Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
****** หนึ่งชีวิต...หนึ่งก้าว ****** ติดต่อทีมงาน

เที่ยงวันหนึ่ง…ขณะที่ฉันเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าใกล้กับที่ทำงาน  ในขณะที่ฉันกำลังตัดสินใจว่าจะหาอะไรกินในตอนเที่ยงดี  จู่ๆก็มีเสียงคุ้นๆเรียกที่ด้านหลัง …พอฉันหันกลับไปตามเสียงเรียก  ก็ได้พบกับหญิงสาววัยยี่สิบกว่า เธอยิ้มให้กับฉันอย่างแห้งแล้ง พร้อมกับพนมมือไหว้ทักทาย…ฉันรับไหว้แบบงงๆ  พยายามนึกว่าเคยเจอเธอที่ไหน   ส่วน เธอก็คงแปลกใจที่เห็นฉันทำหน้างง…


“พี่ออย จำเพลินไม่ได้ใช่ไหมคะ เพลินเคยเป็นเด็กฝึกงานเมื่อปีที่แล้วไงคะ”  เธอบอกอย่างเก้ๆกังๆ

“อ๋อ! เพลินนี่เอง  พี่กำลังคิดอยู่ว่าทำไมเราหน้าคุ้นๆ…ไปไงมาไง  สบายดีรึป่าว  แล้วทำงานรึยัง”

“ทำแล้วค่ะ  เพลินสบายดี…พี่ออยสบายดีรึป่าวคะ”

“จ้ะ  พี่สบายดี…ว่าแต่วันนี้เราไม่ทำงานหรอ   ทานข้าวเที่ยงยังเนี่ย   ไปหาอะไรกินแล้วค่อยคุยกันดีไหม”

“ค่ะ”


สีหน้าของเด็กสาวทำเอาฉันรู้สึกไม่สบายใจยังไงไม่รู้  ขณะที่ทานอาหารเธอก็ได้เอาแต่เขี่ยไปมา...  เหมือนกับว่าสติไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว   เหมือนเธอมีอะไรบางอย่างอยู่ภายในใจ …หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ  ฉันถึงตัดสินใจถามเธอออกไป


“เพลินมีอะไรในใจ  อยากจะเล่ามั๊ย “  ฉันถามพลางเอามือไปแตะที่ไหล่เธอเบาๆ

“เขาทิ้งเพลินไป  เขาบอกว่าจะไม่กลับมาอีกแล้ว”  เธอบอกกับฉันพร้อมกับน้ำตาไหลเป็นทาง   ซึ่งฉันก็พอจะเดาถูกตั้งแต่แรก  ว่าคงเป็นเรื่องทำนองนี้

“ไม่เป็นไร  อยากร้องก็ร้องมันออกมา ”  ฉันบอกพร้อมกับดึงไหล่เธอมากอด   เธอเงียบไปพักนึง  ก่อนจะมีเสียงสะอื้นตามมา  ฉันรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่เธอได้รับ…เพราะฉันก็เพิ่งจะเจอมากับตัวเองเหมือนกัน

“พี่ออยคะ  เพลินอยากตาย   เพลินไม่อยากมีชีวิตอยู่ เพลินอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา   และไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม”

“ใจเย็นๆ เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน….ตอนนี้พี่ต้องไปพบลูกค้า  เอางี้มั๊ยถ้าเพลินไม่มีธุระอะไรที่ไหน   เรานั่งรถไปด้วยกัน ถือซะว่าไปเป็นเพื่อนพี่ก็ได้   ขับรถคนเดียวแถมยังรถติดพี่ก็เหงาเหมือนกันนะ…ว่าไง”

“เพลินว่างคะ  เพราะไม่ได้ทำงานมาสองวันแล้ว   มันไม่ไหว…พี่ออยสะดวกหรอคะ  ไม่เกะกะนะคะ”

