 |
...
หนึ่งสัปดาห์ก่อนเปิดภาคเรียน เป็นช่วงเวลาที่เริ่มหดหู่และหงอยเหงาของนักเรียนเพราะต้องกลับไปสู่วงจรชีวิตตื่นเช้า ทำการบ้าน และสอบ แต่สำหรับโขงแล้ว เหมือนว่าวันเวลาแห่งความสุขเพิ่มเริ่มต้น
วันนี้เขานั่งอยู่ในร้านไอศกรีมที่ห้าง ตรงข้ามเป็นแม่ที่นับแล้วเป็นหนที่สามซึ่งได้เจอ แต่เป็นครั้งสองที่ได้มาเดินเล่น กิน เที่ยวกันตามลำพัง
โขงสลัดทิ้งความอายได้ดีขึ้น เริ่มสบตากับสายไหม แต่บางครั้งเวลาที่เธอถามหรือเอาใจเขารู้สึกเขินอยู่เหมือนกัน คงเป็นเพราะตลอดสิบห้าปีไม่เคยใกล้ชิดและสัมผัสกับแม่ บางจังหวะเธอเห็นหนุ่มน้อยมองเธอตาใส
การยอมรับเริ่มต้นได้ดีและกำลังไปได้สวย เหลือแค่การแสดงออกทางความรักเช่นการกอด เท่านั้น
ร้านไอศกรีมในห้างวันนี้คนหนาตา สองแม่ลูกได้ที่นั่งริมหน้าต่าง แดดฤดูร้อนจัดจ้าจนแสบตา หญิงสาวมองลูกชาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือกิริยาท่าทาง แทบจะถอดมาจากคนเป็นพ่อไม่ผิดเพี้ยน วันเวลาของเธอไม่เสียเปล่า และจะดียิ่งขึ้นไปอีกถ้าการสังสรรค์มีเขาอยู่ด้วย
พนักงานมาเติมน้ำเปล่า เป็นเด็กวัยรุ่นอายุไม่เกินยี่สิบ ถักเปียสองข้าง บนแก้มเนียนแต้มบรัชออนสีชมพูระเรื่อกระจ่างตา โขงมอง
สายไหมยิ้ม “แน่ะ มองตาค้างเชียว”
คนถูกแซวหน้าแดงขึ้นทันใด “มองเฉย ๆ เองนะครับ”
“แม่ไม่ได้ว่าอะไรนี่ น่ารักดี ว่าแต่...โขงมีแฟนหรือยัง”
โขงรีบส่ายหน้า อีกฝ่ายยกคิ้ว “ไม่มีคนเดียวล่ะสิ คงมีในสังกัดเพียบ”
“แม่คร้าบ”
สายไหมหัวเราะ “ไม่ต้องปฏิเสธให้เหนื่อย แม่รู้น่า โขงก็หมือนพ่อเข้นั่นแหละ ไม่ต่างกันเลย”
“สมัยก่อนพ่อเป็นยังไงครับ”
สำหรับสายไหม เคยรับมือกับผู้ชายมากฟอร์ม ร้อยลีลา แค่จูงให้คนฟังคล้อยตามเรื่องที่ต้องการไม่ใช่งานยากอะไร เธอเล่าเรื่องเขมรัฐ เพลงที่ชายหนุ่มร้องจีบ เรื่องหน้าแตก ขำขัน เรียกเสียงหัวเราะและเชื่อมบรรยากาศ ใบหน้าหนุ่มน้อยกระตือรือล้น สบสายตาคู่สนทนามากขึ้น
“โขง แม่มาหาแบบนี้อึดอัดหรือเปล่า”
โขงเลียไอศกรีมบนริมฝีปาก ส่ายหน้า “ไม่ครับ”
“แล้ว...อยากให้แม่มาหาทุกวันไหม”
“มาได้เหรอครับ”
สายไหมพยักหน้า อีกฝ่ายยิ้มสดใส พยายามระงับความดีใจไม่ให้ออกนอกหน้า “ก็อยากครับ”
“ถ้าอย่างนั้น...คงต้องถามพ่อก่อนนะ” โขงมีสายตาเป็นคำถาม “เพราะพ่อเขาอาจจะยุ่ง แม่กลัวว่าจะมาทำให้เขาลำบากใจ”
