโกนโหวกเหวกฟังไม่ได้สรรพ และแล้วคนพวกนั้นก็ขี่รถคันจิ๋วพุ่งออกไปตามถนนทางด้านหลังแบบไม่คิดชีวิต

เสียงเล็กๆใสๆของวีวี่ร์ดังขึ้นอย่างชัดเจนว่า

“เอามือของเจ้าไปด้วยสิ”

พูดขาดคำ มือซึ่งถูกตัดขาดกลิ้งอยู่บนพื้นก็พุ่งปราดขึ้นมาเหมือนมีชีวิต พุ่งตามเจ้าของมือไปแบบเหลือเชื่อที่สุด ถ้านั่นไม่ใช่เพราะพลังอำนาจของภูตสาวตัวน้อย

ข้าปล่อยมันไป แต่วีวี่ร์ ไม่ปล่อยพวกมันง่ายๆแน่ เพราะเธอชอบเสพย์วิญญาณบาปเป็นที่สุด รอจนแสงไฟท้ายรถมองเห็นอยู่ไกลๆ ภูตสาวก็กระพือปีกอันเบาบางแล้วพุ่งตามออกไปด้วยความรวดเร็วราวสายฟ้า ไมมีทางว่าคนพวกนั้นจะหนีเธอพ้น เธอไม่เคยใจอ่อนกับวิญญาณบาปดวงไหน และชอบความสมบูรณ์แบบ และเธอเลือดเย็นมากพอจะคอยลาล่าติดตาม ฉวัดเฉวียนคอยตัดคอยเฉือนเนื้อคนพวกนั้นทีละน้อยและประณีต ราวกำลังสร้างสรรค์งานศิลปะแห่งความตาย


แต่มันผิดกฎ

ผมคิดว่าเธอต้องมีคำอธิบายในเรื่องนี้  เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะทำอะไรโดยปราศจากเหตุผล


พอทุกอย่างสงบลงก็ค่อยหันไปมองสาวน้อยคนนั้น เธอยังนั่งตัวแข็งมือเกาะกุมบังเหียนของสัตว์โลหะแน่น สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลก ไม่เชื่อ และสับสนกับเหตุการณ์ซึ่งไม่น่าเชื่อต่อหน้าต่อตา

ถนนเบื้องหน้าเจิดจ้าอีกครั้งด้วยแสงไฟและเสียงกรีดร้องโหยหวน สัตว์โลหะสองตัววิ่งมาจากถนนเบื้องหน้าในทิศทางตรงกันข้ามกับการการดิ้นรนหนีตายของกลุ่มวัยรุ่น รถทั้งสองตัววิ่งมาจอดด้านหลังและด้านข้าง

มนุษย์กลุ่มหนึ่งประมาณห้าหกคนวิ่งกรูปรี่เข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทันระวังตัวหรือตั้งตัว ใครบางคนในกลุ่มนั้นจับแขนของข้าบิดไขว้หลังแล้วมีเสียงดังคลิ๊กก่อนจะพบว่ามันเป็นอุปกรณ์พันธนาการยึดมือของข้าให้ไขว้หลังอยู่แบบนั้นอย่างเหนียวแน่น

“นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่าขัดขืนต่อสู้เป็นอันขาด”

ข้าไม่ได้ขัดขืนอยู่แล้ว ไม่ได้ตกใจกลัว แต่อยากรู้มากกว่าว่ามนุษย์พวกนี้จะทำอะไรต่อไป พวกมันคนหนึ่งเตะเข้าที่ขาของข้าอย่างจังก่อนผลักจนหน้าคว่ำลงกับฝากระโปรงรถ

“เจ้าหมอนี่ใช่ไหมครับที่คุกคามคุณหนู”

เสียงใครบางคนพูดกับสาวน้อยคนนั้น ใช่แล้ว ...พวกนี้คงจะเรียกว่าตำรวจนั่นเอง ตำรวจผู้ทำหน้าที่เหมือนองครักษ์พิทักษ์กฏในโลกมืด ข้าเห็นเธออึกอักพูดไม่ออก ก่อนส่ายหน้าเหมือนจะปฏิเสธว่าไม่ใช่ แต่พวกตำรวจดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรอีก พวกเขามาถึงสถานที่เกิดเหตุตามเสียงเรียกร้องขอความช่วยเหลือ จากการติดต่อสื่อสารระดับต่ำ  สิ่งที่พวกเขาต้องทำตอนนี้คือจับปีศาจหนุ่มตนหนึ่งไปกักขังในบริเวณซึ่งเรียกว่า “คุก”


  ข้าเคยได้ยินได้ฟังมานานว่าคุกคือแหล่งคุมขังคนชั่ว แหล่งเรียนรู้วิชามาร ไหนๆก็อุตส่าห์มาถึงโลกมนุษย์แล้ว น่าจะลองแวะไปติดคุกศึกษางานบ้าง จะได้เก็บไปคุยในยมโลก ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ขัดขืนอะไรขณะถูกพวกเขาคุมตัวขึ้นรถ

แม่สาวคนนั้นยังคงมองตามข้าจนลับสายตา สายตายังคงเต็มไปด้วยความสับสนไม่เข้าใจอยู่เช่นนั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอปลอดภัยแล้ว


“เมื่อคืนมีคดีแปลกๆ”

เสียงพวกตำรวจคุยกันแว่วดังมาให้ได้ยินในตอนเช้า ข้ายืนเกาะลูกกรงอยู่ตั้งแต่เมื่อคืนอย่างสงบเยือกเย็น รับรู้ซึมซับเรื่องราวรอบด้าน คุกของพวกมนุษย์ไม่ได้แข็งแรงอย่างที่เคยคิด ความจริงมันมีทางออกเพียงแต่พวกมนุษย์รับรู้ไม่ได้เท่านั้น ซึ่งก็เป็นเรื่องดี ไม่อย่างนั้นคงวุ่นวายไปทั้งโลกเป็นแน่ ถ้ามนุษย์สามารถเทน้ำออกจากขวดน้ำซึ่งปิดฝาสนิทได้

