Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เก็บแผ่นดินใจไว้ปลูกรัก 7 : พักบ้านท่านไม่นิ่งดูดาย ติดต่อทีมงาน

บทที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11885859/W11885859.html

บทที่ 7 พักบ้านท่านไม่นิ่งดูดาย


“อ้าว เฮ้ย นั่นไอ้เดี่ยวหรอกเรอะ นึกว่าใครที่ไหน กลับมาเมื่อไหร่วะ” เป็ดเอ่ยทักคนที่ยืนเยื้องไปข้างหลังของสาวสวยมาดห้าวแห่งหมู่บ้านนาดี ยังไม่ทันคนถูกทักจะตอบมันก็เอ่ยต่ออีกว่า

“กลับมาทำอะไรวะ ที่นาก็ไม่มีจะทำกินแล้วนี่หว่า หรือว่าจะกลับมาเป็นลูกจ้าง เฮ่ย สนใจจะมาเป็นคนงานในไร่ไตรภพไหมวะ นายไตรภพกำลังต้องการคนแบกกระสอบข้าวอยู่นะโว้ย” ว่าแล้วเจ้าคนชื่อสัตว์ปีกทั้งสองคนก็หัวเราะเสียงได้น่าเตะนักสำหรับพู่ชมพู

ความสงสารเก่าๆ ที่เคยมีต่อพันดุลกลับคืนมาจนกลายเป็นอารมณ์ไม่พอใจแทนอย่างลืมตัว แต่ยังไม่ทันได้ตอบโต้ บูลย์ซึ่งยืนเยื้องด้านหลังพู่ชมพูก็ตอกกลับว่า

“เป็น( ^o^ )คนโกงที่ดินเขายังไม่พอยังปากมอมอีกนะ บักปอบ!”

จากชื่อ ‘เป็ด’ ที่กลายเป็น ‘บักปอบ’ ทำเอาเจ้าตัวแทบเต้นผาง ยิ่งเก่งหัวเราะเสริมทับเข้ามาอีกจนพุงกระเพื่อมพั่บๆ ยิ่งทำให้มันฉุนจัด

“ฉันชื่อเป็ดโว้ย”

“บักปอบ” เก่งสวนขึ้น

“ไอ้เก่ง เดี๋ยวเถอะแก” เป็ดชี้หน้าเก่ง

“บักปอบ” คราวนี้เก่งกับบูลย์หัวเราะลั่น ในขณะที่พู่ชมพูก็หัวเราะขำด้วยความชอบใจเมื่อคนพูดไม่ใช่ใครหากเป็นเจ้าตัวเล็กปกป้องที่กำลังช่างจำ พูดแล้วยังทำตาแป๋วมองหน้าคนที่ถูกเปลี่ยนชื่ออีกต่างหาก

“เฮ้ย ลูกใครวะ เดี๋ยวพ่อเบิ๊ดกะโหลกเลย” แค่พูดยังไม่พอ เป็ดยังยกมือเดินปรี่เข้าไปหาเจ้าตัวเล็กเพื่อจะทำอย่างปากว่าแต่ร่างสูงโดดเด่นก้าวมาขวางไว้ก่อน สีหน้าของพันดุลทำเอาลูกน้องไตรภพลังเล กล้าๆ กลัวๆ แต่ยังไม่วายจะวางก้ามทำกร่างเพื่อแก้หน้า

“ทำไม ลูกแกเหรอไอ้เดี่ยว”

“จะลูกใครแกก็ไม่มีสิทธิ์จะมาแตะต้อง จะไปไหนก็ไปไม่ต้องมาทำใหญ่แถวนี้”

“ใช่ จะไปเป็นนายหน้าหางานเกี่ยวข้าวแพงๆ ที่ไหนก็ไป แต่ไม่ต้องมาที่นี่หรอก เพราะฉันไม่คิดจะใช้บริการแพงๆ ขูดเลือดขูดเนื้อชาวนาจนเลือดออกซิบๆ” สาวห้าวเสริมเสียงชัดเจน

