.
“ใครเหรอคะอาทัช?” ณิชนันท์ถามขึ้นมาขณะเดินกลับเข้าไปในอาคาร พร้อมๆ กับคุณอาหนุ่ม
“เพื่อน รุ่นพี่อาเองแหละ”
“เอะ พูดแปลกๆ ตกลงเขาป็นเพื่อน หรือเป็นรุ่นพี่กันแน่” ณิชนันท์แกล้งถามอย่างขำๆ
ทำให้นนทัชยิ้มน้อยๆ ก่อนจะอธิบาย “เป็นทั้งเพื่อน และรุ่นพี่ของอาในคราวเดียวกัน” “มิน่าล่ะ ถึงได้มาเอากุญแกจรถจากอาอาทัชได้ง่ายๆ นี่ถ้าอาทัชมาช้าไปกว่านี้สักนิด ก็เกือบจะเกิดการวางมวยกันอยู่แล้วเชียว”
“แน๊ะ เก่งขนาดนั้นถึงขนาดสามารถวางมวยกับเขาผู้ชายตัวโตๆ ได้ตั้งเมื่อไหร่กันเชียวหลานอา เมื่อก่อนเห็นเหย๊าะๆ แหย๊ะๆ ตอนนี้ดูเอาเรื่องคนขึ้นมาเลยนะ”
นนทัชแกล้งแซวอย่างอารมณ์ดี
“เอาเรื่อง เพลินเอาแน่ๆ ค่ะ ถ้าเรื่องนั้นมันมาทำให้คนที่เพลินรักเดือดร้อน”
สีหน้าหญิงสาวดูมีอาการเคร่งเครียดขึ้นมาทันที จนนนทัชก็จับได้ว่า ณิชนันท์กำลังพูดไปกระทบถึงใครบางคนเข้า เขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องด้วยน้ำเสียงที่ดูขรึมขึ้น
“แล้วนี่ ทานข้าวกลางวันมารึยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะอาทัช เพลินออกไปทานกับเพื่อนๆ เพิ่งกลับเข้ามาแล้วดันมาเจอเรื่องเมื่อครู่นั่นแหละ ”
หญิงสาวหันมาตอบคำถามเบาๆ ก่อนจะกลับมาครุ่นคิดถึงสาเหตุจริงๆ ที่เธอไม่อยากทานอาหารที่นี่พร้อมบิดา เธอเลยโทร.นัดเพื่อนๆ ที่พอยังรวมตัวกันได้ให้ออกไปทานอาหารด้วยกัน นั่นเป็นเพราะว่า ช่วงกลางวันเธอไม่อยากเห็นไม่อยากรับรู้เรื่องของบิดากับผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว
พักนี้เธอไม่สบายใจในท่าทีของบิดาที่มีต่อแม่ผู้หญิงคนนั้น เธอไม่อยากให้เป็นไปอย่างที่เธอสังหรณ์ใจเลยจริงๆ
ตอนนี้เธอรู้สึกว่าที่บ้านและที่บริษัทนี่เริ่มเป็นอะไรที่ห่างไกลตัวเองนัก
หลังจากตอบคำถามนนทัชไปแล้วนั้น เธอก็ปลดปล่อยให้อารมณ์จมอยู่ในภวังค์ถึงหญิงสาวอีกคน ณิชนันท์คิดพลางเหลือบสายตาไปดูใบหน้าผู้เป็นอาสลับกัน
แล้วอาทัชของเธอเล่ากับหญิงงสาวที่ตนเองมีใจให้นั้น... จะรู้สึกสังหรณ์ใจเหมือนกันกับตัวเธอบ้างหรือเปล่าหนอ?
.
