แฮปปี้กับผีอะไร ยัยบ้า!... วิมาดาลุกขึ้นอย่างเหลืออด เป็นจังหวะที่ลีลาเดินออกมาจากห้องส่วนตัวพอดี แน่นอนว่าขวัญพรเป็นพนักงานในทีมได้รับการโปรดปรานมากที่สุดจากลีลา บรรดาพนักงานในฝ่ายสามคน ซึ่งก็คงไม่ต้องถามว่าแล้วใครที่เข้าใกล้หมาหัวเน่ามากที่สุดแล้ว
“ขวัญจิตเธอทำอะไรอยู่”
“มีอะไรให้ขวัญทำเหรอคะคุณลีย่า ขวัญกำลังเอางานให้วิอยู่น่ะค่ะ เรื่องการประชุมที่ขวัญอยากจะให้วิช่วยรับผิดชอบค่ะ แต่ดูเหมือนว่าวิเขาไม่อยากจะทำเท่าไหร่นะคะ” ท้ายประโยคคนพูดตีสีหน้าลำบากใจ ด้านวิมาดาได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจหนัก จะว่าเธอโดนเสียจนชินแล้วก็ไม่ใช่ แต่ว่าไม่รู้จะทำอย่างไรมากกว่า เพราะถ้าเธอพูดเหตุการณ์มันก็จะเป็นต้องเป็นอย่างที่เห็นหลังจากนี้แน่นอน
“วิมาดา เธอมีปัญหากับการทำงานเหรอ” แม้จะพูดด้วยคำที่สุภาพแต่ความหมายและน้ำเสียงของลีลานั้นจิกจนคนฟังรู้ว่าป่วยการที่จะพูดแก้ตัว แต่...ถึงอย่างไรมันก็เป็นหน้าที่ซึ่งเธอสมควรทำ
“ไม่ค่ะ แต่งานนี้เป็นส่วนของขวัญ และเท่าที่วิดูก็คือมันมีความสำคัญมาก วิเองก็มีงานที่คนอื่นซึ่งบอกว่าคุณลีย่ามอบหมายให้ ก็เลยคิดว่า..” แต่เธอยังพูดไม่ทันจบ ขวัญจิตก็เอ่ยแทรกขึ้นมา
“คิดว่าฉันควรจะทำมากกว่างั้นเหรอ ถ้าวัดฝีมือด้วยประสบการณ์ อันที่จริงมันก็ควรเป็นแบบนั้น แต่เธอก็เห็นว่าฉันมีงานที่สำคัญกว่า เธอมีงานอะไรล่ะที่ต้องรับผิดชอบ ตัดข่าว พิมพ์งาน โทรนัดกับนักข่าวหรือบุคคลภายนอก งานนี้สำคัญกว่าเป็นไหน ๆ”
“ฉันไม่เห็นว่างานอะไรที่จะสำคัญมากกว่างานประชุมผู้ร่วมทุนครั้งนี้แล้ว ถึงได้บอกเธอว่าทำไมไม่ทำเอง ในเมื่อเธอคิดว่ามีความสามารถมากกว่าฉัน” วิมาดาพยายามชักเรื่องเข้าประเด็นด้วยการตอกกลับอีกฝ่ายไป
“ฉันมีงานอื่นต้องทำ และมันก็จำเป็นต้องใช้ความสามารถของฉัน งานนี้แม้ว่าจะสำคัญก็จริง แต่ฉันก็ได้แบ่งงานให้เธอรับผิดชอบในส่วนที่คิดว่าความสามารถระดับเธอจะทำได้ไปแล้ว มันก็ถูกต้องแล้วนี่นา”
“แต่ว่า...”