“เฮอะ! อย่าบอกนะว่าจะเอารถเกี่ยวข้าวเก่าๆ คันนี้”

“ถึงจะเก่า แต่เราก็คิดราคายุติธรรม” พันดุลเอ่ยเสียงเข้ม

ไก่มองดูรถแล้วเบ้ปาก “พูดยังกับเป็นรถแกอย่างนั้นแหละ”

“ก็รถพี่เดี่ยวน่ะสิ” เก่งบอกเต็มปากเต็มคำอย่างภาคภูมิใจราวกับเป็นรถของตัวเอง

เจ้าสองสัตว์ปีกหันไปมองหน้ากันด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะหันไปมองรถเป็นทางเดียวกัน “นี่แกมีปัญญาซื้อรถเกี่ยวข้าวด้วยเหรอวะไอ้เดี่ยว ไปค้ายาบ้าที่กรุงเทพฯ มาหรือเปล่าเอ็งถึงได้มีเงินซื้อรถ อย่าบอกนะว่าน้าภาขายส้มตำจนได้มีเงินเป็นล้านๆ ให้แกซื้อรถ ไม่มีทาง”

“แกอย่าดูถูกอาชีพสุจริตสิวะว่าจะไม่รวย อย่าคิดว่าทางเดียวที่จะมีเงินคือโกงเขาเท่านั้น รถฉันคันนี้ถึงจะเก่าแต่ได้มาด้วยความสุจริตและรับรองว่าจะมันจะทำให้ฉันเอาที่ดินของแม่กลับคืนมาให้ได้” พันดุลเอ่ยเสียงชัดเจนจนพู่ชมพูขมวดคิ้วและหันไปมองอย่างค้นคว้า

สีหน้าและน้ำเสียงขมขื่นทำเอาเธอเจ็บปวดไปด้วย ไอ้ความรู้สึกนี้มันมีอิทธิพลต่อเธอมากกว่าอาการเจ็บแปลบในใจยามเมื่อรู้ว่าเขามีลูกมีเมียแล้วเสียอีก หมายความว่าเธอยังรู้สึกดีๆ ให้กับพี่เดี่ยวอีกอย่างนั้นหรือเนี่ย

******************

อรวรรณในชุดทำงานป้องกันแสงแดดกำลังช่วยชาวบ้านผู้หญิงวัยกลางคนสองคนปูผ้าพลาสติกที่เย็บต่อกันเป็นผืนขนาดใหญ่ตรงลานโล่งข้างๆ กับสวนผลไม้ ถึงแม้ว่าจะมีเงินพอสำหรับการจ้างงานโดยไม่ต้องลงแรงมาช่วยทำแต่เธอก็ไม่อาจอยู่เฉยได้โดยเฉพาะตราบใดที่คิดว่ายังมีแรงอยู่การลงมาร่วมลงมือเป็นการลดค่าใช้จ่ายได้มากโข

แม้พู่ชมพูกับพิณไพลินจะอ้อนวอนเท่าไหร่ ข้ออ้างว่าอยากให้ผู้เป็นแม่พักผ่อนจะตกไปทุกครั้งหากอรวรรณให้เหตุผลว่า ‘ให้แม่อยู่เฉยๆ ไม่ได้หยิบจับอะไร แม่ก็เป็นง่อยและกินข้าวไม่อร่อยกันพอดี คนเคยทำอยู่นิ่งไม่ได้หรอกลูก’ เสียงรถที่แล่นเข้าไปจอดในโรงรถทำให้หญิงแกร่งแห่งไร่นับดาวพ่วงด้วยตำแหน่งเกษตรกรดีเด่นของบ้านนาดีหันไปมอง