เนื่องจากการเสนอความคิดของมนัญชยาที่ต้องการให้บริษัทจากที่จะรับผลิตอัญมณีตามเออร์เดอร์มา มาเป็นการออกแบบเครื่องประดับของตนเองแล้วนำไปเสนอขาย ให้ลูกค้าแทน ซึ่งไอเดียนี้เองที่ทำให้บริษัทต้องมีการปรับทิศทางธุรกิจากการรับจ้างผลิตตามความต้องการของลูกค้า มาสู่การออกแบบแล้วนำไปเสนอขายเสียเอง และนั่นเองที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายภายในเวลาไม่กี่วันต่อจากนั้น
และวันนึงขณะที่ณิชนันท์หลบเลี่ยงความวุ่นวายและ เครียดจากการทำงานโดยการออกมาเดินออกมาผ่อนคลาย หญิงสาวชะโงกหน้ามองไปยังชั้นล่างของบริษัทที่เป็น โชว์รูม สำหรับโชว์สินค้า ตอนนี้กำลังมีพนักงานสาวสวยๆ กำลังทำหน้าที่ของตัวเองต่อลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมอัญมณีอย่างไม่ขาดสาย
จังหวะหนึ่งที่ณิชนันท์ตวัดสายตาขึ้นจากภาพด้านล่างขึ้นมา หญิงสาวถึงกลับมีอาการประหม่า สายตาคมคู่หนึ่งที่มีแววระยิบบางประการฉาบอยู่ และทันทีที่ทราบได้ว่าเขาก็คือบุรุษที่เธอบังเอิญเจอวันนั้น แถมเพียงพบหน้ากันครั้งแรกก็เกิดความเข้าใจผิดกันอย่างหน้าขายหน้าด้วยแล้ว
ก็ทำให้ณิชนันท์แสร้งทำเป็นไม่เห็นเขา แล้วรีบหมุนตัวเพื่อจะหลบหน้าหลบตาเขาโดยเร็ว
ปราชญ์ที่ต้องมาที่นี่บ่อยขึ้นเพื่อมาดูแลการวางระบบ ชอฟแวร์ที่ที่นี่ได้ใช้บริการจากบริษัทของตนเองอันที่จริงเรื่องงานไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้เขาแกล้งเข้ามาดูความเรียบร้อยของงานด้วยตัวเอง แต่นั่นเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นที่เห็นเขาแล้วเธอรีบหันหลังหนีอย่างนึกอายขายขี้หน้าตัวเอง มากกว่า ที่เป็นสาเหตุอันแท้จริงในการมาที่นี่แต่ละครั้งของตน ปราญช์ลอบยิ้มอย่างนึกขำอย่างทันใด เขาว่าหญิงสาวคนนี้เห็นเขาแล้วเพราะตอนที่หญิงสาวเหลียวมาสายตานั้นสบกันพอดี พอรู้ว่าเป็นใคร เธอก็หันหลังหนีทำทีรีบเดินๆ หนี ซึ่งปราญช์เองก็นึกสนุกโดยสาวเท้าให้ไวขึ้นเพื่อจะได้ทันเธอ และพออยู่ในระยะที่เสมอกัน เขาจึงเอ่ยทักเธออย่างอารมณ์ดี
“สวัสดีครับ”
“คะ เอ่อ ค่ะ สวัสดีค่ะ” ณิชนันท์หันไปเอ่ยตอบเขา ด้วยอาการประหม่าอายอย่างเห็นได้ชัด และนั่นยิ่งทำให้ปราญช์แอบขำอยู่กับตัวเอง
“คงไม่จำเป็นที่ต้องแนะนำตัวกันอีกแล้วนะครับ เราเคยพบหน้ากันมากกว่าสามครั้งแล้วนี่”