“หยุด!” พอวิมาดาจะอ้าปากเถียง คำห้ามก็เกิดขึ้น
“หยุดเถียงกันได้แล้ว ฉันขี้เกียจฟังพวกเธอพล่าม วิมาดาเธอเองก็ไม่ได้มีงานทำอะไรมากมาย งานเอกสารพวกนี้คงใช้เวลาไม่นานนักหรอก เธอคงจัดการเรื่องเตรียมงานประชุมนี่ได้ พอเตรียมเสร็จก็ส่งต่อให้ขวัญเขาไปแล้วกัน เพราะยังไงเธอเองก็ไม่เหมาะจะไปพบคนเยอะ ๆ อยู่แล้วนี่” ลีลาเอ่ยในมุมของเธอ วิมาดาเป็นคนมีความสามารถมาก และสามารถจัดการทุกสิ่งได้อย่างเรียบร้อย น้อยครั้งมากที่จะผิดพลาด เสียแต่ว่าไม่ได้เป็นหน้าเป็นตาของแผนกเท่านั้น
“แต่คุณลีย่าคะ วิคิดว่างานประชุมผู้ร่วมทุนครั้งนี้มันก็สำคัญมากกว่างานสัมมนานะคะ เราควรที่จะช่วยกันคิดให้งานออกมาดี เพราะว่าถ้าเพียงแค่วิคนเดียว งานสเกลขนาดนี้...” แต่วิมาดายังไม่ทันพูดจบ ก็โดนพูดสวนขึ้นมา
“เธอคิดว่าทำไม่ได้เหรอ”
“วิทำได้ค่ะ” ถ้าคนที่ถามไม่ใช่ลีลา เธอคงไม่ตอบรับเรียบร้อยเช่นนี้ แล้วเรื่องก็จบลงตรงที่เธอถูกทิ้งไว้ตรงโต๊ะ ในขณะที่ผู้หญิงเบื้องหน้าสองคนเดินจากไป ถ้าเพียงแค่นั้นก็คงไม่ทำให้วิมาดารู้สึกตกต่ำในชีวิตเท่ากับสายตาของขวัญจิตที่มองกลับมาหรอก
ฉันอยากตบหน้ายัยนั่น!... วิมาดาคิดอย่างอาฆาต ซึ่งเธอไม่ได้คิดเพียงแค่เท่านั้น สภาพขวัญจิตในความคิดของเธอมันแย่กว่าการโดนตบหน้าสักครั้งหลายร้อยเท่า มันคงไม่มีปัญหาอะไรถ้าหากนี่เป็นเพียงแค่ความคิด
สรุปแล้วก็คือทุกคนไปกันหมดเลยเหลือเธอคนเดียว หญิงสาวทิ้งตัวลงบนเก้าอี้มองงานบนโต๊ะ แล้วถอนหายใจหนัก ส่ายหน้ากับตัวเอง สุดท้ายเธอยังถูกทิ้งไว้ข้างหลังคนเดียว
บางทีก็ไม่รู้ว่า จะอยู่ไปเพื่ออะไร...ดวงตากลมโตมองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ ฉับพลันน้ำตาก็ค่อย ๆ ไหลออกมา แต่วิมาดารู้ดีว่าต่อให้มาสคาร่าจะไหลเยิ้มเป็นทางลงมายังไง ก็ไม่มีใครสนใจจะมองเห็นมัน
ร่างสูงก้าวออกจากตัวอาคารของบริษัท เข้าสู่ลานจอดรถ ชนาเมธปลดเนกไทให้หลวมแล้วผ่อนลมหายใจ แล้วก้าวขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว พักนี้มีเรื่องกวนใจเขามากเกินไปแล้ว เมื่อครู่เขาไม่ได้ตั้งใจจะเรียกให้ก้องภพกลับมาจริง ๆ หรอก แต่ถ้าไม่ทำเช่นนั้นลีลาก็คงตามเซ้าซี้อีกเป็นแน่ นี่ถ้ามารดาของเธอยอมขายหุ้นส่วนที่ถือครองให้เขาหมดก็คงจะดี จะได้ไม่ต้องมานั่งเกรงใจกับแบบนี้ ที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่านั้นก็คือ ชนาเมธรู้ว่าที่มารดาของลีลาไม่อยากจะขายหุ้นให้ ก็เพราะต้องการให้ลีลากับเขาได้ลงเอยกัน
ไม่มีทาง...ชนาเมธส่ายหน้าปฏิเสธกับตัวเองอยู่ในใจ
ลีลาเป็นผู้หญิงสวยก็จริง แต่เขารู้ดีว่าชีวิตครอบครัว ความสวยไม่ใช่สิ่งสำคัญ มันสำคัญที่ความสุข เขาไม่อยากมีชีวิตเหมือนพ่อกับแม่ ที่รักกันด้วยรูปโฉม ลงเอยกันเพราะเงินทอง สุดท้ายแล้วชีวิตบั้นปลายนอกจากความหมางเมินใส่กันแล้ว ยังมีความแต่ความเคียดแค้น จงเกลียดจงชัง พยาบาทกว่าที่ใคร ๆ จะจินตนาการได้ เขาไม่อยากเป็นแบบนั้น ถ้าความจำเป็นทั้งหมดทำให้เขาต้องแบกรับกิจการใหญ่โตของสหวาริชเอาไว้ ชนาเมธก็อยากมีชีวิตอีกด้านที่ดีพอที่เขาจะมีความสุขได้ ไม่ว่าใครคงจะอยากอยู่กับคนที่ตัวเองรัก
ชนาเมธจอดรถลงตามสัญญาณคำสั่งไฟจราจร ชายหนุ่มมองไปด้านซ้ายแล้วชะงัก เมื่อเห็นป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ที่เป็นรูปของพริมา ชายหนุ่มจ้องอยู่นานจนรถเคลื่อนที่มานานพอสมควรแล้ว เวลาพักผ่อนช่วงสั้น ๆ ของเขาก็คือตอนที่ได้ออกจากห้องประชุมและกองเอกสารบนโต๊ะ ดังนั้น...เขาต้องหาความสุข
เขายกโทรศัพท์ขึ้นมากดสายตรงแล้วกรอกเสียงลงไปกับระบบไร้สาย “ผมเองนะ คุณว่างไหม” ชายหนุ่มสนทนาอีกเล็กน้อยก่อนที่จะเผยรอยยิ้มออกมามุมปาก ก่อนจะเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นอีก
จากคุณ |
:
เมเปิ้ลสีขาว
|
เขียนเมื่อ |
:
29 มี.ค. 55 00:00:31
|
|
|
|