Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
(นิยายกำลังภายใน) วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร ตอนที่ 93 ติดต่อทีมงาน

เงารางเลือนไม่ทราบเลยว่า ประมุขรัตติพิกลวางแผนการครั้งนี้มานานแค่ไหนแล้ว

นางรู้เพียงนับจากคราแรกที่ได้ยินเบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด ค่อยทราบว่ากว่าจะกลายเป็นบทสรุปอันสมบูรณ์ แผนได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงเที่ยวแล้วเที่ยวเล่า อย่างเช่นเริ่มต้นประมุขคิดใช้ดินระเบิดมาเปิดประตูห้องลับ ก่อนปรับเป็นดึงถวนไห่หลงมาเกี่ยวเมื่อพบว่าเจ้าบ้านโต่วหมายจัดการมัน เพราะเสียเวลาน้อยกว่าการจัดวางระเบิด ยังไม่นับรวมการค้นคว้าวิเคราะห์แผนการนับร้อยวิธี เพียงเพื่อจุดประสงค์เดียว

ต้องบรรลุเป้าหมายโดยไม่ผิดพลาด

หลากหลายแผนล้วนถูกคิดไว้สำหรับแต่ละเหตุการณ์ ไม่ว่าเรื่องราวตรงหน้าจะกลับตาลปัตรอย่างไร ในหัวเงารางเลือนก็เตรียมวิธีรับมือไว้พร้อม

นั่นคือการสิ้นสภาพของถวนไห่หลงก่อนจะทลายประตูศิลา มิได้อยู่นอกเหนือการคำนวณของประมุขรัตติพิกลและนางแม้แต่น้อย

ถ้าหากเหลือซินแสเทวะรับมือพวกนางแค่คนเดียว แผนตะปูอาบยาพิษก็จะนำมาใช้ถ่วงเวลามัน เพราะพิษนี้ออกฤทธิ์เร็วมาก แม้เจ้าจื้อสุยพกยาหมื่นเกสรรอนพิษติดตัว ก็ต้องเสียจังหวะเพื่อเดินลมปราณกระจายยา ระหว่างนั้นนางจึงมีโอกาสเอาดินระเบิดมาทำลายประตู

ทว่าเมื่อซินแสเทวะมีพรรคพวกช่วยเหลือ การวางยาฟ่านไป่หนิงเพื่อบังคับให้ชายชราเปิดห้องลับไปเอายาแก้ ย่อมเป็นวิธีซึ่งง่ายดายกว่ากันมาก และการที่นางแสร้งสั่งพรรคพวกหลบหนี เพราะต้องการหลอกล่อให้ซินแสเทวะคลายความระแวงว่านางจะย้อนกลับมา ทว่าวิธีนี้ก็ถือเป็นเดิมพันของเงารางเลือนด้วย เนื่องจากนางคาดว่าเจ้าจื้อสุยน่าจะพกยาหมื่นเกสรรอนพิษติดตัวไว้ไม่มาก ซึ่งความจริงถ้าจะให้รัดกุมกว่านี้ นางควรใช้ตะปูอาบยาพิษกับผู้อื่นเพิ่ม เผื่อกรณีที่ซินแสเทวะยังมียาพกติดตัวอยู่หลายเม็ด ทว่าจังหวะฉุกละหุกไม่เปิดโอกาสให้ทำเช่นนั้น แต่อย่างน้อยถ้าซินแสเทวะสามารถรักษาพวกพ้องโดยไม่ต้องเปิดห้องเก็บของไปเอายา ก็ยังประวิงเวลาให้นางที่แอบดูลาดเลาอยู่ รอกองกำลังจากด้านนอกตามมากดดันซินแสเทวะอีกครั้ง

โชคดีที่สุดท้าย เจ้าจื้อสุยก็ตัดสินใจเปิดประตูศิลาจนได้!