ลูกสาวคนเล็กกับแขกหนุ่มที่สองพี่น้องคุยให้ได้ยินว่าไม่ค่อยไว้ใจนั่นเอง มองดูห่างๆ หนุ่มคนนั้นมีอะไรบางอย่างที่ไม่น่าไว้ใจอย่างบุตรสาวเธอว่า แต่ท่าทางนิ่งๆ ท่ายืนออกจะสง่า ไม่มีอาการหลุกหลิกให้เห็น ทำเอาอรวรรณอดชื่นชมในใจไม่ได้ว่าแขกโฮมสเตย์ของลูกสาวคนเล็กน่าจะเป็นสตั้นแมนหรือนักแสดงบู๊ผาดโผนเสียมากกว่า หน้าตาก็ใช่ว่าจะขี้ริ้วขี้เหร่ ยิ่งถ้าตัดผมรองทรงไม่ใช่ไว้ผมยาวอย่างที่เป็นอยู่แล้วสวมใส่เสื้อเชิ้ตกางแกงสแล็คคงจะดูดีกว่านี้หลายเท่าตัว

ฝ่ายพิณไพลิณไม่ได้คิดอย่างมารดา และเธอก็ได้หาทางออกในการที่จะไม่พาแขกหนุ่มสูงเป็นไม้สอยมะม่วงไปเที่ยวชมทั่วบ้านนาดี แต่พากลับมาที่โฮมสเตย์ด้วยการบอกเขาว่าเธอจะกลับมาช่วยแม่ตากข้าว เพราะวันนี้ที่บ้านจ้างรถมาเกี่ยวข้าว ดูเหมือนว่านายตั้งจะไม่ได้อิดออดอีกต่อไป เขายอมกลับมาแต่โดยดี

“ฉันขอโทษนะคะที่พาไปเที่ยวในหมู่บ้านต่อไม่ได้ เพราะอยากมาช่วยงานหลักทางบ้านมากกว่า ความจริงหมู่บ้านนาดีก็ไม่มีอะไรหรอกนอกจากบ้านคน วัด แม่น้ำ แล้วก็ป่าชุมชน ถ้าอยากไปดูต่อจริงๆ เดี๋ยววันหลังคุณเอารถจักรยานของพี่พู่ไปก็ได้” หญิงสาวบอกเหตุผลกับนายตั้งอีกครั้งหลังจากเปิดประตูรถลงมายืนคนละด้านกับเขา

หนุ่มผิวเข้มมองไปทางสตรีสองสามคนในชุดเสื้อแขนยาวกางเกงสีเข้มสวมหมวกปีกกว้างที่กำลังเอาผืนพลาสติกที่พับกองๆ กันอยู่ออกมาปูเรียงกัน

“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงผมก็อยู่อีกนาน เอาไว้วันหลังก็ได้ไม่มีปัญหา”

เขาบอกอย่างไม่ได้ติดใจอะไรกับการหักลำกลับมาที่บ้านนี้ของเธอ เริ่มจะรู้สึกว่าไร่นี้ขาดแคลนผู้ชายดูแล ที่เห็นมีเพียงผู้หญิงดูแลอยู่ และแต่ละคนคงแบ่งหน้าที่หลักๆ กันทำงาน แต่งานเกี่ยวข้าวน่าจะเป็นงานใหญ่ถึงได้มาช่วยกัน นายตั้งเดินตรงไปหาหญิงวัยกลางคนที่ยืนกำกับงานอยู่โดยไม่สนใจพิณไพลินอีก หญิงสาวที่ตั้งใจจะเดินไปยังตัวบ้านเพื่อหยิบหมวกมองตามเขาไปอย่างแปลกใจเพราะนึกว่าเขาจะเดินกลับไปยังบ้านพักของตัวเอง

“ปูไว้ทำอะไรหรือครับ” ชายหนุ่มถามอรวรรณพลางย่อตัวลงจับปลายพลาสติกด้านหนึ่งแล้วเดินไปจนผืนพลาสติกตึง

“ปูไว้ตากข้าวเปลือกจ้ะ เดี๋ยวอีกสักพักลูกสาวก็จะขับรถขนกระสอบข้าวมา ตอนนี้เขากำลังเกี่ยวกันอยู่” เมื่ออีกฝ่ายมาชวนคุยก่อนอรวรรณก็คุยด้วยเป็นปกติ

