Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
‘Love is a stranger” ติดต่อทีมงาน

จันทร์หอมมีอาชีพเป็นนักเขียน ...บางเวลาหญิงสาวก็ใช้ความอึด ทนถึกของตัวเองประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป แต่เธอก็แน่ใจว่า ในระบบสายอาชีพที่บันทึกไว้ในชีวิต ไม่ได้รวมถึงหน้าที่นี้เอาไว้ด้วย และคำว่ารับจ้างก็ไม่ได้หมายถึงการเดินออกจากรั้วบ้านตัวเอง มายังบ้านข้าง ๆ แล้วช่วยเพื่อนบ้านคนใหม่ ทำการซ่อมแซมปรับปรุงบ้าน ด้วยไอเดียแฮนด์เมดประหยัดตังค์ของเขา แล้วได้ค่าจ้างเป็นเพียงรอยยิ้มและคำขอบคุณจากเจ้าของบ้าน

ตอนนี้วาปีพยายามที่จะปรับปรุงห้องเก็บข้าง ๆ บ้านตัวเอง ให้กลายเป็นโรงรถเล็กๆ มีประตูปิดเปิด เหมือนอย่างที่เธอเห็นในภาพยนตร์ต่างประเทศ สำหรับไอเดียนี้หญิงสาวไม่ขออออกความเห็น เขาจะทำอะไรก็เป็นเรื่องของเขา จะต่อเติม ปรับแต่ง หรือทุบส่วนไหนของบ้านมันก็เป็นสิทธิ์ของชายหนุ่ม ซึ่งขอย้ำว่า...นั่นไม่ได้หมายถึงว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับเธอ

จันทร์หอมมองค้อนหลังเจ้าของบ้าน ที่กำลังผิวปากพลางวัดขนาดไม้ไปมา ชายหนุ่มมีฝีมือช่างเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาเธอ แต่ประเด็นก็คือแล้วทำไมเธอต้องเปลี่ยนจากสถานะนักเขียนสาว มาเป็นเจเนรัลเบ๊ แบบนี้ด้วย

“คุณจันทร์หอม ตัดไม้ตามขนาดที่ผมลงดินสอไว้นะครับ” วาปีพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงสุภาพ เขาเป็นผู้ชายแปลกหน้าคนแรกในรอบหลายปี ที่อาจหาญมาทำให้อารมณ์อันสุนทรีของจันทร์หอมต้องขุ่นมัว

“คุณก็ทำเองสิ” หญิงสาวปาดเหงื่อตามไร้ผม พูดลอดไรฟัน พร้อมกับทำตาขวาง อารมณ์อยากฆ่าคนเต็มที

“ผมเจ็บนิ้วอยู่” ชายหนุ่มยกนิ้วชี้ที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลให้เธอดู วาปีพูดประโยคเหล่านั้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ตั้งใจจะยียวนเธอเลยสักนิด คำพูดเขาดูจริงจังน่าเชื่อถือ จนเมื่อแรกเธอไม่คิดจะสงสัยอะไร แต่พอนาน ๆ เข้า จันทร์หอมรู้เลยว่าผู้ชายตรงหน้าไม่ธรรมดา...เพราะว่าภายใต้ใบหน้าเคร่งขรึม ดวงตาคมซ้อนทับด้วยแว่นกรอบบาง ริมฝีปากได้รูป รูปร่างสูงโปร่ง กริยาท่าทางสุภาพดูดีนั้น ซ่อนความร้ายกาจแบบที่ตัวเธอเองอธิบายไม่ถูกอยู่ด้วย

“แผลนี่ทำให้ผมทำงานบางอย่างด้วยตัวเองไม่ได้ จึงต้องขอความช่วยเหลือจากคุณนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงสุภาพ และสีหน้าที่ทำให้เธอรู้สึกผิด

“แต่ ฉันแค่ปิดประตูไปทับนิ้วคุณเองนะ แล้วแผลนั่นมันก็...” เกินไปหน่อย...ท้ายประโยคเธอคิดในใจ

