 |
เอ๊ะ! ฉันจองที่นั่งชั้นธุรกิจนะคะ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า อันดามันอ่านข้อความบนบัตรผ่านขึ้นเครื่องแล้วสอบถามกับเจ้าหน้าที่ประจำเคาน์เตอร์เช็คอินด้วยความข้องใจ
ในระบบระบุแค่ว่าคุณได้รับการอัพเกรดที่นั่งให้เป็นชั้นเฟิร์สคลาสน่ะค่ะ ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือเปล่าคะ อันดามันกังขา ไม่มีข้อมูลแจ้งไว้ค่ะ เข้าใจว่าคงเป็นการอัพเกรดที่นั่งตามขั้นตอนปกติน่ะค่ะ งั้นก็ขอบคุณค่ะ ขอให้สนุกกับการเดินทางนะคะ ขอบคุณที่ใช้บริการค่ะ อันดามันพยักหน้ารับ พลางยักไหล่ แม้จะแปลกใจ ทว่าในเมื่อเธอมีแต่ได้กับได้ จ่ายเงินเท่าเดิม แต่กลับได้ที่นั่งกว้างขวางสบายขึ้น หรูหรากว่าเดิมแบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ใครบ้างจะไม่เอา! หญิงสาวเพิ่งมารู้ความจริงว่าของฟรีไม่มีในโลกก็ตอนที่ขึ้นเครื่องมาแล้วพบว่า... อ้าว! คุณศิรา อันดามันก้มลงมองเลขที่นั่งบนบัตรผ่านขึ้นเครื่อง แล้วเลื่อนมาสบตาคนที่นั่งอยู่ก่อน ตั้งคำถามด้วยรอยยิ้มรู้ทัน เมื่อพบว่าที่นั่งของเธออยู่ข้างๆ ผู้บริหารของคีรีธารากรุ๊ป นี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ไหมคะ คุณเอ็มคิดว่ายังไงล่ะครับ หญิงสาวนั่งลงบนที่นั่งใกล้ๆ ศิรา แม้จะมีช่องว่างระหว่างเก้าอี้เพื่อให้ผู้โดยสารของชั้นเฟิร์สคลาสได้รับความเป็นส่วนตัว แต่ก็ยังใกล้พอที่จะให้พูดคุยกันได้โดยไม่รบกวนผู้โดยสารรายอื่น งั้นเอ็มคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญดีกว่าค่ะ เพราะดูแล้วไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่คุณศิราจะต้องทำแบบนี้ มีสิครับ ศิราแย้งทันควัน เขาคอยจนเธอตวัดสายตาขึ้นมาสานสบกันแล้ว จึงเอ่ยต่อ คุณเอ็มคิดว่าผู้ชายจะอดทนฟังคำปฏิเสธซ้ำๆ จากผู้หญิงคนหนึ่งได้สักกี่หนกันล่ะครับ เอ็มไม่เข้าใจค่ะ ก็...คุณเอ็มปฏิเสธรับเลี้ยงผมสองหนแล้ว คราวนี้...ยังไงผมก็ไม่ยอมให้คุณปฏิเสธได้เด็ดขาด ท่าทางคุณศิราจะเป็นคนเอาแต่ใจน่าดูเหมือนกันนะคะนี่ ผมตามใจตัวเองเฉพาะกับบางเรื่องเท่านั้นแหละครับ จะพิเศษหน่อยก็ตรงที่วันนี้เรื่องที่ผมอยากจะตามใจตัวเอง มีคุณเอ็มเป็นส่วนหนึ่งอยู่ด้วยไงครับ แล้วศิราก็ทำได้ดังที่เขาว่าจริงๆ เสียด้วย ทั้งที่เธอเดินทางในช่วงเวลาที่ไม่ตรงกับมื้ออาหาร ซึ่งปกติแล้วสายการบินจะบริการเพียงอาหารว่างและเครื่องดื่มเล็กๆ น้อยๆ แต่เพราะวันนี้คนที่นั่งอยู่ข้างเธอคือศิรา ศิวกรณ์ หลังเครื่องบินไต่เพดานบินเรียบร้อย พนักงานต้อนรับบนเครื่องก็นำผ้าสีขาวสะอาดมาปูให้บนโต๊ะหน้าที่นั่งเธอ ตามด้วยถาดอาหารอันประกอบด้วยสลัดกุ้ง แซนวิชขนาดพอคำ หน้าต่างๆ ถึงสามชิ้น และผลไม้สด! เอ๊ะ! อันดามันอุทานด้วยความแปลกใจ ศิราหันมาส่งยิ้มให้เธอ ผมทราบว่าคุณเอ็มยังไม่ได้ทานอาหารกลางวัน ก็เลยสั่งพิเศษไว้ให้คุณด้วย คราวนี้เราก็ได้ทานอาหารด้วยกันเสียทีนะครับ สงสัยคุณศิราจะถือคติกองทัพต้องเดินด้วยท้องอย่างนโปเลียน อันดามันแซวยิ้มๆ แต่ก็หยิบมีดและส้อมขึ้นมาเตรียมรับประทานอาหารแต่โดยดี ศิราเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินหญิงสาวเอ่ยชื่อนายพลโบนาปาร์ตบุคคลสำคัญของโลกซึ่งเป็นแม่ทัพนำฝรั่งเศสเข้าสู่สนามรบจนชนะศึก และท้ายที่สุดยกตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิปกครองฝรั่งเศส ทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดนักรบผู้ยิ่งใหญ่อีกด้วย คุณเอ็มพูดถึงนโปเลียนอย่างนี้ ไม่ทราบว่าเคยอ่านประวัติของท่านบ้างไหมครับ อันดามันทำท่ากระตือรือร้น เคยสิคะ แต่บอกก่อนนะคะว่าเอ็มไม่ได้ชอบเรื่องที่นโปเลียนท่านเป็นยอดนักรบหรอกค่ะ แต่ประทับใจในความเป็นนักรักผู้ยิ่งใหญ่ของท่านต่างหาก ยังไงหรือครับ อันดามันไม่อยากสารภาพกับตัวเองเลยว่าท่าทางของศิราที่ถือส้อมค้างไว้ตั้งท่ารอฟังคำตอบ ทำให้อะไรบางอย่างในหัวใจเธอขยายออกแบบไม่มีเหตุผล หญิงสาววางส้อม ยกมือขึ้นเท้าคาง ทำตาลอยไปไกล เอ็มเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนคงใฝ่ฝันว่าอยากมีใครสักคนรักเธอได้มากอย่างที่นโปเลียนรักโจเซฟีนน่ะค่ะ เอ็มเคยอ่านจดหมายรักที่นโปเลียนเขียนถึงโจเซฟีนนะคะ โอ้โห...ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีใครทำอะไรหวานๆ แบบนี้ได้ โดยที่ไม่รู้สึกเลี่ยนเลยสักนิด คุณเอ็มคิดเหมือนใจผมเลย ผมเคยอ่านหนังสือประวัติของนโปเลียน แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพระนางโจเซฟีนมีดีตรงไหน ทำไมนโปเลียนจึงรักขนาดนั้น ทั้งที่โจเซฟีนอายุมากกว่า เป็นแม่ม่าย แถมยังเคยแต่งงานมีลูกมาแล้วด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นนโปเลียนก็ยังรักโจเซฟีนมากขนาดที่ระหว่างไปรบ ไม่ว่าจะแวะพักค้างแรมที่ไหนก็ต้องหาเวลาเขียนจดหมายส่งมาหาสาวคนรักทุกวัน จนกลายเป็นสาส์นรักบันลือโลกมาถึงทุกวันนี้ได้ อันดามันพยักหน้าทำท่าตื่นเต้น ใช่ค่ะ แล้วที่โรแมนติกปนเศร้าที่สุดก็คือในลมหายใจสุดท้ายของพระองค์ท่าน นโปเลียนตรัสถึงสิ่งที่พระองค์ให้ความสำคัญมากที่สุดในพระชนม์ชีพว่า... หญิงสาวหลับตาทบทวนความทรงจำ ฟร้องซ์, ลาร์มี่, เต็ตดาร์มี่, โจเซฟีน (France, l'arm?e, t?te d'arm?e, Josephine) ฝรั่งเศส, กองทัพ, แม่ทัพ, โจเซฟีน...