“แล้วนี่พิณพาไปไหนมาเหรอ”

“ตอนแรกผมให้เขาพาไปชมหมู่บ้านครับ แต่ไปกินข้าวเช้าที่ร้านค้าพิณก็ชวนกลับแล้ว บอกว่าจะมาช่วยงาน” คนตอบเดินมาหยุดยืนข้างคนถาม เทียบกันแล้วอรวรรณสูงแค่ไหล่เขาเท่านั้นเอง

“อ๋อ...แล้วพ่อหนุ่มตั้งใจจะมาเที่ยวนานหรือเปล่าล่ะ ถ้านานก็ค่อยๆ ดูไปก็ได้” พอจะรู้หรอกว่าบุตรสาวคนเล็กมีหน้าที่ดูแลแขกแต่ไม่ใช่ตามใจทุกอย่าง แต่การที่พิณไพลินอ้างกลับมาช่วยงานเป็นไปได้ว่าส่วนหนึ่งอาจจะไม่อยากไปกับหนุ่มผมยาวด้วยเหตุผลที่พอจะรู้ๆ กันอย่างที่เคยคุยกันไว้

“ผมคงอยู่นานครับ”

“มาเที่ยวหรือว่าทำงานล่ะ” อรวรรณถามเรื่อยๆ เป็นเชิงชวนคุยไม่ให้รู้สึกว่าถูกถามซอกแซก

รอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม “จะว่าไปก็เป็นการมาพักผ่อนมากกว่าครับ ไม่มีอะไรมากหรอก”

เสียงรถอีแต๋นแสบแก้วหูแล่นมาตามถนนดินบดอัดอย่างรวดเร็ว ท้ายรถมีกระสอบข้าวซ้อนกันมีชายวัยฉกรรจ์กับชายวัยกลางคืนนั่งอยู่บนรถสามคน รถตีวงโค้งแล้วถอยหลังเข้ามาจนท้ายรถอยู่กลางผืนพลาสติกก่อนคนขับจะดับเครื่องยนต์

“เกี่ยวใกล้เสร็จหรือยังพู่” เสียงผู้เป็นมารดาถาม

“โหย...อีกนานค่ะแม่ เดี๋ยวเสียเดี๋ยวซ่อมอยู่นั่นแหละ ไม่รู้ว่าสามวันจะเสร็จหรือเปล่าเนี่ย” หญิงสาวคนขับกระโดดลงมาตอบหน้ามุ่ย ตามด้วยคนบนรถ พอพู่ชมพูเห็นชายร่างโย่งก็ขมวดคิ้ว

“อ้าว ไม่ได้ไปเที่ยวไหนหรือคุณ”

ชายหนุ่มส่ายหน้า เดาเอาว่านี่คงเป็นพี่สาวของพิณไพลิน เห็นมาดเจ้าหล่อนแล้วก็นึกในใจว่าบ้านนี้คงเก่งกันทุกคน ผู้ชายบนรถสองคนกระโดดลงมาในขณะที่คนบนรถยกกระสอบแล้ววางบนไหล่ของชายที่ยืนข้างล่าง

ชายหนุ่มนึกสนุกและอยากสร้างความสนิทสนมกับคนแถวนี้ เขาจึงเดินเข้าไปแสดงความจำนง

“แบกไหวเหรอพ่อหนุ่ม” คนบนรถถามเสียงกลั้วหัวเราะ

“ลองดูครับพี่”

ตติยะรู้ซึ้งว่าคนเป็นกรรมกรแบกหามต้องมีความแข็งแรงและอดทนมากแค่ไหน กระสอบข้าวเปลือกเกือบห้าสิบกิโลกรัมเล่นเอาเขาเกือบไหล่ทรุด แถมยังเดินเซไปนิดหนึ่ง แต่พอเหลือบไปเห็นประกายตาบางอย่างจากเจ้าของโฮมสเตย์ที่บัดนี้มีหมวกสานปีกกว้างบนศีรษะ เพิ่มด้วยเสื้อยีนแขนยาวสีน้ำเงินเข้มในมือมีคราดไม้ด้ามยาว เขาก็ยืดตัวแล้วเดินด้วยท่วงท่าองอาจ พอถึงจุดที่มีกองข้าวเขาก็จับกระสอบเทลงไปก่อนจะเป่าปากทีหนึ่งอย่างโล่งอก