“ไม่หรอก…พี่ไปพบลูกค้าแป๊บเดียว   เสร็จจากนั้นเย็นๆเราจะได้หาอะไรอร่อยๆทาน... ดีมั๊ย”

“ได้ค่ะ”


หลังจากที่ฉันกับเพลินตระเวณกันจนค่อนวัน   ผ่านสถานที่ต่างๆเยอะแยะมากมาย   เราคุยกันจิปาถะ  แต่เธอก็ไม่วายวกกลับมาเรื่องเดิม


“คนเราผ่านการเจ็บปวดมาแทบทั้งนั้น….  พี่ก็เป็นคนนึงที่ผ่านมันมา   รู้และเข้าใจถึงพิษของมัน   ว่ามันทรมานแค่ไหน….หลายคนคิดที่จะไม่อยากอยู่   อยากจากโลกแห่งความทรมานนี้ไป   แล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริง…ถึงเราจะไม่รับรู้อะไรแล้ว    แต่คนที่อยู่ข้างหลังล่ะ…พ่อแม่ที่ทำทุกอย่างเพื่อเรา   แล้วเราล่ะ   ตอบแทนเค้าแบบนี้หรอ  …บนสะพานลอยที่เราเดินผ่าน    มีขอทานเต็มไปหมด   ดูสิ…สภาพของแต่ละคน   พวกเค้าเหล่านั้นยังดิ้นรนเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่  ไม่รวมเด็กกำพร้าที่เร่ขายพวงมาลัยตามสี่แยก ถึงฝนจะตกแดดจะออกพวกเค้าก็ยังไม่ท้อ   ไหนจะต้องเสี่ยงกับรถชนอีก…เมื่อกี้เราก็เพิ่งผ่านสวนลุมฯมา   สังเกตมั๊ยว่ามีผู้หญิงยืนอยู่ตามเงาต้นไม้…ก็เพราะผู้หญิงพวกนั้นเค้าก็ต้องดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตอยู่เหมือนกัน….นับประสาอะไรกับคน    ขนาดหมาจรจัดที่อยู่ตามข้างถนนมันก็ยังดิ้นรนคุ้ยเขี่ยหาอาหารกินตามกองขยะ    เพื่อประทังให้มีชีวิตอยู่รอด …แล้วเราล่ะ  รูปร่าง... หน้าตาก็ดี   มีการศึกษา   พ่อแม่อุตส่าห์ส่งเสียให้ร่ำเรียน   มีโอกาสกว่าอีกหลายพันคน   แต่ทำไมถึงคิดแค่ว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่…เจ็บในวันนี้คือบทเรียน    มันเหมือนเป็นหลักสูตรขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนต้องศึกษา    ก่อนที่เราจะแข็งแกร่งขึ้น …แต่ตอนนี้เราต้องผ่านจุดนี้ไปให้ได้เสียก่อน    เวลามันจะเยียวยาบาดแผล    ขอให้เราเข้มแข็ง   และไม่ท้อไปซะก่อน…และถ้าหากว่า   เราสามารถขอพรจากพระเจ้าได้จริง   ข้อแรกที่พี่จะขอคือ   *ขอให้มนุษย์ทุกคนละเว้นจากความทุกข์และความเจ็บปวด   ที่มาจากความรัก*


ถึงแม้ว่าฉันจะพูดพร่ำอะไรออกไป   คนที่นั่งข้างๆก็หาปริปากไม่ ฉันไม่อาจเดาได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่   สายตาของเธอมองตรงไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น….ทันทีที่รถวิ่งมาถึงกลางสะพาน   ความคิดบางอย่างก็วิ่งเข้ามาในหัวฉันทันที   ฉันชะลอรถ    ก่อนจะจอดสนิท   พร้อมกับเอ่ยปากชวนเธอ


“เราออกไปเดินเล่นสูดอากาศข้างนอกกันมั๊ย... ดึกๆแบบนี้ไม่ค่อยมีรถ น่าเดินเล่นนะ”  ฉันบอกพร้อมกับปิดประตูรถ ก้าวออกไปยืนบิดตัวไปมา   อีกฝั่งเธอก็ก้าวเดินตามหลังฉันออกมา