แวบแรกเมื่อย่างเข้าห้อง เงารางเลือนพลันละลานตาไปด้วยสมบัติมหาศาล ตั้งแต่ศาสตราวุธมากชนิด คัมภีร์บักทึกยอดวิชาหรือความรู้หลากแขนง กระดาษชี้แจงข้อตกลงตามที่ซินแสเทวะประสงค์ แจกันรูปปั้นเครื่องประดับนับไม่ถ้วน สมุนไพรหายากซึ่งบางชนิดนางเพิ่งเคยเห็นของจริงเป็นครั้งแรก ไปจนถึงสิ่งของหลายอย่างที่เงารางเลือนเองก็อธิบายว่าคืออะไรมิได้ด้วยซ้ำ

หากนางก็ทราบดีว่าความต้องการที่ประมุขบัญชามา ต้องถูกเก็บซ่อนอยู่ในนี้

ทว่าทุกอย่างก็ใช่จะราบรื่นไร้อุปสรรค ด้วยแม้สามารถล่วงผ่านทางเข้ามาได้ กลับพบซินแสเทวะขวางทางอยู่กลางห้อง เงารางเลือนจึงรีบสะอึกกายเข้าปะทะ หวังเปิดทางให้งูอสนีบาตเร่งค้นหาป้ายหยกขาว ซึ่งหงเสี้ยนก็ควานพบบนชั้นข้างประตูนี่เอง ก่อนย้อนกลับมาสมทบด้วยความรวดเร็ว

สองสตรีร่วมมือกันกลุ้มรุมชายชราโดยมิหยุดพัก งูอสนีบาตหงเสี้ยนนั้นภายหลังได้รับการชี้แนะลมปราณผีเสื้อรัตตรีกาลเสริมหนุน ฝีมือยิ่งแกร่งกล้ากว่าในอดีตหลายเท่า ส่วนอาวุธลับของเงารางเลือนก็นับว่าอยู่ในขั้นสุดยอด พอนางตั้งใจลงมืออย่างอำมหิต กระทั่งโจซานตงผู้ตกตายไปก็ใช่จะรับมือง่ายดาย

ก่อนหน้านี้งูอสนีบาตหงเสี้ยนแค่ผู้เดียวก็ปะทะเจ้าจื้อสุยได้สูสี เงารางเลือนจึงมั่นใจว่าอีกไม่นานพวกนางต้องโค่นซินแสเทวะพ่ายแพ้เป็นแน่

เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายอันแท้จริง ซึ่งมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!

**********

สือหย่งหลุนรู้สึกราวตกอยู่ท่ามกลางเขาวงกตอันซับซ้อน คล้ายเห็นทางออกยังเบื้องหน้า ทว่าพอขยับอีกหนึ่งก้าว กลับตกสู่กับดักชั่วร้ายเกินจะหยั่ง

แต่ถ้าเด็กหนุ่มรู้จักเพียงทอดอาลัยต่อโชคชะตา มันคงไม่มีชีวิตจนถึงป่านนี้

หวงไป่หวินกำลังเดินลมปราณรักษาฟ่านไป่หนิง หากถูกรบกวนจะธาตุไฟเข้าแทรกทั้งสองฝ่าย อันตรายอย่างยิ่ง สือหย่งหลุนต้องป้องกันสุดชีวิต ขณะหูแว่วเสียงการต่อสู้จากในห้องเก็บของ หางตาเหลือบเห็นซินแสเทวะยับยั้งการบุกรุกไว้ที่กลางห้อง แต่ไม่ทันสนใจมากความ มันก็ทะยานเข้าใส่การคุกคามเบื้องหน้าโดยทันที