“ถึงจะแค่ปิดประตูทับมือ แต่บาดแผลมันก็สาหัสน่าดูนะครับ” เขาตอบด้วยน้ำราวกับว่ากำลังระบายความกลัดกลุ้มใจ ที่กำลังโดนโรคร้ายเล่นงานอยู่ แถมยังหันมามองเธออย่างกล่าวโทษด้วย จันทร์หอมสะอึก นี่แหละที่เธอบอกว่าเขาร้ายกาจ สามารถบังคับคนได้ด้วยสถานการณ์โดยที่เธอไม่สามารถพูดอะไรได้เลยสักนิด

“สาหัส...ตรงไหนไม่ทราบคะ” จันทร์หอมพยายามข่มความรู้สึกผิดเกินกว่าเหตุการณ์ที่ตัวเองได้ก่อไว้ แล้วถามเขาออกไป

“ตรงนี้คุณก็เห็นแล้วนี่” เขาชูนิ้วที่มีผ้าพันแผลพันไว้เสียหนา ให้เธอดูทั้งยังพูดต่ออีกว่า “และมันก็เป็นสาเหตุให้คุณต้องมาช่วยผมทำโรงรถ” จันทร์หอมมองเขาด้วยสีหน้าแบบไม่อยากจะเชื่อ หญิงสาวถอนหายใจหนัก ทั้งยังทำหน้าเซ็งโลกสุด ๆ อีกด้วย เธอทิ้งเลื่อยลงแล้วก็นั่งลงบนกองไม้ข้างหลัง

“งานแบบนี้ ทำไมไม่จ้างช่างมาทำล่ะ ดูสิกว่าจะเสร็จ ไม่ถึงปีหน้าเหรอ ฉันไม่มาช่วยคุณทุกวันหรอกนะ” เธอบอกเสียงท้อๆ รู้ตัวดีว่าตนเองใจอ่อนโดยไม่มีเหตุผล ซึ่งหมายความว่าถ้าไม่ได้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แล้วมีคนอย่างเขามาตีสีหน้าขอความเห็นใจ จันทร์หอมก็จะยินยอมพร้อมใจให้ความช่วยเหลือ แม้จะต้องจำใจทำก็ตาม

“ผมไม่ได้จะทำเองทั้งหมดสักหน่อย ก็แค่ตีผนังไม้ระแนงตรงนี้ ซ่อมหลังคาที่ทะลุ ทาสีรอบ ๆ แค่นี้เอง” เขาเอ่ย

“แค่นี้เอง...เหรอ” หญิงสาวทวนคำของเขา ด้วยสีหน้าที่บอกว่าสิ่งที่ชายหนุ่มพูดมามันมากมายมหาศาลแค่ไหน

“ใช่ อ่อ คุณไม่ต้องห่วงหรอกนะครับ ประตูโรงรถเนี่ย แม้ผมจะอยากลองทำเอง แต่ว่าก็คงทำไม่ไหว ดังนั้นผมจะจ้างช่างมาทำ” เขาพูดถึงแผนการใส่เธอ ด้วยน้ำเสียงเสียดายสุด ๆ

“ฉันคิดว่าคุณควรจะจ้างช่างเสียตั้งแต่แรกแล้วนะ จะงกไปถึงไหนมรดกที่คุณยายทิ้งไว้ให้ก็บ้านเช่าตั้งหลายหลัง อย่ามาเฉไฉกับฉันเสียให้ยากนะ ว่าตัวเองงบน้อย” หญิงสาวว่าใส่เขา