ไม่รู้ว่าลูกชายจะเข้าใจความหมายซ้อนเร้นหรือเปล่า และถ้าเขาฉลาดพอจะรู้ว่าเธอเล็งเป้าไปยังผู้หญิงข้างกายของชายหนุ่ม หนุ่มน้อยทำท่าคิดแค่วินาที ครั้นแล้วก็ไหวไหล่
“เดี๋ยวไว้คราวหน้าแม่เจอพ่อแม่ก็ถามนะครับ”
สายไหมซ่อนรอยยิ้ม
เสร็จจากการกินก็เป็นเวลาเดินเที่ยว โขงเดินผ่านป้ายโฆษณาหนัง เขาหยุดมอง
“อยากดูหนังเหรอ”
“เอ่อ...ครับ”
“งั้นพรุ่งนี้เรามาดูกันไหม”
โขงเงยหน้าสบตา “แม่ยังไม่กลับเหรอครับ พรุ่งนี้วันจันทร์นี่”
“ยัง คราวนี้แม่มาอยู่หลายวัน เพื่อโขงโดยเฉพาะ”
หนุ่มน้อยยิ้มกว้างอย่างเบิกบาน
วันต่อมา สายไหมจอดรถไว้ด้านหน้า ดูนาฬิกา สามโมงกว่า เดินมาอย่างไม่รีบร้อน ทั้งที่ว่างอยู่แล้วทั้งวัน แต่ประวิงเวลาให้ตนเองมีค่า เพื่อผลลัพท์บางประการ ถ้าทุกอย่างเป็นใจเธอ...จะสามารถดึงเขาเข้ามาในเส้นทางได้
หญิงสาวเดินมาถึงร้าน โปรยยิ้มเบิกทางให้ทุกคนที่สบตา โขงผุดลุกแล้วเดินไปหาอย่างร่าเริง
“พร้อมแล้วครับ”
คนเป็นแม่ทำเสียงสำนึกผิด “ขอโทษนะโขง แม่ยุ่ง ๆ อยู่เลยมาช้าไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรครับ” โขงบอกหน้าแป้นแล้น
“งั้นต้องบอกก่อนว่ารีบไปรีบมานะ คงไม่ได้ดูหนังแล้วล่ะ เพราะถ้ามืดแล้วแม่ขับรถไม่ได้ ไม่ชินทาง”
“เหรอครับ” เด็กชายมองนาฬิกา “ตอนนี้สามโมงกว่าแล้ว หนังฉายอย่างน้อยก็สองชั่วโมง หกโมงก็ต้องกลับแล้ว แป๊บเดียวเอง” เขาทำหน้าผิดหวัง กวาดสายตาคล้ายใช้ความคิด ถ้ามีใครสักคนขับให้...คิดแล้วก็ดีดนิ้วเป๊าะ
“งั้นเดี๋ยวให้พ่อขับให้” เขาควักโทรศัพท์ สายไหมเบรก
“จะดีเหรอโขง พ่อเขายุ่งอยู่หรือเปล่า”
“ลองดูครับ” โขงยักคิ้วให้
ฟาร์มปูวันนี้ครึกครื้นเพราะปุริมามาร่วมกินมื้อกลางวัน เมื่อรวมกับขาประจำอย่างบัณฑิตาแล้วบรรยากาศจึงยิ่งสนุกสนาน จนเวลาล่วงเลยไปจนบ่ายแก่ ๆ เขมรัฐชวนปุริมามานั่งบนสะพาน เขาครึ้มใจถือกีตาร์มาดีด
“ณ ที่เมืองนี้ที่ระทม เจ็บช้ำตรมอมน้ำตา but if I let you go I would never know what my life would be ณ ที่เมืองนี้ที่หนาวลม เจ็บระบมอมน้ำตา...*”
ปุริมาส่ายหน้า “เอาสักเพลงสิคุณ คนฟังปรับอารมณ์ไม่ทัน”
“ดีเนอะ งานไม่ทำมานั่งร้องเพลงให้ปูฟัง มันจะเข้าใจไหมเนี่ย” เสียงบัณฑิตาแทบจะมาก่อนตัว หญิงสาวเดินมาสมทบ เพราะช่วยธรณิศบรรจุปูนิ่มลงกล่องเรียบร้อยแล้ว