สองพี่น้องวานรแสยะยิ้มแทบพร้อมกัน วานรเขี้ยวกระดูกคนน้องเลือกลงมือก่อน มันหักข้อมือกางกรงเล็บทั้งคู่ตวัดที่ใบหน้าเด็กหนุ่ม สือหย่งหลุนเอียงตัวหลบแต่เท้ายังปักหลักกับที่ บังกั้นหวงไป่หวินและฟ่านไป่หนิงทางด้านหลังไว้สิ้น อันที่จริงนี่เป็นจังหวะเหมาะจะใช้ท่าเพลิงโกรธา ทว่าเด็กหนุ่มทราบดีว่าท่านี้กำราบศัตรูได้ทีละคน อีกทั้งหลังใช้ท่าเสร็จจะบังเกิดช่องว่างช่วงเสี้ยวเวลาให้อีกฝ่ายตีโต้ได้ ลำพังมันยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าอริบุกไปถึงดรุณีน้อยคงแย่แน่ ดังนั้นจึงใช้วิธีปักหลักสู้เพื่อควานหาโอกาสอันเหมาะสม

หากศัตรูย่อมไม่ปล่อยให้มันมีเวลาตั้งตัว พอวานรเขี้ยวกระดูกพลาด วานรเขากระดูกก็รวบเล็บมืออันแหลมคมเข้าหากันแล้วพุ่งใส่หน้าอกเด็กหนุ่ม ช่วงแขนยาวยืดพลอยให้ดูราวมีคนทิ่มหอกแทงมาอย่างว่องไว สือหย่งหลุนเปลี่ยนมาใช้สองมือไขว้กากบาทป้องกันช่วงอก เมื่อปลายหอกบรรลุถึงกลางกากบาทก็รวบส่วนแขนเข้าหากัน หนีบข้อมือวานรเขากระดูกได้ทันก่อนกรงเล็บจะปักร่าง จากนั้นเกร็งกล้ามเนื้อเพิ่มแรงหมายบดข้อมืออีกฝ่ายจนแหลกละเอียด เสียงแหกปากร้องของพี่ชายดึงให้วานรเขี้ยวกระดูกร้อนใจยิ่ง พลิกตัวไปตะปบยังสีข้างสือหย่งหลุน เด็กหนุ่มจึงเปลี่ยนใจคลายการจับกุมเชลย หันมาถีบร่างตรงหน้าจนกระเด็น พร้อมกันนั้นก็วาดหลังมือซัดวานรเขี้ยวกระดูกซึ่งกำลังปรี่เข้ามาจนเลือดกบปาก

เพียงชั่วอึดใจ สือหย่งหลุนก็จัดการสองบุรุษผู้เคยอาละวาดไปทั่วยุทธจักรเสียแทบสิ้นท่า

สองพี่น้องวานรพากันแตกตื่น แต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว เจ้าหนุ่มหน้าละอ่อนนี่กลับมีพลังวัตรกล้าแข็งเกินอายุจนน่าขนลุก หากมิใช่ระดับพวกมันซึ่งมีปราณคุ้มกายสูงส่ง ป่านนี้คงล้มไปกองไม่ฟื้นแล้ว แต่นั่นหาทำให้ย่นระย่อ ด้วยสองพี่น้องวานรมั่นใจว่ามีอยู่สองสิ่งซึ่งพวกมันเหนือกว่าสือหย่งหลุน

หนึ่งคือความแข็งแกร่ง อีกอย่างย่อมเป็นประสบการณ์

เรื่องประสบการณ์คงไม่จำเป็นต้องอธิบาย แต่ด้านความแข็งแกร่งนั้นพิจารณาได้ง่ายมาก ด้วยตอนนี้แม้สือหย่งหลุนจะปะทะกับพวกมันในยกแรกได้อย่างน่ายกย่อง แต่หลังจากนั้นมันกลับเริ่มหอบหายใจเหน็ดเนื่อยเสียแล้ว นั่นเพราะสือหย่งหลุนกรำศึกติดต่อกันมาหลายชั่วยาม ร่างกายคนมิใช่เหล็กไหลจะทานทนได้อย่างไร ทั้งสมาธิและพละกำลังจึงหลงเหลือไม่ถึงครึ่ง หาได้น่าเกรงกลัวแต่น้อยไม่