เสียงพวกตำรวจยังคุยกันต่อไปถึงการพบชิ้นส่วนของมนุษย์หลายคน ซึ่งกระจัดกระจายเรี่ยราดไปตามถนนเป็นระยะทางหลายกิโลเมตรแทบทุกชิ้นมีลักษณะเหมือนโดนของมีคมบางเฉียบตัดฝานผ่านไปด้วยความรวดเร็วยิ่งกว่าฝีมือการผ่าตัดของพวกหมอผ่าตัดระดับสุดยอด ไม่เว้นแม้แต่กระดูกซึ่งถูกเฉือนเป็นแผ่นบางๆ พวกตำรวจยังหาข้อสรุปไม่ได้ และไม่มีวันได้ เพราะมีเพียงข้าเท่านั้นที่รู้ว่านั่นเป็นผลงานของวีวี่ร์

ข้าเองก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่า การกระทำของเธอจะหลุดรอดการตรวจจับจากพวกเบื้องบนได้หรือไม่ แม้ว่าพวกเราจะสร้างสัญญาณรบกวนการตรวจจับจากเบื้องบนแล้วก็ตาม แต่ไม่มีอะไรจะแน่ใจเต็มร้อย

ว่าแต่ตอนนี้แม่ภูติสาวจอมโหดตัวนั้นหายไปไหนแล้ว สงสัยอิ่มเอมกับวิญญาณบาปจนเผลอหลับไปแถวไหนก็ไม่รู้

ในกรงขังข้าได้กลิ่น.เป็นร่องรอยของกลิ่นแห่งความชั่วร้ายหลายๆแบบทั้งหนักทั้งเบาผสมปนเปกันเต็มไปหมด มนุษย์บางจำพวกมีส่วนผสมของกลิ่นไอแบบนี้มากเกินไป และน่าแปลกว่าข้ากลับรู้สึกไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เอาเสียเลย ซึ่งมันขัดกับความน่าจะเป็นเหลือเกิน ข้าควรชื่นชมกับเรื่องแบบนี้ไม่ใช่หรืออย่างไร มีบางอย่างไม่ถูกต้อง...


รุ่งอรุณมาเยือนได้สักพัก วีวี่ร์ก็ปรากฏตัวบินเข้ามาในกรงขัง คงจะมีข้าเพียงผู้เดียวที่สารถมองเห็นเธอได้ในเวลานี้ ใบหน้าของภูติตัวน้อยก็สดสัยน์ตาเป็นประกายหากเวลามองมายังมีแววขุ่นเคืองไม่พอใจไม่หาย

“หายไปตายไหนมา” ข้าเอ่ยถามตามมารยาทของโลกเบื้องล่าง วีวี่ร์ตัวจิ๋วทำจมูกย่นลอยตัวไปมาอยู่เบื้องหน้าห่างออกไปไม่ถึงศอกเอียงคอกอดอกย้อนถามว่า

“ทำไม..ท่านเป็นห่วงข้าด้วยหรือ”

“ก็ไม่ได้ห่วงอะไรหรอก ข้ารู้ว่าเจ้าเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว ก็แค่อยากรู้เท่านั้น”
“ข้าไปเผลอนอนหลับอยู่ในบาร์แห่งหนึ่ง”

“บาร์...“

“อืมม์..พูดไปท่านก็ไม่รู้จักหรอก”

“แล้วเจ้าไปทำไม”

ข้าถามอย่างสงสัยเพราะนึกไม่ออกว่าว่าบาร์ที่ว่ามันคืออะไร

“ข้าก็ไปเที่ยวของข้า”

ลอยหน้าลอยตาตอบแบบลอยไปลอยมาจริงๆ

“ไปทำไม”

“นี่....ท่านจะมาตั้งศาลหาเรื่องข้าหรือจะรีบออกมาจากกรงนี่..ข้าพอจะรู้แล้วล่ะว่าจะพาท่านไปหาเหยื่อได้ที่ไหน”

“ตอนนี้มันกลางวันแล้ว..ยังไม่อยากไปไหน กลางคืนค่อยว่ากัน”

ข้าหมายความตามนั้นจริงๆ เพระรู้ว่าเวลากลางวันระบบตรวจจับของพวกเบื้องบนจะแม่นยำมากขึ้นกว่าเวลากลางคืน ชาวโลกมืดต้องอยู่อย่างเก็บเนื้อเก็บตัวในเวลากลางวันจนกว่ากลางคืนจะเวียนมาถึง

“ข้ารู้ที่พักดีกว่านี้”

ภูติสาวตัวน้อยเสนอแนะ แต่ข้าส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่ล่ะ...ขออยู่ที่นี่ต่อสักพัก”

“พิลึกปีศาจ”

เสียงใสๆบ่นพอได้ยินก่อนบินวนในอากาศสามรอบ

จะไปหรือไม่ไป” เธอยื่นคำขาด

“ไม่..”

ปีศาจตัวจิ๋วทำหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง ลอยวนไปมาสองสามรอบแล้วบอกว่า

“ตามใจท่านก็แล้วกัน แล้วอย่ามาง้อนะ”

พูดจบก็สลายกลับกลายเป็นอากาศธาตุ ข้าถอนใจอย่างโล่งอก แต่รู้สึกใจหายเล็กๆกับคำพูดของภูติตัวน้อย







*******************


จบบทที่ 2

จากคุณ : Psycho man
เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 21:52:06




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com