ศิรายิ้มมุมปากทวนความเป็นคำแปลของประโยคที่เธอเพิ่งเอ่ยออกมาเป็นภาษาไทยด้วยความทึ่ง คุณเอ็มจำได้ขนาดนี้เชียวหรือครับ ค่ะ นอกจากคำทักทาย บงชูว์ กอมม็องต์ อัลเล่ วู้แล้ว เอ็มพูดฝรั่งเศสได้อีกคำเดียวก็คือประโยคนี้นี่แหละค่ะ อันดามันหัวเราะเขินๆ แล้วกลับมาเข้าเรื่องต่อ น่าเสียดายนะคะ ที่โจเซฟีนมีทายาทไม่ได้ สุดท้ายนโปเลียนจึงจำเป็นต้องหย่ากับพระนางไปแต่งงานกับหลานของจักรพรรดินีแห่งออสเตรียแทน ถึงจะทำเพื่อการเมือง แต่ผู้หญิงที่พระองค์ท่านรักและทำได้แค่เก็บไว้ลึกสุดใจก็มีเพียงแค่คนเดียว คิดแล้วหัวใจคนเรานี่ก็น่าแปลกนะคะ ขนาดเป็นถึงจักรพรรดิที่สั่งการบังคับบัญชากองทัพอันไพศาลได้ แต่กลับสั่งหัวใจตัวเองให้ตัดใจเลิกรักใครคนหนึ่งไม่ได้สักที รับสั่งในวินาทีสุดท้ายของจักรพรรดินโปเลียนบอกให้รู้ว่าพระนางโจเซฟีนยังคงอยู่ในพระหทัยไม่รู้วาย ทั้งที่เสียงเครื่องยนต์ครางหึ่งๆ อยู่รอบกายตลอดเวลา แต่ในช่วงเวลานั้น อันดามันกลับรู้สึกถึงความเงียบงันอย่างประหลาดจนราวกับโลกไร้สรรพสำเนียงใดๆ หรือไม่...สิ่งไร้เสียงที่ว่า แท้จริงแล้วอาจมีเพียงแค่หัวใจซึ่งเต้นแผ่วด้วยความไม่สมหวังของเธอเองก็เป็นได้! อันดามันเผลอปล่อยอารมณ์ให้เลื่อนไหลไปกับความซาบซึ้งที่ผู้หญิงคนหนึ่ง ถูกรัก มากมายถึงเพียงนี้ ดวงหน้างามสลดลงเล็กน้อย แววตาลึกล้ำสีดำจัดของผู้ชายข้างกายทอดมองมาที่เธอนิ่ง ขณะริมฝีปากเขาแต้มรอยยิ้มบางๆ ทางพุทธศาสนาเราเชื่อกันว่าถ้าจิตสุดท้ายของคนตายเกาะอยู่กับเรื่องไหน เมื่อลมหายใจสุดท้ายขาดลง ดวงจิตก็จะไปอยู่กับสิ่งนั้น คนโบราณถึงได้มักจะบอกทางคนใกล้สิ้นใจว่าอรหังๆ จะได้ให้ไปที่สูงกัน ซึ่งถ้าเป็นอย่างที่ว่าจริงๆ ผมว่าตอนนี้ดวงพระวิญญาณของนโปเลียนคงได้กลับไปอยู่กับพระนางโจเซฟีนผู้ซึ่งทรงสนิทเสน่หาที่สุดแล้ว และพระองค์ก็ไม่ต้องพลัดพรากจากสตรีผู้เป็นที่รักอีกต่อไป คุณเอ็มเห็นด้วยไหมครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็คงจะดีนะคะ หญิงสาวทำท่านึกได้ ว่าแต่คุณศิราสนใจเรื่องศาสนาด้วยหรือคะ จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ พอดีว่าตอนเรียนอยู่ที่โน่น แม่กลัวผมจะพาสะใภ้แหม่มกลับมาเป็นของฝากมังครับ เลยคอยส่งหนังสือไปให้ผมสม่ำเสมอ จะได้เอาเวลาไปอ่านหนังสือ แทนที่จะจีบสาว แถมยังสั่งด้วยว่าอ่านจบแล้วต้องทำสรุปย่อส่งมาให้แม่เป็นระยะ แล้วหนังสือแต่ละเล่มที่แม่เลือก คุณเอ็มก็น่าจะพอเดาได้ว่าคงหนีไม่พ้นเรื่องศาสนานี่แหละ แม้จะเดาไม่ออกว่า ที่โน่น ที่เขาเอ่ยถึงน่ะมันที่ไหนอยู่ตรงส่วนใดของโลกกันแน่ แต่หญิงสาวก็นึกชื่นชมคนพูดเพิ่มขึ้นอีกหน่อย จากการเจอนักเรียนนอกมาแล้วนับร้อยนับพันคน ส่วนใหญ่นักเรียนนอกเหล่านั้นพอมีโอกาสก็มักจะต้องเอ่ยชื่อประเทศที่ตัวเองเคยไปรับการอบรมศึกษามาแนบไว้ในประโยคเสมอ เพื่อเป็นเหมือนใบประกาศเกียรติคุณและแสดงความมีอารยธรรม แต่ผู้ชายคนนี้กลับพยายามถ่อมตัวอย่างน่าฟัง คำ ที่โน่น ซึ่งละไว้ในฐานที่เข้าใจกันได้ว่าไม่ใช่เมืองไทย นอกจากฟังดูไม่โอ้อวดเกินเหตุแล้ว เขายังเอ่ยถึงด้วยน้ำเสียงสบายๆ ประหนึ่งว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาสามัญเหลือเกินในอันที่จะเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปรับการศึกษาไกลโพ้นคนละฟากฟ้าห่างอกผู้เป็นบิดามารดาไปนานเพียงนั้น ถ้าคุณศิราเคยผ่านตาเรื่องแนวๆ นี้มาบ้าง ไม่ทราบว่าเคยได้ยินชื่อท่านติช นัท ฮันต์ไหมคะ เอ็มน่ะติดตามคำสอนของท่าน และหนังสือของท่านตั้งหลายเล่มแน่ะค่ะ ท่านสอนศาสนาได้ทันสมัยดีเหลือเกิน หญิงสาวเอ่ยนามภิกษุชาวเวียดนามซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งหมู่บ้านพลัม ณ เมืองบอร์โดซ์ ประเทศฝรั่งเศส อันเป็นชุมชนต้นแบบสำหรับศึกษาศาสนาพุทธในนิกายเซน ซึ่งท่านติช นัท ฮันต์เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักปฏิบัติธรรมชาวตะวันตก ทั้งยังเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพในปีพุทธศักราช ๒๕๑๐ อีกด้วย ดูเหมือนว่าเราจะชอบอะไรเหมือนกันหลายเรื่องจนเหลือเชื่อเลยนะครับ ศิราเปรยด้วยสีหน้าประหลาดใจ ทำไมคุณศิราถึงพูดอย่างนี้ล่ะคะ หญิงสาวเลิกคิ้วนิดๆ ทีแรกก็นโปเลียน แล้วนี่คุณเอ็มยังเคยอ่านคำสอนของท่านติช นัท ฮันต์อีก สองท่านนี้น่ะเป็นบุคคลสำคัญระดับโลกที่ผมชอบมากเลยนะครับ อ้อ...อีกคนหนึ่งก็คือ... อันดามันซึ่งเพิ่งยกผ้าเช็ดปากขึ้นแตะมุมปาก รีบยกมือห้าม ไหนๆ ก็บังเอิญชอบเหมือนกันมาตั้งสองท่านแล้ว ขอเอ็มเดาคนที่สามบ้างได้ไหมคะ เผื่อว่าทายถูกจะได้โมเมเข้าข้างตัวเองเสียเลย ว่าพระพรหมท่านเล่นตลกกับเอ็มแน่ๆ อันดามันเจตนาล้อเลียนตอนท้ายประโยค และเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าอนุญาต เธอจึงคิดออกมาดังๆ นโปเลียนเป็นยอดนักรบ นักวางแผน แถมยังเป็นนักรัก ท่านติช นัท ฮันต์ก็จัดเป็นนักปรัชญา อืม...น่าจะมีใครอีกดีน้า... คุณศิราเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อาจจะชอบเล่นหุ้น งั้นเอ็มขอทายว่าเป็นวอร์เรน บัฟเฟต มหาเศรษฐีนักเล่นหุ้นชาวอเมริกันที่เคยรวยเป็นอันดับสองของโลกก็แล้วกัน ยังไม่ทันที่ศิราจะเฉลย อันดามันก็ทำตาโต เอ๊ะๆ หรือว่าจะเป็น...ปีเตอร์ ดรั๊กเกอร์ (Peter Drucker) นักบริหารชื่อดัง คนเขียนหนังสือที่กลายมาเป็นคัมภีร์ของนักบริหารครึ่งโลก จนได้รับการยกย่องว่าเป็น สุดยอดผู้รู้ ที่ฝรั่งเรียกกันว่าเป็น กูรูแห่งกูรู (Guru of guru) กันแน่นะ หญิงสาวแกล้งทำท่าใช้ความคิด ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วว่าคำตอบหลังต่างหากที่ถูกต้อง เธอแค่ใส่ชื่อนักเล่นหุ้นชื่อดังไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ดูมีพิรุธเกินไปที่จะตอบถูกต้องตั้งแต่คำตอบแรกเท่านั้นเอง! ศิรายกมุมปากขึ้น ขณะส่ายศีรษะนิดๆ ไม่อยากเชื่อสิ่งที่เพิ่งได้ยิน คุณเอ็ม...