“ถึงปูนิ่มในกล่องจะไม่เข้าใจ แต่ปูนิ่มคนนี้รู้เรื่องแน่นอน”
เขาปรายยิ้มให้ปุริมา สาวร่างเล็กเบะปาก “หมั่นไส้ กะอีแค่มีปลอกคอเป็นของตัวเองจะอารมณ์ดีอะไรนักหนา”
“บุ้ง”
เสียงทุ้มดังขึ้นเบื้องหลัง ไม่ต้องหันไปก็รู้ว่าใคร
“โอ๊ะ โอ๋ บางคนกำลังจะโดนปลอกรัดคอ” เขมรัฐพูดกลั้วหัวเราะ บัณฑิตาชักคิ้ว หันไปมองธรณิศ
“พ่อคะ แซวนิดแซวหน่อยพี่เข้เขาไม่น้อยใจขนาดเอาถั่วงอกผูกคอถ่วงน้ำตายหรอกค่ะ คิดมากหน้าแก่นะคะพ่อ”
ปุริมาหัวเราะคิกคัก ส่วนนายฟาร์มระเบิดเสียงอย่างไม่เกรงใจ คนถูกแซวมีปฏิกิริยาแค่เอื้อมมือมาบิดหูหญิงสาวเสียหนึ่งทีโทษฐานช่างประชดประชัน
เสียงโทรศัพท์ดัง เขมรัฐล้วงกระเป๋ากางเกง มองหน้าจอ พึมพำกับปุริมาว่าเจ้าโขงโทรมา
“ว่าไงครับพี่”
เธอยิ้มขำ พ่อลูกคู่นี้มีอะไรน่ารักไม่จบไม่สิ้นจริง ๆ แต่เมื่อเขาทักทายด้วยเสียงแจ่มใสจบลง สีหน้าก็นิ่งเหมือนครุ่นคิด จนปุริมาชำเลืองมอง สักพักนายฟาร์มก็พยักหน้า
“เออได้ เดี๋ยวไป” เขายัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ตอบดวงหน้าสงสัยแม้ว่าจะยังไม่ได้ยิงคำถาม
“โขงจะไปดูหนังกับสายไหม ผมต้องไปขับรถให้”
ปุริมานิ่ง บัณฑิตาเป็นฝ่ายมีเสียง
“เกี่ยวอะไรกับพี่เข้ล่ะ”
“บุ้ง” ธรณิศหันมาปรามว่า ที่จริงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอมากกว่า แต่เจ้าตัวไม่สน จ้องหน้าผู้ชายซึ่งเธอรักในฐานะพี่คนหนึ่ง
“ไหมเขาขับรถกลางคืนไม่ได้ ไม่ชินทาง เดี๋ยวไปล่ะ ฝากด้วยนะกบ”
“ครับ”
เขมรัฐหันมาทางปุริมา บรรยากาศเงียบลงไป หากหญิงสาวกลับรู้สึกสบายใจอย่างหนึ่งว่าเขาบอกกันให้รับรู้ตรง ๆ “งั้นไปเถอะ ฉันก็ว่าจะกลับแล้วเหมือนกัน”
“ปูนิ่มกลับบ้านเลยไหม”
เกือบจะตอบว่าใช่ แต่ชั่วขณะหนึ่งหญิงสาวเกิดความรู้สึกหวงแหนคำว่าแฟน สายไหมคนนั้นคงยังไม่ได้เห็นเธอ โอกาสแบบนี้มีไม่บ่อย ลองประกาศตัวดูดีกว่า
“เดี๋ยวแวะไปที่ร้านด้วยดีกว่า จะได้เอาปิ่นโตไปเลย วันนี้คุณกับโขงไม่อยู่ทั้งคู่ จะได้ไม่ต้องกวนอ่อง”
“โอเค” เขมรัฐพยักหน้า แตะข้อศอกเธอ ก่อนจะไล่ลงไปกุมมือแสดงทั้งความรักและการขอบคุณที่วางใจซึ่งกันและกัน
ที่ร้านริมเล
ขนาดเตรียมใจไว้แล้วยังหวั่นไหว เมื่อได้เห็นระยะใกล้ชิด ผู้หญิงคนนั้นสวย นัยน์ตาคมสมวัย เมื่อได้รับการมองกลับ ปุริมาร้อนวูบ เบี่ยงตัวไปสั่งเมนูกับป้าไก่ โขงรีบปราดมาหาเขมรัฐ