พวกมันฉีกตัวแยกเป็นสองสาย การที่เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมานาน ต่างประสานงานกันโดยแทบไม่ต้องบอกใบ้ พริบตาขนาบสือหย่งหลุนซ้ายขวา กรงเล็บแหวกอากาศสู่เป้าหมายพร้อมเพรียง เด็กหนุ่มใช้ถุงมือต้านพสุธารับได้แค่หนึ่งกรงเล็บ จึงโดนกรีดเป็นแผลลึกมาสองแห่ง พอตวัดหมัดคิดสวนกลับ คู่อริก็ถีบเท้าส่งร่างหนีจากรัศมีการจู่โจมอย่างว่องไว เด็กหนุ่มกัดฟันข่มสัญชาตญาณไม่ยอมติดตามไป ยังคงยืนหยัดอยู่กับที่

สองพี่น้องวานรพินิจบุคคลด้านหลังสือหย่งหลุนด้วยแววตากระจ่างแจ้งอันชั่วร้าย จากนั้นก็โจมตีด้วยรูปแบบเดิมซ้ำ ๆ จนทั่วร่างเด็กหนุ่มมีแต่บาดแผล โลหิตย้อมเสื้อผ้าฉีกขาดเป็นสีแดงก่ำ แล้วจังหวะที่วานรเขี้ยวกระดูกยื่นกรงเล็บอันแข็งแกร่งหวังเรียกเลือดจากเจ้าหนุ่มหน้าโง่อีกครั้ง สือหย่งหลุนซึ่งเคยตั้งรับในท่าที่สามารถป้องกันทั้งซ้ายขวามาตลอด พลันหมุนร่างเผชิญหน้ากับมันตัวต่อตัว เผยแผ่นหลังว่างเปล่าให้วานรเขากระดูกฝังเล็บใส่จนเกือบมิด!

ขณะวานรเขากระดูกนึกในใจว่าเด็กหนุ่มร้อนรนจนขาดสติไปแล้ว พลางจะถอนกรงเล็บเพื่อซ้ำเติมให้มากขึ้น กล้ามเนื้อสือหย่งหลุนก็หดเกร็งบีบรัดนิ้วมือมันไว้ ยามนั้นเองวานรเขากระดูกค่อยทราบว่าเด็กหนุ่มวางกับดักล่อให้มันจู่โจม เพื่อเดินลมปราณบังคับกล้ามเนื้อตรึงมันให้อยู่กับที่ จะได้สามารถตั้งสมาธิสู้น้องชายมันเพียงผู้เดียว

สือหย่งหลุนคำรามลั่นปล่อยหมัดออกไปสุดแรง วานรเขี้ยวกระดูกซึ่งโถมตัวเข้ามาจึงโดนชกเสียหน้าหัน ทว่าเด็กหนุ่มยังโคจรลมปราณไม่เชี่ยวชาญ เมื่อใช้บังคับกล้ามเนื้อด้านหลังไปแล้วพลังวัตรที่แฝงในหมัดจึงอ่อนด้อยเหลือเพียงหนึ่งในสี่ สำหรับวานรเขี้ยวกระดูกย่อมรู้สึกแสบคันแค่เล็กน้อย ดังนั้นแม้ศีรษะจะสะบัดหงายไปอีกทาง ก็ยังสามารถสวนกรงเล็บลอดหมัด จิกโดนจุดชีพจรใต้โคนแขนสือหย่งหลุนอย่างแม่นยำ

ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วตัวเด็กหนุ่ม การโคจรลมปราณชะงักงันจนกล้ามเนื้อคลายตัว นิ้วมือวานรเขากระดูกบนหลังมันจึงเป็นอิสระอีกครั้ง ฝ่ายนั้นพลันแสยะยิ้มดุร้าย กรีดกรงเล็บทั้งห้าฉีกแผลลึกเกือบถึงกระดูก เรียกเสียงร้องและสายโลหิตจากสือหย่งหลุนเป็นการตบท้าย ก่อนหลบมาเลียคราบเลือดซึ่งเปื้อนมือมันด้วยท่าทางดีอกดีใจชวนหวาดผวา

