เก็บแผ่นดินใจไว้ปลูกรัก 10 : ผู้ต้องสงสัย
|
 |
บทที่แล้ว http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11909777/W11909777.html
บทที่ 10
พู่ชมพูขับรถกลับบ้านด้วยรอยยิ้มที่ติดบนใบหน้า คำว่ารักยังสะท้อนไปมาในหู ประกายตาออดอ้อนงอนง้อวิบวับเหมือนกับว่ามันลอยอยู่ตรงหน้าจนลืมนึกว่าข้างหน้าเป็นทางแยก เธอสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงแตรรถดังสนั่นก่อนจะเหยียบเบรคจนหัวทิ่ม
ใจลอยไปถึงไหนแล้วคุณ นี่มันทางแยกนะโผล่พรวดกินเลนมาแบบนี้เดี๋ยวก็ได้เจ็บกันบ้างล่ะ ผู้ชายคนขับรถเปิดกระจกลงมาร้องผ่านความมืดเสียงเข้ม
พู่ชมพูเปิดกระจกลงมา ขอโทษนะคุณ บังเอิญว่าฉันไม่เห็นเส้นแบ่งเลนซ้ายขวาก็นึกว่าถนนเส้นนี้ฉันวิ่งอยู่คนเดียว หากไม่มีคำพูดกวนๆ แถมท้ายก็คงไม่ใช่เธอ
ชายที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยในรถอีกคันสะอึกไปชั่วอึดใจ นึกในใจว่านี่เขาเจอเจ้าถิ่นเข้าแล้วหรือยังไงกัน
นี่มันถนนในหมู่บ้านไม่ใช่เหรอคุณ
ก็บอกแล้วไงว่านึกว่ากำลังขับรถอยู่คนเดียว บ้านนอกก็อย่างนี้แหละคุณ ไม่ค่อยมีรถมีรากันหรอก ไปล่ะ พูดแล้วก็เหยียบคันเร่งแต่อีกฝ่ายร้องมา
อ้าวๆ เดี๋ยวสิคุณ ไม่ระวังแล้วยังจะรีบหนี ผมขอถามอะไรหน่อยอย่าเพิ่งไป
พู่ชมพูเหยียบเบรก ถามอะไรเหรอคุณ รีบๆ นะ ฉันหิวข้าวจะแย่อยู่แล้ว เลยเวลาอาหารมานานมากแล้วด้วย เดี๋ยวเกิดโมโหหิวล่ะก็คนอยู่ใกล้จะลำบาก
คนจะถามเลยอึ้ง ไม่รู้จะขำหรือฉิวดี คุณรู้จักบ้านลุงจอมไหม
ลุงจอมไหนล่ะ แม้จะค่อนข้างเชื่อว่าเป็นลุงจอมคนเดียวกับสามีป้าทุมที่ทำงานกับเธอ แต่เพื่อความมั่นใจพู่ชมพูจึงถามย้ำออกไป
ลุงจอมที่อยู่ในไร่นับดาวน่ะ
คุณเป็นญาติกับแกเหรอ
ผมไม่ได้เป็นญาติกับแกหรอกแต่เป็นสัตวบาลจะมาดูแม่วัวที่กำลังจะออกลูกเห็นว่ามันออกไม่ได้แกกลัวมันตายทั้งแม่ทั้งลูกก็เลยโทรหาผม
อ้าวเหรอ งั้นตามมาเลยเร็วๆ
เพราะความมืดค่ำทำให้นริศไม่ได้เห็นหน้าค่าตาของเจ้าของเสียง รู้แต่ว่าเสียงดังฟังชัดทีเดียว นึกดีใจที่ไม่ต้องตามหาบ้านลุงจอมให้ยาก เขาขับรถกระบะสี่ประตูตามรถกระบะสี่ประตูสีขาวไป ผ่านหมู่บ้านและแล่นออกไปด้านนอกสองข้างทางเป็นทุ่งนา แสงไฟจากรถเกี่ยวข้าวอยู่ห่างออกไปเป็นจุดๆ ไม่ถึงห้านาทีรถคันหน้าก็นำเข้าสู่เขตครึ้มของต้นไม้สองข้างทางก่อนจะจอดลงที่หน้าบ้านไม้ชั้นเดียวซึ่งเปิดไฟจ้า เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในศาลามุงหญ้าคาโผล่ออกมา
ไข่ พ่อกับแม่ล่ะ พู่ชมพูก้าวลงมาถามโดยที่ยังไม่ดับเครื่องยนต์
เฝ้าวัวอยู่ครับพี่พู่ พ่อบอกให้รอหมออยู่นี่