“ไปเลยไหมพ่อ ดูหนังเสร็จจะได้เที่ยวกันได้นาน ๆ หน่อย”
เขานิ่ง คิดมาตั้งแต่อยู่บนรถว่าใจจริงอยากปฏิเสธเพราะไม่ต้องการอยู่ตรงกลางระหว่างแม่ลูก แต่สีหน้าอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความคาดหวังก็ทำไม่ลง มันเป็นความสุขของลูกชาย คนเป็นพ่อย่อมไม่ควรขัด
“ไปสิ”
“เยส” โขงกำหมัดแล้วกระโดดดีใจ
“เดี๋ยวให้ไหมขับรถกลับไปไว้ที่โรงแรมแล้วค่อยเปลี่ยนมานั่งด้วยกัน ขากลับจะได้ส่งที่โรงแรม”
“ขอบคุณค่ะเข้” สายไหมบอก ครั้นแล้วหันมาทางลูกชาย “โขงจะนั่งไปกับแม่ก่อนไหม”
“ก็ดีครับ” เขาบอก “งั้นผมกับแม่ไปรอที่รถนะ” พูดเสร็จก็พยักหน้าให้สายไหมตามมา หญิงสาวยิ้มเชิงขอบคุณให้ชายหนุ่ม หากแต่ในใจลิงโลดอย่างสมหวังไม่ต่างกับลูกชาย
สองแม่ลูกเดินพ้นร้านออกไป เขมรัฐหมุนกายจะเดินตามไป แต่ยังคงไม่ก้าวเมื่อปุริมายืนอยู่ตรงหน้าร้าน เธอสบตาเขา ชายหนุ่มบอกสั้น ๆ
“ผมไปก่อนนะ”
ใจแป้วลงไปเมื่อเห็นการไม่ปฏิเสธ ทั้งความจริงและคำขอ แต่ปุริมาทำได้แค่พยักหน้า และมองชายหนุ่มเดินไป ภาพของคนทั้งสามทำให้เธอต้องสูดลมหายใจลึก ๆ เรียกสติให้ตั้งมั่น ใจเย็นไว้น่า ยัยปูนิ่ม
กิจกรรมดำเนินไป ตั้งแต่ไปเลือกรอบจองตัว กินข้าวรอ ดูหนัง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านไป เขมรัฐเห็นว่าลูกชายเขามีสีหน้ามีเป็นปลื้มปรีดีขนาดไหน ความคาดไม่ถึงเลือนหายไปแล้ว เช่นเดียวกับความไม่คุ้นชิน ตรงหน้าคือแม่กับลูกชายวัยรุ่นที่ตอบโต้คารมกันอย่างสนิทสนมราวกับว่าช่องว่างสิบห้าปีเป็นเรื่องโกหก แต่เขาก็ไม่ขัดคอ ยินดีอยู่ในบทสนทนาเมื่อทั้งคู่ต้องการ
เมื่อหนังจบ เด็กชายยังจ้อไม่หยุดเรื่องเนื้อหากับความสนุกสนาน สายไหมเสนอว่าอยากจะซื้อหาของให้โขง เธอหันมาขอความเห็น เขาพยักหน้า
ระหว่างที่หญิงสาวกับโขงกำลังเลือกเสื้อ เขมรัฐเดินปลีกตัวออกมา กดโทรศัพท์หาปุริมา
“ค่ะ”
ได้ยินเสียงที่ไม่ห่างเหินก็ค่อยเบาใจ “กินข้าวหรือยัง”
“เรียบร้อย ดูผู้ชายผิวขาวตาสีฟ้าอยู่”
“แล้วผู้ชายตัวดำล่ะ เอาไปไว้ไหน”
ปุริมายิ้มออกมา อยากจะบอกว่าก็เขาไปกับคนอื่นแล้ว แต่เลี่ยงเพราะกลัวเสียบรรยากาศ
“ยังไม่กลับเหรอ”
“เลือกของอยู่ อีกเดี๋ยวก็กลับแล้ว”