เสียงหัวเราะขบขันจากหลายๆ คนไม่ทำให้เขาสนใจเท่ากับสายตาคู่เดิมคู่นั้น

“เก่งนี่นา งั้นมาแบกอีกเลยคุณ เหลือหลายกระสอบ” เสียงพู่ชมพูนั่นเอง ตติยะรู้หรอกว่าเป็นการพูดยกยอเพื่อหลอกใช้ แต่คนที่พยักพเยิดให้เขาทำตามคำพูดของพี่สาวเจ้าหล่อนด้วยกิริยาคล้ายท้าทายทำให้เขาเลิกคิ้วตามด้วยการยักไหล่กวนๆ ก่อนจะเดินกลับไปยังท้ายรถอีแต๋น หันไปมองสาวห้าวนิดหนึ่ง

กะอีแค่กระสอบข้าว จะแค่ไหนกันเชียว

“เอากระสอบใหญ่ๆ เลยพี่อู๊ด” พิณไพลิณตะโกนบอกคนบนรถ

ได้ทีเลยนะแม่คุณ ชายหนุ่มนึกหมั่นไส้ในใจ แต่แปลกนักทั้งที่เป็นงานหนักเหงื่อไหลตามร่างกายจนเปียกชุ่มโชกไปหมดแต่เสียงพูดคุยหยอกล้อกันด้วยเรื่องลามกขำๆ ของผู้ชายผสานกับเสียงหัวเราะของผู้หญิงซึ่งกำลังใช้คราดกวาดข้าวให้กระจายออกสร้างความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา ทุกคนเหล่านั้นดูเหมือนจะเห็นเขาเป็นส่วนหนึ่งของคนทำงานนี้ไปแล้วรวมทั้งอรวรรณด้วย จะมีก็แต่สองสาวพี่น้องที่ตติยะเห็นความแคลงใจอยู่ในสีหน้าและแววตา

หน้าตาท่าทางเขามันเหมือนโจรหรือไงนะ

“วันนี้ต้องเลี้ยงข้าวผมแล้วนะ” เขาแกล้งเดินเฉียดกรายเข้าไปเปรยพิณไพลิน

“ไม่มีปัญหา แต่ถ้าช่วยแล้วต้องช่วยให้จบงานนะ”

“ไม่มีปัญหา” เขาย้อนด้วยประโยคเดียวกัน “แต่ถ้าจะกรุณาซักผ้าผมให้ด้วยจะเป็นการดีมากเลย เห็นไหมว่าเสื้อผมเปียกและเหม็นเหงื่อไปหมดแล้ว”

“กางเกงตัวละสิบบาท เสื้อตัวละห้าบาท” พิณไพลินบอกเสียงชัดเจน สีหน้าราบเรียบจนคนฟังเดาไม่ถูกว่าเธอพูดเล่นหรือพูดจริงกันแน่

“จะงกไปถึงไหน ตอนนี้ผมช่วยงานคุณอยู่นะ ถ้าตอบแทนอย่างดีรับรองว่ามีงานไหนอีกจะช่วยโดยไม่เกี่ยงเลย”

พิณไพลินปาดเหงื่อตรงจมูกออกอย่างลวกๆ ก่อนจะบอกเขาว่า “ถ้าคุณเต็มใจช่วยก็ช่วยต่อไป แต่ถ้าช่วยเพื่อหวังผลตอบแทนล่ะก็ฉันขอเชิญคุณกลับไปพักผ่อนหรือทำอะไรที่ตัวเองตั้งใจจะมาทำดีกว่านะคะคุณตั้ง”

ตติยะไม่คาดคิดว่าจะเจอประโยคนี้เข้า ไม่มีการหว่านวาจาหวานๆ ให้เขาหลงลมเสียด้วย เป็นคำพูดตรงๆ แต่ยังความนุ่มนวล