หมอตอนวัวมาแล้วพาเขาไปเร็วสิ เดี๋ยวป้าทุมจะหัวใจวายก่อนนะ
ถึงผมจะเคยตอนวัว แต่ไม่ต้องเรียกหมอตอนวัวก็ได้มั้งคุณ
พู่ชมพูหันไปมองคนพูดก็เห็นคนที่ขับรถตามมาเต็มตา หมอวัว เอ๊ย! สัตวบาลคนนี้หน้าตาดีแฮะ สูงด้วย เสื้อยีนพับแขนไปถึงข้อศอกกับกางเกงยีนสีเข้มกับรองเท้าผ้าใบในมือมีกล่องใบหนึ่งดูเหมือนนักศึกษาฝึกงานเสียมากกว่า ฝ่ายนั้นก็ดูจะชะงักไปเหมือนกันเมื่อเห็นเธอ
เอ๊า เลยตะลึงอยู่นั่นแหละ รีบไปได้แล้วเดี๋ยววัวตายหรอก พาไปเร็วไข่ แต่พี่ไม่ได้ไปด้วยนะ รีบกลับบ้านเดี๋ยวแม่จะเป็นห่วง
เท่านั้นแหละไข่จึงตรงเข้าไปคว้ามือสัตวบาลหนุ่มเดินไปยังด้านหลังบ้านที่มีแสงสลัว
นริศเดินตามเด็กหนุ่มแต่ยังเหลียวหลังกลับมามองหญิงสาวจนเดินสะดุด พู่ชมพูยกมือเท้าสะเอว นึกในใจอย่างขำๆ ว่า ตะลึงในความงามของฉันล่ะสิ สาวห้าวยกมือขึ้นกอดอกเอานิ้วโป้งลูบคางอย่างนึกสนุก
นี่ถ้านายหมอวัวเป็นคู่แข่งพี่เดี่ยวมันจะเป็นยังไงน้า? คิดแล้วพู่ชมพูก็ยิ้มอยู่คนเดียวก่อนจะเผลอหัวเราะออกมาอย่างเจ้าเล่ห์...
ในขณะที่นริศนั้นนึกในใจว่าเขามาบ้านนาดีตั้งสี่ห้าครั้งทั้งผสมเทียมวัว ทำคลอด ฉีดยาหมูรวมทั้งเป็ดไก่แต่ทำไมไม่เห็นสาวคนนี้เลยสักที เขามองตามหญิงสาวท่าทางห้าวๆ ที่เดินกลับไปขึ้นรถและขับออกไป
คนเมื่อกี้ชื่ออะไรเหรอน้อง บ้านอยู่แถวนี้หรือเปล่า
อ๋อ พี่พู่ เป็นเจ้าของไร่นับดาวนี่แหละครับ เป็นเจ้านายของพ่อกับแม่ผม คนที่โทรหาหมอนั่นแหละ
บ้านอยู่ไกลไหม เมื่อสนใจไยสัตวบาลหนุ่มจะรอช้าไม่เก็บเกี่ยวข้อมูลเล่า
ไม่ไกลหรอกครับ เดินไปก็ถึง
เหรอ? น่ารักดีนะ เท่ดี มีแฟนยังน่ะ นริศถามตรงๆ แบบไม่มีเม้ม
ยังเล๊ย พี่พู่ยังไม่มีแฟนหรอก หัวใจสัตวบาลหนุ่มลูกกำนันลิงโลด ลืมไปว่ากำลังมาทำหน้าที่ทำคลอดวัวไม่ใช่สืบเรื่องหัวใจ
แล้วน้องชื่ออะไร สนิทกับพู่หรือเปล่า
ผมชื่อไข่ครับ นั่นไงพ่อกับแม่เฝ้าอีขาวอยู่ตรงโน้น ไข่ชี้ให้ดู อีขาว แม่วัวที่นอนหายใจระรวยอยู่ใต้ต้นไม้ มีผู้หญิงและผู้ชายส่องไฟที่แม่วัว
หมอเหรอครับ เร็วครับอีขาวแย่แล้ว เสียงลุงจอมเอ่ยเร่ง
นริศละเรื่องสาวไว้เพื่อช่วยอีขาวก่อน อีขาวมองมายังหมอหนุ่มยังกับเห็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยมัน และแล้วด้วยความช่วยเหลือของสัตวบาลนริศ สิ่งมีชีวิตสี่ขาก็โผล่ออกมาด้วยความโล่งใจและดีใจของคนที่คอยลุ้น
เย้ ลูกอีขาวออกมาแล้ว สีขาวเหมือนแม่มันเลย ไข่ร้องอย่างดีใจ
นริศปาดเหงื่อแต่ใบหน้ายิ้มแย้ม ขอบคุณมากเลยครับหมอ ว่าแต่หมอเอาเท่าไหร่ครับค่าช่วยอีขาวมัน แต่อย่าเอาเยอะนา...เดี๋ยวเมียลุงด่า โทษฐานไม่ต่อราคาไว้ก่อน ลุงจอมกระซิบกระซิบกระซาบถามในตอนท้ายก่อนจะหันไปบอกลูกชายโดยไม่รอคำตอบ เอ๊า ไอ้ไข่ไปเอาน้ำใส่ถังมาให้หมอเขาล้างมือหน่อยเร็ว ไข่วิ่งผละไปยังไม่ทันที่นริศจะเอ่ยสอบเสียงมือถือของป้าทุมดังขึ้น
ฮัลโหล หนูพู่เหรอคะ ลูกมันออกมาแล้วค่ะ ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกเลย ค่ะ...พรุ่งนี้ค่อยมาดูนะ...ค่ะ
นริศเงี่ยหูฟังจนหูแทบจะกระดิกได้เมื่อได้ยินชื่อของคนที่ขับรถนำเขามาที่นี่พอป้าทุมวางสายเขาก็ได้รับคำถามจากลุงจอมอีกทันที
ว่าไงครับหมอจะเอาเท่าไหร่ ถ้าแพงผมจะได้รีบต่อราคา
เจออย่างนี้คนมาช่วยอีขาวเลยคิดหนัก แต่เมื่อคิดถึงสาวพู่ ไอเดียบรรเจิดก็กระโดดดึ๋งขึ้นมาทันควัน เอ่อ...ผมว่าท่าทางอีขาวมันเหนื่อยๆ อยู่นะครับ เอาเป็นว่าผมจะกลับมาดูอีกที พรุ่งนี้วันอาทิตย์ผมว่างพอดีเลย ส่วนเรื่องค่าช่วยทำคลอดผมขอเปลี่ยนเป็นอาหารเที่ยงก็พอแล้วครับ
ดีเลยหมอ ลุงจอมดีดนิ้วเปาะ ในขณะที่ป้าทุมฉีกยิ้มตาเป็นประกายก่อนจะหันไปลูบหน้าผากอีขาวอย่างโล่งอก ขณะที่อีขาวเลียลูกตัวเองแผลบๆ
ครับ ถือว่าช่วยชีวิตสัตว์ด้วยครับ สัตวบาลหนุ่มบอกพลางจุ่มมือลงในถังน้ำที่ไข่ตักมาให้ พลางนึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ความจริงก็อยากจะรับเงินอยู่หรอก แต่เห็นโอกาสจะได้ใกล้ชิดสาวคนนั้นเลยต้องสละสิ่งเล็กน้อยเพื่อเป้าหมายที่ชวนให้ใจเต้นมากกว่านั้น
ดีๆ อย่างนี้น่าใช้บริการบ่อยๆ ป้าทุมพูดแล้วหัวเราะร่วนอย่างชอบใจ ขึ้นชื่อว่าเงินใครก็ไม่อยากเสีย
เรียกได้เสมอครับป้า คราวหลังผมจะคิดราคาพิเศษ ตอนวัว ตอนควาย ผสมเทียม ฉีดยา เรียกได้เสมอครับ
บ๊ะ พอดีเลยว่าจะผสมเทียมวัวอีกตัวอยู่เหมือนกัน ลุงจอมได้ที แต่ก็ยังไม่วายจะมีน้ำใจ ว่าแต่วันนี้กินข้าวด้วยกันก่อนสิหมอ
เอาไว้เหมารวมเป็นพรุ่งนี้เลยดีกว่าครับลุง เผื่อบางทีจะรบกวนลุงให้พาเที่ยวชมไร่นับดาวหน่อย เคยได้ยินชื่อมาเหมือนกันแต่ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เห็นไข่บอกว่าลุงจอมทำงานในไร่นับดาว
ได้เลยหมอไม่มีปัญหา แต่ไร่นับดาวไม่เหมือนรีสอร์ตเหมือนของนายทุนใหญ่ๆ อย่างในหนังในละครนะ เพราะว่าที่นี่เขาเน้นเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้เรื่องเกษตรพอเพียงแล้วก็สำหรับคนที่อยากจะมาพักผ่อนเงียบๆ หรือไม่ก็พายเรือเล่นเพราะว่าที่นี่อยู่ติดน้ำด้วย
ดีเลยครับ ว่างๆ ผมจะได้ชวนเพื่อนๆ มานั่งกรึ๊บกัน
เฮ้ย ถ้ามานั่งก๊งล่ะก็ระวังเจอหนูพู่ไล่ตะเพิดเอานะคุณ ที่นี่เขามีกฎห้ามนำสุราเข้ามาดื่ม