เท่านั้นก็ดีใจ เขาไม่ปล่อยเธอไว้กับความหวั่นไหว ยังใส่ใจจะบอกกล่าวแทนที่ความรู้สึกที่เขามากับอดีตให้กลับมาตั้งตรงได้อย่างมั่นคงเหมือนเดิม พูดคุยกันอีกไม่กี่คำก็บอกลา เขมรัฐวางสายด้วยจิตใจที่ชุ่มชื้นขึ้นเช่นกัน
ส่งสายไหมที่โรงแรมแล้วก็เหลือเพียงสองคนพ่อลูก ระหว่างนั่งรถกลับ โขงก็ถามขึ้น
“พ่อ แม่อายุเท่าไร เท่าพ่อไหม”
“รู้สึกจะ...อ่อนกว่าหนึ่งปี”
“อ่อนกว่า” โขงนึก “ก็สามสิบเอ็ด โอ้โห ยังดูเหมือนคนอายุยี่สิบกว่า ๆ เลยครับ ตอนผมเดินกับแม่นี่มองเผิน ๆ เป็นน้องชายได้เลย”
เขมรัฐทำแค่ยิ้ม
“แสดงว่าตอนมีผมแม่ต้องสวยน่ารักมากแน่ ๆ พ่อนี่เจ๋งเว่อร์”
รถแล่นไปอีกสักพัก คนโดยสารก็จามติด ๆ กันสามหน
“เฮ้ ไม่สบายหรือเปล่า” เขมรัฐเอื้อมมือไปแตะหน้าผาก “ตัวรุม ๆ สงสัยจะโดนหวัดเข้าแล้วล่ะไอ้ตัวแสบ เดี๋ยวกลับไปรีบอาบน้ำกินยาแล้วนอนเลยนะ”
“คร้าบ ฮัดเช้ย!”
บัณฑิตาเดินมาที่เตียงเมื่อทาครีมเสร็จ ฟากหนึ่งเป็นธรณิศ ชายหนุ่มนอนเอาแขนซ้ายหนุนศีรษะ มือขวากดรีโมท พอเห็นหญิงสาวขยับขึ้นมาก็กดปิด เธอร้องอ้าว
“บุ้งจะดูเหรอ”
“ไม่ล่ะ แค่นึกว่าพี่กบจะดูต่อ” พอแทรกตัวเข้าในผ้าห่มตาก็มองเพดานครู่หนึ่ง ก่อนจะพลิกตัวไปหาสามี
“พี่กบว่า สายไหมอะไรนี่เป็นยังไง”
ธรณิศปรือตา “หืม...ไม่รู้สิ”
“ทุกทีเลย ถามอะไรก็ไม่มีความเห็น บุ้งรู้สึกว่าเมียเก่าพี่เข้คนนี้มามีจุดประสงค์แน่ ๆ แค่ขับรถไม่ได้เพราะมืดค่ำทำไมต้องมาเรียกพี่เข้ ก็พาโขงไปกลางวันสิ สังหรณ์ใจ ได้กลิ่นไม่ดี”
คนนอนข้างพลิกตัวมาหา ถอนใจ “เรื่องของคนอื่น อย่าไปยุ่งเลย” เขาพูดพลางดึงหญิงสาวไปกอด แต่เธอขืนตัว
“บุ้งเป็นห่วงปูนิ่ม ถึงปูนิ่มจะไม่พูดอะไรแต่คงรู้สึกบ้างล่ะ บุ้งไม่ถูกชะตา”
“นอนเถอะบุ้ง พรุ่งนี้พี่ต้องตื่นเช้า”
บัณฑิตายังไม่จบ “ว่าโขงก็ไม่ได้ ได้เจอแม่แท้ ๆ ทั้งทีเป็นใครก็ดีใจ”
“จะหยุดพูดได้หรือยัง” ธรณิศเริ่มเสียงเข้ม
“พี่กบไม่...”
“นอนได้แล้วยัยหนอน!”
“อุ้ย!”
เพราะถ้าปล่อยไปภรรยาจะเจื้อยแจ้วไม่หยุด เขาต้องดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมศีรษะเธอแทน และสวมกอดร่างนั้นให้อยู่ความอบอุ่นเดียวกันไปตลอดคืน
................................................................................
*เพลง If I Let You Go – Westlife, สำนึก – มาลีฮวนน่า
จบตอน 36 ค่ะ
จากคุณ |
:
BabyRed
|
เขียนเมื่อ |
:
1 เม.ย. 55 17:34:08
|
|
|
|
 |