“คิดอะไรอยู่”  ฉันเอ่ยปากถามพลางชะโงกหน้าลงไปดูสายน้ำ

“เปล่าค่ะ”

“สูงเหมือนกันนะ   คงราวๆสามสี่เมตร  ก่อนจะถึงน้ำ   เอามั๊ย…  เราจะไปด้วยกัน   พี่ก็เบื่อชีวิตเต็มทนแล้ว   อยู่ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น... ไหนๆก็ต้องไปอยู่ดี   ตอนไหนก็เหมือนกันก็คงไม่พ้น...  จะได้ไม่เหงาไง “  ฉันแกล้งพูดเสียงเศร้า

“ไม่เอาหรอก...เพลินยังไม่อยากตายตอนนี้สักหน่อย…แล้วทำไมพี่ออยต้องคิดสั้นด้วยล่ะ   ไหนบอกว่าทำใจได้แล้วไง”   เธอพูดพร้อมกับมีสีหน้าตกใจนิดๆ

“ก็ไหนเราบอกไม่อยากมีชีวิตอยู่ไง   พี่จะได้ไปเป็นเพื่อน”

“ไม่เอานะ   พี่ออยอย่าคิดแบบนี้   เพลินไม่เป็นไรแล้ว  เพลินดีขึ้นมากแล้ว”  เธอบอกพร้อมกับเอือมมือมาเขย่าที่ต้นแขนฉันเบาๆ

“แล้วเมื่อกี้คิดอะไรอยู่ล่ะ”  ฉันถามเสียงเศร้าแต่ภายในใจแอบยิ้ม

“เพลินคิดว่า…ถ้าไม่เจอพี่ออยในวันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเพลิน   ก็เท่านั้นเองค่ะ”

“เด็กบ้า!! ปล่อยให้พี่คิดมากอยู่ได้   แล้วคิดแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน”   ฉันถามพร้อมกับรอยยิ้มกว้างเอามือไปหยีผมเธอเบาๆ

“ก็ตอนที่พี่ออยไปพบลูกค้าไงค่ะ   เพลินแอบได้ยินที่ลูกค้าตำหนิที่พี่ออยไปสาย…เพลินสงสารพี่ออยมากนะคะ ถ้าไม่มีเพลินในวันนี้...  พี่ออยก็คงไปทันนัด   และคงไม่โดนตำหนิแบบนี้   เพลินขอโทษนะคะ”เธอบอกพลางสวมกอดฉันไว้แน่น

“ไม่เป็นไร…หากการไปสายของพี่   มันแลกมาด้วยชีวิตของคนๆนึง   พี่ไม่เสียใจเลย…รู้แบบนี้แล้วพี่อยากขอบคุณเค้าด้วยซ้ำไป... ขอบใจจ้ะที่ร่วมทางเดินกับพี่ในวันนี้….ถึงแม้ว่ามันจะเป็นระยะสั้นๆ แต่พี่ก็จะจดจำมันตลอดไป”

“เพลินขอบพระคุณมากๆค่ะพี่ออย   เพลินเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้กำหนด…ทำให้เราได้มาเจอกันในวันนี้   และเพลินก็ขอบคุณที่พี่ออยเมตตาให้เพลินได้ร่วมทางเดินไปกับพี่ออยในวันนี้ …ถึงแม้ว่ามันจะเป็นระยะสั้นๆ แต่เพลินก็จะจดจำตราบนานเท่านาน”


….หากเราเดินให้ช้าลง   เพียงก้าวหนึ่ง   อาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามแต่   ซึ่งมันแลกมาด้วยชีวิตหนึ่ง   เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมาก



*****************************************************************

จากคุณ : ใยไหมกะใบม่อน
เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 00:50:36




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com