“อย่าเรียกว่าเป็นการเรียกค่าตอบแทนสิ เรียกว่าน้ำใจจะดีกว่าไหม”

“ก็คุณพูดเองนี่”

“จริงด้วย” เขาเห็นด้วยหน้าตาเฉย ก่อนจะหันหน้าหันหลัง “ผมหิวน้ำ ขอน้ำใจหน่อยได้ไหม”

พิณไพลินเงยหน้าจากงาน แล้วก็ต้องหน้าร้อนวูบซึ่งไม่ใช่เพราะอากาศแน่ๆ แต่เป็นเพราะนัยน์ตาคมกริบคู่นั้นต่างหาก

*******************

แดดเริ่มโรยแสง ท้องฟ้าเป็นสีแดงอ่อนจาง หลายคนเริ่มต้อนวัวต้อนควายจากนาของตัวเองไปตามถนนเล็กๆ เพื่อกลับบ้าน เสียงรถเกี่ยวข้าวยังครางกระหึ่มจากหลายทิศทาง เช่นเดียวกับรถของพันดุลที่ยังทำงานอยู่ พู่ชมพูก้าวลงจากรถโดยมีชายในหมู่บ้านกระโดดลงมายืนข้างๆ กัน เจ้าไข่หายไปไหนไม่รู้มีแต่ร่างสูงโย่งผมยาวแปลกตาที่ยืนโดดเด่นไม่คุ้นตาสำหรับพันดุลเลย

คิ้วดกดำขมวดเข้าหากัน แต่เพราะอยู่ไกลทำให้ไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นใคร นี่ถ้าไม่สูงเกินชายในหมู่บ้านและท่ายืนมาดมั่นดูเท่เกินหน้าเกินตา เขาก็คงไม่คิดอะไรหรอกน่า.. แต่ถึงจะคิดมากก็ได้แต่เขม้นมองอยู่เป็นระยะเนื่องจากต้องบังคับรถ

อย่าบอกนะว่าเป็นหนุ่มที่คิดจะมาจีบน้องพู่ คิดไปแล้วพันดุลก็ชักจะร้อนรนอย่างห้ามไม่ได้ โธ่เอ๊ย ก็คนมันรักนี่หว่า!

ที่สำคัญรักแล้วยังไม่ได้เดินลุยหน้าเพราะโอกาสยังไม่อำนวย พอเห็นผู้ชายมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ เลยอดระแวงไม่ได้

วันนี้เขาตั้งใจว่าจะเกี่ยวข้าวเอาแค่มืดจากนั้นจะฝากให้เก่งเฝ้ารถอยู่ที่นี่ไปก่อน ส่วนตัวเขาจะพาปกป้องกลับไปอาบน้ำอาบท่าหาอาหารเย็นกินค่อยกลับมากางเต็นท์นอนเฝ้ารถ เพราะยังไงวันนี้ก็เกี่ยวข้าวของพู่ชมพูไม่เสร็จแน่ เขายังถือว่าเป็นมือใหม่สำหรับงานนี้อยู่ อีกอย่างทำงานมาทั้งวันร่างกายก็เหนื่อยล้า แม้จะอยากเก็บเงินให้ได้มากพอสำหรับเป้าหมายที่ตั้งไว้ อย่างแรกเรื่องฟ้องร้องเอาที่ดินคืนจากไตรภพ ส่วนอย่างที่สอง...พันดุลตวัดสายตาไปยังร่างของหญิงสาวที่เขาจำสัดส่วนได้ขึ้นใจ

ไม่แค่สัดส่วน แต่ยังรวมไปถึงน้ำเสียง ดวงหน้าหมดจด ทุกอย่างนั่นแหละที่เขาอยากเป็นเจ้าของ!

บ๊ะ พูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาจะใช้แรงกายบังคับให้เป็นเจ้าของหรอกนะ แต่จะใช้ใจ ปาก คารม ทรงผม หน้าตานี่ล่ะ

โอย...ยิ่งคิดยิ่งไม่มีสมาธิทำงานแล้วโว้ย!!!!