เจอชื่อ หนูพู่ สกัดทำเอานริศรีบเลี้ยวลดไปทันที ผมก็พูดไปอย่างนั้นเองแหละลุง ความจริงผมไม่ชอบดื่มหรอก วันนี้ผมขอตัวก่อนครับลุง...ป้า... ไปล่ะไข่ ไหนๆ ก็มีเป้าหมายใหญ่อยู่แถวนี้ก็ต้องผูกสัมพันธ์กันไว้หน่อย
นริศขับรถออกมาจากไร่โดยมีภาพใบหน้า หนูพู่ ของลุงจอมกับป้าทุมลอยเด่นตามมารบกวน เห็นหน้าตอนกลางคืนยังสวยเท่จับใจ กลางวันจะสวยมาดมั่นขนาดไหนพรุ่งนี้เป็นได้เรื่องแน่ คนหน้าตาดีอย่างเขา แถมเป็นถึงลูกกำนันตำบลมะตูมใครจะไม่อยากดองด้วยก็ให้มันรู้ไป สัตวบาลหนุ่มคิดอย่างครึ้มอกครึ้มใจ
*****************
พี่พู่กลับมาซะมืดเลย น้องป้องเป็นยังไงบ้างคะพิณไพลินร้องถามพี่สาวก่อนอีกฝ่ายจะถอดรองเท้าเสร็จเสียอีก
พู่ชมพูไม่ตอบแต่มองหาอีกคน หิวจัง แม่ล่ะ นอนแล้วเหรอ
คิดว่าแม่จะนอนหลับก่อนที่ลูกสาวจะกลับบ้านอย่างปลอดภัยอย่างนั้นเหรอ อรวรรณก้าวออกมายืนด้านหลังบุตรสาวคนเล็ก ลูกตาเดี่ยวเป็นยังไงบ้างล่ะ
หมอบอกเป็นไข้ค่ะ ให้ยามากิน เช็ดตัวบ่อยๆ พู่เพิ่งกลับจากไปส่งที่บ้าน ไม่บอกให้หมดว่าเธออยู่เช็ดตัวให้หลานชายของพี่เดี่ยวด้วย เอ...รู้สึกว่าพอได้ยินคำว่าหลานแล้วอารมณ์ดีจริงแฮะ
ระวังนะลูก คนมีลูกมีเต้าแล้ว คราวหลังจะไปไหนมาไหนด้วยก็เอาใครไปเป็นไม้กันปากคนด้วยก็แล้วกัน เดี๋ยวเมียเขามาฉีกอกเอา ถึงเมียเขาจะไม่ได้อยู่ที่นี่แต่ปากคนก็ยาวกว่าปากกาอีกนะ กระพือกันไปแป๊บเดียวก็ถึงหู
เจอประโยคเตือนของมารดาพู่ชมพูเลยชั่งใจว่าจะบอกดีหรือไม่ สุดท้ายเลยคิดว่าอุบไว้ก่อนเพราะเธอไม่แน่ใจว่าที่พี่เดี่ยวพูดออกมาจะจริงหรือเปล่า หากไม่จริงเธอจะได้ไม่ขายหน้าชาวบ้านชาวช่องเขาด้วย
ฮึ! แต่ถ้ารู้ทีหลังว่าโกหกเธอล่ะก็ ตาย! หญิงสาวคาดโทษในใจอย่างดุเดือด
แล้วนี่กรรมกรกิตติมศักดิ์ของพิณไปไหนเสียล่ะ เธอเบี่ยงเบนประเด็น
กินข้าวเสร็จพิณก็ไล่กลับไปแล้ว อรวรรณตอบแทนอีกคนซึ่งกำลังจัดอาหารเย็นให้พี่สาว ฝ่ายนั้นทำหน้ายุ่งใส่มารดา
แม่พูดเหมือนอยากให้เขาอยู่นานๆ อย่างนั้นแหละ ดูนะพี่พู่ แค่เขาแบกกระสอบข้าวกับช่วยตากข้าวแค่วันเดียวแม่คุยกับเขาถูกคอเลย
สงสัยแม่อยากได้เขาเป็นลูกเขยเสียล่ะมั้ง
พี่พู่! น้องสาวร้องเสียงหลง อย่าบอกนะว่าพี่พู่ถูกใจเขาอีกคนถึงได้พูดเล่นแบบนี้
อรวรรณหัวเราะร่วนอย่างชอบใจ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างพู่ชมพูที่กำลังเด็ดยอดดีปลากั้งใส่จานข้าวแล้วตักลาบปลาใส่ พี่เห็นเขาหน่วยก้านดีนี่นา ถ้าได้เป็นน้องเขยล่ะก็คงช่วยงานไร่นาเราได้เยอะเลย นอกจากแบกกระสอบแล้วก็ขับรถขนข้าว ใส่ปุ๋ยผลไม้ คราวนี้แหละต้องเพิ่มกิจการเลี้ยงวัวขึ้นมาอีกเพราะมีคนช่วยงานแล้ว
พี่พู่!