นี่คุณอ่านใจคนได้หรือเปล่าครับนี่ คุณทายถูกจริงๆ ด้วยว่าคนโปรดอีกคนของผมก็คือปีเตอร์ ดรั๊กเกอร์! จริงเหรอคะ? ว้าว! เอ็มโชคดีจังแฮะ ที่เดาถูกเสียด้วย อันดามันยิ้มกว้าง ทำท่าดีอกดีใจตื่นเต้น ทั้งที่ไม่ได้แปลกใจจริงๆ เลยสักนิด โธ่...ตั้งแต่เมื่อวานที่เธอได้เข้าไปเห็นห้องทำงานของเขาภายในคีรีธารารีสอร์ทแอนด์สปา เธอก็ใช้โอกาสทองนั้นให้คุ้มค่าที่สุดแล้วต่างหาก หญิงสาวมองปราดเดียวก็เห็นว่าชั้นหนังสือที่อยู่ชิดผนังด้านหนึ่งของห้องทำงานเขามีหนังสือมากมาย เพียงปรายตาผ่านทั้งชั้นในหนึ่งแวบ เธอก็จำชื่อหนังสือสองสามเล่มที่เก่าและสันยับเยินที่สุดเอาไว้ได้ทันควัน ด้วยรู้ดีว่ามันจะต้องผ่านตาผู้เป็นเจ้าของมากกว่าเล่มอื่นๆ อย่างแน่นอน และรายชื่อหนังสือพวกนั้น ก็คือเรื่องราวของบุคคลที่ทั้งสองกำลังพูดถึงอยู่ตอนนี้นั่นแหละ อาจเป็นโชคดีที่คนโปรดของศิรา คือคนโปรดที่เธอติดตามผลงานและอ่านชีวประวัติของท่านๆ เหล่านั้นอยู่แล้วเช่นกัน เมื่อต้องใช้ประโยชน์ เธอจึงแทบไม่ต้องใช้เวลาพลิกตำราหาข้อมูลมาสนทนากับเขาให้เคอะเขิน อย่างว่าล่ะนะ ซุนหวู่สอนไว้ ก่อนรบต้องเตรียมพร้อม รู้เขารู้เรา รบร้อยชนะร้อย ในเมื่อเธอหมายมาดความสนใจจากผู้ชายไฮโซ เธอก็ต้องทำตัวเองให้ สะดุดตา เขา ยิ่งระหว่างเดินทางมาสนามบิน เธอแอบสืบประวัติเขาจากกูเกิ้ลเพิ่มเติม แล้วอันดามันก็พบว่าตลอดชีวิตของผู้ชายคนนี้มีแต่เรื่องงาน แสดงว่าเขาต้องคาดหวังกับผู้หญิงเอาไว้สูงส่งไม่น้อยทีเดียว จึงยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเฉียดกรายเข้าไปเป็นข่าวกับเขาได้เลย เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว สิ่งเดียวที่ต้องทำก็คือ แสดงตัวตนให้ออกมาสูงกว่าความคาดหวังของเขา แค่นี้ผู้ชายคนนี้ก็ไปไหนไม่รอดแล้ว โครงการสิบห้าล้านนั่น ต้องเป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น ตลอดเวลาที่ความนึกคิดทั้งหลายรี่ไหลอยู่หัว ไม่เคยมีส่วนเสี้ยวใดเลยที่ผู้อำนวยการสาวลากเข้าไปเกี่ยวพันกับความรู้สึก! เธอใช้เหตุและผล ให้ผลประโยชน์ และความเหมาะสมตามมาตรฐานของ อันดามันสแตนดาร์ด อย่างที่เคยใช้ตัดสินทุกเรื่องเป็นเครื่องบ่งบอกว่าควรจะก้าวเดินไปยังทิศทางใดต่อ จากนี้หญิงสาวก็แค่ต้องทำให้เขาหลงเสน่ห์เธอให้ได้ นอกจากจะชนะงานที่โรงแรมธาราบุรีแล้ว เธอยังหวังจะใช้ประโยชน์จากศิราถึงสองต่อ บางที...ถ้าบุรัณเห็นเธอไปไหนมาไหนกับศิรา เขาอาจหึงออกนอกหน้า และรีบจัดการให้เรื่องของเขาและเธอ คืบหน้าไปยังจุดที่ถอยหลังกลับมาไม่ได้ให้เร็วขึ้น หลังจากนั้นแล้ว ศิราจะคิดอ่านหรือรู้สึกยังไงกับเธอ...มันก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
จากคุณ |
:
สิริณ (แม่มณี)
|
เขียนเมื่อ |
:
30 มี.ค. 55 02:44:16
|
|
|
|
 |