งานก็ต้องทำ ฐานะต้องมั่นคง หลานก็ต้องให้เข้ากันได้ดีกับเมียในอนาคต

เอ๊ะ! แล้วหลานตัวดีเขาไปไหนเสียล่ะ ตอนแรกก็ว่าจะใช้มารยาให้พู่ชมพูดูแลเพื่อจะได้รู้จักมักคุ้นกันไปก่อน พันดุลผ่อนคันเร่งหันไปตะโกนถามคนที่จับกระสอบด้วยเสียงอันดัง

“เก่ง น้องป้องหายไปไหนแล้วล่ะ”

“อ้าว ไม่ได้อยู่กับว่าที่แม่มันหรอกเรอะพี่เดี่ยว”

แค่ประโยคล้อเล่นกันในหมู่สามคนนี้แต่ก็ทำเอาคนขับรถตาเป็นประกายจนบูลย์หมั่นไส้ หน็อย...คิดไปถึงไหนแล้วไอ้เดี่ยวเอ๊ย ขอแต่งงานก็ยังไม่ได้ขอ แถมเอ่ยปากขอแล้วเขาจะว่าไงก็ยังไม่รู้ทำเป็นหูตาแพรวพราว

“หรือว่าตกสระน้ำแล้ว” เก่งคะเน

พันดุลเบิกตาโต ดับเครื่องทันควันแบบไม่ต้องคิด แล้วตะโกนเรียก

“ป้อง ป้อง น้องป้องอยู่ไหนครับ”

อีกสองหนุ่มหน้าตาตื่นไปด้วย ต่างช่วยกันตะโกนเรียกอีกแรง “ป้อง ป้องเอ๊ย อยู่ไสบักหล่า”

เรียกเท่าไหร่ก็ยังเงียบสีหน้าพันดุลจึงไม่ดี พันดุลกระโดดลงจากรถ “เก่งไปดูใต้ต้นไม้ที่เรากินข้าวซิ” ร่างอวบอ้วนวิ่งตุ้บตั้บไปทันที จากนั้นชายหนุ่มก็เดินตัวปลิวแทบจะเป็นวิ่งตรงไปยังสระน้ำกลางนาด้วยใจร้อนรุ่มปากก็ตะโกนเรียกไม่หยุด บูลย์เดินแกมวิ่งแหกปากร้องเรียกด้วยความรู้สึกห่วงใยไม่ต่างกัน

“ตะโกนอะไรกันน่ะ แล้วดูสิเดินยังกับจะไปตามควาย” พู่ชมพูเอ่ยขึ้นกับนายตั้งที่กระโดดขึ้นรถตามมาตั้งแต่อยู่บ้านอย่างไม่บอกกล่าว หลังจากนายโย่งช่วยแบกข้าวทุกรอบเธอก็เริ่มจะมองแขกโฮมสเตย์ด้วยความรู้สึกดีขึ้นแม้จะยังไม่วางใจทั้งหมดแต่ก็ตอบแทนความมีน้ำใจของเขาด้วยการให้น้องสาวดูแลเรื่องอาหารการกินมื้อเที่ยงและคงจะแถมมื้อเย็นด้วยอีก

“ไล่จับหนูหรือเปล่า ผมเคยได้ยินว่าทุ่งนามีหนูนา” คนตอบๆ ลอยๆ

หญิงสาวทำเสียงแข็งอันเป็นปกติวิสัย “จะมาไล่จับอะไรตอนนี้ งานก็ยังไม่เสร็จเลย ขืนมัวแต่วิ่งไล่จับหนูวันหนึ่งจะได้งานสักเท่าไหร่กันเชียว เอ๊ะ นั่นเรียกน้องป้องนี่ แล้วเจ้าตัวเล็กหายไปไหนกันล่ะ”