แต่แม่อยากได้ลูกเขยคนโตก่อนนะพู่ เพราะห้าวๆ อย่างพู่ พูดตรงๆ ขวานผ่าซากไม่ได้ไว้หน้าใครอย่างนี้แม่กลัวว่าจะขายไม่ออก
แม่!
คราวนี้คนที่หัวเราะอย่างชอบใจคือพิณไพลินเมื่อเห็นคนที่จะขายไม่ออกค้อนมารดา พู่ชมพูตวัดนิ้วชี้ใส่น้องสาวอย่างฝากไว้ก่อน
นี่ถ้าแม่รู้ว่ามีคนแสดงออกอย่างเปิดเผยแล้วว่าจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาจีบเธอ แม่จะยังคิดว่าลูกสาวตัวเองห้าวจนหาแฟนไม่ได้หรือเปล่า ฮึ ไม่อยากจะคุย ลูกสาวแม่น่ะเล่นตัวเองต่างหากนะ
*****************
กลางดึกในไร่นับดาวอากาศเย็นสบาย ลมโชยผ่านมุ้งลวดจนผ้าม่านปลิวเบาๆ พิณไพลินรู้สึกตัวตื่นเดินสะลืมสะลือมาเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ในห้องนอน แต่พอกลับออกมาจะล้มตัวลงนอน เสียงพื้นไม้จากบ้านพักหลังหนึ่งของโฮมสเตย์ดังมาเข้าหู หญิงสาวชะงักนิดหนึ่งยื่นมือไปเปิดม่านออก แล้วก็ต้องขมวดคิ้วกะพริบตารีบเอาหน้าแนบกับมุ้งลวด
ด้านหลังของบ้านพักที่นายตั้งพักอยู่มีเงาดำหนึ่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วออกไปทางระเบียงด้านหลังลงบันไดไป
ใครกัน? ขโมยหรือ แต่ไม่น่าใช่ ไร่เธอไม่เคยมีขโมยเข้ามานี่นาะฃ หรือว่านายตั้ง? หญิงสาวถามตัวเองในใจ มือควานหามือถือขึ้นมากดดูเวลา เที่ยงคืนกว่า ถ้าเป็นนายตั้งแล้วเขาจะไปไหนตอนดึกดื่นอย่างนี้
ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อความสงสัยเข้าครอบงำ สุดท้ายความอยากรู้ก็ชนะ เธอหยิบไฟฉายตรงหัวเตียงตามด้วยมีดพกอย่างดีที่ซื้อมาเก็บไว้ในห้องนอน จากนั้นค่อยๆ เปิดประตูออกไปอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวคนอื่นจะตื่น
นี่คืออาณาเขตบ้านของเธอ อยู่บ้านตัวเองไม่มีอะไรน่ากลัว แต่หากคนที่มาอยู่แล้วมีจุดมุ่งหมายไม่ดีนั่นต่างหากที่น่ากลัว พิณไพลินสาวเท้าอย่างเงียบเชียบไปด้านหลังบ้านพักหลังนั้นโดยไม่เปิดไฟฉาย ชั่งใจอยู่ชั่วครู่ว่าจะทำยังไงดีถึงจะรู้ว่าคนบนบ้านยังอยู่ข้างในและไม่ไปไหน
เอาน่า...เธอมีสิทธิ์จะตรวจดูความเรียบร้อยของโฮมสเตย์อยู่แล้ว ถ้าเกิดเขายังอยู่แล้วรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเธอก็จะเตรียมคำตอบนี้ไว้ให้ ถึงจะตั้งใจอย่างนั้นแต่เวลาเดินขึ้นบ้านพักก็พยายามย่องไม่ให้เกิดเสียงจนไปหยุดยืนชิดฝาห้องนอน เอาใบหน้าแนบกับบานเกล็ดมองผ่านช่องแคบๆ ของผ้าม่านเข้าไปโดยอาศัยแสงสลัวของไฟที่อยู่ตรงสนามจากอีกด้านหนึ่งรอจนสายตาชินกับความมืดแล้วจึงเพ่งมองว่ามีคนนอนอยู่บนเตียงหรือไม่ เกือบสองนาทีที่เธอพิจารณาและสรุปว่าไม่มีคนนอนบนเตียงนอกจากผ้าห่มขยุกขยุย ก็นายคนนั้นตัวออกสูงยาวเวลานอนอยู่ก็ต้องรู้อยู่แล้ว
แสดงว่าเงาที่เห็นคือนายตั้งไม่ผิดแน่ แล้วนายตั้งจะไปไหน?
พิณไพลินชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเปิดไฟฉายแล้วเดินลงบันไดไปทางด้านหลัง เธอส่องไฟไปที่แม่น้ำซึ่งเงียบสงบพลางสาวเท้าไปยังสวนผลไม้เลยไปที่สระน้ำซึ่งปลูกกล้วยน้ำว้าไว้เต็มไปหมด
ทุกอย่างเงียบกริบและไม่มีร่องรอยอะไรให้เห็น เมื่อรอบตัววังเวงความกลัวก็เริ่มย่างกรายแม้จะบอกว่าเป็นถิ่นตัวเองก็เถอะ สุดท้ายก็เลยหมุนตัวกลับพร้อมกับความไม่ไว้ใจแขกหนุ่มเพิ่มพูนขึ้น พอมาถึงเตียงนอนก็ตั้งใจว่าจะรอดูว่านายคนนั้นจะกลับเมื่อไหร่ แต่เมื่อดึกเข้าเธอก็ไม่อาจต้านทานความง่วงงุนและผล็อยหลับไป
****************
ตติยะไม่ได้รับรู้ว่ามีใครสงสัยและเดินลาดตระเวนแกะรอยเขาอยู่ในไร่เนื่องจากเขาออกมาอย่างรวดเร็วตามเส้นทางที่สังเกตและจดจำไว้ ชุดเสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวสีดำรวมทั้งหมวกอีโม่งทำให้คล่องตัว ร่างสูงกลืนไปกับความมืด เขาเดินลอดรั้วลวดหนามไร่นับดาวแล้วเดินลัดเลาะไปตามคันดินคูน้ำที่เพิ่งขุดตรงไปยังโกดังที่เล็งไว้เมื่อครั้งนั่งรถไปกับพิณไพลิน
เมื่อไปถึงร่างสูงก็ย่องไปตามผนังด้านข้างที่รกเรื้อด้วยหญ้าตรงไปยังด้านหน้าโกดัง เสียงกรนดังแว่วมาเข้าหู ตติยะครุ่นคิดนิดหนึ่งก่อนจะหมุนตัวกลับไปทางเดิม วกอ้อมไปทางด้านหลังโกดังโดยที่เสียงกรนยังตามมาเป็นระยะ เขากวาดตามองรอบๆ อย่างระแวดระวังและมองเห็นบ้านหลังหนึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณร้อยกว่าเมตรก่อนจะเลี้ยวไปยังผนังอีกด้าน ดวงตาเป็นประกายวาบเมื่อเห็นประตูไม้อัด
ชายหนุ่มลองจับลูกบิดแล้วหมุนแต่มันถูกล็อคไว้ เขาจึงเอามีดพกที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมา ยังไม่ทันที่ปลายมีดจะแตะตัวล็อคเสียงสุนัขเห่าขรมก็ดังมาจากบ้านที่เขามองเห็น เสียงกรนเงียบหายไปแทนที่ด้วยเสียงพูดคุย
หมาเห่าอะไรวะ ลองไปดูซิ เผื่อมีพวกมาแอบขโมยของ
ฮื้อ...ใครมันจะกล้าวะ นี่มันเขตของนายไตรภพนะ อย่ามากวนน่า คนจะนอน
ไอ้พวกขี้ยาหัวขโมยมันคงจะสนใจกลัวอยู่หรอกว่าเจ้าของเป็นใครเวลามันเสี้ยนยาขึ้นมา ไป๊ ไปดู ไม่งั้นพรุ่งนี้กูจะฟ้องนายว่าแกขี้เซา
เสียงหมาเห่าเริ่มใกล้เข้ามา ตติยะไม่รอช้ารีบเคลื่อนไหวออกห่างจากโกดังอย่างเงียบกริบ พอหันหลังไปก็เห็นไฟในโกดังสว่างขึ้นทางด้านหน้า
*****************
อะไรนะ เมื่อคืนรถของลุงพลหายเหรอ รถใหม่เนี่ยนะ เสียงอรวรรณย้อนถามป้าทุมที่กำลังเช็ดโต๊ะเก้าอี้ตรงระเบียงอย่างขะมักเขม้นหยุดเท้าของพิณไพลินที่กำลังก้าวขึ้นบันไดไปบนสำนักงานที่ยกพื้นสูงทันที