“ก็งบน้อยจริง ๆ นี่ครับ คิดดูสิ คุณยายยกบ้านในหมู่บ้านนี้ให้ผมห้าหลัง หนึ่งหลังผมอยู่ อีกหลังก็ของคุณยาย ส่วนอีกสองหลังคุณยายก็ให้เช่าถูก ๆ แถมหลังสุดท้ายยังให้เช่าแบบการกุศลด้วย” เขามองเธอแล้วยิ้ม ส่วนจันทร์หอมรู้สึกจุกขึ้นมาในอก ก็เพราะการกุศลนี่แหละที่ทำให้เธอต้องยอมให้เขานิด ๆ ด้วยเพราะเกรงใจที่เขาเป็นเจ้าของบ้านเช่าของตัวเอง จะให้เธอจ่ายค่าเช่าเพิ่มล่ะก็ได้ แต่อาชีพนักเขียนมันไม่แน่ไม่นอน อะไรที่ประหยัดได้ก็ควรต้อง
ประหยัด

แต่เรื่องซ่อมบ้าน...มันก็ไม่ได้เป็นข้ออ้างที่ทำให้เขาจะต้องมาวนเวียนอยู่รอบตัวเธอทุกวัน ใช่ไม่ผิดหรอกว่าทุกวัน ในตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ชายหนุ่มย้ายเข้ามา ไม่มีวันไหนที่เขาจะไม่มาวนเวียนรอบตัวเธฮ สำหรับจันทร์หอมแล้ว การมีหนุ่มหน้าตาดีเข้ามาในชีวิตเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น แต่สาว ๆ เอ๋ยรู้ไหม สิ่งที่ทำให้คนหล่อกลายเป็นคนที่ไม่น่าเข้าใกล้สุด ก็เห็นจะเป็นเรื่องที่พวกเขาเหล่านั้น ปวารณาตัวอยู่ในลัทธิแห่งความถูกต้องนั่นแหละ

“เอ้านี่ ตัดไม้ซะ เหลืออีกสามอันเอง” ยังไม่คิดไม่ทันจบ เรื่องราวในหัวของจันทร์หอมก็กระเจิดกระเจิงไป เพราะใบหน้าวาปีที่อยู่ใกล้ในระดับเดียวกัน มันอยู่ในระยะ...ที่เธอรู้สึกถึงไออุ่นจากตัวเขาได้  หญิงสาวมองหน้าใบหน้าเขา ด้วยดวงตาที่เบิกโพลง ข้อมูลใหม่ที่วิ่งอยู่ในหัวของเธอตอนนี้ มีอยู่ว่าบางทีหากวาปีถอดแว่นสายตาออก เขาจะเป็นหนุ่มฮอตมากกว่านี้

“ว่าไง” พอเธอไม่ตอบเขาก็ยื่นหน้าเขามาใกล้อีก คราวนี้จันทร์หอมผงะถอยอย่างอัตโนมัติ หญิงสาวหงายหลังลื่นตกจากกองไม้ที่นั่งอยู่ ลงไปก้นจ้ำเบ้ากับพื้น

“คุณจะทำอะไรน่ะ” เธอโวยวาย

“ก็เรียกคุณตัดไม้ให้ไง” เขาพูดหน้าตาเฉย

“แล้วทำไมต้องเรียกใกล้ขนาดนี้ด้วย” จันทร์หอมบ่นก่อนที่จะลุกขึ้นเอามือปัดกางเกงด้านหลังของตนไปมา พลางก้มลงสำรวจตัวเองว่ามีบาดแผลอะไรไหม

“ทำไมล่ะ” จันทร์หอมชะงักกึก เธอรู้สึกว่าเสียงวาปีอยู่ใกล้มาก พอเงยหน้าขึ้นก็พบว่า เขายืนอยู่เกือบชิดเธอเลย หญิงสาวสะดุ้งก้าวถอยห่างจากอีกรอบ พร้อมมองเขาด้วยสายตาระแวงนิด ๆ แต่ใบหน้าเริ่มเจือสีจาง

“กะ..ก็เพราะว่ามันทำให้ฉันตกใจน่ะสิ” ระบบการเจรจาของเธอที่เคยทำอย่างปกติมาตลอด ถึงเริ่มรวนไป

“ผมว่าคุณไม่ได้ตกใจอยู่หรอกครับ” วาปีเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มฟังรื่นหูอีกครั้ง เขาถอดแว่นสายตาออกเพื่อเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบริเวณขอบตา และหันหน้ามามองเธอทั้งอย่างนั้น แล้วเขาก็เผยรอยยิ้มกว้างออกมา