สือหย่งหลุนตั้งสติข่มอาการปวดที่ประดังเข้ามา รีบตั้งท่าป้องกันฟ่านไป่หนิงและหวงไป่หวินเหมือนเช่นเดิม ทว่าปริมาณบาดแผลซึ่งเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งทำให้เสียเลือดเร็วขึ้น ขอเพียงสองพี่น้องวานรรอเวลาอีกสักหน่อย สือหย่งหลุนก็คงล้มไปเองเป็นแน่แท้

ในช่วงเวลาที่ศัตรูทั้งคู่กำลังย่ามใจถึงขีดสุด ร่างสือหย่งหลุนกลับอันตรธานไปจากสายตา!

พริบตาถัดมาพวกมันค่อยรับรู้ว่าเด็กหนุ่มใช้วิชาร้อยเก้าเท้าเวหา เคลื่อนมาอยู่หลังวานรเขี้ยวกระดูกทางฝั่งซ้ายแล้ว เป็นการกระทำที่ส่งผลให้พวกมันแตกตื่นยิ่ง เพราะเคยมั่นใจว่าสือหย่งหลุนจะปักหลักเพื่อปกป้องบุคคลด้านหลังเต็มความสามารถ ไฉนจู่ ๆ พานละทิ้งไปเสียได้

แล้วไม่ทันจะคิดการณ์ใดต่อ สือหย่งหลุนก็ออกกระบวนท่าเพลิงโกรธาด้วยความไวราวสายฟ้าฟาด กระแทกใส่วานรเขี้ยวกระดูกเต็มกำลัง จนตัวมันลอยหวือพุ่งไปชนพี่ชายซึ่งกำลังยืนตะลึง ก่อนสองพี่น้องจะถูกอัดติดกำแพงหินอย่างจัง

ขณะวานรเขากระดูกพยายามงัดร่างน้องชายออกจากตัว สือหย่งหลุนก็ทะยานตามมาในท่าเพลิงพิโรธ ซัดศีรษะมันปะทะผนังศิลาเบื้องหลัง สิ้นสติในบัดดล อดีตหัวหน้าหน่วยทะลวงพรรคอสุราอาฆาตถวนไห่หลงมองภาพตรงหน้าแล้วยิ่งพยายามซุกตัวกับมุมฝั่งตรงข้ามมากขึ้น มันเคยลิ้มรสอานุภาพเช่นเดียวกันมาแล้ว แม้จะพยายามเดินลมปราณรักษาตัวมาตลอด แต่จนบัดนี้ก็ยังหายใจติดขัด ฝืนลุกแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ จึงเข้าใจความเจ็บปวดที่สองพี่น้องวานรลิ้มรสเป็นอย่างดี

กระทั่งตัวมันเองยังไม่อยากยอมรับเลยว่า หวาดกลัวเด็กหนุ่มเบื้องหน้าแทบขาดใจ

แม้สองพี่น้องจะเร็วกว่าสือหย่งหลุน ทว่าเด็กหนุ่มก็มีสิ่งทดแทนเป็นความทนทาน มันปล่อยให้โดนโจมตีเพื่อรอจนศัตรูเริ่มออกอาการล้าและประมาท แล้วฉวยโอกาสย้ายตำแหน่งมาอยู่ในระนาบเดียวกับพวกมัน เพื่อใช้ท่าเพลิงโกรธาอัดใส่สองพี่น้องพร้อมกันในคราเดียว ด้วยศัตรูกำลังเหน็ดเหนื่อยจนความคิดและความเร็วเชื่องช้าลง มันจึงไม่ต้องห่วงว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายดรุณีน้อยได้ทันท่วงที

ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เพราะเด็กหนุ่มมีอยู่สองสิ่งซึ่งเหนือกว่าพวกมัน

หนึ่งคือความอดทน อีกอย่างย่อมเป็นไหวพริบ

จากคุณ : จันทร์พันฝัน
เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 18:58:53




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com