ก็ใช่น่ะสิคะ แกเพิ่งซื้อมาได้ไม่ถึงสองเดือนเลย เมื่อเช้าตาจอมไปซื้อของที่ร้านยัยพิศได้ยินมันป่าวประกาศปาวๆ เฮ้อ ไม่น่าเลย รถไม่ใช่ราคาห้าหกหมื่น แต่เป็นเจ็ดแปดแสน ตายๆๆ ทั้งที่ไม่ใช่รถของตัวเองแต่ป้าทุมก็รู้สึกใจหายไม่น้อยไปกว่าเจ้าของ
นี่เดี๋ยวนี้บ้านเรามีพวกแก๊งค์ลักรถยนต์เข้ามาแล้วเหรอเนี่ย อรวรรณรำพึง
หมู่บ้านนาดีของเราเป็นชุมชนบ้านนอกคอกนา ยังมีพวกหากินไม่สุจริตเข้ามาถึงด้วยเหรอคะแม่ พิณไพลินเอ่ยพลางเดินเข้าไปหามารดา
นั่นสิลูก อย่างนี้แสดงว่าหมู่บ้านเราเริ่มไม่ปลอดภัยเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้ว
ต๊าย นอกจากรถแล้วมันจะยังลักวัวควายชาวบ้านด้วยหรือเปล่าเนี่ย อีขาวของฉันยิ่งกำลังมีลูกน้อยด้วย แถมอีแดงไอ้แดงในคอกก็อีกตั้งหลายตัว ป้าทุมยืดตัวขึ้นมาทำหน้าวิตกเมื่อนึกถึงวัวที่ตั้งชื่อตามสี
ก็ไม่แน่เหมือนกันนะพี่ทุม ระวังไว้บ้างก็ดี อย่าเอาไปผูกไกลหูไกลตานัก พวกนี้นะมันจะเอารถมาแล้วไล่ขึ้นรถกลางวันแสกๆ โดยไม่มีใครสงสัยเพราะคิดว่าพวกนี้กำลังจะเอาวัวไปขาย อรวรรณเตือน
อรพูดให้พี่กลัวแล้วเนี่ย
ไม่ได้พูดให้กลัว แต่พูดให้ระวัง ถ้าบ้านเรามีเรื่องไม่ดีอย่างนี้แสดงว่ามีคนร้ายจ้องอยู่ตลอดเวลา
ดีไม่ดี คนร้ายอาจจะอยู่ในหมู่บ้านเราแล้วก็ได้นะคะแม่
อรวรรณกับป้าทุมหันมามองพิณไพลินเป็นทางเดียวกัน หมายความว่ายังไงลูก
คนร้ายอาจเข้ามาด้อมๆ มองๆ ดูลาดเลาในหมู่บ้านเรานานแล้ว พอสบโอกาสก็จัดการ พิณไพลินนึกไปถึงภาพที่เห็นเมื่อคืน หญิงสาวเม้มปากแน่น นายตั้งหายไปจากบ้านตอนดึกดื่น แล้วเช้ามาก็มีข่าวว่ารถของลุงพลหายไป จะไม่ให้เธอสงสัยได้ยังไง
ตายล่ะ แบบนี้ก็แย่สิหนูพิณ ใครจะไปรู้ว่าคนแปลกหน้าที่เข้ามาในหมู่บ้านของเราเป็นพวกมาดีหรือมาร้ายเป็นสายให้โจรเข้ามาขโมยของ ป้าทุมชักจะร้อนใจกว่าเพื่อน
บ้านเรายิ่งไม่มีผู้ชายด้วย มีแต่พี่จอมกับไข่เท่านั้นเอง อรวรรณเอ่ยด้วยสีหน้ากังวลไม่น้อยไปกว่ากัน
ป้าทุมหันมาหาพิณไพลินด้วยสีหน้าล้อเลียนทันที อย่างนี้ต้องหาผู้ชายมาดูแลแล้วนะคะหนูพิณ
ป้าทุมไม่ต้องมาล้อเลยค่ะ หญิงสาวอ่อนวัยกว่าคนอื่นค้อนขวับ คิดเหรอคะว่าผู้ชายจะช่วยเราได้เสมอไป ยิ่งเรื่องอย่างนี้มันอันตราย พวกโจรก็มีพรรคพวกมีอาวุธ เจอผู้ชายธรรมดาก็จอดเท่านั้น
ก็หาแฟนตำรวจซีหนูพิณ
บ้า ป้าทุมนี่ พิณไพลินค้อนอีก อรวรรณหัวเราะเบาๆ แล้วทุกคนก็ต้องหันไปทางด้านหน้าที่เป็นถนนทอดจากปากทางเข้าไร่นับดาวมาสู่ที่ตั้งของสำนักงานเล็กๆ รถกระบะคันใหม่แล่นมาจอด
แขกมาแล้วหรือเปล่าลูก อรวรรณถาม
ไม่น่าจะใช่นะคะแม่เพราะแขกเขาแจ้งมาว่าจะเข้าช่วงบ่ายนี่คะ หญิงสาวแย้ง
อ้าว จ่าดุลนี่นา มากับใครน่ะ พูดถึงตำรวจก็มาพอดี เอ๊ะ! ว่าแต่มาทำไมกันนะ อย่าบอกนะว่ามีผู้ร้ายที่นี่