“พี่พู่ เห็นน้องป้องไหม” เก่งตะโกนถามมาหลังจากมาหยุดยืนที่ใต้ต้นไม้แล้วไม่เห็นใครนอกจากเสื่อปูอยู่กับขวดน้ำและกระติกน้ำแข็งขนาดใหญ่

“ไม่เห็น อ้าว แล้วหายไปไหนล่ะ” หญิงสาวชักใจไม่ดี รีบเดินรี่เข้าไปหาเก่งโดยมีคนอื่นๆ รวมทั้งนายโย่งดำผมยาวตามไปด้วย

“ก็นึกว่าอยู่กับพี่พู่นะเนี่ย อ้าว เฮ้ย พี่เดี่ยวหายไปไหนแล้ว อย่าบอกนะว่ากระโดดลงไปงมในสระ” เก่งเห็นบูลย์ชี้โบ๊ชี้เบ๊อยู่บนขอบสระน้ำคนเดียวก็ชักกลัวว่าจะเกิดเหตุร้าย

ทั้งหมดรีบวิ่งกันไปอย่างเร็วรี่ พู่ชมพูใจหาย พอไปหยุดยืนที่ขอบสระ หัวใจเธอก็เต้นแรงด้วยความกังวลปนสงสาร ไม่หรอก...ไม่มีร่างของน้องป้อง มีเพียงพันดุลที่ร้องเรียกลูกชาย ผมเผ้าของชายหนุ่มเปียกปอนยุ่งเหยิง เขาหันรีหันขวางก่อนจะโผไปตรงกลางแล้วดำหายลงไป

เธอไม่เคยมีลูก แต่เห็นภาพตรงหน้าแล้วหัวใจก็แทบจะดับดิ้นไปตรงนั้น

“เจอไหม?” ใครคนหนึ่งซึ่งมาขนข้าวร้องถามลงไป แต่ละคนต่างพุ่งความสนใจไปยังชายหนุ่มคนเดียวในสระน้ำโดยไม่ได้สนใจตติยะที่เดินไปอีกด้าน

“หาดูที่อื่นหมดหรือยัง” เดี่ยวตะโกนถามขึ้นมาด้วยเสียงเครือสีหน้าเครียดจัด

“ก็...หา...”

ทุกคนเหลียวมองหน้ากัน

“ทุกคน... ใช่เด็กคนนี้หรือเปล่าที่กำลังตามหา” ในอ้อมแขนของหนุ่มโย่งผมยาว ปกป้องทำตาปรือแดงก่ำ

“น้องป้อง!” พันดุลมองจากในสระเห็นหลานชายก็ร้องลั่นขึ้นมา เช่นเดียวกับคนอื่นๆ

“ผมเห็นแกนอนอยู่ใต้ต้นไม้ตรงโน้น คงจะเล่นๆ อยู่แล้วเผลอหลับไปเพราะเห็นทั้งปูทั้งกบเขียดนอนหมดแรงอยู่ด้วยกัน”

พู่ชมพูโล่งใจเกือบทรุดตัวลงนั่ง แต่เสียงแหบๆ เรียกเธอทำเอาชะงัก

“แม่พู่ค้าบ” เท่านั้นยังไม่พอเด็กชายยังยกแขนออกมาหาเธอๆ จึงอ้าแขนออกรับ ความรู้สึกบางอย่างแล่นเข้าสู่หัวใจ นี่หากว่าเธอเป็นอย่างที่เด็กน้อยเรียกจริงๆ...

“ตายแล้ว ตัวร้อนจี๋เลย”

*******************



****ตอบเมนต์ค่า ****

คุณห้าสิบป่าย มีลูกสาวก็ดีนะคะ สอนให้เขาทำครัวเก่งๆ จะได้ทำกับข้าวให้พ่อแม่กิน

คุณ Psycho man งูออกจากหัว แต่เป็นงูไร้เงา อึ๋ย...

ขอบคุณกิฟจากคุณ npuiy คุณนิชนันท์ และคุณ Psycho man ค่ะ

แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 55 06:54:39

จากคุณ : สายธาร/กนกนารี
เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 17:35:05




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com