ปราญช์เอ่ยเตือนความจำให้กับเธอ ครั้งแรกที่เจอกันก็วันที่เธอทึกทักว่าเขาเป็นโจร ส่วนอีกสองสามครั้งก็พบหน้าที่บริษัทนี้เนื่องจากบริษัทปราญช์นั้นมารับผิดชอบการวางระบบคอมพิวเตอร์และโปรแกรมนั้นให้ใหม่หมด เขาจึงต้องตามมาดูงานด้วย และที่สำคัญที่เขารู้สึกว่ามาที่นี่ ต้องได้เจอหน้าใครบางคนแน่ๆ และใครบางคนทีว่านั้นก็คือผู้หญิงที่ทำให้เขาอารมณ์ดี
นับตั้งแต่ที่บังเอิญได้รู้จักกับเธอครั้งแรกนั่นเอง แต่เขาก็ไม่ได้มีโอกาสได้คุยกับเธออย่างเป็นทางการเพราะเธอคอยแต่จะเดินหนีเขาบ้าง ยิ้มให้แหยๆ เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นบ้าง เท่านั้น
“มาหาอาทัชหรือคะ” ณิชนันท์ถาม อย่างไม่รู้ว่าจะถามอะไรที่ดีไปกว่านี้
“ครับ แวะมาเยี่ยมแล้วมาดูว่างานทางนี้ ว่าชอฟแวร์ที่ให้ใช้ได้ดีหรือเปล่า”
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นต้องไปถามอีกคนน่าจะได้คำตอบกว่า!” น้ำเสียงติดประชดทำให้ปราญช์เลิกคิ้วมองขึ้นข้างตัวอย่างสนใจ เหตุใด จู่ๆ น้ำเสียงเรื่อยๆ ของเธอจึงเปลี่ยนเป็นระดับที่หนักแน่นขึ้น
ณิชนันท์รู้ว่าตัวเองกำลังกล่าวกระทบไปถึงหญิงสาวอีกคน เพราะหญิงสาวคนนั้นเป็นคนเสนอไอเดียนี้ เลยทำให้บริษัทต้องรื้อระบบต่างๆ เพื่อให้เข้ากับงานที่มัญชยาเสนอมา และด้วยสาเหตุนี้เองที่ช่วงหลายๆ วันที่ผ่านมา ทำให้หลายคนในบริษัทนี้รู้ทึ่งและชื่นชมในความคิดของมนัญชยามากขึ้นด้วย เลยทำให้คนที่ถูกชื่นชมเริ่มทำผยอง พองขน บางครั้ง บางคราวณิชนันท์ก็รู้สึกว่าอีกฝ่าย คอยแต่จะทำตัวให้เธอเด่น ให้ตัวณิชนันท์ได้เห็นถึงความสำคัญของตัวเอง
โดยเฉพาะทางบิดาและคุณอาของเธอเอง ทั้งคู่ต่างก็หลงใหลหญิงสาวผู้นั้นจนลืมไปแล้วว่ามีเธออยู่ทำงานในบริษัทนี้ด้วยกัน
ณิชนันท์เผลอคิดอะไรไปเรื่อยๆ เมื่อรู้สึกขึ้นแล้วว่าคนข้างๆ จะเงียบไปเลย ทำให้หญิงสาวเหลียวกลับมา เห็นปราญช์กำลังกดคิ้วเข้าหากันเหมือนใช้ความคิดอยู่ คงเป็นน้ำเสียงและและคำพูดของตัวเองเมื่อครู่กระมัง ที่ทำให้คนดูติดใจสงสัยใจน้ำเสียงของเธอขึ้นมา
“อ่ะ เปล่าๆ หรอกค่ะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ณิชนันท์ปฏิเสธ ปราญช์เลิกคิ้ว ท่าทางเธอเหมือนไม่อยากพูดอะไร
“บริษัทนี้ดีนะ” ปราญช์เอ่ยเรื่อยๆ ขึ้นมาอีกครั้ง
“คะ?”
“ก็ร่มรื่นดี” เขาอธิบายเพิ่มขึ้นมาอีกนิด
“อ้อ แม่ หมายถึงคุณแม่น่ะค่ะ ท่านชอบต้นไม้ ท่านเลยหาต้นไม้มาปลูก ตามที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชั้นบน ชั้นล่าง อย่างที่คุณปราญช์เห็นนั่นแหละค่ะ เต็มไปด้วยกระถางต้นไม้วางไว้หลายที่ ส่วนที่สวนข้างล่างท่านก็จัดเอง ”