จันทร์หอมมองอย่างตกตะลึง สาบานว่าเธอไม่ได้พูดเกินเลยไป หญิงสาวเคยเห็นวาปียิ้ม แต่ไม่ใช่แบบนี้ คราวนี้เขายิ้มกว้างอย่างสดใส ทั้งยังจงใจที่จะให้เธอเห็นสีหน้าของเขาในรูปแบบนี้นานๆ ด้วย วูบหนึ่ง...จันทร์หอมคิดว่าเขากำลังหว่านเสน่ห์ใส่เธอ

“เอ่อ...ไหนไม้ล่ะ” หญิงสาวกลืนน้ำลาย พร้อมทั้งถอนหายใจเฮือกใหญ่ พระเจ้าประคุณรุนช่องหากจะหล่อได้ขนาดนี้ มาดึงหัวใจเธอไปขยี้เลยดีกว่า

“อยู่นี่ครับ” เขายื่นไม้ให้เธอ จริง ๆไม่เชิงยื่นหรอกเพราะว่าชายหนุ่มแค่เอาขึ้นมาโบกไปมาให้เธอเห็น แล้วกลับเอาไปถือไว้ข้าง ๆ ตัวเหมือนเดิม ซึ่งนั่นก็แปลว่าจันทร์หอมจะต้องเดินเข้าไปในระยะที่ใกล้กว่านี้ ถึงจะได้สิ่งของที่ต้องการ...และเท่ากับว่าเธอก็ยังเสี่ยงต่ออาการหัวใจวายมากกว่านี้อีกด้วย

“เอามาสิ” จันทร์หอมเอ่ยในขณะที่เบือนหน้าหันไปทางอื่น มั่นใจว่าใบหน้าสีจางของตน เวลานี้อยู่ในเฉดสีที่เข้มขึ้นเรื่อย ๆ

“คุณอยู่ตรงนั้น หยิบไม่ถึงหรอกครับ” เธอได้ยินเขาเอ่ย แม้จันทร์หอมจะคิดว่าเขาพูดไม่จริง แต่เธอก็ไม่คิดว่าจะปริปากพูดอะไร ด้วยกลัวว่ากริยาท่าทางของตนเองจะมากเกินไป เพราะหากเอ่ยอะไรออกไปเสียงของเธอจะต้องสั่นอย่างแน่นอน

จันทร์หอมค่อย ๆ ก้าวเข้าไปในทิศทางที่เขายืนอยู่ ในขณะที่สายตายังไม่ได้จับจ้องที่เขาเหมือนเดิม... “ยังอยู่ไกลไปอีกครับ”

“เอ้า เอามา” หญิงสาวพยายามข่มเสียงให้เป็นปกติ หลังจากก้าวเข้าไปหาเขาอีกครึ่งก้าว

“ยังครับ” วาปียังคงยืนยันคำเดิม แต่จันทร์หอมแน่ใจว่าน้ำเสียงเขาอยู่ใกล้มากแล้ว แต่เอาเถอะถ้าเธอเอาไม้มาอยู่ในมือได้ มันก็แปลว่าสถานการณ์ที่ชวนระทึกขวัญนี้จะจบลงโดยเร็ว

“เร็ว ๆ เข้า ถ้าไม่ส่งไม้มา ฉันจะเลิกช่วยคุณจริง ๆ แล้ว” หญิงสาวก้าวไปทางเขาอีกครึ่งก้าว พลางยื่นมือไปทางเขา แล้วแสร้งทำน้ำเสียงไมพอใจกระแทกประโยคนั้นออกมา

“ครับ” เขาเอ่ยแค่นั้น แต่แทนที่มือของเธอจะได้สัมผัสกับเนื้อไม้ หยาบแข็ง แต่กลับเป็นความอบอุ่นจากมือใหญ่

จากคุณ : เมเปิ้ลสีขาว
เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 00:40:16




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com