คำพูดของป้าทุมทำเอาพิณไพลินขมวดคิ้วมุ่น นั่นสิ...ตำรวจมาทำไม หรือว่าจะได้เบาะแสอะไรที่นี่? และแล้วคนที่ตกเป็นเป้าความสงสัยของเธอก็ไม่พ้น นายตั้ง ใจตรง
จริงสิ ป่านนี้ไม่รู้นายนั่นหายไปบ้านพักของเธอหรือยัง หรือถ้ายังอยู่ พอเห็นว่าตำรวจมาอาจจะมุดหัวอยู่ไม่กล้าออกมาก็เป็นได้ นึกแล้วก็อยากจะไปดูให้เห็นกับตาแต่ติดที่มีแขกมาเสียก่อน
สวัสดีจ้าสาวๆ จ่าดุลนำร่างท้วมนำมาก่อนพร้อมกับเอ่ยทักทาย ผมพาหมวดคนใหม่ประจำสถานีตำรวจมาแนะนำตัวเผื่อมีอะไรให้ช่วยเหลือนะจ๊ะ
สวัสดีครับ นายตำรวจหนุ่มก้าวมาหาสตรีที่ยืนคุยกันอยู่พร้อมกับยกมือไหว้
สวัสดีค่ะคุณตำรวจ มีอะไรหรือคะถึงได้มาที่ไร่นับดาวของเรา พิณไพลินเป็นคนทักทายขึ้นก่อนแล้วยิงคำถามตรงๆ อย่างไม่มีอ้อมค้อมจนคนถูกถามยิ้มอย่างเปิดเผย
ผมออกมาออกตรวจครับได้ยินว่าที่นี่มีโฮมสเตย์ริมน้ำบรรยากาศดีก็เลยอยากมาชมเสียหน่อย หวังว่าคงจะไม่รังเกียจนะครับ ผม ร้อยตำรวจโทธนัท วิชยะ ครับ หมวดหนุ่มแนะนำตัวเอง
หรือจะเรียกว่าหมวดนิวก็ได้ครับ จ่าดุลให้รายละเอียดแถมอีก จากนั้นก็แนะนำสตรีทั้งหมดให้หมวดหนุ่มทราบอย่างคล่องปรื๋อ
คนนี้คือแม่ของหนูพิณ หญิงแกร่งเกษตรกรคนเก่งแห่งบ้านนาดี คนนี้คือน้องทุมของไอ้จอม ทำงานอยู่ในไร่นับดาว ส่วนคนงามๆ คนนี้ที่หมวดแอบปิ๊งจนต้องหาเรื่องมาที่นี่... ประโยคสุดท้ายจ่าดุลเอ่ยเสียงเบาพลางหันไปหาหมวดนิว คือหนูพิณไพลินครับผม
หมวดนิวย่นคิ้วใส่จ่าดุลกึ่งๆ ระหว่างปรามกับขัดเขิน เขาอุตส่าห์ยกข้ออ้างมาแล้วนะจ่าดุลยังจะแอบแซวอีก
หมวดมัวแต่มาเที่ยว แล้วเรื่องติดตามข่าวรถยนต์ของลุงพลที่ถูกขโมยไปล่ะคะ ได้เรื่องไปถึงไหนแล้ว เป็นคำถามจากพิณไพลินเพราะความอยากรู้เรื่องร้ายที่คุกคามหมู่บ้านนาดีขณะเดียวกันก็แอบแขวะนายตำรวจไปในตัว
เรื่องนั้นเราก็ติดตามสืบอยู่ครับ ผมเชื่อว่าไม่นานคงได้ตัวคนทำ
สวัสดีตอนเช้าครับ
เสียงห้าวทุ้มชัดเจนเอ่ยทักทายรวมๆ ดังขึ้นด้านหลังดึงให้พิณไพลินหมุนตัวมา เธอเบิกตากว้างในตอนแรกที่เห็นเขาเพราะอิทธิพลจากความคิดก่อนหน้านี้ก่อนจะเพ่งมองนายโย่งผิวเข้มราวกับจะจับพิรุธ แต่ไม่มีสิ่งใดในใบหน้าคมเข้มนอกจากอาการเลิกคิ้วใส่เธอ แถมยังเลื่อนสายตาไปมองทุกคนในที่นั้นโดยไม่มีทีท่าผิดปกติแต่อย่างใด ก่อนจะหลุบตามองเธอเอ่ยเสียงเบา
ไม่ได้เจอกันเพียงชั่วข้ามคืนคุณคิดถึงผมมากขนาดจ้องมองนานขนาดนี้เลยเหรอ เอาเป็นว่า...ขอกาแฟเข้มๆ ผมแก้วหนึ่งแล้วจะมองนานแค่ไหนผมก็จะนั่งให้มองจนอิ่มเลย
ประสาท
******************
ติดตามบทที่ 11 เร็วๆ นี้ค่ะ
| จากคุณ |
:
สายธาร/กนกนารี
|
| เขียนเมื่อ |
:
1 เม.ย. 55 18:36:52
|
|
|
|