“แล้วตอนนี้ท่านอยู่ไหนเสียล่ะครับ?” เขาถามอย่างสนใจ เพราะเขามาที่บริษัทหลายครั้ง ไม่ค่อยได้พบหน้าพี่สะใภ้คนดีของนนทัชเลย ซึ่งชายหนุ่มอีกคนที่เขาหมายถึงนั้น ออกจะพูดทำนองชื่นชม และให้ความเคารพในตัวพี่สะใภ้คนดีเป็นอย่างมาก “ตอนนี้คุณแม่อยู่บ้าน ท่านไม่ได้ทำงานอยู่ที่นี้อีกแล้วค่ะ ท่านกลับไปดูแลบ้านเหมือนเดิมค่ะ”
เธอตอบน้ำเสียงเธอดูแปร่ง ไปเล็กน้อย แล้วรีบกลบเกลื่อน ปราญเองก็จับได้ จนคิ้วเข้มของเขาขมวดเข้าด้วยกันอีกหน ยิ่งเหมือนเธอพยายามก้มหน้า หลบซ่อนบางอย่างเอาไว้ก็ยิ่งดูทำให้เขาสนอกสนใจ แต่แล้วเหมือนเธอจะปัดๆ ความรู้สึกนั้นออกไป แล้วเงยหน้าขึ้นมาแล้วถามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ว่าแต่ แล้วนี่คุณจะไปไหนเหรอคะ”
“แวะมาดูความเรียบร้อย และมาคุยกับทัช เห็นทางนี้ไม่มีปีญหาอะไรแล้ว ก็ กำลังจะกลับพอดี” เขาตอบ แล้วเว้นจังหวะเอาไว้นิดนึง “แต่ก่อนที่จะกลับ”
“คะ?” ณิชนันท์ถามขึ้น
“ไปดื่มกาแฟเป็นเพื่อผมหน่อยมั้ย”
คนถูกชวนเอาดื้อๆ ชะงัก อย่างนี้ คงไม่ใช่เขากำลังจะจีบเธอหรอกนะ
“พอดีผมอยากดื่มกาแฟ จะชวนนนทัชแต่รายนั้นบอกว่าไม่ว่าง ถ้ายังไงไม่รังเกียจผม ไปนั่งทานเป็นเพื่อนผมหน่อยได้มั้ยครับ” เขาพยายามเชื้อเชิญอย่างสุภุาพที่สุด ทางณิชนันท์เองก็ลังเล แต่ยามนึกถึงเรื่องที่เธอเข้าใจเขาผิด เลยทำให้เธอคิดอะไรขึ้นมา ว่าแล้วหญิงสาวเลยฉีกยิ้ม ตอบตกลง แล้วพูดไปก่อนว่า
“งั้นก็ได้ค่ะ ใกล้ๆ กันนี้มีร้านกาแฟเปิดใหม่ แต่มีข้อแม้นะคะ เพลินขอเลี้ยงคุณสำหรับเรื่องที่เข้าใจผิดกันวันนั้น”
ปราญช์ขยับปาก ทำทีจะขอเป็นฝ่ายเลี้ยงเอง แต่แล้ว หญิงสาวก็ชิงดักคอขึ้นมาเสียก่อน
“ห้ามปฏิเสธ ไม่งั้นเพลินไม่ไปนะคะ บอกไว้ก่อน ”
“ตกลงครับ” และแล้วปราญช์ก็หัวเราะน้อยๆ พร้อมกับค้อมศีรษะลงเล็กน้อย เหมือนกับการยอมแพ้ จากนั้นคนทั้งคู่จะเดินออกไปจากบริษัทพร้อมกัน
และในขณะนั้นเองมนัญชยาที่เดินผ่านมาทางนี้พอดีทันเห็นหลังของชายหนุ่มหญิงสาวไวๆ ตัวเองก็หยุดแล้วเพ่งสายตามองตามไปอย่างสนอกสนใจ เพราะหญิงสาวคนนั้นที่เดินออกไป เธอจดจำได้อย่างแม่นยำว่า คือ ณิชนันท์ ส่วนผู้ชายที่เห็นเพียงหลังไวๆ แล้วโครงสร้างรูปร่างที่ค่อนข้างคุ้นคาผู้นั้น เป็นใครกัน ไม่ใช่ นนทัช ถึงนันทัชจะสูงแต่รูปร่างก็ไม่ได้ผึ่งผายน่ามองเท่านั้นเลย จะว่าเป็นคุณลุงธีร์ก็ไม่ใช่ เพราะเธอเพิ่งผละจากห้องทำงานท่านมาแท้ๆ
หรือว่าจะเป็นเขาคนนั้น คนที่ช่วงนี้มักจะแวะเวียนมานี่ที่บ่อยๆ …คุณปราญช์!
(มีต่อ)
จากคุณ |
:
พิณพลอย
|
เขียนเมื่อ |
:
31 มี.ค. 55 20:48:30
|
|
|
|